ตอนที่ 14 : Story : XIII ก้าวเรียน
"..กริ้ง!~" ร่างโปร่งของชายหนุ่มวัยรุ่นที่แต่เดิมนั้นเปลือกตาปิดลงแล้วกุมมือประสานกันหลับอย่างเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงกรนมีเพียงหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆเมื่อได้ยินเสียงกริ่งประจำห้องพักบ่งบอกว่ามีคนมาหา
---------------------------------------------
Talk's Tenchirina
อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมเป็นคนขี้เซาเอาซะมากๆ.. ซึ่งถึงแม้จะเป็นนักฆ่าแต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องตื่นเร็วเลย.. แต่ก็ยอมรับว่าหูผมไวต่อเสียงแม้กระทั่งยามหลับทำให้สามารถสะดุ้งหรือลืมตาตื่นขึ้นมาง่ายๆถ้าได้ยินเสียงที่ในหัวผมไม่คุ้นเคยหรือคิดว่าจะได้ยินยามหลับ
ผมขยับกายอย่างไม่เร่งรีบนัก ห้องของผมเองมีคนรู้อยู่เพียงอามุโร่ซังเท่านั้นในตอนนี้ที่ผมบอกไป.. เนื่องจากพึ่งเช่ามานั้นจึงไม่แปลกที่คนในองค์กรหรือหลายๆคนยังไม่รู้สถานที่
...ผมส่องตาแมวมองแล้วก็พบว่าเป็นอามุโร่ซังนั่นเอง... เมื่อตรวจสอบขั้นพื้นฐานเสร็จแล้วผมก็ยอมเปิดประตูให้ง่ายๆพลางหรี่ตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย
"อรุณสวัสดิ์ครับ รินะ" อามุโร่ซังยิ้มอบอุ่น เมื่อมองตรวจสอบอีกฝ่ายประมาณหนึ่งจึงตัดสินใจว่าคงไม่ใช่ใครปลอมตัวเป็นอามุโร่ซังหรอก
...ก็ที่สำคัญมีไม่กี่คนที่รู้ว่าอามุโร่ซังเวลาอยู่กับผมสองคนจะเรียกว่ารินะนี่หน่า... แถมรอยยิ้มแบบนี้น่ะ.. ต่อให้เป็นตัวปลอมก็คงไม่มีทางปลอมให้เหมือนได้..
รู้ตัวอีกทีก็เผลออมยิ้มตามรอยยิ้มอันอบอุ่นของอีกฝ่ายไปซะแล้ว
...นายทำให้ผมยิ้มเก่งนะจังอามุโร่ซัง...
"ขอโทษที่รบกวนยามเช้านะครับ" อามุโร่ซังที่สังเกตถึงชุดและรับรู้ถึงความขี้เซาของผมพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ผมมักเห็นเขายิ้มให้ผมและคนอื่นบ่อยๆ..
...อา.. ยามเช้าเป็นเวลาที่หงุดหงิดง่ายคืออย่างนี้เองสินะ...
"ไปอาบน้ำเถอะครับ" อีกฝ่ายลูบหัวผมเบาๆ หลังจากวันหนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วเขาเคยลูบหัวผมแล้วผมไม่ได้ว่าอะไรหลังจากนั้นเขาก็มักจะลูบหัวผมบ่อยๆ
"อ่า.." ผมขานรับก่อนค่อยๆถอดเสื้อออกก่อนเป็นอามุโร่ซังที่หยุดมือผมแล้วอุ้มผมไปห้องน้ำดีๆด้วยใบหน้าแดงก่ำ.. ...อามุโร่ซังตัวจริงๆแน่ๆเลย... :)
ขณะที่ผมกำลังอาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงคนเดินมาหน้าประตูห้องน้ำก่อนตามด้วยการเคาะประตูและน้ำเสียงนุ่มๆของอามุโร่ซังที่บอกว่าวางเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูไว้ที่บนโต๊ะหน้าห้องน้ำ ผมอมยิ้มหน่อยๆ เมื่อชำระล้างร่างกายจนเสร็จ.. แต่ถึงตัวจะสะอาดขึ้นและมือไม่มีสีแดงของเลือดแล้วก็ตาม..
...แต่ความจริงที่ว่ามือคู่นี้เคยเปื้อนเลือดมาแล้วย่อมไม่เปลี่ยนไป...
