คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part 2 : The Child From Void
ตอนที่2 : เด็กน้อยจากความว่างเปล่า
Part 2 : The Child From Void
ในวันที่ท้องฟ้าสีแดง ทุกอย่างล้วนมอดไหม้ ซากศพกลาดเกลื่อนสองข้างทาง
ผืนทรายที่ถูกชะโลมด้วยโลหิต กลิ่นของซากศพ ลอยละล่องในบรรยากาศ
นกแร้งยักษ์ กระพือปีก ถลาร่อนลงมาเพื่อ กิน เหล่าซากศพที่กองระแกะระเกะ
แต่แล้วมันก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่า มีแขกคนหนึ่งรออยู่ในแหล่งอาหารของมันอยู่แล้ว
เด็กน้อยผู้มีผมสีน้ำตาลจนออกส้ม แผดสายตาจ้องมองไปยังมันเพียงชั่วครู่ นกยักษ์ก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง
บางอย่างที่บอกให้มันกระพือปีกให้ไวที่สุด แล้วหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
หากแต่สายไปแล้ว เด็กน้อย ง้างคันธนู แล้ว ปล่อยศร ลูกธนูพุ่งตรงเสียบทะลุอกมันอย่างแม่นยำ
ขนนกสีดำปลิวไสวย เป็นทางยาว ร่างของนกแร้ง กระแทกสู่พื้นดิน
ดวงตาของมันจ้องมองมายังผู้ล่าด้วยความชิงชัง....... แต่ในวินาทีนึงที่มันได้สบตากับผู้ล่านั้นเอง
ความชิงชังของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความกลัว ในทันใด.....
“ ลาก่อน..... ” เด็กน้อยหยิบขวานยักษ์ ที่มีขนาดเกินกว่าตัวเขาจะได้ใช้ แล้วบั่นคอนกแร้งตัวนั้นทิ้ง อย่างไร้ความปราณี
“ ตัวที่ 4..... ” เด็กน้อยพึมพำกับตนเองเบาๆ พลางแผ่มือออกมารองรับขนนกสีดำ
ขนนกสีดำที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศและ ค่อยๆ ร่วง หล่นลงมาสู่พื้นดิน....
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมสีน้ำตาลจนออกส้มและปลายผ้าคาดหัวสีน้ำเงินของเด็กหนุ่มปลิวไสวไปตามสายลม เขายืนอยู่บนยอดของเนินทรายเพื่อมองสำรวจไปรอบๆ
กล้องส่องทางไกลนั้นไม่มีความจำเป็นสำหรับเขา เพราะเพียงแค่เสียงเบาๆ ท่ามกลางทะเลทรายนี้ก็มากพอที่จะบอกว่ามีอะไรสัจจรไปมาที่แถวนี้ได้แล้ว
เท่าที่เขาได้ยินตอนนี้..... ก็มีแต่เสียงของพรรคพวกเขา
ที่กำลังบ่นอยู่ด้านหลังเขา
“ ข่าวของนายมันเชื่อได้จริงรึเปล่าว่ะ เบลด!! ” ชายคนหนึ่งพูดกับเด็กน้อยวัย สิบสาม
“ เออ เดะ!! ข้ารึอุตสาห์ลอบเข้าไปในปราสาท เพื่อไปหาราชฑูต แล้วแอบฟังทุกประโยคที่ท่านพูดเชียวนะ!! ”
เบลด พูดอย่างฉุนๆ
“ เอาเหอะ ถึงว่าเบลดจะทำตัวงี่เง่า แล้วชอบเอาปัญหามาให้เราก็เหอะ แต่ว่าเรื่องการของมันก็ไม่เคยผิดพลาดเลย ”
ชายผมดำพูด
“ ยังไงก็ตาม....... ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล ไถลลงมาจากเนินทราย หลังจากสังเกตุการณ์โดยรอบเสร็จแล้ว “ ถ้าพวกนายไม่เงียบเดี้ยวนี้หละก็ ฉันจะส่งไปเยือนนรก เดี้ยวนี้นั้นหละ ”
เพียงแค่แค่เด็กหนุ่มแผดสายตามองไปรอบๆ คนอื่นๆ ก็ถึงกับเงียบไม่กล้าพูดอะไร เบลดถึงกับเอามือปิดปากเลยทีเดียว
“ อย่างไรก็ตามที เบลด นายรู้รูปร่างของรถม้าไหม ” เด็กหนุ่มหันไปยังเบลด เขายังคงปิดปากเงียบอยู่แล้วมองมายังเขา ทำท่าทางพยายามจะพูดแบบไม่ให้มีเสียงอย่างสุดความสามารถ
“ ……. เออ................................... ข้าผิดเอง........ ” เด็กหนุ่มเกาหัวแกร่กๆ “ เอ้าพูดมาได้............. ”
