ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New Fantasy : Rush the wind

    ลำดับตอนที่ #2 : Part 1 - Princess and her grate escape

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 50


     

     

    เมืองโซลคาเรี่ยน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย แต่เนื่องจากในเมืองนั้นมีโอเอซิสขนาดใหญ่ จึงมีผู้คนมาอยู่เป็นจำนวนมาก

    อาณาเขตของเมืองนั้น กว้างใหญ่ ครอบคลุมทั้ง ทะเลทราย รวมไปถึงแถบตะวันตกของทวีปเลยทีเดียว

    และมีเมืองข้างๆ เป็นพันธมิตร ที่ชื่อว่า กรุงเรเฟรียน่า ซึ่ง เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ และตั้งอยู่บนพื้นหญ้าที่อุดสมบูรณ์

     

    แม้สมัยก่อน เมืองทั้งสองเคยเป็นคู่อริกัน แต่บัดนี้ เมื่อทั้งสองนั้นอยู่กันเฉกเช่นพี่น้องกันไปเสียแล้ว

     

    ในวันนี้ ได้มีรถม้าจากเมืองเรเฟรียน่า มา  มันเป็นรถม้าสีขาวประดับด้วยสีทอง บ่งบอกว่าผู้ที่โดยสารมานั้นมีฐานนะพอตัว

    ในรถม้านั้นเอง มีชายแก่คนหนึ่งกำลังพูดคุยกับ หญิงสาวคนหนึ่งในรถ

     

    เข้าใจไหมครับ นี้เป็นการเสด็จ มาเยือนอย่างเป็นทางการ! ท่านห้าม...

     

    ห้ามทำอะไรที่ไม่สมควร   เด็กสาวยอกย้อนกลับไป พลางถอนหายใจแล้วมองออกไปที่ด้านนอกรถม้า

    ท่านพูดกับเรา มาเกือบจะสิบรอบได้แล้วหละมั้ง

     

    แต่องค์หญิง ชอบแสดงท่าทางที่ไม่สมควร และไม่เหมาะสมนี้ครับ... ชายแก่พูด

     

    ท่านกังวลเกินเหตุไปแล้วหละมั้งค่ะ ท่านราชฑูต องค์หญิงมองออกไปข้างนอก

     

    กลับกันถ้ามีคนมองจากข้างนอกเข้ามาหละก็ พวกเขาจะเห็นว่า องค์หญิงข้างในกำลังกวาดสายตามามองพวกเขา

     

    ผมสีดำเข้มเข้ม ผิวสีขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากสีชมพู อีกทั้งชุดที่ถูกตัดมาให้อย่างสวยงาม นั้นทำให้ชายหนุ่มจ้องมององค์หญิงใน รถม้านั้นอย่างไม่วางตา

     

    หน้าที่ก็พอจะรู้อยู่หรอกนะ ว่าให้มากระชับสัมพันธุ์ไมตรี ให้มาเยี่ยม ประเทศเพื่อนบ้าน ก็ไม่ต่างจากไปเที่ยวบ้านเพื่อนหละนะ

    แต่ว่าให้มาอย่างเป็นทางการนี้สิที่.......น่าเบื่อ

     

    ต้องมาใส่ฟูฟ่องๆ  ต้องสำรวมกิริยา..  ห้ามทำแบบโน้น แบบนี้....... อย่างนั้นไม่ได้ อย่างนี้ไม่ดี

     

    ฉันเองก็เป็นสาวน้อยนะ.... ขออิสระมั่งไม่ได้หรือไงกันนะ

     

    ที่สำคัญนะครับ องค์หญิง.... ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง  

     

    ห้ามหนีเที่ยวเด็ดขาดนะครับ! ”

     

    นั้นหละที่ฉันกำลังจะทำเลยหละค่ะ ท่านราชฑูต

     

    -------------------------------------------------------------------

    องค์หญิงหายไปแล้ว!!! ”  เสียงราชฑูตดังลั่น เล่นเอาตัวเจ้าหญิงเอง ที่กำลังปีนกำแพงรั้วอยู่ตกใจแทบตกรั้วเลยทีเดียว

     

    ขอโทษด้วยแล้วกันนะ แต่ฉันขอไปเที่ยวนิดๆหน่อยๆ คงจะไม่เป็นไรหรอกนะ

    องค์หญิงทำโน้น... องค์หญิงทำนี่  ฉันหละเบื่อ  องค์หญิงๆๆ  ฉันก็มีชื่อที่ท่านพ่อให้มานะ!

     

    ริน  นั้นคือชื่อของฉันไงหละ เรียกกันแต่ องค์หญิงอยู่ได้........

     

    แต่ครั้นจะมีใครเรียกก็คงมีแต่ท่านพ่อหละมั้ง แล้วไอ้คนอื่นที่ไหนพบหน้า เจ้าหญิงแห่งเรเฟรียน่าจะกล้า เรียกชื่อเราห้วนๆ หละ

     

    การมาเยี่ยมเมือง โซลคาเรี่ยนก็น่าสนใจอยู่หละนะ  แต่ว่าฉันไม่ค่อยชอบชุดฟูฟ่อง อะไรพวกนั้น ส่วนตัวแล้วชอบใส่ชุดสบายๆ  อย่างชุดนี้เสียมากกว่า

    เอาหละ ไปเที่ยวให้สนุกดีกว่าเรา

     

    ว่าแล้ว ริน เจ้าหญิงของเรา ก็ออกเที่ยวเมืองโซลคาเรี่ยนอย่างสบายใจ โดยทิ้งให้ราชฑูตต้องปวดหัวกับการกระทำของเธอแทน

    รินมักได้รับการปฎิบัติเฉกเช่น เจ้าหญิง  แต่ส่วนตัวเธอแล้ว เธอชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสามัญชนเสียมากกว่า

    ได้มาตลาดของเมืองโซลคาเรี่ยน พูดคุยกับผู้คน ต่อรองราคาของ  แม้จะสกปรกไปนิด แต่มันก็ดีกว่า เดินเสด็จมาโดยมีองค์รักษ์ สองข้างทาง แล้วให้ทุกคนจับตามองเธอทุกๆ ฝีก้าว

     

    รินซื้อของข้างทางมากินบ้าง ที่ร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องกิน ไอครีมสิ!! หวานๆ เย็นๆ ทำให้ลืมร้อนไปได้ซักพักเลยหละ

    เธอเลียไอครีมแผล่บๆ ในระหว่างทาง เธอหยุดอ่านข่าวประกาศ ที่ติดไว้

     

      ผู้ใด มีข่าวของปักษาอสูร ทางกรุงโซลคาเรี่ยนจะมีรางวัลให้อย่างงาม  

     

    ปักษาอสูร..   เป็นชื่อที่คุ้นหูเสียเหลือเกิน...  เอ....  อ้อ ใช่!!

    ชื่อของกองโจร ในทะเลทราย  กองโจรที่ มีคนเพียงหยิบมือเดียว แต่มีกำลังรบเท่ากับทหาร หนึ่งกองพัน

    ทุกครั้งที่ลงมือ  จะมีธงเป็นสัญลักษณ์  ธงที่มีพื้นหลังสีดำสนิท ตัดกับรูปปีกนกสีขาวสะอาด

    มีข่าวว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทางเรเฟรียน่าได้ส่งทหารไปกวาดล้าง กองโจรนี้  แต่ทว่าไม่มีผู้ใดรอดกลับมา

    ในตอนนั้นเอง มีข่าวลือไปต่างๆนาๆ ว่ากองโจรนี้ได้ล่มสลายไปแล้ว  แต่ไม่นาน ชื่อเสียงของมันก็กลับมาอีก

    ความเหี้ยมโหดและ เฉียบขาดในการลงมือของพวกเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว 

    มีข่าวลือกันหว่า หัวหน้าของพวกมัน สามารถ ล้ม แซนด์เวิร์ม ได้ด้วยตัวคนเดียว  และสามารถข้ามผ่าน

    DEATH VILLATE ได้ด้วยตัวคนเดียว   ทั้งที่ๆ แห้งแล้ง และไม่มีโอเอซิส มีแต่สัตว์ประหลาดระดับ 7 ขึ้นไปอยุ่ทั้งนั้น

     

    ถ้าคนอย่างนั้นมีจริง ก็คงจะสูงปานยักษ์ และมีหน้าตาโหดเหี้ยมน่ากลัวเป็นแน่เลย

     

    ริน รู้เรื่องพวกนี้ได้ เพราะว่า เธอเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ตอนที่อยู่ที่เมืองเรเฟรียน่าเธอมักจะ  อยู่ในส่วนของห้องสมุดเสียเป็นส่วนใหญ่มากกว่า

     

    ปึก!

     

    มีคนมากระแทกตัวรินแรงๆ  สงสัยเป็นเพราะเธอยืนเหม่อ อยู่แน่ๆ   เธอจึงกล่าวออกไปอัตโนมัติ ขอโทษค่ะ

     

    แต่ชายคนที่มาชนรินกลับก้มหน้าแล้วรีบวิ่งหายไปจากสายตาเธอโดยเร็วที่สุด

     

    แปลกคนจัง......

     

    ว่าแล้วเธอก็กินไอครีมจนหมด(ก่อนที่มันจะละลายไปหมด)  เธอก็เหลือบไปเห็นป้ายโฆษณา

    ข้าวผัดโซลวิน อร่อย ราคา...

    …………….หิวซะแล้วซิ.....

     

    ว่าแล้วก็เดินเข้าไปในร้านนั้นทันที....  ตามใจปากท่าจะแย่เหะเรา...  แต่มันฟังดูน่าอร่อยออก

    เธอเดินผ่านม่านทางเข้า   ในร้าน ถูกจัดให้เป็นระเบียบอย่างดี  มีแสงสว่างสลัวๆ มาจากด้านนอกนิดหน่อย

    ทำให้บรรยากาศในร้านดู ทึมๆนิดๆ    โต๊ะทำมาจากหินสีแดงที่ถูกตัดมาอย่างดี ส่วนเก้าอี้นั้น ทำมาจากไม้

    อากาศข้างใน ดูจะร้อนอบอ้าวกว่าข้างนอกเสียอีก...  

     

    เธอเดินพลางมองไปรอบๆ  นี้ถือว่าเป็นการจัดร้านที่แปลกมากๆ....  เพราะว่า เขานำครัวออกมาอยู่ที่บริเวณทางเข้าเลยด้วยซ้ำไป

    ทำไมกันนะ ??  เอ..... ????

     

    รับอะไรดี   

     

    รินสะดุ้งนิดๆ  เพราะในร้านมันดูสลัวๆ  เธอจึงไม่ได้สังเกตุเห็น ชายคนนึงที่ครัว  เขาตัวสูงพอๆ กับเด็กสาว

    มีผ้าผืนใหญ่คลุมหัวตั้งแต่หน้าผาก ไปจนถึงต้นคอ...    เป็นธรรมดาของพ่อครัวที่ต้องมัดผมแบบนี้ เพื่อไม่ให้ เส้นผมลงไปในอาหาร

     

    ชายคนเดิมทวนคำถามตนเอง ด้วยเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตร    รับอะไรดี

     

    เออ.....  ข้าวผัดโซลวิน  ตามที่เขียนไว้ข้างนอกหน่ะค่ะ รินตอบ

     

    พ่อครัวคนนั้นเงียบอยู่พักใหญ่  ถ้าสังเกตุดีๆ แล้วหละก็ เขามีอายุไม่ต่างไปจากเธอเลย

     

    ได้...  รอซักครู่   เขาหันไปหยิบกระทะ พร้อมกับตั้งไฟ ระหว่างนั้นก็ตะโกนบอกริน เลือกที่นั่งตามสบาย

     

    เป็นการต้อนรับลูกค้าที่ไม่น่าประทับใจเท่าไหรเลย.......  รินคิดแบบนั้น พลางหาที่นั่งให้ตัวเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากครัวไปมากเสียเท่าไหร

     

    เพียงไม่กี่นาที อาหารที่เธอสั่งก็ได้มา  มันเป็นข้าวผัดแปลกๆ แต่มีกลิ่นน่าทานทีเดียว (ถึงแม้ว่าจานจะแตกๆ แล้วดูเก่าไปหน่อยก็เหอะ...)