ผมเช็ดตัวและใส่เสื้อผ้าที่อามุโร่ซังเลือกมาให้จากข้างในตู้เสื้อผ้าของผม เมื่อผมจัดการตัวเองเรียบร้อยก็นำผ้าขนหนูไปตากดีๆที่ราวตากผ้า
ชุดที่อามุโร่ซังเลือกให้ผมจัดเป็นชุดเรียบร้อยค่อนไปทางมิดชิด.. อา.. ยังชอบเลือกชุดมิดชิดที่สุดในตู้ให้ผมใส่ตลอดเลยนะอามุโร่ซัง
"เสร็จแล้วหรือครับ.." อามุโร่ซังอยู่ในท่าที่ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกอีกฝ่าย
"หื้ม.. ทำอะไรน่ะ..." ผมมองด้วยสายตาพร้อมขย้ำอีกฝ่าย
"ตอนนี้ตอนเช้าไม่ใช่เหรอครับ.." อีกฝ่ายพูดพร้อมเอียงคอหน่อยๆ ผมขยับเท้าเข้าไปใกล้แล้วกอดเอวไว้หลวมๆพร้อมยื่นหน้าไปเลียแล้วกัดคออีกฝ่ายก่อนตามด้วยการฝังเขี้ยวเข้าไปเพื่อดูดเอาเลือด "อะ..อึก.." มือของอีกฝ่ายที่มักเอามาลูบหัวของผมเป็นพิเศษเวลาที่ผมกัดเขา.. ซึ่งมันช่วยทำให้ผมสงบและไม่เผลอดูดเลือดจนเขาหน้ามืดเกินไปเสมอ
เมื่อผมดูดเลือดเขาพอเป็นพิธีไม่ให้เขาเป็นห่วงที่ผมไม่ยอมกินอะไรแล้วผมก็ค่อยๆถอนเขี้ยวออกแล้วเลียเบาๆเอาเลือดที่ติดอยู่ตามรอบรอยแผลออกเบาๆ ...แต่ผมไม่ใช่แวมไพร์ ทำให้น่าเสียดายที่แผลมันไม่หายไปด้วย...
...ผมมองลำคอของอามุโร่ซังที่มีรอยของผมอยู่... ตอนนี้ผมเองก็พึ่งรู้ว่าตัวเองชอบละเมอกัดคนใกล้ๆตอนหลับ.. ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าผมเป็นแบบนั้นเพราะไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใครยกเว้นชูซังกับอามุโร่ซัง
อา.. ยอมรับหน่อยๆว่าที่กัดอามุโร่ซังไปเพราะเขาดูยั่วมากๆไม่ใช่แค่เพราะกินเลือดเป็นพิธีอย่างเดียว ...ความอดทนผมนี่มันต่ำชะมัดเลย...
ผมเผลอลูบรอยแผลที่เกิดจากฝีมือผมเบาๆ อามุโร่ซังหน้าแดงๆหน่อยๆอาจเพราะมือผมเฉี่ยวโดนบ้างส่วนไปเล็กน้อย
ฮ่ะๆ.. น่ารักจัง
"รินะ.. เธอหน้าแดงล่ะ" อา.. ผมเอามือจับหน้าตัวเองเบาๆ
"สงสัยอากาศมันร้อนน่ะ.." ร้อนจริงๆนะ ผมรู้สึกหน้ามันร้อนไปหมดเลย ผมพูดพร้อมหันหน้าหนีไปทางอื่นหน่อยๆ.. พอหันหน้าหนีขึ้นมาแล้วก็รู้สึกคลายร้อนขึ้นได้บ้าง..
แต่พอเห็นสายตาอามุโร่ซังที่ดูวาวระยับแล้วก็อดรู้สึกร้อนตามใบหน้าอีกไม่ได้.. ให้ตายสิ..
"แล้วนายมาปลุกอะไรผมตั้งแต่เช้างั้นหรือ..?" ถ้าเป็นคนอื่นผมอาจโมโหเอาซะหน่อยที่มาปลุกยามเช้ามากๆชนิดที่ว่าผมเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วยังพึ่งราวๆ7โมงเอง.. เสียเวลาอยู่กับการอาบน้ำและก็กินนานพอสมควรแปลว่าอีกฝ่ายย่อมมาปลุกผมเร็วกว่านั้นมาก
"อ่า.. เบลม็อทวานให้พาเธอไปส่งโรงเรียนน่ะ รินะ" รอยยิ้มอ่อนโยน.. ทำไมครู่หนึ่งผมเผลอคิดไม่ดีกันนะ.. ให้ตายสิ ร้อนหน้าชะมัดเลย..
"จัดการเรื่องเสร็จแล้วงั้นหรือ" เร็วกว่าที่ผมคิด แต่อย่างเบลม็อทเองผมว่าก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเธอนักหรอก.. แล้วอีกอย่างบนโลกใบนี้.. ...หลายอย่างสามารถใช้เงินแลกมันได้...
แต่ก็มีหลายอย่างที่เงินไม่สามารถเติมเต็มมันได้เลย.. ไม่ได้เลย.. ...อย่างเช่นชีวิตของสก็อตที่เสียไป...
รู้สึกตัวอีกทีอามุโร่ซังก็ลูบหัวจนผมได้สติอีกครั้งหนึ่ง.. แม้จะผ่านมานานแล้วและถึงดูผมจะไม่ใส่ใจเรื่องของสก็อตมากเท่าอามุโร่ซัง..
...แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกผมจะไม่เศร้าหรือคิดถึงเขาที่เหมือนพี่ชายของผมเลย...