“ ครับ!!! ” เขาพูดเสียงดัง แล้ว บอกรายละเอียดรถม้า “ มันเป็นรถม้าสีขาว!! มีกูส3 ตัวใช้ลาก ทั้งสามมีสีขาวเช่นกัน!! และที่ประตูนั้นมีสัญลักษ์ของเรเฟรียน่าเป็นรูปนกครับ!!! ”
“ ดี......... ” เด็กหนุ่มผู้มีผมสีน้ำตาลกล่าว “ บอกข่าวนี้ให้กับคนอื่นด้วย เราจะ กระจายกำลังกัน ตามเส้นทาง ”
เด็กหนุ่ม หยิบแผนที่ออกมาแล้ว ชี้ไปตามจุดต่างๆ มันเป็น จุดที่ใช้ดักตามเส้นทางต่างๆ ที่เป็นไปได้ ทั้งหมด
“ ข้าจะอยู่ที่จุดนี้เอง ” เขาชี้ไป ยังจุดๆนึง มันเป็นจุดที่ง่ายที่สุดที่จะไปยังจุดอื่นๆ นอกจากนั้น จุดที่อยู่บนเส้นทางหลักไปยัง เรเฟรียน่า
“ หากใครเห็นรถม้าตามที่เบลดบอก ให้ ส่งสัญญาณ ด้วย ” เด็กหนุ่มเน้นเสียงไปยังคำว่า สัญญาณ ซึ่งมันเป็นสัญญาณที่พวกเขาใช้กันอยู่ประจำ
“ ครับ!!! ” ทุกคนตอบรับพร้อมกับ แล้วกระโดดขึ้นหลังกูสของพวกเขา แล้ววิ่งไปประจำตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายมา
ยกเว้นคนเดียว
“ แล้วผมหละ....... ” เบลดถามอย่างใคร่รู้
“ นาย........... ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลลากเสียง “ กลับไปรอที่ฐานไป ”
“ หา.......................!!! ” เบลดส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ หัวหน้าทำแบบนี้ไม่ถูกนะ!! ผมอุตสาห์ แฝงตัวเข้าไปในปราสาทของกรุงโซลคาเรี่ยน แทบตายแนะ กว่าจะไปคาบข่าวแบบนี้มาให้หัวหน้าได้นะ!! ”
“ นั้นเป็นเพราะ เมื่อวานซืนเวรยาม ของการป้องกันปราสาทอ่อนลงกว่าเดิมหน่ะสิ ” เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบ
แต่มันตรงประเด็นมาก เพราะในวันนั้นทหารส่วนใหญ่ของโซลคาเรี่ยนออกไปตามหาตัวเจ้าหญิงกันเกือบทั่วทั้งเมือง
สุดท้ายแล้ว กว่าจะเจอตัวเจ้าหญิงนั้น ก็ล่อไปหลังพระอาทิตย์ตกดินเลยทีเดียว
“ แต่ว่าข้าก็อยากจะช่วยหัวหน้านี้นา!! ” เบลดพูดเสียงจริงจัง
แต่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลนั้นไม่ตอบอะไร เบลดจึงพูดต่อ “ เพราะเป็นหัวหน้า ผมถึงอยากจะช่วยหน่ะสิ!! ”
“ งั้นไปเอา Sun Set มา ” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกล่าวพลางลุกขึ้น “ ฝากด้วยหละ..... ”
“ .......หัวหน้าใจร้าย.................... ” เบลดบ่นขมุบขมิบ Sun Set อาวุธประจำตัวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลจนออกส้มนั้น คือขวานยักษ์ มันมีความยาวเฉพาะด้ามก็ 3 เมตรแล้ว นอกจากนั้น ยังมีใบมีดที่หนาคมและทนทาน.... และแน่นอน มันหนักมาก หนักเสียจน ลำพังแค่กูสตัวเดียวไม่อาจแบกมันได้
ถึงจะอย่างนั้น เบลดก็ขึ้นกูสของตนเองแล้วรีบควบไปให้เร็วที่สุด
และแล้วก็เหลือเพียงแค่เขาเท่านั้น เด็กหนุ่มที่มีผมสีน้ำตาลจนออกส้มผู้มีผ้าคาดหัวสีน้ำเงิน
เขาดึงมันเพื่อให้กระชับ แล้วเอาตัวไปพิงเนินทราย แหงนหน้ามองท้องฟ้า
แสงแดดที่ส่องตรงลงมาโดยไม่ผ่านแม้กระทั้งก้อนเมฆ ไม่มีสิ่งไดอยู่ท่ามกลางมันได้โดยไร้ร่มเงา
เว้นแต่ตัวเขา..... เท่าที่จำความได้ เขาก็ถูกฝึกให้อยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุเช่นนี้
ถูกจับให้อดข้าวอดน้ำ.... ต้องสู้กับสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน.........