    พอชิมๆ ดู................................................................................   รสชาติไม่เลวเหะ....  อร่อยด้วยซ้ำไป!

    พอเธอกินแล้ว ก็อดที่จะกินอีกไม่ได้ ไปๆ มาๆ ข้าวในจานหมดจานไปตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป

    ร้านขายข้าวอร่อยๆ แบบนี้ทำไม ไม่มีคนมากินนะ....   อ๊ะ...

     

    แล้วรินก็นึกขึ้นมาได้  ถึงความรู้สึกที่ไม่น่านั่ง ในตอนแรกของร้านนี้  นั้นคงเป็นสาเหตุทำให้ขายไม่ค่อยออกหละมั้ง

    น่าเสียดายออก ทั้งๆ ที่ทำอร่อยขนาดนี้แล้วแท้ๆ

     

    ขออีกจานค่ะ   เด็กสาวสั่ง ด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

    พ่อครัว เลิกคิ้วขึ้นข้างนึง ก่อนจะตั้งไฟ แล้วผัดข้าวให้กับเด็กสาว  คราวนี้เด็กสาวมองไปยังครัว  เธอต้องแปลกใจด้วย

    ท่าทางที่ทะมัดทะแมงของพ่อครัว และ ไฟที่ลุกโหมขึ้นในกะทะ เป็นพักๆ  บางครั้งไฟก็ลุกขึ้นจนติดเพดาน 

     

    เอ้า.....    ข้าวผัดอีกจานนึงมาแล้ว  กลิ่มหอมๆของมันลอยมาแต่ไกลเลยเชียว

    ไม่รอช้า รินกินจานที่สองเข้าไป และตามด้วยจานที่สาม.. สี่....

     

    ขออีกจานค่ะ! ”

     

    พ่อครัวขมวดคิ้ว แล้วพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ  กินมากๆ ไม่กลัวอ้วนรึไง

     

    ก็มันอร่อยนี่นา   รินเบ้ปากแล้วตอบ

    ปกติใครเขาจะพูดกับลูกค้าแบบนี้บ้างกัน!...  ไม่สิ  ปกติใครเขาจะพูดแบบนี้กับผู้หญิงกัน

    เสีย มารยาทจริงๆ.....

     

    จะเอาอีกก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่เธอดูราคาก่อนจะสั่งรึเปล่า

    พอได้ฟังแบบนี้มันก็น่าโมโหอยู่หรอก ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับพยายามจะบอกว่า ไปให้พ้นๆ ยังไงยังงั้น.....

    แต่พอดูราคามันก็ไม่ใช้ถูกๆ เลยทีเดียว จานล่ะ 200 เฟล....  ถ้ากินข้าวธรรมดา จานล่ะ 40 เฟล เอง......

    นอกจากบริการห่วยแตก บรรยากาศไม่ดี  แถมอาหารแพงอีก แบบนี้จะให้มีลูกค้าเต็มร้านก็เกินไป

    4 จานก็ปาเข้าไป 800  แล้ว....  ซื้อกูส ได้ตัวนึงเลยนะเนี่ย (กูส นกยักษ์เดินสองข้าง นิยมใช้ในการเดินทางในทะเลทราย)

    ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เถอะ...

     

    แต่อยากกินอีกจัง.......

     

    ไม่ต้องห่วงน่าฉันมีเงินพอจะจ่ายอยู่แล้ว   รินพูดพลางคว้าเงินในกระเป๋าออกมา...

     

    อ๊ะ....  กระเป๋า.....

     

    อ๊ะๆๆๆ……………

     

    อ๊ะ!!!!!! ” รินตะโกนเสียงดัง แล้วค้นกระเป๋าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า....  มันว่างเปล่า!!!!

    แต่เป็นไปไมได้ เราเตรียมเงินมา 2000 แล้วข้างทางก็ซื้อของไปอีกไม่ถึง 600 เอง!!

    ตามหลักแล้ว มันต้องเหลือ 1400 สิ!!

     

    รินพยายามค้นหาเงินในกระเป๋าอย่างร้อนรน  ในระหว่างนั้น เธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมายังเธอ

    คุณพ่อครัวจ้องฉันใหญ่เลยอ่ะ...

     

    ทำไงดีๆ

     

    คุณคง........   น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชาและน่ากลัวราวกับปิศาจจากขุมนรก (สำหรับรินหละนะ)

     

    ทำไงดีอ้า~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

    “ ………..ไม่ชักดาบหนีหรอกใช่ไหมครับ ?”     ตัวของเขาดูใหญ่กว่าเดิมอีกอ่า แง๊!!!

     

    ช่วยนู๋~~~~~~ด้วยยยย~~

     

    - . - . - .- . - . - . - . - . - .- . - . - . - . - . - .- . - . - . - . - . - .- . - . - . - . - . - .- . - . - . - . - . - .- . - . - .

    หมุนๆ กลมๆ  ล้างๆ 

    ถ้าหมุนไม่ดี เดี้ยวตกมาแตกน้า~

     

    หมุนๆ กลมๆ   ลงน้ำยาหน่อยก็สะอาดเหมือนใหม่.....

    เสร็จแล้ว ล้างให้สะอาด  อย่างให้เหลือน้ำยา

     

    ล้า ล้า...