ถึงเป็นคนเลือดเย็น.. แต่กลับไม่เคยลืมเขาลงได้เลย.. ยังจำได้ถึงความทรงจำวันวาน.. แล้วอามุโร่ซังที่เป็นคนอ่อนโยนขนาดนี้จะเจ็บปวดขนาดไหนกันนะ..
รู้สึกตัวอีกรอบก็เผลอกอดอามุโร่ซังไปซะแล้ว.. อา.. เหมือนผมจะรู้สึกสงสารอามุโร่ซังนะ.. แต่กลับเป็นฝ่ายที่ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นนั่นจนเหมือนถูกปลอบไปเองซะได้
อามุโร่ซังคล้ายเป็นแสงสว่างเลย
...ตอนนี้ความมืดอย่างผมรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างเล็กๆที่โอบอุ้มเอาไว้...
ผมอยู่บนรถสีขาวของอามุโร่ซัง.. ช่างสงบสุขจัง..
ถ้าจำไม่ผิด.. มันเป็นสิ่งที่ในตอนเด็กๆผมโหยหามันใช่ไหม? สายตาของผมจดจ้องไปยังเขา.. แสงสว่างอันอบอุ่นของผม
อีกฝ่ายเห็นสายตาของผมก็หันมายิ้มให้เหมือนที่ชอบทำบ่อยๆ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หลายครั้งผมก็เผลอหลุดยิ้มตามเขาเช่นกัน
แต่เขาว่ากันว่า ...ความสงบสุขย่อมอยู่กับเราไม่นานย่อมเป็นเรื่องจริง...
ความมืดอย่างไรเสียก็ย่อมเป็นความมืด เป็นวลีหนึ่งที่ผมเคยได้ยินหรือโดนกรอกหูมาพอๆกับคำว่าคนอย่างผมย่อมไม่เหมาะกับแสงสว่าง
เมลล์จากท่านผู้นั้นดังขึ้นมาอีกครั้งพลันเปลี่ยนบรรยากาศสำหรับผมไป..
"อามุโร่ซัง.." ทำไมเสียงผมถึงแปลกไปนะ.. "ดูเหมือนการพาผมไปโรงเรียนวันนี้คงต้องล้มเหลวแล้วล่ะ ฮ่ะๆ" ปรกติผมหัวเราะแบบนี้ด้วยงั้นหรือ..
...ผมรู้สึกแปลกใจตัวเองจังเลย...
"ทำไมล่ะ.." อามุโร่ซังก็ดูงงๆถึงแม้คนช่างสังเกตอย่างเขาคงพอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม
"อ่า.." ผมชูโทรศัพท์ที่พึ่งปิดหน้าจอไปขึ้นให้เขาดู "ภารกิจน่ะ.. ดูเหมือนจะเป็นภารกิจยาวประมาณหนึ่งนะ.. คงอีกสักพักถึงจะได้กลับมาเรียน.."
"ขอโทษนะ นายดูตั้งใจแท้ๆ.." ในความทรงจำของผมเหมือนมีครั้งหนึ่งที่อามุโร่ซังเคยพูดกับผมว่าอยากเห็นผมไปเรียนและมีเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นๆ.. ชูซังก็เหมือนจะคิดอย่างนั้น..
เอ.. แล้วสรุปที่ผมเลือกจะเรียนน่ะ.. เป็นเพราะความสนุกหรือเพราะทั้งสองคน..คนสำคัญของผมกันนะ
ฮ่ะๆ.. แต่ผมคงทำให้ผิดหวังอีกจนได้
"ไม่ใช่ความผิดรินะซะหน่อยนี่" รถหยุดจอดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นิ้วเรียวของอามุโร่ซังอยู่แถวๆข้างแก้มผม อา.. เช็ดเหงื่อให้เหรอ..
...ใจดีจังนะ... แต่อากาศก็ไม่ร้อนนะ.. ทำไม...มันถึงยังไหลไม่หยุดเลยล่ะ.. เหงื่อที่ออกมาจากตาน่ะ..
ฮ่ะๆ.. อย่ามองแบบนั้นสิ.. ผมเปล่าซะหน่อย.. ผมไม่ได้ร้องไห้นะ..
...คนอย่างผมจะร้องไห้ไปทำไมกันล่ะ...
---------------------------------------------
Story's Tenchirina
อามุโร่ซังก็ยังคงอ่อนโยนอยู่เสมอ..
รอยยิ้มของเขาเป็นสิ่งที่ผมเห็นแล้วคิดว่าคงไม่มีใครที่สามารถเสแสร้งแสดงเหมือนได้
ต่อให้คนที่จะพยายามแสดงมันจะเป็นเบลม็อทหรือใครที่มีความสามารถขนาดไหนก็ตาม...
---------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องดูเป็นผู้เป็นคน--- เอ้ย มีความรู้สึกอื่นๆมากขึ้นแล้ว ฮึบๆนะคะ คนเก่ง
น้องมีความรู้สึกแล้ววว