ตอนที่ 17 : Story : XVI ก้าวไปยัง..
ร่างโปร่งในชุดอาภรณ์สีดำดั่งอีกาค่อยๆเปิดประตูรถปอร์เช่คันสีดำไม่ต่างกับสีชุดแล้วขยับกายเข้าไปนั่งดีๆ เมื่อจัดแจงทางนั่งเรียบร้อยก็ยื่นมือไปปิดประตูลงด้วยแรงไม่เบานัก
---------------------------------------------
Talk's Tenchirina
"ได้ข่าวว่าแกเข้าเรียนโรงเรียน?" เมื่อผมขึ้นมายังบนรถยินก็ได้ยินเสียงของยินพูดขึ้นมา วันนี้มาแปลกที่ไม่เอาปืนจ่อหัวผมข้อหาปิดประตูแรงแฮะ
...ฮ่ะๆ...
"เรื่องของผมหน่า.." ผมพูดพร้อมรอยยิ้มและในไม่นานนักยินก็กระทำในสิ่งที่ผมพึ่งบ่นถึงไป
...นี่สิค่อยน่าเชื่อหน่อยว่าไม่ใช่ยินตัวปลอม... รอยยิ้มผมเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นหน่อยๆ ไม่ไหวเลยนะตัวผมเนี่ย ฮ่ะๆ...
"เอาเถอะ.. แต่กลับมาไวนี่" ผมที่ได้ยินก็ยักไหล่เล็กน้อยแล้วขยับตัวไปนั่งท่าไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งเท้าคางตัวเองเหม่อมองออกไปยังข้างนอก วิวค่อยๆเปลี่ยนผ่านไปอย่างเชื่องช้าเพราะยินสั่งให้วอดก้าขับรถไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง..
"บอสเปลี่ยนใจน่ะ..." ผมพูดขึ้นด้วยเสียงไม่ดังนักแต่ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบแทบมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศย่อมสามารถทำให้ได้ยินง่ายๆ
"งั้นหรือ แกก็เตรียมตัวเอาไว้" ก่อนจะพูดอะไรมากกว่านั้นรถปอร์เช่ของยินก็ขับมาถึงยังสถานที่เป้าหมายซะก่อน ...ตึกที่ไม่มีอะไรโดดเด่น...
"พาผมมาที่นี้ทำไม?" ผมถามขึ้นมาหลังจากลงรถและเดินตามยินไปได้ประมาณหนึ่งแล้ว
"แกคงยังไม่เคยมาที่นี้ ที่นี่เป็นสถานที่เกี่ยวกับการวิจัยขององค์กร" อา.. ส่วนมากแล้วผมเป็นสายปฎิบัติงานลงมือลอบสังหารกับกวาดล้างซะมากกว่าซึ่งห้องขององค์กรที่ผมมักไปบ่อยที่สุดก็คงเป็นพวกคลังเก็บอาวุธ..
...เอาจริงๆห้องคอมขององค์กรก็เคยไป... แต่ส่วนมากผมก็ไม่ค่อยได้ทำงานสายนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าหลายคนแม้กระทั่งบอสและรัมก็ยังเข้าใจผิดว่าผมมีฝีมือทางด้านนี้แต่ไม่สูงหรือเทียบเท่าพวกระดับสูงคนอื่นที่ทำงานสายนี้โดยตรงเท่าไหร่นัก..
ซึ่งมันก็ดี.. ไม่งั้นงานของผม มันก็จะยิ่งเยอะไปอีก.. แถมงานสายนี้ก็จะทำให้ผมไม่ค่อยได้พบชูซังหรืออามุโร่ซังด้วย
"ห้องนี้.." ยินพาผมมายังห้องหนึ่งที่เป็นห้องแล็ปว่างเปล่า.. ในแง่ของคนน่ะนะ ส่วนสิ่งของอะไรพวกนี้ยังพอมีอยู่บ้าง..
...อืม.. มีพวกร่องรอยอะไรเยอะพอสมควร... หมายถึงร่องรอยไฟไหม้อะไรพวกนี้สังเกตจากสีน่ะนะ
"เดิมทีห้องนี้เป็นห้องสำหรับวิจัยยาตัวหนึ่งที่มีความสำคัญขององค์กร.. โดยมีผู้รับผิดชอบคือ 'เชอร์รี่'" ยินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆและแววตาดุดัน อา.. "แต่วันหนึ่งมันก็ได้ทรยศองค์กรและหนีไป.."