     

    ล้างจาน ล้างจาน แสนสนุก

     

    ใช่ล้างจานแสนสนุก....   ฉัน ริน  เจ้าหญิงน้อยแห่งเมืองเรเฟรียน่า อายุ 15 ปี  ยังไม่มีแฟน (จะไปมาได้ไงหละ เป็นเจ้าหญิงนี่)

    เจ้าหญิงน้อยต้องมาล้างจาน........  เฮ้อ.......

    ไอ้ต้องล้างจานไม่เกี่ยงหรอก แต่ว่า ต้องมาล้างเพราะ ไม่ได้จ่ายเงินค่าอาหารนี้สิ........

    คนก็ไม่ค่อยจะเข้า  ทำไมจานสกปรกมันเยอะเป็นบ้าเลย....   อย่าบอกนะว่าเจ้านั้น (หมายถึงพ่อครัวนั้น)

    อาทิตย์นึงล้างทีนึงหน่ะ....                                     ยี้.... แบบนี้มันก็เกินไปนะ!!

     

    ให้เรามาล้างจานแล้วตัวเองก็ไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจเฉิบเนี่ยนะ.......

    แต่จะบ่นก็ไม่ได้ เราไม่มีเงินจะจ่ายค่าข้าวนี่นา   แล้วไอ้เงินนั้นมันหายไปไหนหมดนะ!!

     

    เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ  ในที่สุดก็ล้างจานหมดซะที.....  เล่นเอาซะปวดไหล่ไปเลยเหะ ล้างจาน 2 ชั่วโมงติดๆ

    รินมองไปยังกองจานที่ใสสะอาดสุดๆ มันแวววาวจนแสงบาดตา  พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้

     

    เธอถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ว ไปบอกพ่อครัว

     

    ล้างจานเสร็จแล้วค่ะ

     

    พ่อครัวเก็บหนังสือพิมพ์แล้วหันไปมองกองจานที่ส่องแสงแห่งความสะอาดกระจายไปทั่ว

    เขาลุกขึ้นไปดูใกล้ๆ จานเหล่านั้น   เขามองมันอยู่ซักพัก แล้วก็หันไป ส่งไม้ถูพื้นให้กับริน

     

    นะ....นี้มันอะไรกันค่ะ ? ”  รินถามทั้งๆ ที่พอจะเดาคำตอบออกอยู่แล้ว

     

    งานไงหละ  ไอ้พ่อครัวหน้าเลือดตอบกลับมาหน้าด้านๆ

     

    แต่ฉันพึ่งล้างจาน....   รินทำท่าจะเถียงแต่ว่า พ่อครัวคนนั้นก็พูดขัดไว้เสียก่อน

     

    แล้วไงหละ.......  ทำงาน 2 ชั่วโมง ใช้หนี้ 800 เฟล มันไม่มากไปหน่อยรึไง  

     

    ฉึก!!  ไอ้พ่อครัวบ้านั้น พูดซะเถียงไม่ออก  ทำงานสองชั่วโมงได้เงิน800 เฟล   ตกชั่วโมงล่ะ 400 เฟล

    นั้นมากพอๆกับ เงินเดือนของพวกทหารที่คิดเป็นชั่วโมง เลยนะนั้น

    แต่จะไม่สงสารฉันบ้างรึไงนะ อุตสาห์ล้างจานอันแสนโสโครกของแกให้มันวาบขนาดนี้นะ ห่ะ!!

     

    สุดท้ายแล้ว รินก็จับไม้ถูพื้นมา แล้วละบายความอัดอั้นของตัวเองลงพื้นให้หมด  โดยพูดกับตัวเองไว้ ว่าจะขัดมันให้สะอาดเอี่ยม เลยคอยดู!!

     

    ปืดๆๆ....   ปืดๆๆ!!

     

    จากโต๊ะสู่พื้น  พื้นแล้วโต๊ะ แล้วเก้าอี้.... ขัดๆ ถูๆ  ปัดกวาดๆ.......... จนผ่านไปอีก 3 ชั่วโมง

     

    เด็กสาวเอนตัวไปพิงผนัง  แล้วมองผลงานของตัวเอง

     

    ทุกซอกทุกมุม... สะอาด สะอ้าน ไม่มีแม้กระทั่งเศษฝุ่น  ถ้านี่เป็นการ์ตูนหละก็ พวกมันก็ส่องแสงระยิบระยับแล้วแน่ๆ

    ยังไงก็ตาม พวกมันก็สะอาดกว่าเดิมมากๆ  ถึงแม้บรรยากาศของร้านยังดูทึมๆอยู่ แต่ว่ามันก็ดูดีกว่าเดิมเยอะ

     

    ฟู่ เสร็จซักที เธอปาดเหงื่อออกแล้วหาที่ให้ตัวเองนั่งพัก  เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทำเรื่องพวกนี้ติดๆกัน

    หวังว่าไอ้พ่อครัวจอมโหดนั้น คงจะไม่มา หาเรื่องอะไรต่อ ฉันปัดกวาดซะจนหมดแรงแล้วนะ

     

    พูดไม่ทันจบเขาก็เดินดูสภาพร้าน....  พอคิดว่าเขาพยายามจะหาข้อติงานหละก็อดฉุนไม่ได้

     

    สุดท้ายเขาก็โยนผ้ากันเปื้อนให้ฉันแล้วบอก สุดท้ายแล้ว  ช่วยฉันต้อนรับลูกค้าอีกหนึ่งชั่วโมง ก็พอ

    อดคิดไม่ได้เหะว่าเจ้านี่กำลังวางท่าใส่เราอยู่

     

    ถึงจะพูดว่าให้ต้อนรับลูกค้าก็เหอะ.........  แต่ตั้งแต่เข้ามานี่ ยังไม่เห็นหัวลูกค้าคนอื่นนอกจากฉันเลย

    ล้างจานก็แล้ว ถูพื้น เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาดให้เสร็จก็แล้ว  ยังไม่เห็นใครเข้ามาเลยเหะ

     

    ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครเข้าร้านมาเลย  แต่สำหรับฉันแล้ว มันก็ดีออก ได้นั่งพักเฉยๆ ซักที

    พอมองไปรอบๆ ร้านทีไรก็ อดจะคิดไม่ได้ว่าร้านนี่มันไม่น่านั่งเท่าไหร

     

    ในเวลาว่างๆนี้เอง ฉันก็เริ่มคิดว่า ไอ้เงินที่ฉันใช้ มันหายไปไหนหมด ค่อยๆ ไล่ความจำไป

    ตอนแรกซื้อ ของอยู่ เงินก็ยังมี  หลังจากนั้นก็ซื้อไอครีมมากิน แล้วก็....

