NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #9 : ไล่ล่า แคสเตอร์

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 66



    หลังจากโต้เถียงกันอยู่นานสุดท้ายก็ยอมมากินด้วนกันจนได้ในที่สุด

    บรรยากาศก็เรียกว่าสร้างความอบอุ่นได้ดี ตามประสาเด็กวัยรุ่นอายุ 7 ควบ

    ชินจิที่ได้รับความอบอุ่นหลังจากที่ตัวเองนั้นเครียดอยู่กับสงครามอยู่นานก็ค่อยผ่อนคลายลงขึ้นมาบ้าง

    แต่ว่า เขาไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป กับโทมิโอมิ และคิเรย์น่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาจริงๆเลยคือคิริสึงุมากกว่า

    เพราะเจ้าตัวเป็นนักฆ่าจอมเวทที่สามารถสืบแหล่งที่อยู่ของมาสเตอร์ของแต่ละคนได้โดยไม่ต้องพึ่งกำลังของเซอร์แวนต์เลย

    แล้วชินจิก็ไม่อยากให้บ้านนี้จะต้องกลายเป็นโศกนาฏกรรมแบบเดียวกับเบียคุยะในต้นฉบับที่ถูกคิริสึงุฆ่าในบ้านตระกูลมาโต้

    เพราะงั้นถอนตัวออกจากก่อนที่จะเกิดเรื่อง ย่อมดีที่สุด

    " จะไปแล้วเหรอ? " รินที่เอ่ยขึ้นพอตัวของชินจิได้เดินออกมาจากบ้าน

    " นี่มันยังอยู่ช่วงสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ ชั้นไม่ควรอยู่ที่นี่นาน ขอบใจสำหรับที่พักและกับข้าวนะ" พูดจบเจ้าตัวสะพายกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินไปด้วยตัวเองเนื่องจากว่าบ้านที่ตั้งของบ้านที่นี่ไม่ได้ไกลจากเมืองฟุยุกิ เลยเลือกเดินไปแทน

    " ชินจิ " 

    " อะไร "

    " อย่าตายล่ะ "

    ชินจิเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

    " เห...เป็นห่วงด้วยเหรอ คุณว่าที่ผู้นำโทซากะรุ่นถัดไปมาห่วงทายาทคนสุดท้ายของมาคิริจะดีเหรอ? " ชินจิยิ้มแซว

    " ใช่ที่ไหนกันเล่า ฉันทำเพื่อซากุระต่างหาก พอเธออยู่กับนาย เธอค่อยๆดีขึ้น " รินเดินมาหาตัวของชินจิแล้วยื่นสิ่งหนึ่งให้กับเขา
     

     

    มันคือนาฬิกาเวทมนต์ไว้สำหรับการตรวจจับแหล่งเวทมนต์ในแบบมือใหม่ที่โทคิโอมิทำให้กับริน

    " ฉันให้ยืม "

    " จะดีเหรอ มันเป็นของพ่อเธอไม่ใช่เหรอ? "

    " แน่นอนว่า หากทำพังนายต้องจ่ายค่าเสียดายด้วย เพราะงั้นรอดกลับมาแล้วให้มาเถียงกับฉันเรื่องดาบอัญมณีกันต่อนะ "

     

    ตลอดเวลาที่ชินจิคุยกับซากุระ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่อยู่ร่วมกัน แต่มันทำให้อาการจิตใจของเธอทิศทางที่ดีขึ้น เธอยิ้มมากขึ้น ถึงจะไม่พอใจที่ต้องยืมมือชินจิก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอชินจิอยู่ด้วย ทำให้น้องสาวของเธอนั้นอาการดีขึ้น

     

    ถึงรินจะเกลียดชินจิ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องกีดกันไม่ให้ยุ่งกับซากุระ เพราะปัจจุบันมันไม่เหมือนอนาคตที่เธอรู้จักแล้วล่ะ

     