จับอาวุธแทบนับชนิดไม่ได้ อ่านตำรานับพันเพื่อตอบคำถามที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
โดนทำลายแม้สิ่งที่ตนหวงแหน.... แม้แต่คนที่มาเอ็นดูเขาก็ตามที
โดยผู้ชายที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต........ ที่ยัดเยียดสิ่งเหล่านั้นให้กับเขา
“ หัวหน้า.......... ” เขาเอื้อมมือไปบังแสงแดด เขายังจำเรื่องในวัยเด็กของเขาได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าตนเองมาจากไหน มีใครเป็นพ่อ แม้แต่แม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าพอรู้ตัวอีกที
ก็มีคนที่ทุกๆ คนต่างเรียกว่า “หัวหน้า” เข้ามาในชีวิตของเรา
ชายร่างใหญ่ สูงเกือบสามเมตร มีเรี่ยวแรงเทียบเท่ากับ เบเฮมอส..... แต่รวดเร็วปานนกเหยี่ยว
ผู้ชายที่ทั้งแข็งแกร่ง และมีความรอบรู้ และมีค่าควรแก่การเป็นเป้าหมาย
แต่ว่า เวลานี้ เป้าหมายนั้นก็ได้มอดไหม้ไปพร้อมกับวันที่มีท้องฟ้าสีแดงนั้นแล้ว
“ เรเฟรียน่า....... นี้คือการแก้แค้นของปีกปักษา ”
------------------------------------------------------------------------
เวลาเดียวกันที่ในเมืองโซลคาเรี่ยน
“ องค์หญิงครับ ” ราชฑูตพูดพร้อมเคาะประตู สองสามครั้ง
“ มีอะไรหรือค่ะ ท่านราชฑูต ? ”
“ รถม้าที่จะกลับเมือง เรเฟรียน่าพร้อมแล้วนะครับ ”
“ ทราบแล้วค่ะ ” เด็กสาวตอบรับ พลางเปิดประตูออกมา
วันนี้เธอใส่ชุดสีขาวกระโปรงยาวสลวย ประดับด้วยลายดอกไม้สีทอง มันเป็นชุดแบบเจ้าหญิงแห่งเมืองเรเฟรียน่าก็ว่าได้
“ งดงามมากครับ องค์หญิง!!! ” ท่านราชฑูตชมเสียงดัง
“ เออ จำเป็นเหรอค่ะ ที่จะต้องใส่ชุดนี้เนี่ย ? ” รินถาม เธอไม่ค่อยชอบชุดแบบนี้ซักเท่าไหร ทั้งอึดอัดและเคลื่อนไหวลำบาก
“ เดี้ยวเรา ต้องไปเข้าเฝ้า ท่านมหาราช
แห่งโซคาเรี่ยน นะครับ จะให้ท่านแต่งชุดธรรมดาไปมิได้เป็นอันขาด! ” เขาพูดด้วยเสียงเด็ดขาด
“ ……..ค่า ทราบแล้วค่ะ ” เธอถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกับถามกลับ “ หวังว่าเราคงไม่ต้องใส่ชุดนี้ขึ้นรถม้ากลับไปหรอกนะ ”
“ อันที่จริงแล้ว ท่านควรจะใส่นะครับ ” ราชฑูตพูด
รินขมวดคิ้ว ส่งสายตาเป็นนัยว่าเธอก็ไม่ยอมใส่มันอีกง่ายๆ เป็นแน่
“ เอาเถอะค่ะ....... เรารีบไปเข้าเฝ้าท่านมหาราช ก่อนดีกว่าเดี้ยวท่านจะรอนานเสียเปล่าๆ ”
----------------------------------------------------------------------------------
เที่ยงตรง เด็กหนุ่มยังคงอยู่ที่เดิม เขานอนนิ่งบนพื้นทรายอย่างไม่สะทกสะท้านต่อแสงแดด
งูทะเลทรายตัวนึงค่อยเลื้อยเข้ามาหาเด็กหนุ่มอย่างเงียบๆ ที่อยู่เบื้องหน้ามันคืออาหารอันโอชะ
เพียงแค่กินเด็กหนุ่ม เข้าไปทั้งตัวเท่านั้น ก็มีอาหารประทังชีวิตไปได้อีกหลายวัน
มันค่อยๆแผ่แม่เบี้ย ร้องฟ่อ... ฟ่อ ขดตัวเป็นม้วน เตรียมจะกินมื้อกลางวันที่อยู่เบื้องหน้ามัน
แต่มันไม่รู้ แม้ว่า เด็กหนุ่มผู้นี้จะหลับตาลง แต่ประสาทหูของเขายังคงเปิดกว้างอยู่
วินาทีที่มัน ฉกเข้าใส่ นั้นเอง เด็กหนุ่มขยับมือไปจับส่วนคอมันอย่างแม่นยำ
ทั้งๆ ที่เขี้ยวพิษของมัน อยู่ห่างจากตัวเขาไปแค่ไม่ถึง มิลลิเมตรเลย
มันเปลี่ยนแผนในทันใด มันใช้ลำตัว ที่มีขนาดเท่ากับแขนของมนุษย์ และความยาวกว่า 3เมตร