     

    แล้วก็ถูกชน.....!?!?!

     

    ใช่แล้ว ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ!!  มีโจรวิ่งราวเอาเงินในกระเป๋าเราไป!!

    อ๊า!!!!!!!!!  แล้วเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้เนี่ยนะ ป่านนี้ ไอ้โจรนั้น หนีไปได้ไหนต่อไหนแล้ว

    บ้าๆๆๆๆ  ทำไมฉันถึงรู้สึกตัวช้าเอาป่านนี้นะ  โอ๊ยยยยยยย

     

    เป็นอะไรไป...    พ่อครัวใจโหด เข้ามาทัก เล่นเอาตกใจ จนเกือบตกเก้าอี้แนะ!

     

    ป....ปล่าวซักหน่อย    รินพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

     

    เอ้า......    เขาเอาข้าวผัดโซลวินมาวางบนโต๊ะหน้ารินพอดี

    กินซะสิ   

     

    แต่ฉันไม่มีเงินนะ   รินตอบ

     

    โง่น่า  เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว เขาตอบพลางหยิบช้อนซ้อมให้กับริน ถือว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน

     

    “ …ขอบคุณค่ะ

     

      ไม่เป็นไรฉันให้เธอทำงานในส่วนของจานนี้ไปเรียบร้อยแล้ว  

    พอได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะเอาไอ้คำขอบคุณเมื่อกี้คืนจริงๆ ให้ตายสิ!

     

    เธอไม่ใช่คนในกรุงโซลคาเรี่ยนใช่ไหม? ”  พ่อครัวเดินกลับไปยังครัวแล้วพูดกับริน

     

    อื้มมมม  ใช่แล้วหละ ฉันพึ่งมาจากเรเฟรียน่าหน่ะ รินตอบไปตรงๆ

     

    “ …แต่ช่วงเดือนนี้ มีรถม้าที่มาจาก เรเฟรียน่า แค่คันเดียวคือ รถของเจ้าหญิงไม่ใช่รึไง? ”

     

    คำถามนี้เล่นเอารินเกือบสำลักเลยทีเดียว  เธอไม่ต้องการจะบอกฐานะที่แท้จริงให้กับใครรู้ทั้งนั้น

     

    ก็... เออ ฉัน  มากับรถม้าคนนั้นนะหละ  รินพยายามคิดเรื่องกลบเกลื่อน ใช่แล้ว ฉันเป็นบ่าวใช้ดของเจ้าหญิงไง!! ”

    โกหกไปน้ำขุ่นๆ เหมือนกันเหะ..... 

     

    หื้ม.....  เลยมากับเจ้าหญิง แล้วก็กลับพร้อมกับเจ้าหญิงสินะ ?   เขาถามรินต่อ

     

    อื้ม ใช่ๆ  มะรืนนี้ก็กลับแล้วหละ

     

    พ่อครัวคนนั้นนิ่งเงียบไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะชวนคุยต่อ แล้วบ่าวใช้ของเจ้าหญิง  มาอยู่แถวนี้ตั้ง 6 ชั่วโมง กลับไปไม่โดนต่อว่ารึไง

     

    การชวนคุยแบบนี้ของรินไม่ต่างอะไรจากการสอบสวนผู้ต้องหาเลย ชืนโกหกไปมั่วซั่วจะโดนจับได้เอาแน่ๆ แต่ก็ต้องโกหกไปตามน้ำหละนะ!

    ไม่หรอก วันนี้เจ้าหญิงให้ฉันมาเที่ยวเล่นในกรุงโซลคาเรี่ยนได้หน่ะ!! ”

     

    หื้มม... แล้วไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วยรึไงกัน

     

    ไม่ใช่นะ!! ”  รินขึ้นเสียง เหมือนมีบางอย่างมากดสวิตให้เธอ

    ฉัน เอาเงินมานะ แต่ว่า!!  พอเผลอหน่อยนึงก็ถูกโจรเอาเงินในกระเป๋าไปโดยไม่รู้ตัวหน่ะ!!!”

     

    “ …..งั้นเหรอ   พ่อครัวมองไปทางริน สำหรับรินแล้วมันเหมือนพยายามจะบอกเธอว่า เข้าใจปั้นน้ำเป็นตัวดีนิ

     

    ฉันพูดจริงๆ นะ   (ถึงเรื่องอื่นจะโกหกก็เหอะ)

     

    เขาวิ่งมาชนชั้นตอนกำลังอ่านป้ายประกาศ ตัวสูงประมาณนี้ เป็นผู้ชายผมสีดำสวมหมวก! ” เธอทำท่าทางประกอบคำอธิบายไป

     

    ใช่แบบนั้นรึเปล่า พ่อครัวชี้ไปยังคนที่มีลักษณ์ท่าทางอย่างที่รินกล่าวทุกประการที่นอกหน้าต่าง อย่างหน่ายๆ

     

    ใช่ๆ แบบนั้นเลยหละ  

     

    “ ……….หา?? ”  เธอหันไปมองอีกทีให้แน่ใจ  ชายผมสีดำสวมหมวก ตัวสูงประมาณที่เธอจำได้

     

