คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3 : Life in Desert
Part 3. : Life in Desert
ตอนที่ 3 : ชีวิตกลางทะเลทราย
“ อ้าว............... ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง ข้างในมีเพียงแค่เด็กสาวธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้น
“ อูย..... เจ็บจัง ” รินครางเบาๆ เธอมีเพียงแค่แผลถลอกนิดๆหน่อยๆ เท่านั้น เธอหันขึ้นมามองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างบน
“ เธอ.......... ” เด็กสาวจำเขาได้ในทันที เขาคือพ่อครัวในร้านที่เธอเจอเมื่อวันก่อน
ทั้งสองจ้องมองกันอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างก็มีคำถามที่อยากจะถามฝ่ายตรงข้ามเหมือนๆ กัน
“ เธอมาอยู่ที่นี้ได้ไงกัน ” รินถามออกมาก่อน เป็นคำถามเดียวกับที่เด็กหนุ่มอยากจะถาม
เขาก้มลงไปแล้วกระชากตัวรินออกมาจากรถ เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “ เจ้าหญิงอยู่ที่ไหน!! ”
รินที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ จึงไม่รู้จะตอบอย่างไรดี แต่สำหรับเด็กหนุ่มมันทำให้เขายิ่งโมโหขึ้นไปอีก
“ ฉันถามว่า เจ้าหญิงอยู่ที่ไหน!!! ”
รินเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตอบไปตามตรง “ ก็ ฉันนี้หละ เจ้าหญิง! ”
“ อย่ามาโกหก!! ” เด็กหนุ่มตะคอกใส่ริน แต่ไม่ทันไร ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมายังเขา มันเสียบเข้าที่กลางหลังของเขาเต็มๆ
“ อัก!! ” เด็กหนุ่มเซน้อยๆ แล้วหันไปยังทิศที่ลูกธนูพุ่งมา มีนายทหารอยู่คนหนึ่ง ถือหน้าไม้ เล็งมายังเขา
“ หน่อย.... ” เด็กหนุ่มถอนลูกธนูดอกนั้นออกจากหลัง แล้วเขวี้ยงมันคืนไปยังนายทหารคนนั้น มันผ่านช่องมองของหมวกเหล็กเสียบเข้าลูกนัยตาของทหารคนนั้นอย่างพอดี
“ นายทำอะไรหน่ะ!! ” รินตะโกน แต่ว่าเด็กหนุ่มใช้มือของเขาปิดปากเธอไว้
“ หนวกหูน่า! ” เขาก้มลงแล้วอุ้มตัวเด็กสาวขึ้น
“ ฟังนะ ถ้ายังไม่อยากตายก็หุบปากซะ!! ”เขาขู่เด็กสาว แล้วพาเธอขึ้นไปบนหลังของจิ้งเหลนประจำตัวเขา
“ นะ...........นี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี้ได้หละ !! ” เด็กสาวถาม ในขณะที่เด็กหนุ่มมัวแต่พะวงด้านหลังอยู่
อย่างที่เขาคิด พลธนูมาแล้ว พวกเขาระดมยิงธนูใส่เด็กหนุ่มไม่ยั้ง เด็กหนุ่มบังคับเซเลวิสให้หลบฝนธนูที่พุ่งใส่พวกเขา
เด็กหนุ่มหันกลับไปนับคร่าวๆ มีประมาณเกือบ สามสิบคน แต่มันเป็นไปไม่ได้ ขบวนคุ้มกันของเจ้าหญิง ตอนแรก มีคนแค่ราวๆ ยี่สิบต้นๆเอง???
กองหนุน ??? ไม่สิ..... มันเร็วไปที่จะเรียกกองหนุน หรือม้าเร็ว ที่จะตามมาสมทบ หมายความว่าพวกมันดักซุ่มรอพวกเราอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว.....
เขากำลังใช้ความคิดลูกธนูดอกนึงก็พุ่งตรงมายังตัวเขา สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องง่ายที่จะเอียงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบมัน
เมื่อคิดว่าจะทำเช่นนั้น เขาก็นึกถึงวิถีของลูกธนู ถ้าเขาหลบมันหละก็ หญิงสาวที่อยู่กับเขาต้องบาดเจ็บไปด้วย
ไม่มีทางเลือก เขา ยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องกัน ลูกธนู ทะลุจากฝากหนึ่งของแขนเขาไปอีกข้าง
“ อั่ก!!!! ” เด็กหนุ่มร้อง เขาถึงกับประหลาดใจ ที่ลูกธนูสามารถทะลุแขนเขาไปได้ อย่างง่ายดาย...
“ เธอ!! ” เด็กสาวร้อง แต่เด็กหนุ่มยังคงไม่สนใจเธอ เขาถอนธนูออกแล้วมองมันอย่างตั้งใจ
หัวธนูทำจากโลหะ โอริฮาก้อน แร่ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่ง การที่พวกมันยิงของพรรนี้มา....
หมายความว่า แสดงพวกมันไม่สนว่าจะยิงโดนยัยนี่........????????
“ ไม่เป็นไรนะ ละ…..เลือดเธอ!! ” เด็กสาวที่ยังตื่นตกใจอยู่ ถาม เด็กหนุ่มเริ่มรำคาญเธอเสียแล้ว เขาฉีกเสื้อบางสวนของเธอออก
“ ธะ... เธอทำอะไรของเธอหน่ะ!!! ” เด็กสาวร้องเสียงดัง แต่เด็กหนุ่มไม่สน เขาใช่เศษเสื้อพวกนั้นแทนเชือก มัดมือเธอกับ บังเหียญไว้อย่างแน่นหนา รวมไปถึงอุดปากเธอด้วย
“ ฟังนะ ถ้าไม่อยากตาย จับบังเหียญนี้ให้แน่นๆ !!” เด็กหนุ่มพูดเป็นเชิงสั่ง แล้วควงขวานยักษ์ของเขาขึ้นมา
ดวงตาของเขานับไปยังสุดสายตาแล้ว พิจารณากองทัพที่โจมตีเขาอยู่อย่างตั้งใจ มีเพียงแค่นักธนูเท่านั้น
ไม่มีทหารม้า ก็ไม่ใช้เรื่องยากเท่าไหร เด็กหนุ่มหยิบขวานขึ้นมา แล้วหันหลังให้กับเด็กสาว
“ บังคับให้วิ่งไปข้างหน้าเท่านั้นเข้าใจไหม !! ” เด็กหนุ่มสั่ง เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับฝนธนู
คราวนี้เขาไม่หลบมันแล้ว เขาใช้ขวานของเขาปัดลูกธนูออกไปบางส่วน เขาต้องแปลกใจเล็กน้อยที่วิถีของลูกธนูมันแปลกๆ เหมือนหัวธนู จะเบี่ยงเข้าหา ขวานเล็กน้อย แต่ทำไม ???
เขาไม่มีเวลาให้คิดมากได้แต่หวังว่าจะพ้นระยะยิงของพลธนูให้เร็วที่สุด แต่แล้วเรื่องยุ่งยากก็มาอีกจนได้ มีทหารขี่กูสสีดำ ห้าคน พุ่งตรงมายังพวกเขา
กูสสีดำ ว่ากันว่า เป็นกูสที่วิ่งได้เร็วที่สุด พวกมันไล่ตามพวกเขามาอย่างรวดเร็ว
“ บ้าน่า!! กลางฝนธนูเนี้ยนะ!! ” เด็กหนุ่มร้อง ปกติไม่มีใครส่งทหารตัวเองให้วิ่งผ่านดงธนูที่ฝ่ายตัวเองยิงหรอก
ยิ่งเป็นธนูที่สามารถทะลุเกราะได้อย่าง โอริฮาก้อนแล้วหละก็ มันเท่ากับสั่งให้ไปตายชัดๆ !!
แต่พอมองไปยังทหารพวกนั้นให้ดี ลูกธนูที่พุ่งใส่พวกเขามันจะเบี่ยงออกจากตัวพวกเขาไปราวกับเวทย์มนต์
พวกมันหยิบ อาวุธขึ้นมา เป็นปืนยาวชนิดหนึ่ง แล้วระดมยิงใส่พวกเขาอีกครั้ง
“ ฮึ่ม!! ” พนันร้อยแลกร้อย กระสุนพวกนี้เป็น โอริฮาก้อนเช่นกัน!! เด็กหนุ่มใช้ขวานปัดมันออกจากตัวไปอย่างทุลักทุเล
และเมื่อมัวแต่ระกระสุนจากปืนยาว เขาเกือบลืมไปว่า มีลูกธนูที่กราดมาจากท้องฟ้าอีก ทำให้เขาได้แผลจากลูกธนูมาจนได้
“ กรอด!!! ” เขากัดฟัน พยามสงบสติอารมณ์ ลงทุนติดเกราะที่ธนูโอริฮาก้อนทำอะไรไม่ได้ฝ่าเข้ามาในฝนธนู
แต่ว่ากลับใช้ปืนยาวในการโจมตี..... ทำไมถึงไม่ใช้หอก!?!? ถ้าเป็นหอกหละก็ ใช้กูสสีดำวิ่งเข้ามาในระยะประชิดแล้ว จัดการหละก็ มันไม่ใช่ เรื่องยากเลย!!?!?
แต่นี้กระใช้กระสุน แล้ววิ่งไล่ยิงทำไมถึงต้องลงทุนขนาดนี้ด้วย ?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง..... พลางหยิบ ธนูโอริฮาก้อนที่เคยทะลุแขนเขามาครั้งหนึ่งแล้ว แล้วเขาก็นึงถึงเรื่องที่วีถีของธนูแปลก กับชุดเกราะนั้น
“ หรือว่า!!! ” เด็กหนุ่มคิดออกจนได้ เหลือแค่การพิสูจน์เท่านั้น เขาเอาบังเหียญมาบังคับให้เซเลวิสช้าลงหน่อย
ทหารขี่กูสดูจะประหลาดใจ พวกมันเองก็ลดความเร็วกูสลงตามด้วยเช่นกัน
เท่านั้นหละเด็กหนุ่มฉีกยิ้มที่มุมปาก เขาขวานยักษ์ขึ้นแล้วหยิบเชือกผูกกับปลายขวาน แล้วควงมันเป็นวงกว้าง
จากนั้นก็เขวี้ยงมันพุ่งตรงไปยังทหารคนหนึ่ง นายทหารนั้นมีไหวพริบดีมาก เขาพยายามสั่งให้กูสเบี่ยงตัวหลบ
แต่ทว่า ขวานของเด็กหนุ่มกลับ เปลี่ยนวิถีได้เล็กน้อย พุ่งเข้าหาทหารจนเขาต้องตกหลังกูสไป
นายทหารที่เหลือหันกลับไปดูเพื่อนเขาอึดใจหนึ่ง เด็กหนุ่มก็ดึงเชือกให้ขวานกลับมา แล้วทำแบบเดิมไปอีกครั้ง
คราวนี้นายทหารนายนี้ พยายามจะหลบเช่นกัน แต่ว่าขวานก็เบี่ยงตัวกลางอากาศทำให้พุ่งเข้าไปหานายทหารนายนั้นจนต้องตกกูสไปอีกคน
“ เป็นแม่เหล็กจริงๆ ด้วย ” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างมีชัย การที่ลูกธนูมีวิถีแปลกๆ เพราะ มันมีส่วนผสมของแม่เหล็กมันจึงถูกดูดเข้าหาเหล็กที่ขวานเขา และการที่ทหารพวกนั้นไม่ถูกลูกธนูก็เพราะ ชุดเกราะเขามีแม่เหล็กที่เป็นขั้วเดียวกับลูกธนู
ทำให้ลูกธนูเบี่ยงออกจากตัวพวกเขาไปได้ และเพราะเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อยากเข้ามาในระยะประชิดเพื่อจัดการ เพราะหาก ศัตรูมีอาวุธเป็น “เหล็ก” หละก็ มันจะยุ่งยาก
“ ไปตายซะ!! ” เขาจัดการกับทหารที่เหลือ ด้วยวิธีเดิม แล้วที่เหลือก็แค่บังคับเซเลวิสให้ออกจาก ระยะยิงของพลธนูเท่านั้นเอง
เด็กสาวที่เห็นการกระทำของเด็กหนุ่มทั้งหมด เธอก็ทึ่งในความสามารถเขา มันไม่ธรรมดาเลยทั้งการปัดกระสุนและลูกธนูเหล่านั้น รวมไปถึงการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วนั้น
“ เอาหละ ” เด็กหนุ่ม เอาบังเหียญคืนกลับมาจากเด็กสาว เขาสังเกตุว่าเธอกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ราวกับต้องการจะพูดอะไรซักอย่าง
“ อย่าพึ่ง ดีใจไป เจ้ายังไม่รอดตายหรอก ” เด็กหนุ่มพูด ต่อ “ ข้าคือหัวหน้าแห่งกองโจรปีกปักษา”
“ ยินดีด้วย เจ้าถูกพวกเราลักพาตัวแล้ว ”
“ $%^@!#!!!! ”
-------------------------------------------------
“ หัวหน้าใจร้ายยยย ” เบลดตะโกนเพื่อระบายอารมณ์ หลังจากที่หัวหน้าเขา หยิบขวานไปแล้วก็ทิ้งให้เขาอยู่กลางทะเลทราย
และต้องกลับมานั่งแกร่วอยู่ที่ “รัง” ก่อนคนเดียว ไม่สิ จะเรียกว่าคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วมีสมาชิกอีกคนอยู่เช่นกัน
เขาเหลียวไปมองสมาชิกอีกคนนึง ที่นอนหลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “นัคเคิ้ล”
“ โธ่โว้ยยยย ไอ้บ้านี่ก็ไม่เคยไปช่วยงานหัวหน้าเลย!! ” เบลดถือโอกาสระบายอารมณ์โดยการแตะหน้า นัคเคิ้ลเข้าไปเต็มแรง
“ เปรี้ยง!!”