ม้วนตัวเข้าไปรัดเด็กหนุ่ม อย่างรวดเร็ว ด้วยขนาดของมัน นั้นสามารถทำให้แขนของคนทั่วไปตายได้
แต่ไม่ใช่กับเด็กหนุ่มผู้มีผ้าคาดหัวสีน้ำเงินผู้นี้ เขาเพียงแค่ออกแรงบีบที่มือเท่านั้น ร่างของงู ก็กระตุก
“ ลาก่อน...... ” เขาบีบส่วนคอของงูให้แหลกในกำมือ แล้วปล่อย ร่างของมันให้หล่นลงมาสู่พื้นทราย
“ งูยักษ์ที่มีทั้งพิษและกำลัง....... แต่กลับไม่มีความเฉลียวฉลาด ” ร่างของงูยักษ์นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของมนุษย์ได้หรอก ” เขาเก็บหัวงูขึ้นมา ปิดปากมันให้สนิทแล้ว พันด้วยผ้าอีกชั้น จากนั้นก็เก็บเข้ากระเป๋าข้างเอว
“ หัวหน้า!!! ~~ ” เบลดขี่กูสมา ด้านหลังเขาคือ เกวียน ที่หอบลังอันใหญ่มาด้วย
แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เบลดก็ร้องโววาย “ หัวหน้า ระวัง นั้น แซนอานาค้า!!! ”
เขากระโดดลงมาจากหลังกูสเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้ววิ่งตรงไปขวางระหว่าง หัวหน้ากับศพงูไว้
“ เอ๋.... ” และแล้วเขาก็สังเกตุว่า งูตัวนี้ไม่มีหัว เขาหันกลับไปมองที่หัวหน้า ด้วยสายตาฉงน
“ ใช่มันตายแล้ว ” เขาตอบข้อสงสัยของเบลดพร้อมกับเอาหัวงูออกมาจากกระเป๋าข้างเอวให้เบลดดู
“ แต่เจ้านี้มันเป็นสัตว์ดุร้ายระดับ4 เลยนะ!! ” เบลดพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “ งูที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย มันจะจู่โจมเหยื่อ ด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบ!! นอกจากนั้นเขี้ยวของมันก็มีพิษร้ายแรง ถ้าหากโดนเข้าไปหละก็ อาจถึงตายได้ใน 10 นาทีเลยนะครับ! ”
“ ก็อย่าไปโดนพิษมันเสียก็สิ้นเรื่อง ” เขาตอบกลับราวกับมันเป็นเรื่องง่ายๆ พลางเก็บหัวงูตัวนั้นเข้าไปที่กระเป๋าข้างเอวเช่นเดิม
“ แต่ว่าด้านพละกำลังของมันก็สามารถทำให้เหยื่อหมดสติได..... ”
แกว้ก…………….
บทสนธนาของทั้งสองคนหยุดนิ่งในทันได พวกเขาแหงนหน้าขึ้นไปมองฟากฟ้า ปักษาสีดำกำลังโบนบินบนฟากฟ้า พร้อมกับโปรยปรายขนนกสีดำของมันลงมาสู่พื้นดิน
มันคือสัญญาณ
เบลดรีบวิ่งไปไปเปิดลังที่อยู่ท้ายเกวียนโดยไว ด้านในมันคือขวานขนาดใหญ่ยักษ์ ที่ต้องใช้กูสถึง 2 ตัวในการลากมันมา
“ หัวหน้า นี้ Sunset !! ”
เด็กหนุ่มรีบรุดเข้ามาหยิบขวานอันยักษ์ที่ยาวราวๆ 3 เมตร มีใบมีดกว้างเป็นเมตร เหล็กหล่อสีส้มแดง ตรงกลางประดับอัญมนีสีแดงเพลงไว้
“ เซเลวิส! ” เสียงตะโกนของเขา เรียกอีชีวิตหนึ่งที่นอนหลับใต้พื้นทรายให้ตื่นขึ้น
มันคือ จิ้งเหลนยักษ์ เดินด้วยสองขา มีมือสองมือเล็กๆ ข้างหน้า คอยืดยาว และหางยาวส่วนปลายคมกริบจนคล้ายดาบ
หูทั้งสองข้างของมัน ยาวออกมาจากส่วนหัวจนเห็นได้ชัดเจน บนหลังมันติดอานไว้สำหรับนั่งไว้ เรียบร้อย
“ ไป!! ” เด็กหนุ่มหยิบขวานขึ้นหลังมัน เพียงกระตุกบังเหียญเบาๆ เท่านั้น
มันก็ออกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด
เซเลวิส จิ้งเหลนยักษ์ วิ่งได้เร็วเทียบเท่ากูส แต่สามารถแบกของได้หนักกว่า กูสมากมาย
มันสามารถ แบกน้ำหนักขวานยักษ์กับตัวเด็กหนุ่ม ได้อย่างสบายๆ ซึ่งกูสทั่วไปไม่สามารถทำได้
วิ่งไปตามทางที่นกสีดำชี้นำระหว่างทาง พรรคพวกที่เหลือของเขาก็ตามมาสมทบ
“ หัวหน้า! ”
“ พวกเราพร้อมแล้วครับ! ”
“แล้ว เบลดหละ?”