    ชินจิที่พอรับรู้ว่านิสัยของรินชอบไปทิศทางซึนเดเระอยู่บ้าง ซึ่งเป็นมุมมองที่ตัวของเขาสัมผัสได้ว่าตัวของรินเองก็มีสเน่ห์ไม่แพ้กับซากุระเลย

     

    ยกเว้นเรื่องสัดส่วนล่ะนะ


    " หึ...พอเข้าใจแล้วล่ะว่า ทำไมเอมิยะถึงได้ชอบเธอ " 

    " พะ พูดอะไรของนายกัน! " รินหน้าแดงขึ้น

    " อ่อ มันก็แค่เรื่องราวของเธอที่ได้สมหวังกับเจ้าเอมิยะที่ไม่ใช่ซากุระล่ะนะ ไม่ต้องใส่ใจหรอก " ชินจิยิ้มไม่ถือสาอะไร เพราะยังไงเป็นเรื่องราวอนาคตในรูทUBW 

    จากที่ดูเธอใช้ดาบอัญมณีเซลเรทช์เป็น มันทำให้ตัวของชินจิมองออกว่า เธอมีแค่เฉพาะความทรงจำในรูทจอกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

    ทั้งสามรูทตัวของเธอแอบชอบตัวของชิโร่มาตั้งแต่สมัยประถมยันม.ต้นแล้วมั้ง

    " รักษาครอบครัวให้ดีล่ะ...เพราะว่าการโดดเดี่ยวมันเหงามากแค่ไหน " ชินจิเลิกแซวเด็กสาวก่อนทำหน้าเศร้าออกมา " อ่อจริง เธอรู้หนินะ "

     

    อนาคตเธอต้องใช้ชีวิตคนเดียวหลังจากสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 4 โดยให้คิเรย์เป็นผู้ปกครองชั่วคราวจนกว่าเธอโตพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองได้ เอาคนฆ่าพ่อแม่ตัวเองมาเลี้ยงดูตลอด 10 ปี

     

    ถึงเห็นแบบนั้นคิเรย์ก็มีลูกสาวนะ แต่แค่ไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน บางทีที่คิเรย์ทำไปคงอยากสัมผัสการเลี้ยงดูความเป็นพ่อคน แม้จะเลี้ยงดูซาดิสจนนิสัยเสียก็เถอะนะ 

     

    " ชินจิ..."

    " ไปล่ะ " พูดจบเจ้าตัวก็ได้เดินออกจากบ้านตระกูลโทซากะแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองฟุยุกิตามเดิม

    แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะกลับไปวัดริวโดหลังจากซื้อข้าวเที่ยงอยู่นั้น ก็มีอสูรรับใช้บินมาหาเขาแล้วมีจดหมายกำกับเอาไว้

    ' เรียกรวมตัว จากศาสนจักร ' 

    ชินจิจึงใช้เวทมนต์จากที่อ่านมาตลอดคืนแล้วอัญเชิญรับใช้

    จริงอยู่ว่าตระกูลมาคิริ โซเคนมันชอบใช้พวกแมลงมาเป็นอสูรรับใช้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจำเป็นต้องทำตามพวกเขาสักหน่อย ชินจิเลือกอสูรรับใช้รูปแบบอีกา แล้วให้มันไปบินตามอสูรรับใช้ของศาสนจักร

    ชินจิแทบไม่ต้องเดาเลยว่า เรียกรวมตัวกันเป็นเพราะอะไร

    ตัวของริเซย์ได้ประกาศเรื่องที่แคสเตอร์ออกอาละวาดทำร้ายผู้คนธรรมดา โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย เขาจึงทำการเปลี่ยนแปลงกฏสงครามจอกเล็กน้อย ในการสงบศึกชั่วคราว หมายหัวจัดการแคสเตอร์ หากสำเร็จก็จะได้ตราบัญชามาหนึ่งเส้น และจำนวนตราที่สูญเสียจากการต่อสู้กับแคสเตอร์

    แผนดูเข้าท่า แต่ดูยังไงก็เป็นแผนให้โทคิโอมิชนะชัดๆ 

     