ถึงอย่างนั้นก็ตามนัคเคิ้ลก็ยังคงนอนหลับอยู่ที่เดิม และไม่ขยับเลย แถมฝ่ายที่เจ็บตัวก็คือเบลดเองนั้นหละ
“ โอยๆๆ !! ” เขาครางพร้อมกับกระโดด เหย่งๆ
“ เบลด เป็นอะไรไปเหรอ.... ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“ อ้า!!! ” เบลด ผุดลุกขึ้น แล้วตรงไปยังที่มาของเสียงในทันใด “ สฟีร่า อย่าออกมาเดินสิ!! ”
เขาตรงไปจูงมือหญิงสาวผมสีขาว เธอยิ้มน้อยๆ แล้วพูดกับเบลด “ไม่เป็นไรหรอก พี่เดินเองได้จ๊ะ ”
เธอก้มลงแล้วคุยกับเบลด “ นี้ อย่าเดินออกมาห่างโอเอซิสมากซิ ทุกคนเป็นห่วงเธอนะ ”
“ นั้นผมจะต้องพูดกับ สฟีร่าต่างหากหละ!! ” เบลดเบ้หน้าอย่างไม่พอใจ
“ ไม่ต้องทำเสียงโกรธขนาดนั้นเลย ก็พี่ไม่เห็นเบลดกลับมาซักทีนี้นา ” สฟีร่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ ผมมารอหัวหน้าต่างหากหละ แล้วพี่ก็ไม่ควรออกมาห่างโอเอซิสขนาดนี้ด้วยนะ!! ”
“ เอ๋..... หัวหน้ายังไม่กลับมาอีกเหรอ ” สฟีร่าถามกลับ เล่นเอาเบลดสะดุ้งโหยงพลางคิดในใจไปว่าไม่น่าพูดออกไปเลย
“ หรือว่าวันนี้หัวหน้าก็.... ”
“ เปล่าๆๆ หัวหน้าแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้นหละ ” เบลดพูดกลบเกลื่อน
“ ..........น้ำเสียงเธอสั่นนะเบลด โกหกหละซิ ?? ” สฟีร่าถาม เบลดถึงกับกลืนน้ำลายเสียงดังอึกทีเดียว
” บอกมานะ หัวหน้าไปทำอะไรมา ” สฟีร่าย้ำคำถามเดิมของเธอ
แต่ผู้ที่ตอบคำถามนั้นไม่ใช่เบลด “ ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ลักพากตัว อะไรทำนองนั้น ไงหละ ”
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ขี่จิ้งเหลนยักษ์ตอบคำถามนั้นอย่างฉะฉาน และตรงไปตรงมา เบลดที่อยู่ตรงนั้นถึงกับคางสั่นเลยทีเดียว
สฟีร่าหันไปยังที่มาของเสียง แม้ดวงตาของเธอจะปิดสนิท แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนสฟีร่ากำลังจ้องไปยังหัวหน้า
“ ไม่พอใจอะไร รึไง ” เขาพูดห้วนๆ
“ ใช่ แล้วก็ไม่พอใจมากด้วย..... ” สฟีร่าพูดพลางขมวดคิ้ว แล้วเธอก็พบบางอย่างที่ผิดปกติ มีเสียงหัวใจเต้น เกินมาดวงนึง
“ เบลด.... มีใครอีกคนนั่งอยู่บนเซเลวิสหน่ะ ?? เสียงหัวใจของเธอฟังดูไม่คุ้นเลย ? ”
เบลดเองพอได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมอง คนที่ซ้อนท้ายอยู่ข้างหลัง เธอเป็นเด็กสาวแปลกหน้าที่ใส่ชุดธรรมดาๆ ที่มอมแมมไปด้วยฝุ่นทราย
“ อ่า ไม่รู้สิครับ ” เบลดตอบไปตรงๆ เขามองไปคล้ายๆ จะถามหัวหน้าหมือนกันว่านั้นใคร
“ อ้อ... นี้นะเหรอ ตัวประกันหละมั้ง ” เขาตอบพลางเหลือบไปมองริน แล้วบอกกับเธอ “ เอ้าถึงที่แล้ว ไสหัวลงไปได้แล้ว ”
“ ตัวประกัน.... เธอหมายความว่าไง วันนี้เธอไปทำอะไรมา ” สฟีร่าถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ ก็อย่างที่พูดไปยังไงหละ ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ ลักพาตัว แต่น่าเสียดายวันนี้ ไม่ได้ปล้นกับชิงทรัพย์ ” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ .!!! ” สฟีร่าโมโหจนเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มแล้วง้างมือขึ้น แต่ทว่า ไม่กี่ก้าวก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัวเด็กหนุ่ม เธอก็สะดุดก้อนหินล้มลงเสียก่อน
“ สฟีร่า!! ” เบลดรีบเข้าไปพยุงตัวสฟีร่า รินเองก็เข้าไปพยุงตัวสฟีร่าด้วยเช่นกัน
“ สภาพตาเป็นแบบนั้นแล้ว ยังจะเดินออกมาถึงที่นี้อีก.... ไม่ดูตัวเองเอาซะเลย ” เด็กหนุ่มกล่าว พลางกระตุกบังเหียญให้ เซเลวิสเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ เบลดพาสฟีร่ากับยัยนั่นไปที่โอเอซิสซะ ” เขาสั่ง ก่อนจะเดินลับสายตาและหายไปใน ป่าโขดหิน
“ อา..... ” เบลดหันมองหัวหน้า กับสฟีร่าสลับกันแล้วค่อยมองไปทางริน เวลาเดียวกันรินเองก็ไปสบสายตาเบลดพอดี
“ เออ... สวัสดี.... ” รินทักอย่างกล้าๆ กลัวๆ เบลดเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ ต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะ ที่ต้องมาเจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้ ” สฟีร่า พูดพลางค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมา แล้วมองไปทางริน
“ คุณคงจะเจอเรื่องลำบากมาเยอะสินะค่ะ... ” สฟีร่า เอื้อมมืออย่างผิดๆ ถูกๆ จนกระทั่งสัมผัสกับใบหน้าของริน
“ อ่า...... ” เธอเลื่อนมือไปลูบใบหน้าของเด็กสาว “ คุณคงเป็นผู้หญิงที่สวยคนนึงเลยสินะค่ะ ”
“ อะ.... ขอบคุณค่ะ ” รินมองไปยังหญิงสาวที่ดวงตาของเธอปิดสนิท เธอจึงเอยปากถามไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ ตาของคุณ... ”
เธอนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าคำถามนี้ไม่ควรจะหลุดออกมา “ ขะ ขอโทษค่ะ... ”
“ อ่า ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วหละค่ะ ” สฟีร่าตอบพลางยิ้มให้กับริน
“ เอ้า เบลด ช่วยพา พี่ไปที่โอเอาซิสหน่อยได้ไหม ”
“ ครับ ” เบลดผุดลุกขึ้นในทันที
“ อ่า แนะนำตัวช้าไปหน่อย เราชื่อ สฟีร่า ค่ะ ” สฟีร่าลุกขึ้นพลางโค้งให้เด็กสาวอย่างอ่อนน้อม
“ ระ.... รินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ” รินเองก็โค้งให้เธอ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าดวงตาของเธอมองไม่เห็น
เบลดจูงมือสฟีร่า แล้วพาเดิน สฟีร่าเองก็เดินตามไปพร้อมๆ กับหันไปมองเด็กสาว “ ถ้ายังไงตามมา เถอะค่ะ ”
รินเองก็ออกเดินตาม ทั้งคู่ไป พวกเขาเดินเข้าไปในผาหินสีน้ำตาลแดง ทางข้างในนั้นค่อนข้างวกวนหากไม่ใช่คนที่มาบ่อยๆ ก็อาจจะหลงทางเอาได้ง่ายๆ อยู่เหมือนกัน ในระหว่างทางนั้นเอง รินแหงนมองไปเห็น ธงที่มีพื้นสีดำ ตัดกับปีกสีขาว มันเป็นสัญลักษณ์ของกองโจรปีกปักษาอสูร แล้วเธอก็นึกถึงคำพูดของ เด็กหนุ่มคนนั้นได้
‘ข้าคือหัวหน้าแห่งกองโจรปีกปักษา’
เด็กหนุ่มคนนั้นหน่ะ นะหัวหน้า ???? คนที่มีพลังที่สามารถล้มแซนเวิร์มได้ และเป็นคนที่ทางการเรเฟรียน่าและกรุงโซลคาเรี่ยนหมายหัวไว้ว่าเป็นบุคคลอันตราย......
เป็นไปได้เหรอ......
“ เออ..... ” สฟีร่าเอยปากขึ้นมา “ ถามได้ไหมค่ะ ว่าคุณถูกจับมาด้วยเรื่องอะไรกัน ? ”
นั้นเป็นคำถามที่ฉันต่างหากที่อยากจะถามเหมือนกันหละค่ะ รินบ่นกับตัวเอง แต่เพียงแค่เธอบ่นดังไปนิดนึงเท่านั้นเอง
“ งั้นเหรอค่ะ.... คุณก็ไม่รู้เหรอ ” สฟีร่าพูด พลางกระตุกมือของเบลดที่จูงเธออยู่
“ เบลดรู้อะไรไหมจ๊ะ ? ” สฟีร่าถาม อีกครั้งที่เบลดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เหงื่อของเขาแตกพลั่กๆ ไม่รู้จะตอบยังไงดี
“ มะ..... ไม่รู้เลยครับ ” เบลดรู้ดีว่าโกหกสฟีร่าไม่ได้แต่ไม่เสียหายที่เขาจะลองปกปิดเธอดู
“ งั้นเหรอ.... ” สฟีร่าออกแรงบีบมือเบลดแรงๆ จนเบลดร้องเสียง ‘จ้ากก’ เลย
“ โกหกมันไม่ดีนะจ๊ะ ” สฟีร่ายิ้ม ในสายตาเบลด รอยยิ้มนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าได้ดูหนังสยองขวัญเสียอีก
“ ถ้าบอกไป หัวหน้าจะต้องโมโหผมแน่ๆ เพราะงั้น..... ” เบลดพูด
“ จะให้หัวหน้าโมโห หรือจะให้เราโมโหกันหละ ” สฟีร่าถามกลับไป
“ คะ..... คือว่า ” ตาชั่งในใจเบลด กำลังชั่งน้ำหนักความซวย ว่าจะซวยตอนนี้หรือจะซวยทีหลังดี.....
อันที่จริงมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย... แต่ยังไงเสีย เขาก็โกหกสฟีร่าไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาอยากจะทำก็ตามทีเถอะ
เขาจึงจะต้องเล่าในสิ่งที่เขารู้......
“ แผนลักพาตัวเจ้าหญิงแห่งเมือง เรเฟรียน่า ” สฟีร่าทบทวนสิ่งที่เบลดบอก
รินเองพอได้ยินเช่นนั้นก็นึกถึง ตอนที่เขาเจอกับเธอในวันนี้ ‘เจ้าหญิงอยู่ที่ไหน!!’
“ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมหัวหน้าถึงจับเธอมา... ” เบลดมองกลับมาที่ริน เขาสำรวจตัวรินอีกครั้ง
ไม่ว่ามองยังไง รินก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆ ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าตัวเธอเป็นเจ้าหญิง หรือผู้สูงศักดิ์
นี้อาจจะเป็นความโชคดีในความโชคร้ายก็ได้ เพราะรินเองก็ไม่ชอบแต่งตัวแบบชนชั้นสูงเหมือนกัน
สฟีร่าหยุดเดินอย่างกระทันหัน เธอปล่อยมือจากเบลดแล้วหันกลับมาทางที่รินอยู่
“ เบลด เดินไปที่โอเอซิสก่อนนะ เดี้ยวพวกเราตามไป ”
เบลดลังเลใจ นั้นทำให้สฟีร่าพูดกับเขา “ ไม่ต้องห่วงจ๊ะ ถ้าเป็นแถวนี้ พี่จำทางได้แล้วหละ ”
พอได้ยินแบบนั้นเขาก็เบาใจลง แล้วปล่อยมือสฟีร่าลงแล้วเดินล่วงหน้าไปก่อน
“ อ่า.... ” สฟีร่าถอนหายใจพลางหันไปคุยกับริน “ ฉันพอเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ แล้วค่ะ ท่าทางคุณคงลำบากน่าดูเลยสินะคะ ”
รินลำบากใจที่จะตอบคำถามนั้น เหลือเกิน ครั้นจะบอกว่า ‘ใช่ฉันลำบากมาก’ ก็เกรงใจสฟีร่า แต่ว่าถ้าจะบอกว่า ‘ไม่เลยสักนิด’ มันก็ดูจะเป็นการโกหกคำโตไปเสียหน่อย
“ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ” สฟีร่าพูดต่อเมื่อเห็นว่ารินลำบากใจที่จะตอบ “ คุณต้องไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ ”
สำหรับรินคำพูดนั้นดูจะน่าเชื่อถือได้น้อยเหลือเกินเมื่อเธอเห็นการกระทำของเด็กหนุ่มคนนั้นมาแล้ว
“ ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงคุณจะเห็นว่าหัวหน้าเป็นคนเลวร้ายยังไงก็ตามที แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนดีมากๆ เลยค่ะ ”
“ อ่า.... ” รินฟังคำพูดนั้น มันเชื่อได้ยากเหลือเกินที่จะบอกว่าชายคนนั้นเป็นคนดี
“ อื้มมม ถ้าไม่นับที่เขาฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น กับนิสัยโหดเหี้ยมน่ากลัว........ เออ.....บ้าคลั่ง...... แล้วก็... ”
พอพูดไปซักพักสฟีร่าเองก็เริ่มมั่นใจน้อยลงเรื่อยๆ ว่าที่ตัวเองพูดมันเป็นจริงน้อยลงเรื่อยๆ
“ แต่อย่างน้อย.......... เขาก็เคยช่วยฉันจากเรื่องร้ายๆ มาหลายครั้งแล้วค่ะ ” สฟีร่ายิ้มให้รินอย่างมั่นใจ
รอยยิ้มของเธอดูจะทำให้รินคลายความกังวลใจลงไปได้บ้าง
“ เอาหละคะ... เราไปต่อกันเถอะคะ ” สฟีร่าจูงมือรินแล้วเดินต่อ
พวกเธอเดินต่อไปตามทาง ถึงแม้ว่ามันจะวกวนซักหน่อย แต่ว่าพวกเธอก็มาถึงส่วนกลางของป่าหินแห่งนี้จนได้
มันเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่ ใหญ่มากๆ ทีเดียว เรียกได้ว่าเกือบจะเท่ากับของเมืองโซลคาเรี่ยนเลยทีเดียว
รอบๆแหล่งน้ำมีต้นไม้ขึ้นมากมาย มีสัตว์น้อยตัวเล็กๆเดินผ่านไปมา แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นนกเสียมากกว่า
อาจเป็นเพราะผาหินที่ผ่านเข้ามา เป็นปราการทางธรรมชาติ ทำให้สัตว์ใหญ่ไม่สามารถเข้ามาได้ และด้วยทางที่วกวนทำให้มีสัตว์เข้าออกที่นี้อยู่ไม่กี่ชนิดก็เป็นได้
พอรินมาถึง เด็กๆ จำนวนหนึ่งก็พุ่งตรงมาหาเธอพลางร้องเสียงใส “ พี่สฟีร่า!!! ”
เด็กๆ พุ่งตรงไปกอดสฟีร่า บางคนก็เข้าไปดึงชายเสื้อ “ พี่สฟีร่า หิวแล้วหง่ะ ทำอะไรให้กินหน่อยจิ ”
“ จ้าๆ เดี้ยวพี่ไปทำให้ แต่พี่ต้องไปหาหัวหน้าหน่อยนะ รู้ไหมจ๊ะหัวหน้าอยู่ไหน ”
“ เอ๋หัวหน้าเหรอ ”
“ เมื่อกี้เห็นมากับเซจังอ่ะ ”
“ ช่ายๆ พาเซจังไปกินข้าวมั้ง ”
“ ม่ายยๆ ไปหานัคคุงต่างหาก ”
“ เอ๋ ม่ายช่าย ไปนอนเหย๋อ ”
เด็กๆแย่งกันพูดจนฟังไม่ทัน ส่วนเนื้อหาก็ดูจะไปคนละทางกันเลยแต่สฟีร่าก็พอจะเดาได้ว่าเขาไปอยู่ไหน
“ แล้วคนอื่นหละ เห็นบ้างไหมจ๊ะ ”
“ ก็พี่เบลด เพิ่งมาแล้วก็วิ่งปายหาหัวหน้าแย้ว ”
“ น้าเรปก็ไปอาบน้ำหละ ส่วนลุงแอกก็ไปนอนตีพุงแถวๆ โอเอจิ๊ด ”
“ แล้วก็ๆ!! ”
“ จ้าๆ พี่เข้าใจแล้วจ๊ะ ” สฟีร่ายิ้มรับ แต่แล้วเด็กๆ ก็เงียบไปพักหนึ่งแล้วก็วิ่งมาหลบหลังสฟีร่า มันเป็นปฎิกิริยาที่เธอรู้จักดี
“ ………..มีธุระอะไรกับข้างั้นรึไง ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเดินเข้ามาเท่านั้นบรรยากาศสดใสเมื่อครู่หายไปกับตา เด็กๆเกือบทุกคนไปหลบหลังสฟีร่า มีบางคนเท่านั้นที่ไม่หลบ
สฟีร่าก้มลงไปคุยกับเด็กๆ พลางบอกพวกเขาให้ไปเล่นที่โอเอซิสกันก่อน ซึ่งเด็กๆ ก็ทำตามกันโดยดี แต่ว่ามีบางคนยังยืนมองหัวหน้าสลับกับสฟีร่าก่อนจะเดินไปอย่างเงียบๆ
พอเด็กๆ เดินไปไกลแล้ว สฟีร่าก็เดินตรงเข้าไปตบเด็กหนุ่มเข้าให้ฉาดหนึ่ง เล่นเอารินตกใจเลยทีเดียว
“ นายคิดจะทำอะไรกันแน่!! ” สฟีร่าพูด
“ ก็ไม่มีอะไรนี้ แค่จะลักพาตัวเจ้าหญิงซะหน่อยจะได้มีเงินใช้ กรณีที่แย่หน่อยก็กะว่าจะฆ่าทิ้ง ” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
“ นาย........... ” สฟีร่าสถบ “ นายไม่มีเหตุผลจะต้องทำแบบนั้นเลยซักนิดรู้ไหม!! ”
“ ไม่...........ฉันมีเหตุผลมากมายที่จะทำเลยหละสฟีร่า ” เขาพูดพลางเดินไปทางริน เขาเดินไปจับใบหน้าเด็กสาวพลางเพ่งมองอย่างใจเย็น
“ เธอโชคดีไปนะ ” เด็กหนุ่มพูด
สฟีร่าเดินเข้าไป แล้วดึงเด็กหนุ่มออกมา “ เธอฟังที่ฉันพูดบ้างรึเปล่า!!! ถ้าไม่ฟังก็ฟังซะเลยนะ”
“ ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าทำแบบนี้มันไม่ดี!! นายรู้ไหมซักวันนายจะได้รับผลตอบแทนในการกระทำที่เธอทำลงไป!! ”
“ ฉันรอมันอยู่ทุกวันนั้นหละ สฟีร่า.. ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “ ถ้าหากฆ่าเขาก็ต้องทำใจที่จะถูกแก้แค้น มันเป็นธรรมดา ฉันเองก็อยากรู้เสียเหลือเกินว่าจะมีใครซักคนมาฆ่าฉันหรือไม่ ”
“ มันไม่ตลกเลยนะ!! สิ่งที่เธอทำมันไม่ถูก ” สฟีร่าพูด
“ ฉันก็ไม่เคยคิดว่ามันถูกอยู่แล้ว ”
“ ถ้าอย่างนั้น อุ๊บ!!! ” เสียงของสฟีร่าถูกขัดจังหวะไม่ให้พูด แต่วิธีขัดจังหว่ะนั้นทำให้รินต้องอ้าปากค้างเลยทีเดียว
จู่ๆเด็กหนุ่มก็เลื่อนใบหน้าไปประทับริมฝีปากกับสฟีร่า ในตอนแรกสฟีร่าเองก็มีท่าทีแข็งขืนอยู่ เธอทั้งทุบอกเด็กหนุ่มและพยายามผลักเขาออกไป แต่พอจูบไปซักพักท่าทางแข็งขืนของเธอก็อ่อนลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ไม่ขัดขืนอะไร
เด็กหนุ่มถอนริมฝีปากออกมา “ ฝากดูแลยัยนั่นด้วยหละ ” แล้วเขาก็เดินไปอย่างใจเย็น
“ ค่ะ......... ❤ ” สฟีร่าตอบเสียงอ่อน จนรินเองยังแปลกใจ
รินมองท่าทางเหมอลอยของสฟีร่า ใบหน้าเธอดูมีความสุขมากๆ จนบอกไม่ถูก เล่นเอารินงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว
เธอพยายามเอามือไปปัดๆ แถวหน้าสฟีร่า ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ทดสอบว่าจิตใจคนนั้นยังอยู่กับตัวหรือเปล่า
แต่ว่ารินเองก็ลืมไปว่าสฟีร่ามองไม่เห็น ฉะนั้นวิธีการทดสอบนี้จึงตกไป เธอเลยลองเข้าไปสะกิดดูเบาๆ
“ ว้าย!! ” เธอสะดุ้งในทันใด ใบหน้าเธอเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด เธอเกาแก้มอย่างอายๆ แล้วหัวเราะแห้งๆ
“ ขะ ....ขอโทษนะคะ ที่ให้เห็นท่าทางที่น่าอาย บะ..... แบบนั้น ” สฟีร่าพูดอย่างอายๆ
“ อะ...ค่ะ.......... ”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ หัวหน้า!! ” เบลดที่อยู่รวมกลุ่มกับคนอื่นๆ อยู่แล้ววิ่งเข้ามาทักเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจนออกส้มก่อนใคร
ในกลุ่มชายหญิงเหล่านั้น นั่งล้อมวงรอการมาของเขาอยู่แล้ว พวกเขาคือคนที่ออกไปปล้นกับเด็กหนุ่มด้วยนั้นเอง
“ ไงๆ หัวหน้าท่าทางลำบากน่าดูเลยสินะ ” แอ็กซ์ลุกขึ้นแล้วเดินมาตบบ่าเด็กหนุ่ม
“ ไม่หรอก ก็แค่พวกสวะปลายแถวเท่านั้นนะหละ ” เด็กหนุ่มพูดแล้วเดินตรงไปในวงสนทนา
“ พวกแกหละปลอดภัยกัน รึเปล่า ” เขาถาม
“ อื้ม.... ปลอดภัยดี แต่เล่นเอาลำบากอยู่เหมือนกัน พวกที่เข้าโจมตีทีหลังฝีมือดีมาก ” เรเปียพูด
“ ชิ เล่นเอาเกือบแย่เหมือนกัน พวกมันบุกมาเร็วมาก ไม่น่าเชื่อว่ากองหนุนของเรเฟรียน่าจะตามมาสมทบเร็วขนาดนี้ ” ไนฟ์พูดพลางดีดนิ้วอย่างโมโห
“ กองหนุนของเรเฟรียน่า..... ฉันว่าไม่น่าใช่หรอกนะ ” เด็กหนุ่มพูดอย่างใช้ความคิด “ ฉันว่าพวกมันดักซุ่มรอไว้อยู่แล้วมากกว่า ”
“ ดักซุ่ม!!?? ” เบลดร้องอย่างประหลาดใจ “ แต่มันเป็นไปไม่ได้นะหัวหน้า เพราะจุดโจมตีเราก็เพิ่งมาตกลงกันเพียงแค่ก่อนการโจมตีไม่นานเท่านั้น!! ”
“ ใช่...... ที่นายพูดมาก็จริงเบลด ” เด็กหนุ่มกวาดสายตาไปยังทุกคนที่รอฟังความเป็นไปได้จากปากของเด็กหนุ่ม
“ มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะคาดเดาการโจมตีของพวกเรา ”
“ แต่ฉันคิดว่าเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่พวกเรา.............. ” เด็กหนุ่มหรี่ตาลง “ พวกมันน่าจะ.....มีเป้าหมายไปที่เจ้าหญิง ”
ทุกคนนิ่งเงียบแล้วฟังอย่างตั้งใจ
“ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะอธิบายถึงเรื่องเจ้าหญิงตัวปลอมที่ฉันพามาได้อย่างไม่ยาก ” เด็กหนุ่มพูดพลางนึกถึงรินขึ้นมา
“ ตัวปลอม!! ” ไนฟ์กับแอร์โรวแล้วก็เบลด ร้องเป็นเสียงเดียวกัน แต่ทางด้านแอ็กซ์กับเรเปียกลับนั่งฟังอย่างเงียบๆ ต่อไป
“ ใช่...... ดูเหมือนเธอจะเป็นคนรับใช้คนสนิทของเจ้าหญิง ฉันเจอเธออย่างบังเอิญในกรุงโซลคาเรี่ยน ราวๆ 3วันก่อน ”
“ อ้อ..... ผู้หญิงแปลกๆ ที่แกพูดถึงที่กินแล้วชักดาบหนีใช่ไหมหละ ฮ่าๆๆ ” แอ็กซ์พูดอย่างอารมณ์ดี
“ ใช่ยัยนั้นน่ะหละ ”
---------------------------------------------