“ ให้บุกโจมตีเลยรึเปล่าครับ? ”
“ เงียบแล้วฟังข้าทุกคน ” เขาหันไปคุยกับทุกคนโดยไม่ยอมลดความเร็วลง
“ นักเคิ้ล(Knuckle) แอโรว์(Arrow) กับ ไนฟ์(Knife) ตีขนาบข้าง ส่วน เรเปีย(Repair) กับ แอ็กซ์(Axe) ตามข้ามา เราจะไปดักด้านหน้าขบวนรถม้า ”
“ ครับ!!! ” แอโรว์ ไนฟ์ ตอบรับ พลางบังคับกูสให้แยกตัวจากกลุ่มไป
“ แล้ว เบลดหละ? ” หญิงสาวผิวสีคล้ำถามเด็กหนุ่มที่ขี่เซเลวิส นำอยู่ด้านหน้า
“ อย่าห่วงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรเปีย ” เขาพูดน้ำเสียงเด็ดขาด
เรเปียก้มหน้าลง ด้วยท่าทีเป็นห่วง แอ็กซ์เห็นทาทีแบบนั้นจึงพูดปลอบ
“ ถึงหัวหน้าจะพูดแบบนั้นก็เหอะ แต่คงให้เบลดกลับไปรอที่ฐานแล้วหละ ”
“ ถ้ามันยอมฟังหละนะ....... ” เด็กหนุ่มพูดอย่างหงุดหงิด
“ ถ้านายสั่งไปหละก็ฟังอยู่แล้วหละน่า ” แอ็กซ์พูด พลางหันไปมองเรเปียแล้วยิ้มให้
“ เพราะงั้น ไม่ต้องห่วงไปหรอก เรเปีย ”
“ ….อื้มม....... ”
พวกเขาหักเลี้ยว แล้วไปดักหน้าขบวนรถม้า อย่างรวดเร็ว ทหารม้าของเรเฟรียน่า ถึงกับประหลาดใจและยังไม่ทันตั้งตัวไดๆ พวกเขาก็ตายลงไปสองคนด้วยฝีมือของ แอ็กซ์และ เรเปีย เสียแล้ว
“ พวกแกเป็นใคร!! ” ทหารที่เหลือของเรเฟรียน่าเตรียมอาวุธขึ้นมาพร้อมรบทันใด
“ ปักษาอสูรไงหละ ” แอ็กซ์พูดพลาง วาดทวนของตนขึ้นมาไว้บนบ่า
“ ปกป้อง องค์หญิง !! ” ทหาร ราวสิบนาย พุ่งตรงใส่เขา แอ็กซ์กับ เรเปีย พร้อมอยู่แล้ว เขาและเธอสามารถรับมือกับทหารเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ
แอ็กซ์
ชายฉกรรณ ร่างใหญ่ผิวสีเข้ม
เขาเป็นผู้ที่มีพละกำลังมากเป็นอันดับสองของกลุ่มกองโจร แค่เขาฟาดขวานคู่มือของเขาลงไป ก็ผ่าร่างมนุษย์ธรรมดาออกเป็นสองท่อนได้ง่ายๆ
แต่ไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าพวกทหารแห่งเรเฟรียน่าที่หลบอยู่ใต้ชุดเกราะเหล็กกล้า
พวกทหาร ตัดสินใจจะล้มยักษ์ตนนี้ลงให้ได้เสียก่อน พวกเขาระดมกำลังกัน เข้าไปอัดชายผู้นี้ จนลืมไปว่ามีสตรีผิวสีคล้ำอีกคนนึงไปเสียสนิท
“ ให้ตายสิ ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนๆ ก็เหมือนกันหมด
” เธอพูดอย่างหงุดหงิด
พลางใช้ ดาบเรียวยาวแต่คมกริบ ทิ่มแทงตามจุดเกราะหนักไม่สามารถป้องกันได้ เช่น
ดวงตา ข้อต่อ
และจุดเล็กๆที่เป็นส่วนเชื่อมต่อต่างๆ ของเกราะหนัก
“ หัดระวังตัวบ้างซิ แอ็กซ์!!! ” เธอพูดอย่างโมโหร้ายนิดๆ
“ ฮะๆ แค่มีแผลเล็กๆน้อยๆฉันไม่สนใจหรอกน่า ” แอ็กซ์พูด พลางลงจากกูส แล้วหมุนขวานอาวุธประจำตัวของเขาเป็นการออกแรงเล็กน้อย
“ ฆ่าพวกมันให้หมดก่อนที่หัวหน้าจะลงมือดีกว่านะ ข้าไม่ชอบเวลา เจ้านั้นลงมือซะด้วยสิ ” แอ็กซ์ คุยกับ เรเปีย
“ อื้มม..... ” เรเปียพยักหน้ารับ แล้วหัน รับมือกับศัตรู