    ทั้งโทคิโอมิกับริเซย์ก็คิดตื้นไปหน่อยนะ ที่คิดใช้งานอาเชอร์ กิลกาเมชน่ะ รายนั้นคงดื่มไวน์ให้คิเรย์รายงานผลการต่อสู้ให้แหงๆเลย


    คนที่รู้ว่ารูปร่างหน้าจริงๆของแคสเตอร์จะมีเพียง 3 มาสเตอร์เท่านั้น คือ คิริสึงุ คิเรย์ และชินจิ

    แล้วรู้ด้วยว่าเป้าหมายของจิลเดอเรย์เป็นใครก็ง่ายนิดเดียว

    เซเบอร์ อาเธอเรีย เพนดราก้อน

    ชินจิที่คิดว่าใช้แผนปลอมตัวเป็นโจนอีกรอบ แต่คิดไปคิดมาคงไม่ได้ผลอีกแล้วล่ะมั้ง 

    ระหว่างที่เขาหาอะไรซื้อกินข้างนอกพบว่ามีอสูรรับใช้หมาพันดุมาหาเขาโดยมีโน๊ตกำกับไว้ใต้ปลอกคอ

    ' คืนนี้เราจะไปบุกที่ฐานมาสเตอร์ของเซเบอร์  ' 

    ชินจิรับรู้เลยว่าใครเป็นคนส่ง คงไม่พ้นตัวกลุ่มของเคย์เนธแน่นอน การเรียกอสูรรับใช้มาส่งข้อมูลก็บ่งบอกว่ายังไม่เป็นอะไรแล้วคิดจะโต้กลับ

    แต่ถือว่าเก่งใช้ได้เลยที่ใช้อสูรรับใช้ตามดมกลิ่นของเขามาได้ ถ้าเป็นจอมเวททั่วไปคงโดนเก็บไปแล้ว แต่เขาไม่ทำแบบนั้น ก่อนเข้าพยักหน้าเบาๆ 

    ตอนนี้ชินจิกลับมาใช้โฮกุของแลนสล็อตอีกครั้งหลังออกมาจากบ้านชั่วคราวของโทซากะ ถึงต่อให้เห็นใบหน้าก็ไม่สามารถระบุตัวตนได้อยู่ดี

    อสูรรับใช้หมาก็ได้หายไป

    ถ้าจำไม่ผิดการต่อสู้คืนนี้ที่จะมาถึง จะมี เซเบอร์ แลนเซอร์และแคสเตอร์มาร่วมวงด้วย

    ส่วนเคย์เนธคงไปท้าดวลกับคิริสึงุตามต้นฉบับ แล้วโดนกระสุนต้นกำเนิดไปสองนัด ในแบบที่ใช้วงจรเวทถึงขั้นขีดสูงจนถึงขั้นพังแล้วพิการขยับตัวไปไม่ได้เลยทีเดียว

    อาเธอเรียกับเดียร์มุดสู้กับจิลเดอเรย์ หน้าฉาก

    ส่วนหลังฉากก็คือการต่อสู้ของจอมเวท คิเรย์ ปะทะกับไอริสฟิล

    " จะว่าไป เธอไม่มีปลอกดาบอวาลอนนี่หว่า " ชินจิพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ว่าปลอกดาบมันอยู่ที่ตัวเอง แบบนี้ไอริสฟิลอาจถึงตายได้

    ถ้างั้นแล้วเขาก็ควรไปดูทางนั้นท่าจะดีกว่าแหะ

    มาถึงใกล้กลางดึก ตัวของชินจิที่ได้มาเจอกับตัวของเคย์เนธและเดียร์มุดในระหว่างทาง ว่าทัพหน้าจะให้ตัวของแลนเซอร์ไปฆ่าแคสเตอร์ตามที่ศาสนจักรไหว้วานมา ส่วนตัวของเคย์เนธเลือกที่จะสู้กับมาสเตอร์ของเซเบอร์ในปราสาท

    ส่วนตัวของชินจิไปบุกอ้อมไปด้านหลัง โดยไม่ได้สนใจเรื่องค่าหัวตราบัญชาอะไร แต่หลักๆแล้วไปช่วยไอริสฟิลมากกว่า