ตัดไปที่รินที่กำลังอยู่กับ สฟีร่า จู่ๆ เธอก็จามอย่างไม่มีสาเหตุใดๆ เธอหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่งพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง ‘มีใครนินทารึไงนะ’
“ เป็นอะไรไปรึเปล่าค่ะ ?? ” สฟีร่าถามอย่างเป็นห่วง
“ อ่า ไม่เป็นไรค่ะ ” รินตอบ
“ จริงสิค่ะ ที่นี้พอดึกๆ แล้วจะหนาวมากเลยนะคะ ยังไงซะไปอาบน้ำตอนนี้ดีกว่านะคะ ” สฟีร่าตบมืออย่างมีความสุข
“ ขะ..........ขอบคุณค่ะ ” รินตอบรับ
“ ไปกันเถอะคะ ” สฟีร่าดึงตัวรินไปอย่างร่าเริง
---------------------------------------------------
“ กูสที่วิ่งเร็วที่สุดจากเรียเฟรียน่า ต้องใช้เวลาราว3 วัน ถ้าหากจะมายังจุดที่เราโจมตี ” เด็กหนุ่มนิ่งเงียบพลางพูดต่อ
“ ถ้าหากจะเป็นกองหนุนจาก โซลคาเรี่ยนหละก็ อย่างน้อยๆ ก็คงต้องใช้เวลาราวๆ 4ชั่วโมง และข้าเองก็ไม่เคยเห็นโซลคาเรี่ยนคนใดสามารถหลอมธนูโอริฮาก้อนได้เช่นนี้”
เด็กหนุ่มโยนลูกธนูที่เคยทำร้ายเขา ไปให้แอร์โรว์สำรวจดู อย่างละเอียด ซึ่งเขาเองก็พูดเสริมขึ้น
“ อ่า.... อย่างที่หัวหน้าบอกครับ นี้เป็นธนูโอริฮาก้อนชั้นเลิศ แถมยังฝังแม่เหล็กลงไปด้วย..... ไม่น่าเชื่อ ”
“ ข้าว่าแผนการของมันคงจะเป็นแบบนี้ ” เด็กหนุ่ม กางแผนที่ขึ้นมา พลางชี้เส้นทางที่รถม้าที่รินนั่งมา
“ พวกมันคงจะรู้เส้นทางการเดินรถอยู่แล้ว ดังนั้น พวกมันจึงมาดักซุ่มอยู่ตรงนี้…………. ”
ไนฟ์พูดขัดขึ้นมา “ แต่โชคไม่ดี พวกเราเข้าโจมตี ก่อนจะถึงจุดที่มันซุ่มโจมตีสินะ...... ”
“ ใช่ ”
“ เห........ เข้าใจอะไรง่ายดีเหะ ” ไนฟ์ดีดนิ้ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ พวกมันคิดจะดักฆ่าเจ้าหญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว …………
แต่บังเอิญข้อที่หนึ่ง ก็คือ เรเฟรียน่ารู้แผนการของมันอยู่แล้วจึงได้จัดตัวตายแทนไปให้ พร้อมกับกำลังพลอีกเล็กน้อย
แล้วบังเอิญอีกนั้นหละ พวกเราก็อยากจะลักพาตัวเจ้าหญิงน้อย เช่นกัน !! ”
เขาออกท่าทางระหว่างการอธิบายไปด้วย
“ ดังนั้น~~~~ พวกมันเลยกะจะฆ่าพวกเราไปด้วย ” ไนฟ์ ลากนิ้วโป้งผ่านลำคอ เหมือนเป็นสัญลักษณ์บอกว่าถูกเชือดแน่ๆ
“ แต่ว่าพวกมันก็กำจัดเราไม่ได้เลยซักคน ” แอ็กซ์พูดอย่างอารมณ์ดี พลางพูดต่อไปอีก
“ แถมยังช่วยคุณหนูตัวแทน มาอีก แหม โชคดีอะไรอย่างงี้ ”
“ ทุกคนปลอดภัยก็ดีแล้ว ” เรเปียพูดเสริม พลางลุกขึ้น แล้วถอดผ้าคลุมออก “ ถ้างั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ ”
ทันทีเมื่อได้ยินคำว่าอาบน้ำ ไนฟ์ก็ตาลุกเป็นวาวแล้วพูดเสียงแหลมเข้ามาทันที “ เรเปียจ๋า ขอไปอาบด้วยสิ ”
“ เอาสิ ” เรเปียพูด พลางซัดมีดพกพุ่งฉิว ตัดเส้นผมสั้นอยู่แล้วของไนฟ์ให้สั้นลงอีก “ ถ้าคิดว่าไม่ตายก่อนหละนะ ”
“ ม....แหม ล้อเล่นหน่อยเดียวเองอย่าโกรธกันสิ ” ไนฟ์ ตอบเสียงซีด
“ แต่ถ้าเป็นหัวหน้าจะไปอาบน้ำด้วยกันก็ไม่ว่าอะไรนะคะ ” เรเปียหันมากระพริบตาให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล
เด็กหนุ่มได้ยินคำนั้นก็เฉยสนิท ทั้งๆ ที่ผู้ชายคนอื่นอิจฉาตาร้อนกันแทบตาย เรเปียเองเห็นอาการเฉยๆ ของหัวหน้าก็ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“ เอ.... จะว่าไปหัวหน้า วันนี้ ‘ไอ้นั้น’ มันได้ที่แล้วไม่ใช่รึไง ” ช่ายร่างสูงที่มีกล้ามเป็นมัดๆ และรอยแผลทั้งตัวพูดขึ้น
“ อ้อ.... จริงสิ วันนี้แล้วงั้นรึ ”
“ ช่าย เพราะงั้นไปเย็นนี้เป็นมื้อค่ำชนิดพิเศษ เอาให้สุดเลิศเลย!! ” แอ็กซ์พูดพลางปาดน้ำลายที่หกออกมา
“ อื้มม จะว่าไป มีเนื้อเบเฮมอส ที่เพิ่งฆ่าไปไม่นานนี้เอง จะเก็บไว้นานๆ ก็เสียของเปล่าๆ.... ” เด็กหนุ่มครุ่นคิด
“ ห๋ะ!!!! หัวหน้า ไปล่าเบเฮมอสมาตั้งแต่เมื่อไหร ” เบลดตกใจอย่างมาก ถ้าพูดถึงเบเฮมอสแล้ว มันเป็นสัตว์ประหลาดชั้นสูงที่มีเรี่ยวแรง ราวๆพอๆ กับยักษ์ไททัน หรือถ้าเทียบกับคนก็ราวๆ พันคนได้ อย่าว่าจะไปล่ามาเป็นอาหารเลย แค่ไปเจอหน้ามันก็จะถูกจับไปล่าเป็นอาหารเอาง่ายๆ เสียแล้ว ปกติแค่สู้กับตัวเล็กๆ ที่หลุดมาในเมืองยังต้องใช้คนปราบมันเกือบๆ ร้อยเลยนะคับ!!
“ หื้มม..... พอดีระหว่างทางกลับ มันมาขวางทางกลับ เลยจัดการมันหน่ะ ”
หัวหน้า!! น่านมันเบเฮมอสนะคร้าบบ!! พูดอย่างกับเพิ่งไปจัดการจิ๋กโก๋ข้างซอยก่อนกลับบ้านซะอย่างงั้นหน่ะ!!
“ ดีเลย!! งั้นฝากเรื่อง อาหารเย็นด้วยนะเฟ้ย เฮ้ย แอร์โรว์ มาช่วยฉันแบก ‘ไอ้นั่น’ ทีเดะ!! ”
แอร์โรว์ชายผมขาวใส่แว่นหนาเตอะ สะดุ้ง ดูจากภายนอกก็บอกได้เลยว่าชายคนนี้ เรี่ยวแรงน้อยที่สุด อาจจะน้อยกว่าเบลดเสียอีก แล้วจากหน้าตาแล้วยิ่งบอกได้เลยว่าคนอย่างเจ้านี้ไม่เก่งเรื่องการใช้แรงงาน
แน่นอนเจ้าตัวรู้ดีถึงเรื่องพวกนี้ดี ให้ตัวเองไปช่วยเรื่องออกแรงนั้น มันคงไม่ดี
แต่พอเขาจะเอยปากพูดอะไรออกมา แอ็กซ์จัดการดึงคอเสื้อแล้วลากเขาไปโดยไม่มีการอุธรณ์
“ นับวันเจ้าแอ็กซ์จะยิ่งเป็นเผด็ดการขึ้นนะว่าไหม ” ไนฟ์พูดพลางถอนหายใจแล้วหันไปคุยกับเบลด
“ เจ้านั้นก็ไม่ค่อยจะฟังใครมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี้ ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยักไหล่เบาๆ
“ ฉันไปซ่อม แท็งน้ำก่อนนะ รู้สึกว่ามันจะรั่วมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ถ้าปล่อยทิ้งไว้มันจะยิ่งลามไปอีก ”
“ อ้าว!! ไม่มีหัวหน้ามาเป็นลูกมือช่วยทำข้าวเย็นแบบนี้ก็แย่เดะ!! ” ไนฟ์พูดออกไป โดยไม่รุ้ตัวว่าไอ้ที่ตัวเองพูดว่า ‘หัวหน้ามาเป็นลูกมือ’ มันขัดแย้งกันอยู่ในตัวเอง
“ เอาเบลดไปช่วยแล้วกัน ถ้าซ่อมเสร็จไวก็จะตามไปช่วยแล้วกัน ”
“ งั้น........... ” ไนฟ์มองไปทางเบลดที่ทำท่าจะย่องหนีเขาไป
ไนฟ์เป็นคนที่มีร่างกายสมส่วนผมสีดำเข้ม ใบหน้ามีรอยแผลลากยาวพาดตั้งแต่ตาขวาเฉียงไปจนถึงแก้มซ้าย ถ้าหากพูดถึงความเร็วหละก็ ในทีมนี้ไม่มีใครสู้ความเร็วของเขาได้หรอก แถมมีทักษะมากมาย เช่นได้ยินเสียงนินทาตัวเขาในระยะ
ถึงจะมีนิสัยลามกโดยกำเนิด แล้วเป็นคนชอบพูดแดกดัน อีกทั้งชอบเรื่องเลวๆ เป็นที่หนึ่งในทีมก็เหอะ
แต่ถ้าให้เขาทำอาหารขึ้นมาหละก็ มันจะสุดๆ ไปเลย!!
สุดๆ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ทำอาหารออกมาแย่หรอกนะ ตัวอาหารหน่ะออกมาดีมากๆ เลยนั้นหละ แต่ปัญหาคือนิสัยการทำอาหารของเขา ทุกขั้นตอนในการทำ จะต้องละเอียดมากที่สุด ความร้อนที่บอกเป็นองศาที่มีจุดทศนิยมถึงสิบหลักที่จะผิดไปไม่ได้แม้แต่น้อย แม้แต่เวลาที่จะต้องจับกันเป็นวินาทีแล้วก็ทศนิยมอีกสิบหลัก.......
ยังไม่นับวิธีการปรุงอาหาร เช่นการใส่เกลือที่แทบต้องนั่งนับจำนวนเม็ดกันเลยทีเดียว หรือจะให้ดีต้องชั่งน้ำหนักเกลือก่อนปรุงรส
อ้อใช่ แล้วถ้าหากทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาหละก็นะ ไนฟ์จะจัดการเล่าประวัติการทำอาหารชนิดนั้นๆ ตั้งแต่วัตถุดิบยันไปถึงความยากลำบากในการคิดค้นอาหารชนิดนี้ขึ้นมา
นั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ เบลดพยายาม จะย่องหนี แต่มันก็สายไปแล้ว ไนฟ์ใช้ความเร็วที่คนธรรมดามองไม่เห็น เข้าไปคว้าตัว เบลดไว้
“ เบลด หวังว่าคราวนี้ คงไม่ทำพลาดหรอกนะ ” ไนฟ์พูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงข่มขู่
“ หะ.... หัวหน้า ช่วยผมด้วย...... ” เบลดครางแต่ว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจนออกส้มเองก็เดินไปไกลเสียแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------
“ อ๋า~~~~ ” รินร้องอย่างร่างเริง “ รู้สึกดีจัง ~~~ ”
นี้เป็นครั้งแรกที่รินได้อาบน้ำแล้วรู้สึกสดชื่นแบบนี้ อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองอาบน้ำด้วย ‘ฝักบัว’
สำหรับเธอแล้วได้อาบน้ำแบบนี้มันเหมือนได้อาบน้ำฝนเลย รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลย
“ จริงไหมค่ะ ” สฟีร่าพูดพลางดึงตัวเด็กคนนึงมาแล้วเอาน้ำราดใส่เด็กคนนั้น
“ ง่า เย็นจัง พี่สฟีร่า ” เด็กคนนั้นร้อง เด็กคนอื่นๆ ก็กำลัง เอาสบู่มาขัดตัวให้กันอยู่
“ อย่าดิ้นสิ เอนย่า ” สฟีร่าดึงตัวเด็กอีกคนมาแล้ว จัดการราดน้ำใส่ เขา แน่นอนเด็กคนนั้นไม่ชอบอาบน้ำอย่างรุนแรง
“ ไม่เอา!! ” พอเด็กคนนั้นดื้อแล้ว อีกหลายๆคนก็ดื้อตาม แล้วพากันหนีจากสฟีร่าไป
“ เดี้ยวสิ มาอาบน้ำให้เสร็จก่อนสิ ” สฟีร่าลุกตามไป แต่มันก็ลำบากสำหรับเธอ พอสมควรอยู่ รินเองเลยต้องผละตัวออกมาจากฝักบัวแล้วช่วย สฟีร่าไล่จับเด็กๆ
แต่ว่าเด็กคนนึงที่วิ่งไปไกลจนถึงประตูแล้ว สำหรับ เขาแล้วเพียงแค่เปิดประตูแล้วเดินออกไปก็จะไม่ต้องอาบน้ำแล้ว
โชคร้ายหน่อย พอเขาเดินไปถึงประตูก็มีคนเปิดประตู มารอเขาอยู่แล้ว
“ ว่ายังไงหนูๆ...... ไม่อาบน้ำกันเหรอจ๊ะ ” เรเปียพูดพลางดึงตัวเด็กคนนั้นขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนกับดึงลูกแมวขึ้นจากพื้นเลย
เธอห่มผ้าเช็ดตัวไว้ แล้วเดินไปทาง สฟีร่ากับริน “ อาบน้ำกันท่าทางสนุกกันเชียวนะจ๊ะ ”
“ ขอบคุณมากคะ คุณเรเปีย ” สฟีร่ารับตัวเด็กคนนั้นมาแล้ว แล้วจัดการไปขัดตัว
“ อ่า สวัสดีค่ะ คุณตัวประกัน ” เรเปียทักทายอย่างเป็นกันเองกับริน
“ เออ..... สวัสดีค่ะ ” รินทักกลับไปอย่างหวาดๆ
“ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอกคะ ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก ” เรเปียพูดพลางเดินไปที่ฝักบัว แล้วใช้งานมันบ้าง
“ ค....คะ ”
“ เมื่อกี้ฟังมาจากหัวหน้าแล้วหละ เห็นว่าคุณเป็นคนที่ไปกินข้าวของเขาแล้วชักดาบหนีใช่ไหมค่ะ?? ” เรเปียพูดพลางสระผมตัวเอง
อีตาบ้านั้นนนนนนนนนนนนน!!!!!!!