“ เจ้าพวกนั้น........ หรือว่าพวกมันคือปีกปักษาจริงๆ..... ” นายกองที่ยังยืนคุมสถานการณ์ใกล้ๆ รถม้า เริ่มวิตก
“ ท่านนายกองเกิดอะไรขึ้น ” เสียงของเจ้าหญิงจากข้างใน ถามนายกอง
“ ไม่มีอะไรครับ แค่พวกโจรกระจอกเท่านั้น ”
“ โจร.... ให้เรา...... ”
เจ้าหญิงพยายามจะพูด แต่ยังไม่ทันจะจบประโยคดี นายกองก็พูดแทรก
“ ไม่ได้ครับ! ข้าจะสั่งให้ทหารพาท่านหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ”
“ แต่แล้วพวกท่านหละ !? ” เสียงเจ้าหญิงฟังดูห่วงใยนายกองเสียมากกว่าชีวิตตัวเธอเสียอีก
“ ข้าไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้จัดการพวกมันเสร็จแล้วจะตามพวกท่านไปเสริม ”
“ งั้นท่านก็ไม่มีโอกาศนั้นแล้วหละ นายกอง... ”
ณ ที่ๆ ไกลออกไปราว800เมตร ไนฟ์ ลูกน้องของปีกปักษา ได้ยินทุกคำพูดที่ พวกเขาพูดกันอย่างชัดเจน
เขาให้สัญญาณ แก่ แอร์โรว์ ว่าให้เตรียมธนูของเขาได้ แต่ว่า ธนูของเขานั้นไม่ใช้ของธรรมดา แต่มันเป็น บาลิสต้า(เครื่องยิงศร ขนาดใหญ่)
จากตรงนี้ไป ถ้าหากเขายิงหละก็ นายกองผู้นั้นได้ตายคาที่แน่นอน เพราะศรของบาลิสต้านั้น
สามารถล้มช้างได้ทั้งตัวเลยก็ว่าได้
“ !!! ” แต่ว่าก่อนที่เขาจะสั่งยิงนั้น เขาสังเกตุเห็นบางสิ่ง “ หยุดก่อนแอร์โรว์!!!!!!!!! ”
“ เกิดอะไรขึ้น....... ” แอร์โรว์ถามเสียงเรียบแต่ในใจเขานั้นรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“ หัวหน้าลงมือแล้ว ”
จิ้งเหลนยักษ์ ที่มาช้ากว่าพวกกูส เนื่องจากสัมภาระที่เป็นขวานยักษ์ เด็กหนุ่มผู้มีผ้าคาดหัวสีน้ำเงิน
ผมสีน้ำตาลจนออกส้ม แววตาเด็ดเดี่ยว และไร้ประกายแห่งความเมตตา
เขาบังคับจิ้งเหลนให้โดดข้ามหัว แอ็กซ์และ เรเปีย พร้อมกับกวาดขวานด้ามยาวเป็นวงกว้าง
เพียงแค่นั้น ทหารในชุดเกราะโลหะหนักก็ถูกตัดเป็นสองท่อน ถึงสามคน ราวกับว่าเกราะโลหะเหล่านั้นล้วนแต่ไม่มีความหมายไดๆ
“ อ้ากกกกกกกก!! ” เสียงร้องอันโหยหวนของพวกทหาร ที่ถูกผ่าร่างออกเป็นสองส่วน เรียกให้ทหารที่เหลือพุ่งตรงเข้าไปแก้แค้นให้แก่พรรคพวก
พวกเขาชักดาบออกมาแล้วพุ่งตรงใส่เด็กหนุ่มผู้มีผ้าคาดหัว อย่างไม่คิดชีวิต จนไม่มีใครสังเกตุรอยยิ้มที่มุมปากที่ยิ้มอย่างชั่วร้าย ริมฝีปากที่ขยับด่าท้อพวกเขา เบาๆ
“ เจ้า พวก โง่ ”
เด็กหนุ่มพลิกขวานแล้วตวัดร่างที่ลอยคว้างของทั้งสามคนเมื่อครู่ เขาตัดมันออกเป็นชิ้นเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วน
อวัยวะมนุษย์ด้านในหลุดและปลิวกระจายออกมาเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย เลือดในศพเหล่านั้นทะลักออกมา ราวกับเป็นปะทัดอันเล็กๆ
พวกมันกระเซ็นรอดเข้าไปในช่องสายตาในหมวกเหล็ก จนพวกเขาต้องหลับตาลงตามสัญชาติญาณของมนุษย์
และพวกเขาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง.. ด้วยความขวานของของเด็กหนุ่มที่วิ่งผ่านพวกเขาไปพร้อมกับตัดร่างเขาเป็นสองส่วน