    ถึงเธอจะเป็นกุญแจนำทางจอกศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นมนุษย์เทียมที่มีจิตใจเหมือนผู้คนมากที่สุด แถมเป็นหญิงสาวเปิดดูโลกภายนอก

    ง่ายๆคืออ่อนไหวกับสาวสวยรุ่นแม่เป็นพิเศษ

    อ่า~~~นี่เขาติดเชื้อมาจากลุงคาริยะหรือแลนสล็อตกันเนี่ย ที่มีรสนิยมชอบผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วเนี่ย

    ก็นะ ให้เดียร์มุดร่วมมือกับอาเธอเรียเพื่อกำจัดจิลเดอเรย์น่าจะไม่มีปัญหาหรอก

    ส่วนตัวของเคย์เนธ ตัวของชินจิได้ให้ข้อมูลของคิริสึงุไป ว่าเป็นนักฆ่าจอมเวทประเภทภาคสนามที่เก่ง แล้วใช้เวทมนต์กาลเวลากับตัวเองและสภาพแวดล้อมได้ระดับเชี่ยวชาญ แล้วใช้กระสุนต้นกำเนิดสังหารจอมเวท ถัาไม่ระวังดีๆก็เตรียมตัวพิการจนไม่อาจใช้เวทมนต์ได้อีกเลย


    สำหรับเคย์เนธที่เจอระเบิดคาร์บอมทั้งตึกมาแล้ว รับรู้เลยว่าคิริสึงุไม่มีทางเล่นซึ่งๆหน้าแน่นอน ขอแค่ไม่ติดประมาท การรับมือจอมเวทประเภทนี้ เคย์เนธหากมีข้อมูลพร้อมล่ะก็น่าจะสูสีได้อยู่และเหนือกว่า

    ต่อให้เสียท่าจริง เขาก็ไม่ยอมให้เคย์เนธตายล่ะนะ เพราะว่าลอร์ดหอนาฬิกายังจำเป็นอยู่ในเส้นทางอนาคตของเขา

    เอาดูสิว่าวันนี้เขาต้องจำเป็นต้องใช้ตราบัญชาหรือเปล่านะ~~~

    _____________

    ณ ปราสาทไอน์เบิร์น ในแถบป่า

    " จากที่ดูวัดริวโดบนภูเขาเอนโซ มีการถูกสร้างอาณาเขตของเซอร์แวนต์อยู่ คาดว่าที่นั่นน่ะจะเป็นฐานทัพที่มั่นของเบอเซิกเกอร์ ระมัดระวังในการใช้เซเบอร์ด้วย จุดที่ให้ความสนใจมีอีก 3 จุด คฤหาสน์โทซากะ โบสถ์ฟุยุกิ แล้วเขตเมืองตะวันออกที่เป็นเขตอาศัยใหม่ ดังนั้น วิธีการอัญเชิญจอกศักดิ์สิทธิ์ที่มาเยือนในเมืองฟุยุกิมี 4 ที่เท่านั้น " คิริสึงุเอ่ยขึ้นหลังจากการทำการตรวจสอบข้อมูลของเหล่ามาสเตอร์และเซอร์แวนต์ในศึกครั้งนี้ แล้วพอรู้แล้วว่ามีมาสเตอร์บางคนยึดที่มั่นในการอัญเชิญจอกศักดิ์สิทธิ์แล้ว

    " ช่วงหลังการต่อสู้ จำนวนของเซอร์แวนต์ที่ลดลงแล้ว ยึดครองจุดเหล่านี้ในฐานะฐานทัพให้ได้สินะ " ไอริสฟิล

    " ถูกต้องแล้วล่ะ ส่วนของพื้นที่ก็มีประมาณนี้ มีคำถามอะไรมั้ย? " 

    ไอริสฟิลหันมามองอาเธอเรีย

    " ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ได้รายละเอียดครบแล้วค่ะ " อาเธอเรียตอบก่อนเงยหน้ามองมาสเตอร์ของตัวเอง 