รินต้องเก็บคำๆ นี้ไว้กับตัวเอง ทั้งๆ ที่อยากจะพูดแทบตาย แต่ไอ้ครั้นจะพูดไปตรงนี้ อีตานั้นก็ไม่อยู่ตรงนี้ ไปก็เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นครั้นจะไม่พูดอะไรออกไป มันคงจะจุกอกตายแน่ๆ เธอเลยต้องพูดออกไปบ้าง
“ ไม่ใช่ซักหน่อยคะ!! ฉันทำงานใช้หนี้นั้นไปครบแล้วนะ!! ” รินพูด
“ หื้ม....... คงลำบากน่าดูเลยสิ ”
“ ไม่หรอกคะ ก็ไปกินของเขาแล้วไม่จ่ายเงินเองนี้คะ ” รินหาคำแก้ตัวไม่ได้เลยสำหรับเรื่องนี้ ถึงจะพูดว่าโดนวิ่งราวกระเป๋าตังไปก็เหอะ
“ ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ” เรเปียหันมามองริน
“ หมายถึงเรื่องในวันนี้ที่ต้องเจอมาหน่ะ ”
“ อ้อ.... ” รินได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเธอจะพูดต่อไป “ ไม่หรอกคะ.... แค่รอดมาได้ก็ดีแล้ว ”
เรเปียเดินออกมาจากฝักบัวแล้ว จ้องมองรินใกล้ๆ หลังจากนั้น เธอก็ลองสัมผัสผิวของรินดู
“ เห.... ผิวของเธอเรียบดีจังเลยนะ ” เรเปียพูด พลางเปลี่ยนไปลูบผมของรินดูบ้าง ผมของเธอดำยาว และลื่นมืออีกด้วย
“ ใช่ไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าคุณริน ต้องเป็นคนสวยคนนึงแน่ๆ เลยค่ะ ” สฟีร่าขัดตัวเด็กคนสุดท้ายเสร็จพอดี เธอเลยเดินเข้ามาหาริน แล้วลองจับผิวของเธอบ้าง
“ ผิวของคุณรินนี้น่าอิจฉาจังเลยนะคะ ” สฟีร่าพูด แต่เนื่องจากเธอมองไม่เห็น มือของเธอจึงไปโดนหน้าอกรินโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ อ๋าย ” รินร้องเบาๆ แต่มันมากพอที่จะทำให้สฟีร่าตกใจแล้วดึงมือกลับไปทันที เธอรีบขอโทษรินทันที
“ อ่า ขอโทษด้วยคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ” สฟีร่าพูด
“ เห.............. สฟีร่าขี้โกงนี้ ให้ฉันจับบ้างสิ ”เรเปียพูดล้อเล่นอย่างสนุกสนาน จนรินหน้าแดงไปทีเดียว
“ เอ๋ ……………. คุณริน คุณ เรเปียคะ ? ” สฟีร่าเรียกทั้งสองคน พลางหันไปรอบๆ “ ยังมีเด็กๆ เหลืออีกเหรอคะ ? ”
เรเปียหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไปเจอเด็กๆ คนไหนในระยะสายตาเธออีกเลย
“ ไม่นี้ สฟีร่า มีอะไรเหรอ ” เรเปียตอบไปพลางค่อยๆ ก้มลงไปหยิบก้อนหินที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ เออ... คือว่าฉันได้ยินเสียงหัวใจ4 ดวงหน่ะคะ ถ้าในห้อง มีฉัน คุณริน แล้วก็คุณเรเปีย ก็มีแค่ 3 คนใช่ไหมคะ ? ”
“ ถูกต้องแล้ว ”
“ ถ้างั้นเสียงหัวใจที่เกินมาอีกดวงเป็นใครกันคะ ? ”
รินอ้าปากพงาบๆ เวลาเดียวกันเรเปีย ก็ก้มหัวลงแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพราะพวกเธอไม่ใช่คนที่พูดคำว่า ‘ถูกต้องแล้ว’ เมื่อครู่นี้ไป เจ้าของเสียงคนนั้นยังคงตอบคำถามสฟีร่าโดยไปสนท่าทีของ ทุกคนในห้องอาบน้ำ
“ ฉันเองนะหละ สฟีร่า เธอแค่ลืมนับฉันไป ” เขาตอบสฟีร่าโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำไป
สฟีร่าเงียบและ พิจารณาเสียงเมื่อครู่ มันเป็นเสียงผู้ชาย.......... ผู้ชายแน่นอน 1000% และเสียงนี้เธอก็รู้จักดี
“ ไม่ต้องสนใจฉัน อาบน้ำกันต่อไปเถอะ ฉันไม่ไปรบกวนพวกเธอหรอก ” เด็กหนุ่ม กำลังมุดลงไปข้างใต้อ่างเก็บน้ำ เขากำลังขมักขเม้นกับการซ่อม แท็งเก็บน้ำอยู่โดยไม่สนว่าสาวๆ กำลังอะไรกันอยู่ในห้องอาบน้ำ
“ ………………...... ๑!@#$%^^^#$#$)((((!@#$! ”
“ เอาหละ เสร็จแล้ว.. ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจนออกส้มลากตัวเองออกมาจากข้างใต้แท็งน้ำ แล้วเขาก็ต้องเจอกับรังสีฆ่าฟันขั้นสุดยอดที่แผ่พุ่งตรงมายังเขา
“ หือ ???? ”
-----------------------------------------------------------------
“ เบลด!! ไฟแรงไป
เบลดจัดการลดไฟลงมา ว่าแต่ไอ้ 2.014689732 นี้มันมากแค่ไหนเล่า คนนะเว้ย ไม่ใช่เครื่องจักร จะไปตรัสรู้ถึงระดับความร้อนในเตาไหมเนี้ย
“ เฮ้ย!! น้ำเดือดนานไป 3.5752130564 วินาทีแล้วรู้ไหม!!! จัดการยกมันก่อนที่เนื้อเบเฮมอสจะเริ่มมีการเปื่อยรู้ไหม!! ไม่งั้นมันจะเสียรสชาติและความเหนียวนุ่มของมันไป!! ” ไนฟ์สั่งการ ในระหว่างที่ตัวเองตักเกลือที่กะน้ำหนักได้อย่างแม่นยำ ถ้าหากเอาเกลือในช้อนตวงนั้นไปวัดน้ำหนักหละก็ มันจะมีน้ำหนักตามที่เขากะได้อย่างแม่นยำไปถึงทศนิยมหลักที่ยี่สิบเลย (นั้นหมายความว่าการที่เขายอมให้มีการผิดพลาด เพียงแค่ทศนิยม สิบหลักถือว่าน้อยแล้วสินะ)
เบลดยกหม้อที่ใสเนื้อเบเฮมอสที่ต้มไว้ออกมาจากเตา จากนั้นก็ไปเอาน้ำซุบไปตั้งไฟต่อพอเขาจะคนน้ำซุบ ไนฟ์ก็สั่งการมาอีก “ เฮ้ยย!! เบลด อย่าลืมนะเฟ้ย คนซุบเป็นวงกลมที่มีรัศมีราวๆ 239/451 ของรัศมีหม้อ!! แล้วคนไปทางขวาโดยให้ช้อนที่คนทำองศากับแนวระนาบประมาณ 21.76 องศา แล้วก็คนด้วยความเร็วประมาณ 5.975123452101 Cm/S (เซนติเมตรต่อวินาที) นะเฟ้ย!! ”
“ คะ......ครับ” เบลดยิ้มแหยงๆ ที่มุมปาก แล้วพยายามทำตามที่ไนฟ์บอก แน่นอน....มันย่อมผิดพลาดแน่ๆ การจะทำสิ่งพวกนี้ให้ตรงตามที่ไนฟ์บอกทุกอย่างมานเป็นไปไม่ได้ หัวเด็ดตีนขาดก็เป็นไปไม่ได้
“ เฮ้ย เบลด ฉันบอกแล้วไงว่า ให้รัศมีของการคนเป็น 239/451 ของหม้อ แต่แกคนไปประมาณ 161/321 แล้ว!! แล้วไอ้การจับช้อนคนนั้นมันหมายความว่าไงกันห่ะ!!!! ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่า 21.76 องศา!! แกเล่นจับไป 31.21 องศาแล้วรู้ไหม!! เฮ้ยย!! แล้วความเร็วในการคนแกด้วย เล่นคนไปตั้ง 5.975123452102 (ผิดไปที่ทศนิยมหลักสุดท้าย) แล้วรู้ไหม!!”
อ้ากกกกกกกกก!! เบลดกรีดร้องในใจ ถ้าทำได้หละก็เขาอยากจะเล่นมุขล้มโต๊ะ ตรงนี้จริงๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นหละก็จะโดนไนฟ์สวดเรื่องการทิ้งขว้างอาหารไปอีก 3 ชั่วโมง
“ ...............เป็นไงบ้าง ” เสียงที่ราวกับเป็นระฆังช่วยชีวิตของเบลด ยิ่งกว่าเสียงของสวรรค์สั่งลงมาโปรดเสียอีก
“ หัวหน้า.......~~~!! ” เบลดร้องดีใจแทบตายที่ในที่สุดหัวหน้าก็มาซักที
“ อ้าว หัวหน้า มาได้จังหว่ะพอดี มาทำงานแทนไอ้ห่วยแตกเบลดหน่อยสิ!! มันจะทำให้มื้อค่ำนี้เสียรสไปแล้วนะ!! ”
ไนฟ์บ่นยาวก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม ซึ่งเขามีคำถามนึงทันทีที่เห็นหน้าหัวหน้า
“ เออ..... หัวหน้า............... หน้าไปโดนอะไรมา ”
รอยแดงเป็นรูปฝ่ามือ แต็มแก้มเด็กหนุ่ม บ่งบอกมาได้ทันทีว่าโดนใครตบมาแน่ๆ แถมโดนตบแรงน่าดูเสียด้วย
“ อ้อ.... ” เขาลูบไปตรงลอยมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ อื้มม.... ถูกเชลยทำร้าย หละมั้งถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ยังเจ็บๆ อยู่เลยเหะ............ ”
“ โห ท่าทางจะเจ็บน่าดูชมเลยนะนั้น ”
“ ก็นะ..... ” เด็กหนุ่มยักไหล่แล้วเดินไปทางเบลด
“ เดี้ยวฉันทำต่อเอง นายไปช่วย แอ็กซ์แบก ‘ไอ้นั้น’ ดีกว่านะ ” เขามาจัดการเรื่องอาหารแทน พอเบลดได้ยินแบบนั้นก็รีบรับปากแล้ววิ่งไปโดยไม่เหลียวหลังมาอีกเลย
“ หัวหน้า ช่วยหั่นผักให้หน่อยสิ เอาขนาดประมาณ.......” ไนฟ์พูดยังไม่ทันจบประโยคดีหัวหน้าก็พูดแทรกขึ้นมา
“ 1.175323957141 เซน ใช่ไหม จากนั้น ก็รอให้น้ำซุปเดือดราวๆ 91.6312571301 องศาใช่ไหมหละ ”
“ ใช่ๆ จะให้ดีก็ 1.17532395714198426821 เซนติเมตรนะหัวหน้า จากนั้นก็คนซุบด้วยความเร็ว 13.234864201 cm/s โดยใช้มุม 86.35 องศา คนนาน 5 นาที 6.3215วินาที ก็พอ แค่เอาให้ผักกระจายไปทั่วหม้อแล้วเริ่มส่งกลิ่นหอม จากนั้นค่อยใส่เนื้อเบเฮมอสลงไปทั้งตั ”
“ ได้เลย 1.17532395714198426821 เซนติเมตร สินะ ” เด็กหนุ่มเริ่มหันผักโดยไม่มีคำติไดๆ จาก ไนฟ์เลย นั้นหมายความว่าเด็กหนุ่มสามารถ หั่นผักทุกชิ้นให้มีขนาด 1.17532395714198426821 เซนติเมตร ได้อย่างแม่นยำ
..............นั้นมันละเอียด เกือบๆ ขนาดโมเลกุลเลยนะ
----------------------------------------------------------------
“ เด็กๆ จ๊ะ ได้เวลาของอาหารเย็นแล้วนะจ๊ะ ” สฟีร่าปรบมือเรียกความสนใจของเด็กๆ ที่กำลังเล่นซนกันได้ที่อยู่ทีเดียว
แต่พอได้ยินว่าอาหารเย็นหละก็ เด็กๆ ก็วิ่งกรูเข้ามาหารสฟีร่าเลย บางคนก็แรงเยอะหน่อยก็กระโดดขึ้นไปขี่คอสฟีร่าเลย
ชุดของรินที่ใส่อยู่เป็นชุดที่ เรเปียให้เธอยืมมาใส่ มันเป็นชุดธรรมดาๆ แต่ว่าก็มีเนื้อผ้าที่หนาแล้วก็นุ่ม และคลุมทับอีกชั้นด้วยผ้าคลุมบางๆ ที่ช่วยกันลมหนาวยามดึกได้
สฟีร่าเองก็ใส่ชุดคล้ายๆ กับริน แต่ว่าชุดของเธอ ค่อนข้างจะบางกว่าเล็กน้อย แล้วบางส่วนเองก็ขาด เพราะว่าเด็กๆ มักจะชอบดึงชุดเธอเล่นเป็นประจำ
“ ……แปลกจังนะคะ.. ” รินพึมพำขึ้นมา
“ มีอะไรเหรอคะ ที่แปลก ?? ” สฟีร่าถามกลับไป
“ ปกติ ตามรังโจร มักจะมีพวกหน้าโหดๆ ตีหน้าเข้มๆ นั่งสุมหัวกันหน้าเครียด บรรยากาศมาคุๆ ซักหน่อยไม่ใช่เหรอคะ ? ” รินยกตัวอย่างเสียจนสฟีร่าจิตนาการตามจนเห็นภาพเลย
“ คุณอ่านนิยายมากไปแล้วหละมั่งคะ ” สฟีร่า เกาแก้มแกร่กๆ
“ อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีรังโจรที่ไหน ที่มีเด็กตัวเล็กๆ หัวเราะ แล้วก็ยิ้มได้แบบนี้หรอก..... ” รินก้มหน้าลง
อย่าว่าแต่รังโจรเลย พระราชวังของเรเฟรียน่า ภาพแบบนี้ยังไม่มีให้เธอเห็นเลยด้วยซ้ำไป.......