    อ๋า!!!  คนนั้นหละ!!! ”  ว่าแล้วรินก็ทิ้งช้อนลงแล้วออกวิ่งไปสุดแรงเกิด  แทบจะพุ่งทะลุร้านไปเลยก็ว่าได้

     

    เฮ้!!   เดี้ยวก่อนสิ!!! ”  เสียงพ่อครัวตะโกนไล่หลัง แต่รินไม่สนใจเธอบึ่งฝีเท้าไปสุดแรง ตรงเข้าไปยังคนร้าย

    และดูเหมือนว่า คนร้ายจะรู้สึกได้ถึงอันตรายที่จะมายังตน  เขาวิ่งหนีริน สุดชีวิตเช่นกัน

    นี่ก็เกือบๆ 5 โมงแล้ว แถมเป็นย่านการค้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคน เยอะมาก 

    สำหรับฝ่ายไล่ตามนั้น ถ้าแค่คลาดสายตาไปเพียงนิดหน่อย  ก็จะหาไม่เจอแล้ว  นั้นจึงเป็นอุปสรรคของริน

    แต่รินก็ไม่ยอมแพ้เร่ง ฝีเท้าฝ่าฝูงชนที่ทั้งแออัดและหนาแน่น  ตอนที่คิดว่าจะคลาดสายตานั้นเอง  เธอก็เห็นว่าโจรคนได้เลี้ยวเข้าตรอกแคบๆ ไป

     

    หน่อย คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ!! ”  รินวิ่งตาม เข้าในตรอกแคบๆ ไป    มันเป็นตรอกที่ไม่มีผู้คน

     

    สุดทางนั้นมันเป็น ทางตัน ไม่มี ที่ให้ไปต่อ    รินไล่บี้ไปจนถึงทางตันนั้น   เธอพูดปนกับเสียงหอบๆ ของเธอ

     

    ในที่สุดก็เจอ....... ตัว  จนได้  แฮ่ก... แฮ่ก..

     

    แต่ตัวโจรนั้น กลับไม่มีทีท่า ตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับตอบด้วยท่าทีสบายๆ

     

    แหม อึด ดีนี่พี่สาว  

     

    อย่าพูดมากน่า ส่งเงินของฉันคืนมานะ!! ”  รินตะโกนสั่ง

     

    เงินของพี่สาว ?? เห?? ”  โจรนั้นดูมีอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้น เขาทำท่าขบคิดอยู่นานกว่าจะนึกออก

     

    อ้อ!  ที่แท้พี่สาวก็คือ ยัยเหม่อลอย  เมื่อตอนกลางวันนั้นเอง  

     

    อย่ามาเที่ยวตั้งชื่อให้ชาวบ้านอย่างนั้นนะย่ะ!!  กวนประสาทเป็นบ้าเลยเจ้านี่

     

    ยังไงก็ตาม เอาเงินฉันคืนมา เดี้ยวนี้นะ!! ”

     

    เด็กคนนั้นตอบกลับมาด้วยท่าทีที่มั่นใจมาก ผมก็อยากให้คืนพี่สาวอยู่หรอกนะ  แต่ว่า เพื่อนๆ ผมเค้าคงไม่อยากให้คืนหรอก

     

    เพื่อนๆ ?   อย่าบอกนะว่ามุขที่ห่วยแตกที่สุดของ นิยายจะมาเกิดกับฉัน  คงจะไม่มีพวกของเจ้าเด็กนี่ซึ่งเป็นผู้ชายล้ำๆ เข้ามาล้อมปิดทางหนีฉันไว้หรอกนะ

     

    รินหันกลับไปข้างหลังแล้วก็แทบอยากจะร้องไห้ ว่าไอ้มุขสั่วๆ แบบนี่ยังจะเอามาใช้กันอีก  เธอโดนกลุ่มชายฉกรรเข้ามาล้อมเธอไว้อย่างที่คิดทุกประการ

     

    โธ่.......ถัง.........

     

    ไงแม่หนู  มาเล่นกับพวกพี่ๆหน่อยไหม   คำพูดแนวๆ ในนิยายน้ำเน่าชัดๆ เลยนะเนี่ย

     

    ฮะๆๆ......   รินหัวเราะแห้งๆ แล้วเอามือตบหน้าผากตัวเอง  ระหว่างฟังคำพูดประมาณ เธอไม่รอดแน่ๆ แม่หนู

    หรือไม่ก็ น้องสาวอย่าพยายามหนีเลยนะจ๊ะ  

     

    ปึด.....  เส้นด้ายแห่งความอดทนดูเหมือนจะขาดลงสะแล้ว

     

    ให้มันน้อยๆ หน่อยนะเฟ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”

    รินวิ่งตรงเข้าไปเตะผ่าหมาก ผู้ชายคนแรกเต็มๆ   ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว  ลูกตางี้แทบหลุดออกจากเบ้าเลย  แน่หละสิ โดนจุดอ่อนของผู้ชายเต็มๆเลยนี่หว่า

     

    ต้องมานั่งล้างจาน......   รินหักกระดูกนิ้วเสียงดังกร็อบแกร่บ หลังจากผู้ชายคนแรกล้มลงไปทั้งน้ำตา

     

    เธอกระโดดขึ้นไปล็อกคอผู้ชายอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็ทิ้งน้ำหนักตัวเองลง ให้ร่างของเขาลงมากระแทกพื้นเสียงดึงปึง!!~

     

    ในระหว่างที่เสร็จไปแล้วสองศพ  รินแผดสายตา ที่เรียกง่ายๆ ว่า เอ็งตาย!! ” ไปยังคนที่สาม     

     

    แล้วก็ต้องถูพื้น.......... เด็กสาวตรงหรี่ เข้าไปหาชายคนสุดท้ายที่หันหลังหนี เธอจับล็อกตัวจากด้านหลัง จากนั้นก็ยกชายคนนั้นข้ามหัว ด้วยการเอนหลัง พร้อมระเบิดความเครียดของตัวเอง   ทั้งหมดเป็นเพราะ  พวกแก๊!!!!!!!!!!!! ”