เป้าหมายของเด็กหนุ่มมีเพียงแค่อย่างเดียวคือรถม้าของเจ้าหญิง แต่ว่าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง ทหารเกราะสีทองซึ่งเป็นระดับนายกอง ก็วิ่งเข้ามาขวางทางเขาไว้
“ จะรีบร้อนไปหน่อยกระมั่ง ” ทหารในเกราะสีทองกล่าว เขาชักดาบออกมาฟาดใส่เด็กหนุ่มหนึ่งครั้ง
“ เคร้งงง!! ” เสียงคมดาบประทะกันดังสนั่น
มันบ่งบอกได้อย่างดีว่าฝีมือของนายกองผู้นี้มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
นายกองโถมโจมตี ต่ออีกครั้งเพื่อหยั่งเชิญ เขาพิจารณาจากตัวเด็กหนุ่มผู้นี้แล้ว คงเป็นพวกที่ถนัดการต่อสู้เชิงบุก
และชิงโจมตีก่อนด้วยความรวดเร็ว เพราะที่ตัวเด็กหนุ่มนั้นไม่มีเครื่องป้องกันไดๆ เลย แม้แต่เกราะหนังก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
เขาใส่แค่เสื้อคลุมที่ยาวถึงเอว ซึ่งไม่น่าจะเป็นเกราะได้เลย และชุดของเขาก็ดูไม่เหมือนชุดที่ใช้อยู่ในทะเลทรายเลยแม้แต่น้อย
“ เจ้าหนุ่ม แกไม่มีทางได้จับต้ององค์หญิงแม้แต่ปลายเส้นผมหรอก ” นายกองกล่าวขณะที่กำลังปะทะดาบกับเด็กหนุ่ม
“ อย่างเจ้าขวางข้าได้ไม่นานหรอก ” เขาโต้ตอบด้วยท่าทีหยิ่งยะโส สายตาของเขามองข้ามศัตรูไปยังรถม้าของเจ้าหญิงแห่งเมืองเรเฟรียน่าที่ค่อยๆ ห่างจากตัวเขาไปทุกทีๆ
“ มัวมองอะไรอยู่ เจ้าหนู!! ” นายกองผู้มากประสบการณ์ อาศัยช่องว่างเล็กๆ เข้าจู่โจมทันที ดาบของเขาทิ่มแทงตรงไปด้วยความเร็วสูง
แต่มันกลับพลาดเป้าไปอย่างง่ายดาย เพียงแค่เด็กหนุ่มสั่งให้จิ้งเหลนของเขาย่อตัวลงหน่อย ก็หลบมันได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว
“ ลอบจู่โจมก็ทำให้มันดีกว่านี้หน่อยลุง ” เขากระโดดขึ้นจากอานม้า แล้วเงื้อขวาแล้วฟาดมันลงไปเต็มแรง
กระบวนท่าทีเรียบง่าย แต่กลับเล่นเอานายกองคนนั้นแทบหลบไม่พ้นเลยทีเดียว
“ ซูมม!! ” เสียงขวานกระแทกพื้นทรายลงไปจนเป็นหลุมลึก และเรียกเอาฝุ่นทรายจำนวนมากขึ้นมาจากพื้น
“ ไง อัศวินผู้ได้รับการฝึกมาอย่างดีมีฝีมือแค่นี้เองรึไงกัน!! ” เสียงของเด็กหนุ่ม รอดมาจากฝุ่นทราย คล้ายกับเป็นการเตือนให้รับมือ
แล้วการโจมตีระรอกที่สองของเขาก็มาถึง คราวนี้เขาแค่กวาดขวานของเขาเป็นวงกว้าง เพียงแค่แรงลมของมันก็พัดเอาฝุ่นทรายเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง นายกองคนนั้นแม้จะรักษาชีวิตตัวเองได้จากการโจมตีระรอกนี้แต่ว่า เขาก็ต้องเสียกูสไปจนได้
“ แก!! ” นายกองโถมตัวเข้าโจมตี เขาคิดจะใช้ประโยชน์จากน้ำหนักดาบของตนที่เบากว่าศัตรู เพื่อชิงความได้เปรียบ
แต่ว่าเด็กหนุ่มกลับถมช่องว่างของความเชื่องช้าของตนได้เป็นอย่างดี กล่าวง่ายๆ เขากวัดแกว่งขวานยักษ์นั้นได้ เร็วเทียบเท่า นายกองผู้นั้นแกว่งดาบที่มีน้ำหนักเบากว่า เกือบสิบเท่า!