ลูกสาวเพียงแค่คนเดียวแห่งราชวงศ์ เรเฟรียน่า.... เจ้าหญิงแสนสวยที่ถูกคาดหวังด้วยสิ่งต่างๆ นาๆ
ถูกสั่งสอนมาให้อยู่ในวินัย... ให้ทำตัวเป็นผู้ดี... ต้องไม่แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม
กฎระเบียบมากมายที่ต้องทำตาม.............
“ คุณรินคะ ? ” เสียงของสฟีร่า ช่วยดึงรินออกจากห่วงความคิดของเธอ
“ เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ ? ” สฟีร่าถามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้เธอจะไม่เห็นใบหน้ารินก็ตามที แต่เธอก็บอกได้ว่ารินกำลังไม่สบายใจ
“ เปล่าคะ... แค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเองคะ ” รินตอบ
พวกรินเองพาเด็กๆ มาจนถึงส่วนของโอเอซิส ซึ่งบริเวณนั้น เบลดกับแอ็กซ์กำลังเตรียมสถานที่สำหรับกินข้าวพอดี
เบลดวางถังไม้ ขนาดใหญ่ที่มีขนาดเกือบเท่ากับส่วนสูงเขาเลยทีเดียว แอ็กซ์ก็เช่นเดียวกัน แต่ว่า แอ็กซ์นั้นแบกมาถึง4 ถังด้วยกัน
พอเด็กๆ เห็นเบลด เด็กๆ ก็รีบตรงไปหาเบลด จะพูดให้ถูกก็คือ พุ่งไปตระครุบเบลด
“ เฮ้ย!!! ” ด้วยแรงของเด็กคนเดียว อาจจะทำให้เบลดแค่เซไปนิดหน่อย แต่ว่า ถ้าเด็กทุกคนพุ่งไปแบบนั้นหละก็เบลดก็ต้อเสียหลักและล้มไปในที่สุด
“ พี่เบลด มาเล่นกานน!! ”
“ มาสู้กัน!! ”
“ คราวนี้หละ จะแสดงพลังของพวกเราให้ดู ”
เด็กๆ ที่พูดพร้อมๆ กันจนฟังแทบไม่รู้เรื่องว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“ เจ้าพวกบ้า!! ต่อให้พวกแกมารุมชั้น ก็ไม่ชนะชั้นหรอก!! ” เบลดพูดอย่างอวดดี ถึงจะพูดไปอย่างงั้นก็เหอะ แค่ตอนนี้ เบลดก็จะโดนเด็กพวกนี้ทับตายอยู่แล้ว
“ เอ้าๆ พวกหนูๆ จะเล่นกับไอ้บ้านี้ก็ไว้ทีหลังก่อน ” แอ็กซ์ใช้มือเดียว ดึงตัวเด็กๆ ทุกคนขึ้นมา อย่างง่ายดาย
“ วันนี้ลุงจะให้กิน ‘น้ำอร่อยๆ’ อีกเอาไหมหละ ”
“ เย้~~~ เอา!! ” เด็กๆ ร้องเป็นเสียงเดียวกัน พอแอ็กซ์ได้ยินแบบนั้นก็ระเบิดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ ฮ่าๆๆ!! ดีเลย ดีเลย................” แล้วเสียงของเขาก็ขาดช่วงไป พลางเลื่อนสายตาไปยังหญิงสาวที่ยิ้มให้เขา
สฟีร่ายืนอยู่ห่างจากแอ็กซ์ไปราวๆ 8 ก้าว ส่วนสูงของเธอนั้น ราวๆ
แต่ว่าในสายตาของแอ็กซ์ ภาพที่สฟีร่ายิ้มให้กับเขานั้น ตัวของเธอดูจะใหญ่กว่าตัวของเขาเสียงอีก
อีกทั้งเขายังรู้สึกได้ถึง ‘ความคิด’ จากสีหน้าของสฟีร่าได้ ถึงแม้ว่าเธอจะยิ้มอยู่ก็ตามที
“ แหม.... น้ำอร่อยๆ เหรอ แอ็กซ์ เธอบอกกับเด็กๆ แบบนั้นเหรอจ๊ะ....... ”
“ เออ....... เหะๆ ” แอ็กซ์ หัวเราะแห้งๆ ขณะที่สฟีร่าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอเอื้อมมือไปดึงหูของแอ็กซ์ลงมาให้อยู่ระดับเดียวกับใบหน้าเธอ แค่เห็นก็เจ็บแทนแอ็กซ์แล้ว.....
“ ฟังให้ดีๆ นะคะ แอ็กซ์................ ” เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“ ห้ามให้เด็กๆ กินเด็ดขาด!!! ”
“ นั้นรวมไปถึงเธอด้วยนะจ๊ะ เบลด ” สฟีร่าส่งยิ้มสังหารไปทางเบลด ในขณะที่แอ็กซ์ที่ทรุดตัวไปตรวจสอบแก้วหูตัวเองว่ายังใช้งานได้อยู่รึเปล่า
เบลดพอเห็นสภาพแอ็กซ์ ก็ได้แต่ยิ้มแหยงๆ ไอ้ครั้นจะรับปากก็อดกินของดี แต่ถ้าไม่พูดคงจะต้องเจอชะตากรรมแบบแอ็กซ์เป็นแน่
ทำไมวันนี้เรื่องซวยมาเยือนบ่อยจริงเหะ............
ระหว่างที่สฟีร่ากำลังรอคำตอบจากเบลด เธอก็ได้ยินเสียงหัวใจดังเพิ่มมาอีกดวง สฟีร่าใช้สมาธินิดหน่อยก็รู้ได้ว่าใครกำลังเดินมา
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ผู้ผ้าคาดหัวนั้นเอง เขาเดินมาพร้อมกับอาหารมื้อใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมฉุย ไปรอบๆ
ตามมาติดๆ ด้วย ไนฟ์ และ แอร์โรว์ ที่เดินหอบๆ ตามพวกหัวหน้ามาติดๆ เลยทีเดียว
เด็กหนุ่มวางอาหารแล้วพูดกับสฟีร่าด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยใส่ใจซักเท่าไหร
“ จะว่าไปแล้ว ใครจะกิน หรือไม่กิน ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวไม่ใช่รึไง สฟีร่า ”
สฟีร่าหันไปกำลังจะอ้าปากเถียง แต่เด็กหนุ่มก็พูดแทรกเสียก่อน
“ เธอมีอำนาจที่จะบังคับใครได้รึไง หรือว่าเธอเป็นพวกเผด็จการไปแล้ว? ”
สฟีร่าคิ้วกระตุก ถึงกับพูดไม่ออกทีเดียว เธอเดินตรงไปแล้วโวยวายกับเด็กหนุ่ม
“ แต่เธอก็รู้นะ!! เด็กๆ ไม่ควรจะกิน ‘น้ำอร่อยๆ’ ที่แอ็กซ์พูดถึงนะ!! ”
“ ฉันกินมันตั้งแต่ยังจำความไม่ได้เลยสฟีร่า ” เด็กหนุ่มตอบโต้อย่างเฉยเมย
“ เธอก็ส่วนเธอสิ!! อย่าทำเด็กพวกนี้ให้กลายเป็นคนเลวเหมือนเธอไปได้ไหม!! ”
“ อ้อ..... แล้วการที่ถูกกลุ่มโจรเลี้ยงนี้ไม่ใช่ว่ากลายเป็น ‘คนเลว’ เหมือนกันไปแล้วรึไง ” เด็กหนุ่มตอบกลับพลางจัดจานบนโต๊ะให้เข้าที่
สฟีร่าพยายามจะหาเหตุผลมาเถียงแต่เธอก็เถียงอะไรไม่ออกจริงๆ ได้แต่ต้องเก็บความโกรธลงมาเสียก่อน
พลางพูดกับตัวเองไป ต่อให้เถียง ชายคนนี้ไปยังไงก็ไม่มีอะไรหรอก ไม่ได้ช่วยให้เกิดผลดีอะไรขึ้นมาหรอก
“ โอ โห~ หัวหน้า ฝีมือทำอาหารของแกกับไนฟ์นี้มันสุดยอดไปเลยหว่ะ ” แอ็กซ์เดินเข้ามาหลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บทางหูได้แล้ว เขาสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มๆ ก่อนจะ หยิบแก้วที่เต็มไปด้วยของเหลวสีชมพู มันคงเป็นน้ำอร่อยๆ ที่เขาพูดถึงเมื่อกี้แน่นอน
“ งั้นเรามาฉลองกันดีกว่า!!!! ด้วย ‘เหล้าทรายแดง’ นี้หละ!! ฮ่าๆๆ!!! ”
“ ฉลองงั้นหรือ ถ้างั้นเนื่องในโอกาศอะไรหละ ” หัวหน้าถาม
“ ฉลองเนื่องในวันธรรมดาก็ได้เฟ้ย!! ฮ่าๆๆ!!! ” แอ็กซ์ระเบิดเสียงหัวเราะของตัวเอง พลางส่งแก้วที่มี ‘เหล้าทรายแดง’ให้เด็กหนุ่มไปด้วยเช่นกัน
“ ตามใจเลยแล้วกัน...... ” เขารับแก้วนั้นมาแล้วชนแก้วกับแอ็กซ์เบาๆ ทีนึง
และแล้วอาหารเย็นมื้อใหญ่ที่ฉลองเพื่อวันธรรมดาก็เริ่มขึ้นใต้แสงจันทร์
กองไฟ กองใหญ่ถูกก่อขึ้น มันสว่างพอที่จะแข่งกับแสงจันทร์เลยทีเดียว ทุกคนต่างล้อมวงเข้าไปกินเข้ารอบกองไฟนั้น
เด็กๆพากันกินอาหารเย็นพร้อมๆ กับผู้ใหญ่อย่างสนุกสนาน โดยมีสฟีร่าพยายามกันไม่ให้เด็กๆ กินเหล้าทรายแดง
แต่ว่าความพยายามของเธอช่างดูไร้ผลเสียเหลือเกิน และมันก็ยิ่งไร้ผลเข้าไปอีกเมื่อเธอถูกหลอกให้กินเหล้าไปเสียเอง
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า สฟีร่าที่เหนื่อยจากการห้ามพวกเด็กๆ มา เรเปียก็ส่งแก้วให้เธอ กินแก้กระหายน้ำ โดยเรเปียเองก็ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นเต็มไปด้วยเหล้าที่แอ็กซ์จงใจสับเปลี่ยนกับแก้วน้ำเปล่า นั้นเอง
เหล้าทรายแดง ถือว่าเป็นเหล้าที่มีฤทธิ์แรงพอตัว แล้วสฟีร่ายิ่งเป็นพวกคออ่อนแล้วหละก็ แก้วเดียวก็มากพอจะให้เธอเมาได้แล้ว
พอสฟีร่าเมาแล้วก็ไม่มีอะไรห้ามเด็กๆ ไม่ให้ดื่มเหล้าแล้ว แน่นอนเด็กๆ เองก็กินเหล้าไปด้วยเช่นกัน แล้วก็เมากันไปตามระเบียบ
ส่วนไนฟที่ เมาได้ทีแล้ว ก็เริ่มทำตัวเป็นนักแสดงปาหี่ ไปทันที เขาเล่นกล ต่างๆ เช่น พ่นไฟออกจากปากหรือแม้แต่กลืนมีดลงไปในคอ
และตามมาด้วยแอร์โรว์ ถึงแอร์โรว์ยามปกติ จะชอบอ่านหนังสือพูดจาสุภาพ แต่ถ้าเหล้าเข้าปากไปหละก็ เขามักจะไปเป็นคู่หูแสดงตลกของไนฟ์เสมอๆ เลยทีเดียว
รินเองที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเอกกินเหล้า เธอเลยพยายาม ดึงตัวออกมาห่างๆ ซักหน่อย
ท่ามกลางความสนุกสนานเฮฮา ด้วยท่าทางตลกๆ ของไนฟ์กับแอร์โรว์ นั้นเอง รินสังเกตว่าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่อยู่
เธอหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นเขา จนเธอประหลาดใจว่าเขาไปไหนกันนะ
รินลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆ เดินออกมา เธอพยายามมองหาเด็กหนุ่ม แต่ว่าในระยะสายตานั้นเธอไม่พบเขาเลย
ไม่สิ จะว่าเห็นก็เห็นอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะ ขึ้นไปนั่งหลังก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ถัดจากเธอไปเล็กน้อย
เธอตัดสินใจจะเข้าไปหาเขาสักหน่อย แต่ยิ่งเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มเท่าไหร รินก็ยิ่งเห็นใบหน้าอันแสนเหงาหงอยของเขา
“ ดื่มไหม.... ” เด็กหนุ่ม ถามโดยมองเพียงแค่เงาของเด็กสาวที่ทอดยาวมายังเขา
“ ....... เธอคิดจะมอมเหล้าฉันเหรอ ” รินพูดอย่างไม่ไว้ใจ พลางนั่งลงอีกฝากหนึ่งของหินก้อนที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่
“ ยัยบ้า ” เสียงของเด็กหนุ่มฟังดูจะโมโหนิดๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะถึงกับฉุนเฉียวซะทีเดียว
“ ให้ดื่มเพราะจะทำให้ตัวเธออุ่นขึ้นต่างหากหละ ”
“ มันช่วยได้ซะที่ไหนหละ ” รินพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องตลก “ อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่หนาวหรอกนะ ”