"เรื่องนี้ผมเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ว่ายัยนั้นตายไปแล้วหรอกหรือ?" ผมกอดอกมองไปยังยินนิ่งๆไม่แสดงท่าทางอะไรให้มีพิรุธหลังจากโยนเหรียญถามทางไป
"แต่ไม่พบศพ" ยินพูดเสียงเย็นพร้อมปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง.. ถ้าเป็นคนปรกติอาจเข่าทรุดได้ง่ายๆเลยล่ะ
"..." ผมยังคงรอฟังว่ายินจะพูดอะไรต่อแล้วเลือกที่จะไม่โยนเหรียญถามทางเพิ่มเติมนักเพราะอาจเป็นการชี้ทางให้ยินไหว้วานอะไรผมได้
"วันนี้ฉันแค่เล่าให้แกฟังเท่านั้น.. แต่เมื่อไหร่ที่เบลม็อทหรือเบอร์เบิ้นรายงานมาว่าพบตัวเชอร์รี่ล่ะก็.. แกคงรู้สินะ" ยินหันมามองผมก่อนที่จะก้าวเดินออกนอกห้องไป แต่ผมยังคงไม่เดินตามเขาไปแล้วขยับตัวเดินเข้าไปใกล้สิ่งของที่อยู่ตรงหน้า
"แอ๊บแซ็งธ์ อย่าเสียเวลา" ยินพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมยกปืนแล้วขึ้นนกปืนจนเกิดเสียง
"อ่า.. แปปหนึ่งหน่า เดี๋ยวตามไป" ได้ยินเสียงยินสบถหรือจิ๊ปากหน่อยๆก่อนขยับกายออกไปไกล เสียงฝีเท้าเริ่มออกห่างจากที่นี้ขึ้นเรื่อยๆ
...ตั้งแต่ผมเดินเข้ามาในตึกนี้... ชั้นพวกนี้มันอยู่ใต้ดินมีเพียงสามห้องเท่านั้น ห้องที่ผมอยู่เป็นห้องที่มีสิ่งของอยู่ไว้สำหรับทดลองแล็ปและมีร่องรอยระเบิดซึ่งแสดงได้ว่าอาจเกิดจากปฎิกิริยาบางอย่างหรืออะไรก็ตามเถอะ..
...ลิ้นชั้น... เป็นลิ้นชักเรียบๆแต่กลับสามารถอยู่รอดมาได้ในขณะที่สิ่งของหลายอย่างมีสภาพคล้ายถูกเผาไหม้ไม่สมบูรณ์.. อาจโชคดีเพราะอยู่ห่างไกลจากพวกอุปกรณ์การทดลองที่เสี่ยงเกิดปฎิกิริยาอะไรขึ้นระหว่างทดลอง..
เป็นไปได้ที่ข้างในนั้นมีของสำคัญ.. แต่เมื่อเปิดดูก็พบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ขาของผมเดินออกจากห้องนั้นมาเหลือบมองไปยังห้องข้างๆที่มีสภาพคล้ายห้องขังและมีรูระบายเล็กๆเพียงพอให้เด็กหนีรอดออกไปได้เท่านั้น..
เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อยก็เห็นบรรดาเหล่าหนูทดลองที่กลายเป็นซากศพไปแล้ว.. แต่ก็มีภาพผลการทดลองของตัวยาสำคัญขององค์กรที่ว่าให้เห็นอยู่
"..หนูที่ตัวเล็กลง.." อา.. ผมไม่ค่อยดูโคนันซะด้วยสิ เอาจริงๆต้องใช้คำว่าดูเมื่อนานมาแล้ว..
...แต่ก็วิเคราะห์ได้ง่ายๆเลยว่าเชอร์รี่ต้องกลายเป็นเด็กเหมือนกับชินอิจิตัวกระเปี๊ยกแล้วหนีออกจากองค์กรไปแน่ๆ... ผมกุมคางหน่อยๆ
...ในหมู่เด็กเหล่านั้น.. เพื่อนของโคนัน มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีท่าทางเหมือนหวาดกลัวพวกเราและนิสัยเกินเด็กไปไกล... อา... แล้วเจอกันนะ เชอร์รี่❤
...เธอคงทำให้ผมสามารถสนุกขึ้นได้มาก... ส่วนเจ้ารูปนี่น่ะ.. ผมมองครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องหลักฐานที่สามารถบ่งชี้เรื่องราวของเชอร์รี่ได้.. หลักๆก็สภาพของห้องขัง ซากศพหนูที่ไม่ยอมทิ้งกันนี่และรูปภาพสินะ..
มันไม่ใช่เรื่องของผมที่จะต้องช่วยซะหน่อย.. สุดท้ายผมก็รีบเดินไปตามยินก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาตามพร้อมลูกกระสุนปืนซะก่อน
...โดยมีรูปภาพใบนั้นที่ถ่ายรูปหนูทดลองซึ่งมีชีวิตรอดไม่ตายและกลายเป็นลูกหนูเอาไว้... ก็แค่เผลอหยิบเท่านั้นเอง..
'การปกป้องใครสักคนจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?' ไร้สาระชะมัดเลย.. จะว่าไป.. เบลม็อทที่ไม่เคยเชื่อในพระเจ้าน่ะ..
"If to blame.then blame God for making you like this.[ถ้าจะโทษ ก็จงไปตำหนิพระเจ้าเถอะที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้]" พร้อมลูกกระสุนจากปืนในมือของเบลม็อทที่ลั่นไกใส่หน้าผากของเหยื่อซึ่งร้องไห้อ้อนวอนขอชีวิตจากเบลม็อทและผม..