     

    ชายสามคนลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น  บางคนถึงกับน้ำลายฟูมปาก (เข้าใจว่าเป็นคนที่โดนแตะผ่าหมากนะน่ะ) ในเวลาไม่ถึง 5 นาที

    รินหันไปยังเหยื่อ รายสุดท้าย  ที่ได้แต่ยิ้มแหย่ๆ ให้กับเธอ

     

    ไงจ๊ะ จะคืนเงินให้พี่สาวได้รึยัง รินส่งยิ้มสยองๆ ให้กับ เด็กน้อยที่เหลืออีกหนึ่งคน

     

    คะ....... คือว่า.   เด็กคนนั้นถอยหลังไปนิดๆ

     

    คือว่า อะไรเหรอจ๊ะ  หนูคงไม่อยากให้พี่สาวต้องโกรธสินะจ๊ะ~~~ ”  รินพูดข่มขู่อย่างโหดร้าย ตัวเธอดูใหญ่ขึ้นมากเลยทีเดียว

     

    คือว่า....... ผมใช้ไปหมดแล้ว ฮะๆ   คำตอบที่กล้าหาญออกมาจากปากเด็กน้อย

     

    ว่าไงนะ~~~~    รินถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ 

     

    ผมใช้ไปหมดแล้ว....

     

    เหตุการหลังจากนี้ ขอเซ็นเซอร์ชั่วคราว........    เนื่องจากผู้เขียนไม่สามารถบรรยายความโหดร้ายออกมาเป็นตัวอักษรได้..

    ---------------------------------------------------------

    ในตอนที่เจ้าหญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย....   มักจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยแล้วกำจัดพวกคนเลวให้หมด

    หลังจากนั้น เจ้าชายก็หันมาถามเจ้าหญิงว่า ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ

    แล้วเจ้าหญิงที่ได้เห็นการกระทำอันกล้าหาญของเจ้าชาย ย่อมตอบว่า  ไม่เป็นไรค่ะ

     

    ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นแบบนั้นหละน้า.......  แต่ว่า พอดีฉันไม่คิดว่าจะมีเจ้าชายผ่านมาซะด้วย

     

    เด็กสาวถอนหายใจ  ระหว่างที่นั่งอยู่บนกองของคนเลวที่เอามาสุ่มๆ กันจนกลายเป็นเก้าอี้

    ในเมื่อไม่มีเจ้าชายมาช่วย  เจ้าหญิงเลยต้องสำแดงเดชเอง  เล่นซัดซะหมอบเลยเหะเรา

     

    ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี่นะ   เด็กสาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ตกดินไปจนได้

     

    ฉันก็อยากให้มี เจ้าชายผ่านมาช่วยซักคนมั่งจังน้า   เด็กสาวบ่นกับตัวเอง

     

    ลองเป็นแบบนี้ อย่าว่าแต่เจ้าชายเลย  ฉันก็ไม่อยากจะเข้ามาช่วยหรอกนะ    เสียงนึงพูดกับเธอ

     

    พ่อครัวคนนั้นนะเอง  เด็กสาว เห็นแบบนั้นเลยรีบลุกจากเก้าอี้มนุษย์  แล้วถามอย่างอายๆ

    ธ.... เธอเห็นด้วยเหรอ

     

    ก็นะ   พ่อครัวคนนั้นตอบพลางเดินไปดู พวกที่นอนกองสุ่มๆ กันอยู่

    อย่างเธอน่าจะเป็นนักสู้ มากกว่า เป็นบ่าวใช้ให้เจ้าหญิงนะเนี่ย   เขาพูด

     

    ระ..........เรื่องของฉัน   เธอหันหน้าหนีแล้วถามต่อ    ธ.... เธอเห็นตั้งแต่เมื่อไหร

     

     พ่อครัวทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะบอกความจริงไป  “…………ตั้งแต่ต้นเลยหละมั้ง  

     

    หา!! ” เด็กสาวตกใจมาก ต่อมาความตกใจก็เปลี่ยนอารมณ์โมโห แล้วทำไมไม่เข้ามาช่วยฉันหละ?!!? ”

     

    ขืนเข้าไปตอนนั้นฉันไม่โดนลูกหลงไปด้วยรึไง   พ่อครัว พเยิดหน้าไปทางพวกคนร้ายที่นอนทับกัน

     

    พ...พูดอะไรแบบนั้นเล่า! ฉันแยกออกหรอกน่าว่าใครเป็นใคร!!    ก่อนจะเติมประโยคให้เต็มด้วยความอาย

     

    หละมั้ง.......

     

    เอาเข้าจริง ถ้าเกิดมีคนเข้ามาเพิ่มหละก็ ตอนรินกำลังหน้ามืดตามัวอยู่หละก็  ได้อาละวาดอัดคนที่เข้ามาใกล้ทุกคนแน่ๆ

    น่าอายจริงๆ เลยเรา

    อย่างที่ท่านราชฑูตบอกนั้นหละ  เรามักจะแสดงกริยา ที่ไม่เหมาะสมออกไป...  แต่มันช่วยไม่ได้นี้นา บางทีฟิวขาดก็ต้องอาละวาดออกมาบ้างสิ

    ………………………………………………………………………………………………

    …………………………………………..

    แต่จะว่าไป....มีที่ไหนกัน เจ้าหญิงลงมือลงไม้ด้วยท่าที่แสนดิบเถื่อน  โอ๊ยยยย   อย่างน้อยมันต้องใช้เรเปีย แล้วออกท่วงท่าที่แสนสง่างาม แบบคนชั้นสูงสินะ

     

    ระหว่างที่รินกำลังนั่งคิดอยู่นั้น พ่อครัวคนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วดีดหน้าผากเธอแรงๆ

    โอ๊ยย!! มันเจ็บนะ! ”

    เด็กสาวตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้า

     

    ก็มัวแต่เหม่อนิ   เขาพูดพลาง พลางยื่นมือ ไปให้เธอ 

     

    ถ้าไม่รีบหละก็  เดี้ยวข้าผัดเย็นหมดนะ.....    