“ ที่นี้ ยิ่งมืดก็ยิ่งหนาวนะ ” เด็กหนุ่มพูดพลางกระดกเหล้าทรายแดงในมือเขา พลางมองเงาที่ทอดยาวมาจากทาง พวกไนฟ์ที่ตอนนี้เริ่มแสดงอะไรตลกๆ อีกแล้ว
รินได้แต่นั่งเงียบๆ แล้วมองไปยังรอบกองไฟที่ ทุกคนมีท่าทีสนุกสนานกันอยู่ ที่ตอนนี้เบลดจะเริ่มเมาไปอีกคน
เธอมองกลับมายังเด็กหนุ่มที่มองพวกนั้น
“ เธอไม่ไป... เออ สนุกกับพวกเขาเหรอ ” รินถามพลางเลื่อนตัวไปหาเขา
ราวกับเสียงของเด็กสาวไม่มีอยู่จริง เขายังคงจ้องมองไปยังท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
ใบหน้าของเด็กหนุ่มถึงแม้ว่าจะยิ้มอยู่ แต่รินรู้สึกได้ถึงความเหงาหงอยในรอยยิ้มของเด็กหนุ่ม
ใช่ ด้านข้างของเขาที่ดูจะเหงาหงอย อย่างบอกไม่ถูก แต่เวลาเดียวกันก็ดูดี เสียจนรินนึกได้ว่าจ้องหน้าเขานานเกินไปเสียแล้ว
“ นายเมาแล้วเหรอ ” เด็กสาวถาม
“ หื้ม.... ” ราวกับเขาพึ่งได้ยินเสียงเด็กสาวเมื่อครู่นี้เอง เขาหันมาตอบคำถามของเธอ “ ไม่หรอก ”
เขานิ่งเงียบแล้วหันกลับไปมอง รอบกองไฟ ตอนนี้ ไนฟ์ แอร์โรว์ และ เบลด เริ่มเต้นรำแปลกๆ ท่ามกลางการให้จังหว่ะเพลงของแอ็กซ์ที่เหมือนจะเป็นเสียงตะโกนมากกว่าทำนองเพลง
“ แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ หน่ะ ” เด็กหนุ่มพูด
“ ……… แปลกจังเลยนะ ” รินมองกลับไปยัง กลุ่มรอบกองไฟ ตอนนี้ เด็กๆ ที่เมาได้ที่ ต่างเต้นตามที่ไนฟ์และ แอร์โรว์ เต้นแล้ว
“ พอมองแบบนี้แล้ว...... พวกเธอไม่เหมือนกลุ่มโจรเลยซักนิด ” รินพูด
เด็กหนุ่มหัวเราะ ฮึ เบาๆ “ ……..... ขอบใจที่ชมนะคุณตัวประกัน ”
“ ……… แล้วเธอจะเอายังไงกับฉันหละ.... ? ”
“ หมายถึงอะไรหละ ‘เอายังไงกับเธอ’ ” เด็กหนุ่มถามกลับไป
“ ก็เธอจับฉันมาทำไมกันหละ แล้วจะให้ฉันอยู่แบบนี้จะดีเหรอ.... ” รินถามพลางมองไปยังกลุ่มรอบๆ กองไฟ
“ นั้นสินะ...... ” เด็กหนุ่มยกเหล้ามาจิบ พลางมองขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง “ จะให้ฆ่าเธอทิ้งดีไหมหละ ”
“ไหนๆ เธอก็รู้มากเกินไปแล้วนี้ ทั้งที่ตั้งของรังเรา ทั้งจำนวนสมาชิก....... คิดว่าแบบนี้คงดีใช่ไหมหละ? ”
รินมองไปยังร่างเด็กหนุ่มที่แสยะยิ้มมาให้เธออย่างชั่วร้าย แต่ว่าในดวงตาเขากลับนิ่งสงบอย่างแปลกประหลาด
ริ้นคิ้วกระตุกนิดๆ หลังจากพิจรณาท่าทีของเขาแล้วก็บอกได้ว่า เขาไม่ได้พูดจริง
“ เป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออกเลยนะ.... ”
เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆ “ ถ้างั้นทางเลือกที่สอง ฉันจะปล่อยเธอกลับไปที่เรเฟรียน่าอย่างปลอดภัย คิดว่าเป็นไงหละ ”
“ หา.!?!? ” รินตกใจกับทางเลือกที่แสนง่ายดายและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ จนน่าแปลกใจเลยทีเดียว
“ ตกลงตามนั้น..... ” เด็กหนุ่มจิบเหล้าในแก้วต่อ ราวกับท่าทีของรินนั้นอยู่ในการคาดเดาของเขาแล้ว
“ เดี้ยวก่อนสิ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ” รินถามอย่างหวาดๆ
“ ถ้าพูดถีงว่าง่ายหละก็ ข้อแรกง่ายกว่าอีกนะ รึเธออยากเลือกข้อนั้น ? ” เด็กหนุ่มถามกลับไป
“ แต่...... ฮะ... ฮัดชิ้ว!!! ”
ดูเหมือนที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะพูดจริง ที่ว่ายิ่งมืดก็ยิ่งหนาว ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงลมหนาวที่พัดผ่านตัวเธอมามาแล้ว
เธอพยายามจะกอดตัวเพื่อไม่ให้ไออุ่นในตัวเธอลอยไปไหน แต่ว่าดูเหมือนว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรซะเลย
ในขณะที่เธอคิดว่า มันหนาวนั้นเอง บางอย่างก็ลอยมาอยู่บนตักของเธอ มันเป็นเสื้อคลุมสีน้ำเงิน อันที่เด็กหนุ่มใส่อยู่
เขาถอดมันออกมาแล้วโยนให้กับเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขานั้นเอง
“ ใส่ซะสิ ” เขาพูดโดยไม่มองไปทางรินเลยแม้แต่น้อย “ เดี้ยวก็เป็นหวัดหรอก ถึงตอนนั้นฉันไม่รักษาให้หรอกนะ ”
“ แล้วนายไม่หนาวรึไงกัน ” รินถามกลับไป เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มใส่แค่เสื้อกล้ามที่ไม่ได้หนามากนัก
“ ไม่ ” เขาตอบโดยไม่มีท่าทีอะไรเลยซักนิด แล้วเขาก็หยิบเหล้าขึ้นมา แล้วพูด “ ฉันกินเหล้านี้เข้าไปแล้ว ”
รินขมวดคิ้ว “ อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย ”
“ ฉันเหมือนคนที่กำลังหนาวสั่นอยู่รึไงหละ ”
รินเอาเสื้อคลุมสีน้ำเงินของเด็กหนุ่มมาใส่ มันช่วยเธอได้ไม่มากนักแต่ก็ทำให้อุ่นขึ้นนิดหน่อย
เธอสังเกตุว่าเด็กหนุ่มยังนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เดิม ท่ามกลางเสียงสนุกสนานของคนในกองโจร
มันกลับเป็นเพียงแค่ความเงียบสำหรับทั้งสองคน
“ หัวหน้า~~~~~ ” ไนฟ์กับ แอร์โรว เดินเซๆ มาหาพวกเขา ทั้งสองหน้าแดงแถมตาลอย เมากันได้ที่เลย
“ ไง เหนื่อยกันแล้วรึไง ” เขาถามกลับไป
“ ป้าววววว คือว่านะ ” ไนฟ์พูด “ ไอ้ แอ็กซ์หน่ะ มันท้าหัวหน้าดื่มเหล้าหน่ะ!! ”
“ ..........หา ? ” เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก แล้วมองไปยังแอ็กซ์ที่ยกขวดเหล้าเป็นเชิงท้าทาย
“ พวกนายวางเดิมพันข้างไหนไว้หละ ” เด็กหนุ่มถาม
“ แน่น้อนน~ ต้องเป็น แอ็กซ์ เซ้!! ” แอร์โรวพูดพลางขยับแว่นไม่ให้ตก
“ ให้ตายซิ ” เขาเกาหัวแกร่กๆ แล้วผุดลุกขึ้น “ ถ้าทางวันนี้พวกแกจะได้หมดตัวกันแน่ๆ ”
“ โฮ่~~~ ถ้าหัวหน้าแพ้หละก็ ยกเด็กสาวคนนี้ให้แอ็กซ์ ไปแล้วกานนน ” ไนฟ์ชี้ไปยังริน
รินสะดุ้งเบาๆ เธอหันไปมองเด็กหนุ่ม พลางส่งสายตา ‘อย่าทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นนะ’
หรือไม่ก็ ‘อย่านะ’ แต่ดูเหมือนมันไม่ได้ผล เด็กหนุ่มรับคำท้านั้นในทันที
“ เอาสิ ” เขายิ้มรับ
รินอ้าปากพะงาบๆ อย่างกับจะพูดอะไร เธอก็โดนทั้งแอรโรว์ทั้งไนฟ ดึงตัวไปที่รอบกองไฟเสียแล้ว
ส่วนเด็กหนุ่มก็เดินตามหลังเธอไปอาดๆ
“ เอาหละคร้าบบ ” ไนฟ์ ปล่อยให้แอโรว์จับตัวรินไว้ แล้วตัวเองก็ผันตัวมาเป็นพิธีกร
“ การต่อสู้ระหว่าง แอ็กซ์ และหัวหน้า สองสุดยอดคอแข็ง กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ววว!!! ” เขาใส่อารมณ์ไปเต็มที่ ในขณะที่เหลือส่งเสียงเชียร์ เป็นจังหว่ะ
“มุมแดง ลุงแอ็กซ์~~~ ไอ้บ้าถือขวานไล่สับ ไอ้จอมโหด ขี้เก็ก~~~!!!! ”
“ แอ็กซ์ สู้เขาน้า~~~! ” เรเปีย คนเดียวที่ยังไม่เมาส่งเสียงเชียร์แหลมออกมาจากกลุ่ม
แอ็กซ์ชายร่างใหญ่ ถือแก้วเหล้าที่ใหญ่เป็นพิเศษ ที่ทำมาสำหรับการดวลเหล้าโดยเฉพาะ
เวลาเดียวกันเด็กหนุ่มที่นั่งตรงข้ามก็ถือแก้วเหล้าเช่นเดียวกับแอ็กซ์ เขายิ้มอย่างสนุก
“ ทางด้านมุมน้ำเงิน หัวหน้าของพวกเราเอง ค้าบบบบ ”
“ หัวหน้า สู้ๆ น้า!!! ” เรเปียยังส่งเสียงเชียร์เช่นเดิม สรุบแล้วเธอเชียร์ทั้งสองข้างสินะ เรเปีย
“ กฎง่ายๆ เวลาดื่มต้องยกซดทีเดียวหมดแก้ว!! ใครล้มลงก่อน หรือยอมแพ้ก่อนถือว่าแพ้นะค้าบบบบ~ ” ไนฟ์ส่งเสียง
“ เอาหละ เริ่มได้นะครับ!! ” เขาให้สัญญาณ
แก้วแรกถูกยกขึ้นท่ามกลางเสียงเชียร์ไม่หยุดของทั้งสองฝ่าย แอ็กซ์ซดเหล้าลงไปทีเดียวหมดแก้ว เช่นเดียวกับเด็กหนุ่ม เขาเองก็ยกมันขึ้นไปซดทีเดียวหมดแก้ว
แก้วที่สองก็ยังคงสูสีกันอยู่ทีเดียว
ผ่านไปซักสิบแก้ว ต่อให้นี้เป็นน้ำเปล่ามันก็พอที่จะทำให้คนธรรมดาไม่อยากจะกินน้ำได้อีกเลย แต่ทั้งสองยังคงตีหน้าเฉยแล้วดื่มกันต่อไป
การแข่งขันนี้เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่รินยังเผลอลุ้นไปด้วยว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
ผ่านไป 20 แก้ว ทั้งสองคนก็ยังคงตีหน้าเฉยกันได้อยู่!! มันเกินขอบเขตของคนไปซะแล้ว แต่ทั้งสองยังคงแข่งกันอยู่
“ ไง หัวหน้าไม่คิดจะยอมแพ้หน่อยรึไง ” แอ็กซ์ยิ้มเชิงท้าทาย
“ ..........ไม่หละ ” เด็กหนุ่มตีหน้าเฉย
ผ่านไปอีกไม่รู้กี่แก้ว มันเยอะจนพวกเขาลืมที่จะนับ เสียแล้ว ทั้งสองยังคงตีหน้าเฉยกันอยู่
“ เฮ้ๆ หัวหน้า ทำไมไม่ยอมแพ้ไปซะที ” แอ็กซ์พูด
“ หื้ม.... ไม่หรอก เพราะอีกไม่นานก็จะชนะแล้ว ” เขาพูดอย่างสบายๆ
“ ชิ........ ” แอ็กซ์ส่งเสียงอย่างโมโห “ แกนี้มันจริงๆ เลย....... ”
และแล้วเหตุการเหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้น แอ็กซ์เอนตัวแล้วล้มฟุ่บลงไปอย่างกระทันหัน
“ ก็บอกแล้วไงหละ ” เด็กหนุ่มยิ้มเยอะ ในขณะที่ เด็กๆ ส่งเสียงเชียร์กันลั่น
“ ผู้ชนะก็คือ ไอ้หัวหน้าบ้า คร้าบ!! ” ไนฟ์ยกมือของหัวหน้าขึ้นพร้อมประกาศชัยชนะให้แก่เขา
รินมองดูเด็กหนุ่มที่ ไม่แสดงท่าทีใดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะกินเหล้าไปตั้งไม่รู้กี่แก้วแล้วก็ตามที
แต่ว่าท่าทีของเด็กหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนไปเลย.... เท่าที่ฟังมา เหล้าทรายแดง มันน่าจะแรงพอสมควรเลยนี้นา..