"คนอย่างเธอเชื่อในพระเจ้าด้วยงั้นหรือ?" ผมพูดขึ้นมาหลังจากที่บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง
"ก็เพราะว่า.." ยัยจิ้งจอกพันหน้านั่นยกยิ้มขึ้นมา "ตอนนี้ฉันมีแองเจิ้ลแล้วยังไงล่ะ"
ถ้าอย่างนั้น.. รันคือแองเจิ้ลของผมรึเปล่านะ ฮ่ะๆ.. อา.. แต่..
ผมกลับคิดถึงอามุโร่ซังขึ้นมาซะได้.. เขาคงเป็นแสงสว่างของผมมากจริงๆ แบบนี้ควรเรียกว่าเทวดาของผมไหมนะ ฮึๆ..
...ของผม...
"ชักช้า" เสียงบ่นของยินดังขึ้นแต่ไม่ได้รับลูกกระสุนฝังหัวก็ถือว่าคุ้มล่ะนะ :)
"อ่า.. มีของน่าสนใจเลยเดินดูน่ะ" ผมหันไปมองนอกหน้าต่างแล้วเหม่ออีกครั้งหนึ่ง
"เจออะไรงั้นหรือ? แอ๊บแซ็งธ์" วอดก้าที่เริ่มออกรถพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง "เฮ้! แอ๊บแซ็งธ์ตอบฉันสิเห้ย!"
"หนวกหูหน่า.." ผมเดาะลิ้นเล็กน้อยเมื่อยินเองที่นั่งเงียบในตอนแรกเริ่มยกปืนขึ้นมาจ่อหัวผมแล้วเมื่อพบว่าผมเริ่มรู้ข้อมูลอะไรที่อาจเป็นประโยชน์ได้แต่กลับไม่บอกพวกเขา "ก็แค่ของที่ทำการทดลอง.. อีกอย่างพวกนายก็รู้นี่ว่าอะไรน่าสนุกผมก็สนใจมันทั้งนั้น"
ผมพูดด้วยแววตาที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นอำมหิตและฉายความวิปริตออกมา.. เอ.. หรือว่าผมไม่ได้แกล้งทำกันนะ ฮึ..
"เหอะ.." ยินที่เห็นแววตาของผมก็ยอมลดปืนลงอีกครั้งแล้วหันหน้ากลับไปมองทางข้างหน้าดีๆ
"จะว่าไป หมู่นี้ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่มาจากตัวนายเลยนะยิน" ผมพูดติดเปลี่ยนเรื่องหน่อยๆพร้อมหันไปมองคู่สนทนาดีๆซะบ้างก่อนที่จะโดนหาว่าไร้มารยาท
...อย่างผมแค่เรียกว่าทิ้งมารยาทไว้ในท้องแม่เฉยๆ...
"หุบปากไป แอ๊บแซ็งธ์" ผมเบะปากหน่อยๆก่อนยักไหล่แล้วหันกลับไปเหม่อมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ยินแกล้งด้วยสนุกก็จริงแต่คุยด้วยไม่เห็นสนุกเลย..
...ฮื้มม... คิดถึงชูซังกับอามุโร่ซังชะมัดเลย! อย่างน้อยเวลานั่งรถก็ไม่น่าเบื่อขนาดนี้.. เพลงก็ไม่คิดจะเปิดหน่อยรึไง..
...ไม่แปลกเลยที่เวลาผมต้องร้องเพลงแทบหาเพลงที่เคยได้ยินในความทรงจำไม่เจอ... แลดูเป็นชีวิตที่น่าเบื่อไร้ซึ่งความบันเทิงแฮะ.. ไม่สิ.. เทนชิ.. อย่าปล่อยให้ความคิดบ้าๆเข้ามาในหัวหน่า..
...ฆ่าคนคือความสนุก... ท่องเอาไว้.. ไม่สิ ต่อให้ไม่ท่องยังไงมันก็ฝังลงไปในหัวผมแล้วอยู่ดีนั่นแหละ
...ผมคือความมืดที่ไม่เหมาะกับแสงสว่าง...
แต่ความมืดนี้กลับรู้สึกอยากปกป้องแสงสว่างตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ.. คงเพราะ.. ถ้าไม่มีแสงสว่างก็ไม่มีความมืดล่ะมั้ง.......
...ไม่สิ... ไร้สาระชะมัดเลย.. เพราะมีแสงสว่างมันจึงไม่มืดต่างหากเล่า ผมนั่งเถียงกับตัวเองในหัวไประหว่างทางบนรถ
---------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โมเม้นเรือที่น้อยนิดนี้~~~ หลังๆมาเริ่มคิดว่าไรท์เทใจให้เรืออามุโร่แล้วหรอ โมเม้นเยอะจัดๆ จนกระอักเลือดได้ ถึงมันจะฟินก็เถอะ แต่เหมือนเห็นเรือหลวงมารำไร....
_หนูเรือ Allrina ค่ะ 555+ ไม่ได้ฮาเร็ม แต่จิ้นไปเรื่อยๆแบบไม่มีเรือหลวงมันฟินจัดๆเลย แต่ก็เห็นเงาเรือหลวงมาแต่ไกล (ขอให้คิดไปเอง)