    " คิริสึงุ พอจะสันนิษฐานได้มั้ย ว่ามาสเตอร์ทุกคนจะพุ่งเป้าไปที่แคสเตอร์น่ะ " ไอริสฟิลหันมาถามสามีของตัวเอง

    " ก็คงไม่ผิดพลาดหรอก แต่ว่าคืนก่อนแคสเตอร์ได้ปะทะกับเบอเซิกเกอร์ที่ใต้ดินเมืองฟุยุกิ ถึงจะบาดเจ็บสาหัส แต่หากได้ตราบัญชาช่วยรักษาแล้ว ก็น่าพุ่งเป้ามาที่เซเบอร์ ไม่รู้ว่าจะหน้ามืดหรือเพราะอะไร ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเซเบอร์เป็นโจนออฟอาร์คเป็นจุดที่มีประโยชน์ พวกเราก็แค่รออย่างเดียวก็พอ " คิริสึงุที่ให้ตัวของไมยะไปสืบข้อมูลเหตุการณ์เมื่อวาน

    พบว่ามีเหยื่อเป็นเด็กจำนวนมากที่กลายเป็นเหยื่อให้แคสเตอร์ในการเพิ่มมานาของตัวเอง แล้วจากข้อมูลของศาสนจักรก็รู้ว่ามาสเตอร์ของอีกฝ่ายเป็นเพียงฆาตกรหลบหนีธรรมดาที่ฆ่าคนไปทั่วเท่านั้น จึงไม่รู้กฏของสงครามอย่างดี ก็สมควรล่ะที่ถูกหมายหัว

    เขาสืบข้อมูลมาสเตอร์แทบทุกคนหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงตัวของเบอเซิกเกอร์เท่านั้นที่ยังเป็นปริศนาอยู่ เพราะผลจากโฮกุของอีกฝ่าย จึงไม่รู้ว่าเซอร์แวนต์นั้นเป็นใคร ที่มีความสามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้ จึงทำให้แกะรอยได้ยากว่าเป็นใคร 

    แต่ว่าการให้คำของไอริสฟิลที่มีความทรงจำของตระกูลไอน์เบิร์นอยู่จึงพอรู้ว่าร่างที่เบอเซิกเกอร์เป็นใคร

    มาคิริ โซเคน ผู้นำตระกูลมาโต้ในปัจจุบัน

    การตรวจสอบบ้านนั้น พบว่าทั้งบ้านได้เสียชีวิตลงไปตั้งแต่วันแรกของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์โดยน้ำมือของอาเชอร์ แล้วไม่อาจตรวจสอบได้ชัดเจนเนื่องจากถูกเผาไปหมดจนไม่เหลือซาก และแกะรอยไม่ได้ แต่ที่ยืนยันได้คือตระกูลมาโต้ได้ตายกันหมดแล้ว

    คิดว่าการปลอมตัวนั้นน่าจะเป็นร่างปลอมของเซอร์แวนต์อีกที

    แต่ว่าเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดแสงสว่างออกมาจากใต้ดินเมืองฟุยุกิ ก็รับรู้ได้เลยว่าเบอเซิกเกอร์ตนนี้นั้นไม่ใช่ธรรมดาที่จะต่อกรได้ตรงๆ ยิ่งมีสติครบถ้วนด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่

    การเคลื่อนไหวของมาสเตอร์เบอเซิกเกอร์และเซอร์แวนต์ไม่ชัดเจน ถึงจะรู้ว่าวัดริวโดจะเป็นฐานที่มั่นของเบอเซิกเกอร์ แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีร่องรอยการอยู่มา1 วัน แปลว่าเจ้าตัวหลบตัวอยู่ในเมือง

    " มาสเตอร์ แค่นั้นไม่พอหรอก การกระทำอันเลวร้ายของแคสเตอร์ยากจะยอมรับได้ ก่อนความเสียหายจะบานปลาย เราควรออกไปตามล่าค่ะ " อาเธอเรียที่ไม่พอใจการกระทำของจิลเดอเรย์ออกความเห็นให้ตัวเองเป็นนกต่อไปจัดการมัน