    นี้เป็นครั้งแรก ที่เห็นเจ้าพ่อครัวโหดนี่ยิ้ม... ไม่สิ เหมือนจะยิ้ม ???  เอ หรือว่าพยายามยิ้มให้

    แต่ว่ามันก็ดูดีกว่าหน้าบึ้งๆ ที่ทำใส่เราเมื่อตอนกลางวันเยอะเลย

     

    ถ้างั้นเธอก็ผัดให้ใหม่สิ  รินพูดพลางยิ้มกลับไปให้

     

    ถ้าทำงานเพิ่มอีกซักสองชั่วโมงหละก็นะ

     

    จะ.......ใจร้าย!!! ”

     

     งั้นก็จ่ายเงินมาสิ

     

    แล้วทั้งสองคนก็มัวแต่เถียงกันแบบนี้จนกระทั่งถึงร้านอาหาร ในระหว่างทางนั้น รินก็แอบคิดไม่ได้ว่า

    เขาเป็นคนที่ดีกว่าที่คิดนะ

    --------------------------------------------------------

     

    นี่ ขออีกจานไม่ได้เหรอ.......    รินบ่นหลังจาก กิน ข้าวผัดในจานจนเกลี้ยง

     

    กินเสร็จแล้ว จะไสหัว ไปไหนก็ไปเหอะ   พ่อครัวคนนั้นตอบพลางล้างกะทะ

     

    พูดอย่างนี้กับลูกค้า ไม่กลัวไม่มีคนมาเข้าร้านรึไงกันหา? ”  หลังจากหมดเวรหมดกรรมเรื่องค่าอาหารแล้วก็ขอบ่นเรื่องมารยาทกับลูกค้าซักหน่อยเหอะ

    เคยได้ยินบ้างรึเปล่าหละที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า  หน่ะ ?!?!”   

     

    ฉันไม่เชื่อในพระเจ้า   เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางเก็บกะทะ ลงใต้อ่างล้างจาน

     

    อย่างน้อยๆ น่าจะพูดสุภาพหน่อยนะ คือแบบว่า พูดดีเป็นศรีแก่ปาก   หน่ะ 

     

    ฉันเชื่อน้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย  มากกว่า 

     

    เอ้า  ออกไปได้แล้ว เด็กหนุ่มเก็บจานของรินขึ้นมา        ไม่ได้ไล่หรอกนะ  แต่จะปิดร้านแล้ว

     

    รินเบ้ปาก ไอ้แบบนี้นั้นหละ ที่ไล่กันชัดๆ........  รินลุกขึ้นพรวด แล้วเดินออกไปพร้อมหันหน้ามาตะโกนทิ้งท้ายให้

     ไปก็ได้ !!! ”

    ก่อนที่เธอจะจากไปโดยทิ้งให้พ่อครัวหนุ่มอยู่ในร้านเพียงคนเดียว  เขาค่อยๆ จัดการกับ จานใบสุดท้าย

     

    ในระหว่างที่เขากำลังล้างนั้นเอง มีคนมาเคาะประตู เรียกร้องความสนใจของเขา

    แขกผู้มาเยือนนั้น มีส่วนสูงที่ไม่มากนัก ดูจากอายุแล้วน่าจะราวๆ สิบสามปีได้ เขาพูดคุยกับพ่อครัวอย่างสนิทสนม

    ว้าว วันนี้ฝนตกแน่เลย มีลูกค้าเข้ามาแบบนี้เนี่ย!! ”

     

    หนวกหูน่า แล้วมีธุระอะไรรึไง   พ่อครัวหนุ่มถอดผ้าโพกหัวออก เผยให้เห็นถึงเรือนผมสีน้ำตาลจนออกส้ม

     

    อ้อ..... แค่มาบอกข่าวที่คิดว่าหัวหน้า จะต้องดีใจเท่านั้นหละ!! ”  เขาพูดอย่างอารมณ์ดี

     

    ............. พ่อครัวหนุ่มเอนตัวลงไปนั่งแล้วถามกลับไป มีอะไรว่ามา.....

     

    มะรืนนี้ รถม้าของเจ้าหญิงจะเดินทางกลับเรเฟรียน่าแล้ว!!!!!      พวกเราเตรียมแผนการไว้เรียบร้อยแล้ว! ”

    เด็กหนุ่มคนนั้นก้มหัวลง แล้วพูดด้วยวาจาเคารพนบนอบ พวกเราพร้อมจะทำตามที่หัวหน้าสั่งครับ

     

    ดี.....  ไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อมซะ.......   มะรืนนี้  เราจะสังหารองค์หญิงแห่งเรเฟรียน่า

    เขาผูกผ้าคาดหัวสีน้ำเงิน พร้อมกับเดินหายเข้าไปในเงามืด

     

    To be continue


    Writer Note :

    สำหรับคนที่หลงผิดอ่านมาถึงตอนนี้ได้ ต้องขอขอบคุณจริงๆ ครับ(มีคนเข้ามาอ่านตั้ง 10คนแนะ ~ ~)

    สังเกตุว่า บทนำกับตอนแรก นั้นอารมณ์ค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร (มากเลยหละ- -'')

    ในตอนที่ 1 นั้น เนื้อเรื่องออกจะสบายๆ  แต่ถ้าหากใครต้องการความซีเรียสเหมือนในบทนำแล้วหละก็ ในตอนที่ 2 จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ....


    มีอะไรก็ติชมกันบ้างนะครับ



    สุดท้ายนี้ ขอบคุณจริงๆ ที่เข้ามาอ่านครับ _ _




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×