“ หายากเหมือนกัน ที่จะมีคนสู้ได้สูสีกับข้าในทะเลทรายแห่งนี้ ” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างนึกสนุก
“ ฮึ่ม!! ” แต่ว่านายกองผู้นั้นไม่ได้สนุกด้วยเลย นี้มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ที่เขาไม่สามารถชิงความได้เปรียบด้านไดๆ แม้กระทั่งความเร็ว ที่ดาบน่าจะเหนือกว่า
“ แต่ว่านะ ข้าไม่ว่างที่จะเล่นด้วยหรอก ” เด็กหนุ่มพลิกขวานใช้ด้ามที่ยาวตวัดทรายใส่หน้าของนายกองอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“ อ้า!!! ” ทรายผ่านช่องมองของหมวกเกราะมาได้ จนเกือบเข้าตาเขา ข้อดีของหมวกเกราะคือป้องกันการโจมตีได้
แต่แน่นอนข้อเสียก็คือ มันทำให้การมองเห็นแคบลง จึงไม่แปลกที่เขาจะมองไม่เห็นการโจมตีจากที่ต่ำ
ระหว่างที่นายกองพยายามฟื้นฟูการมองเห็นของตนนั้นเด็กหนุ่มก็กลับขึ้นไปขี่เซเลวิส เพื่อไล่ตามรถม้าของเจ้าหญิงไป
แต่ก่อนจะไปเขาก็ทิ้งคำพูดให้กับนายกอง “ ข้าขอชีวิตขององค์ หญิงก่อนแล้วกันนะ ”
“ ไป เซเลวิส!! ” เขากระตุกบังเหียญบังคับ จิ้งเหลนยักษ์ให้ไล่ตามรถม้าไป นายกองผู้ซื่อสัตย์พยายามตามไป
แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่า กูสของเขาพึ่งถูกกำจัดไป ทุกอย่างอยู่ในความคิดของเด็กหนุ่มผู้นั้นอยู่แล้ว
“ บ้าที่สุด!! ”
ทางด้านเด็กหนุ่มเองก็รีบตามรมม้าสีขาวซึ่งทิ้งระยะห่างไปมากแล้ว เขาพยายามเร่งให้เซเลวิสวิ่งให้เร็วที่สุด
แต่ระยะห่างระหว่างเขาและรถม้าไม่ได้ลดลงเลย ลำพังเขาคนเดียวไล่กวดรถม้าคันนั้นไม่ได้แน่นอน
แน่นอน ถ้าแค่เขาคนเดียวหละนะ
เขาตะโกนสั่งสหายที่อยู่ห่างออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทั้งดังและชัดเจน
“ ไนฟ์ แอร์โรว์!! ห้ามพลาดเด็ดขาดนะเฟ้ย!! ”
“ แน่นอน หัวหน้า ” ไนฟ์ ได้ยินเสียงของหัวหน้าเขาอย่างชัดเจน เขาให้สัญญาณมือแก่แอร์โรว์
เครื่องยิงบาลิสต้า ทำงานตามที่แอร์โรว์เล็งไว้ เป้าหมายเขาคือกูสสักตัวที่ลากรถม้า แม้ว่าเป้าหมายจะเคลื่อนที่ก็ตาม
แอร์โรว์ก็ไม่เคยพลาด กระสุนของเขาวิ่งตรงไปยังเป้าหมาย เสียบทะลุหัวของกูส สองตัวไป จนรถม้าเสียหลักในที่สุด
เด็กหนุ่มฉวยโอกาศนั้นไล่กวดรถม้าให้ทัน พลั้นใช้ขวานยักษ์ของเขาบั่นล้อของรถม้าทิ้งไปข้างทำให้รถม้าล้มลงอย่างสมบูรณ์
นายทหารที่ขับรถม้านั้นกระเด็นไปไกล เด็กหนุ่มไม่รอช้าสังหารเขาทิ้งแล้วจึงไปยังรถม้าที่ล้มเอียงไม่เป็นท่าอยู่
เขาดึงประตูทิ้ง ด้วยแรงมหาศาลของเขา แล้วทักทาย คนที่อยู่ด้านใน
“ ยมฑูต มารับตัวท่านแล้ว องค์หญิงแห่งเรเฟรียน่า ”
แต่เบื้องหน้าเขา กลับเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้แต่งกายหรูหรา แถมยังเป็นคนที่เคยมาล้างจานให้กับเขาเมื่อสองวันก่อนแทน....
“ อ้าว.........? ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง
To be Continue
ความคิดเห็น