หลังจากดวลเหล้ากันแล้ว เด็กหนุ่มก็หลบฉาก มานั่งอยู่ที่เดิม ในขณะที่คนอื่นกำลังสนุกสนานกันอยู่รอบกองไฟ
รินเองก็ตามมาหาเขาเช่นเดิน เธอนั่งลงที่อีกฟากนึงของก้อนหิน
ท่ามกลางอากาศที่หนาวลงเรื่อยๆ รินดึงเสื้อครุมสีน้ำเงินของเด็กหนุ่มให้แน่นขึ้น มันอุ่นมากก็จริง แต่ว่าก็ไม่มากพอที่จะทำให้หายหนาวได้
ตรงกันข้ามกับเด็กหนุ่ม ที่ใส่เพียงเสื้อบางๆ เพียงตัวเดียว ท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้เขากลับไม่มีท่าทีจะหนาวสั่นเลย
หรือว่าเหล้าที่เขากินไปมันจะช่วยทำให้อุ่นขึ้นได้จริงๆ ? เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก
“ ไม่ลองดู แล้วจะรู้รึไง ” เด็กหนุ่มพูด เขาได้ยินเสียงที่รินพูดกับตัวเองโดยไม่ตั้งใจ
“ แต่ว่า เหล้ามันแค่ไปขยายหลอดเลือดให้ใหญ่ขึ้น และเพิ่มแรงดันเลือด มันเลยทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าอุ่นขึ้นแต่ว่าจริงๆ แล้วเธอกำลังเสียความร้อนไปจากตัวนะ ” รินพูดอธิบายเป็นฉากๆ
“ โฮ่...... เธอรู้รายละเอียดดีนี้ ” เขาตอบพลางจิบเหล้าทรายแดงต่อ
“ แต่นั้นเป็นแค่วิทยาศาสตร์ มันไม่สามารถมาอธิบาย เวทยศาสตร์ ได้หรอก........ ” เขาพูด
“ เวทยศาสตร์ ?? ” รินทวนคำนั้น มันหมายถึงการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนต์ การใช้เวทย์เธอเคยเห็นมันในหนังสือบ้างแต่ว่า ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก
“ เหล้าทรายแดง ถ้าจะอธิบายในเชิง เวทยศาสตร์แล้วหละก็ มันเกิดจากผลึกเวทย์มนต์ที่หาได้ยากชนิดนึง ” เขาหยุดพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อไป
“ มันเป็นผลึกธาตุไฟผสมกับธาตุลม ซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามโขดหินแถวนี้ และโชคดีเสียเหลือเกินที่ ที่ในโขดหินแถวนี้มันมีน้ำขังอยู่บางที่ และเมื่อน้ำเหล่านั้นขังตัวอยู่กับ ผลึกเวทย์มนต์ จึงทำให้น้ำในนั้น ได้ซึมซับ ธาตุไฟและลมไปทีละน้อยๆ ”
“ เธอจะบอกว่าเหล้านี้ เกิดจากเวทย์มนต์อย่างนั้นเหรอ ” เด็กสาวถาม
“ เปล่า นั้นเป็นส่วนของนึงหน่ะ ” เด็กหนุ่มตอบคำถามนั้นแล้วอธิบายต่อ “ ถ้ามีแค่ปัจจัยที่ว่ามาอย่างเดียว มันก็เป็นได้แค่น้ำธรรมดาเท่านั้น และบังเอิญ เสียจริง ที่ในโขดหินแถวนี้มีสิ่งที่ เรียกว่า ‘ยีสต์’ชนิดหนึ่ง กับทรายแถวนี้มีส่วนประกอบของ กูลโคส อ้อหมายถึงน้ำตาลหน่ะ เธอคงรู้สินะว่า เหล้านี้เกิดขึ้นได้ยังไง ”
เด็กสาวเคยอ่านหนังสือมาบ้าง การทำเหล้านั้น อาศัยยีสต์บางชนิดเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็น แอลแอลกอฮอล์ได้
แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแบบนี้ได้
“ โดยมีเวทย์มนต์มาเป็นตัวเร่งปฎิกิริยา ทำให้น้ำเหล่านั้นกลายมาเป็นเหล้าได้เร็ว และยิ่งไปกว่านั้น ยังซึมซับเอาธาตุไฟมาจากผลึกเวทย์มนต์อีก คงไม่ต้องบอกหรอกนะ ผลึกธาตุไฟ ทำอะไรได้ในเหล้านี้ ”
“ ยอดไปเลย...... ” เด็กสาวทึ่งที่เด็กหนุ่มสามารถอธิบาย ปรากฎการธรรมชาตินี้ได้เป็นฉากๆ ทั้งเรื่องผลึกเวทย์มนต์และการเกิดเหล้า เหล่านี้ ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม คงไม่สามารถ อธิบายปรากฎการทางธรรมชาตินี้ได้
นั้นหมายความว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ต้องอ่านหนังสือมาเยอะ มากทีเดียว
“ ใช่ไหมหละ ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี
พอได้ยินแบบนั้นแล้วรินก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะสังเกตท่าทางของรินได้ เขาจึงถามรินอีกครั้ง
“ จะลองไหมหละ..... ”
“ ……..ก็ได้ ”
ว่าแล้วเธอก็รับ เหล้าทรายแดง มาจากเด็กหนุ่ม แล้วลองดื่มมันลงไปอึกนึง...
รสชาติของมันหวานมาก มากเกินกว่าที่จะเรียกว่าเหล้าเสียอีก มันเหมือนน้ำผึ้งมากกว่า แต่ว่ามันฝาดๆ คอไปนิดเท่านั้นเอง
และทันทีที่ลงไปในท้อง รินก็รู้สึกว่าความร้อนกำลังแผ่กระจายไปทั่วตัวเธอ จากท้องไปสู่ฝ่ามือ ไปสู่ปลายนิ้ว
เหมือนกับรอบๆตัวเธอ นั้นอุ่นขึ้นมาบ้างในทันใดเลย
“ เป็นไงหละ....... ” เขาถาม
“ จริงๆ ด้วย.......... ” รินพูดพลางดื่มมันเข้าไปอีก พอดื่มเข้าไปอีกร่างกายเธอก็ยิ่งอุ่นขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ด้วยรสชาติที่หวานอร่อยของมัน ทำให้รินลืมไปว่ามันเป็นเหล้าที่แรงพอสมควรอันนึงทีเดียว
“ ระวังอย่าดื่มจนเมาหละ.... หือ ? ” เด็กหนุ่มหันไปมองรินซึ่งมีอาการของคนเมาเรียบร้อย......
“ เฮ้ย!! ” เด็กหนุ่ม มองเหล้าในแก้วของเด็กสาว อย่างที่เคยพูดไปว่าแก้วนี้เป็นแก้วที่ใหญ่เป็นพิเศษ แต่ว่ารินกลับกินเหล้าที่มีเต็มๆ แก้วจนหมด....
“ ฮ้า.... รู้สึกดีจังเลยหละ ” รินพูด พลางยืนเอนไปเอนมา รอบๆ ตัวเธอเริ่มหมุนนิดๆ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นขนนก รู้สึกเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้รินไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไปแล้ว ในทางกลับกันเธอกลับรู้สึกว่ารอบๆ ตัวเธอร้อนขึ้นมากเลย
“ ฮ้า...... อากาศตอนนี้มันร้อนจริงๆ เลย.... ” รินถอดเสื้อคลุมที่เด็กหนุ่มให้มาออก แต่ว่าเธอไม่หยุดแค่เสื้อคลุมของเด็กหนุ่มนี้สิ!!
เธอค่อยๆ ถอดเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่ด้วยไปด้วย!!!
“ เฮ้ย ยัยบ้า เธอจะทำอะไรหน่ะ!! ” เด็กหนุ่ม เข้าไปห้ามไว้ จับข้อมือของรินไว้ แต่ไม่รู้ยัยนี้ไปเอาแรงมาจากไหนกัน
เธอจัดการถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกมาเรียบร้อยแล้ว แม้แต่เด็กหนุ่มเองยังห้ามไม่ได้เลย
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากเมื่อครู่เด็กหนุ่มตะโกนซะเสียงดังเลย ความสนใจของรอบกองไฟจึงมาลงที่พวกเขา
“ เอ้า หัวหน้า!! จะทำอะไรคุณตัวประกันหน่ะ…. ” เรเปียถาม
“ เรเปีย!! มาช่วยหน่อยสิ ยัยนี้ เมาไปแล้ว ” เด็กหนุ่มเรียกขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้ผลตรงกันข้าม เรเปีย เองก็เริ่มถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองตามริน
“ ทำกับฉันมั่งสิค่ะ ~~~ ” เรเปียส่งเสียอ้อน ในขณะที่ผู้ชายคนอื่นๆ ส่งเสียหวีดร้องราวกับพวกหมาป่า หิวอาหารยังไงอย่างนั้น
“ เธอก็เมาด้วยเรอะ เรเปีย!! ” เด็กหนุ่มมาห้ามเรเปียอีกคน แต่พอผละมาจากตัวริน รินก็เริ่มปลดกระดุมเม็ดบน
“ โธ่ว้อยย!! ” เด็กหนุ่มกลับมาห้ามรินอีกครั้ง แต่ทางด้านเรเปียก็เริ่มปลดกระดุมของตัวเองเหมือนกัน
ในความสิ้นหวังนั้นเอง สฟีร่าก็เดินเข้ามาจับมือของเรเปียไว้
“ คุณเรเปียค่ะ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะคะ ” สฟีร่าพูด
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับวิกฤตได้ผ่านไปแล้ว.... แต่หารู้ไม่ หายนะมันกำลังจะเริ่มต่างหาก
“ ถ้าจะถอดจะต้องถอดกระโปรงก่อนสิคะ~ ♥ ” ว่าแล้วสฟีร่าก็ช่วยเรเปียถอดชุดอีกแรง
“ ยัยบ้า เอ๊ย!!!!!!!!!!! ” เด็กหนุ่มแหกปากร้อง แล้วรีบผละตัวไปห้ามทั้งสองคน
ดูเหมือนว่าคืนนี้นายจะปวดหัวซะแล้วนะ เจ้าหนุ่มน้อย
To be Continue
ความคิดเห็น