    แต่คิริสึงุเลือกที่เมินคำแนะนำของอาเธอเรีย

    " ปัญหาที่สำคัญกว่านั้นคือเรื่องแขนซ้ายของเซเบอร์ หลังจากที่คุณโจมตีระเบิดที่มั่นของเคย์เนธไป 18 ชั่วโมงแล้ว แต่แขนซ้ายของเธอยังไม่หายดีเลย แลนเซอร์น่าจะยังมีชีวิตอยู่ การที่จะกำจัดแคสเตอร์ให้ได้เต็มกำลัง ก็จำเป็นที่ต้องกำจัดแลนเซอร์ก่อนไม่ใช่หรอ? " ไอริสฟิล

    " เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก เธอก็แค่ใช้ความได้เปรียบที่ให้เซเบอร์หนีไปเรื่อยๆทำให้ศัตรูสับสนก็พอแล้ว " คิริสึงุไม่แยเสที่จะให้เซเบอร์ไปออกไปสู้อยู่แล้ว

    " จะปล่อยแคสเตอร์ไปน่ะเหรอ? "

    " ต่อให้ปล่อยแคสเตอร์เอาไว้ ก็คงมีมาสเตอร์คนอื่นมาจัดการ ตรงข้ามเลยคนที่มาล่าแคสเตอร์เป็นเหยื่อชั้นยอดเลยล่ะ " คิริสึงุอมยิ้มขึ้นมา " พวกฉันจะจัดการพวกมันจากด้านข้าง "

    อาเธอเรียกำหมัดด้วยความไม่พึงพอใจ " มาสเตอร์ คนอย่างท่านนี่มันจะทำตัวตกต่ำและน่าสมเพชไปขนาดไหนกัน! '

    " ท่านกำลังดูถูกวีรชนอยู่ ทำไมท่านไม่ให้ข้าออกไปสู้กัน ท่านไม่เชื่อใจในเซอร์แวนต์ของตนเองเลยเหรอ?! "

    คิริสึงุเลือกที่จะเมินต่อไป

    " นอกจากกับแคสเตอร์แล้ว เราต้องสงบศึกไม่ใช่เหรอ? " ไอริสฟิลที่เห็นบทสนทนาไปทิศทางเลวร้ายจึงรีบเปลี่ยนประเด็น

    " ไม่ต้องสนใจ กรรมการในคราวนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วให้ที่ซ่อนของแอสซาสซินมาดื้อๆ อาจจับมือกับโทซากะก็ได้ " คิริสึงุที่รู้ว่าแอสซาสซินยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่ไว้ใจศาสนจักรแล้วมองโลกในแง่ร้าย " ควรสงสัยเอาไว้ก่อน ถ้าจะดีกว่า "

    อาเธอเรียกัดฟันทำหน้าไม่พอใจ

    ทำไมชายคนนี้ถึงมาได้เป็นมาสเตอร์ของเธอกัน

    จากนั้นไม่นานคิริสึงุและอาเธอเรียก็รับรู้ถึงกลิ่นอายของเซอร์แวนต์แล้วให้เตรียมตัวพร้อมสู้รบ

    โดยข้างหน้าที่ไกลจากปราสาทได้ไม่ไกลมากนักก็ได้มีจิลเดอเรย์และฝูงเด็กที่ลักพาตัวมาแล้วสะกดจิตให้ตามมา

    " โจน ตามสัญญากระผมจิลเดอเรย์มาหาถึงท่านแล้ว " จิลเดอเรย์ฉีกยิ้มแล้วก้มหัวให้เพราะรู้ว่ามีคนมองเขาอยู่ แล้วเขาเชื่อมั่นว่าเพื่อนสนิทของเขากำลังมองเขาอยู่ " ข้าเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อเจ้าโดยเฉพาะไม่รู้เบื่อเลยล่ะ! "
     

     

    ศึกคืนที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×