NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #8 : ครอบครัวโทซากะ

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 66


    ชินจิค่อยๆลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนเตียงนอนโดยเห็นร่างหญิงสาวผมยาวสีดำในชุดสีขาวมาเช็ดใบหน้าของเขาก่อนปรับม่านตาโฟกัสให้เห็นเด่นชัด

    แม้ว่าจะเคยเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาเคยได้ยินเรื่องราวของเธอมาเยอะจากลุงของเขา 

    ยอดรักของลุงคาริยะ โทซากะ อาโออิ

    " อ้าว ตื่นแล้วงั้นเหรอจ้ะ ชินจิคุง " อาโออิยิ้มอย่างอบอุ่น " รู้จักน้าหรือเปล่า? "

    " ....น้าอาโออิ งั้นที่นี่คือ " ชินจิที่ค่อยๆลุกขึ้น

    " บ้านในตระกูลของน้าเองจ้ะอยู่ไม่ห่างจากเมืองฟุยุกิมากเท่าไหร่น่ะจ้ะ " อาโออิ

    " ผมอยู่นี่ได้ไง? "

    " รินเป็นคนพาหนูมาที่นี่เองล่ะจ้ะ แถมเด็กคนนั้นบอกว่าไม่ให้ส่งโรงพยาบาลอีก...ดูจากสภาพแขนของเธอ น้าพอรู้อยู่ล่ะนะ " อาโออยิ้มเศร้าออกมา

    " รู้เรื่องที่ลุงคาริยะตายแล้วสินะครับ " 

    " จ้ะ...." พูดจบเธอหยิบกาละมังเล็กที่ชุบน้ำมาไปทำความสะอาดภายใต้สีหน้าเศร้าหม่อง กับคาริยะ เธอรู้จักมานานแล้ว รู้จักกันก่อนที่จะมาแต่งงานกับโทคิโอมิเสียอีก

    " ไม่โกรธผมเหรอครับ เพราะผมทำให้ซากุระเป็นแบบนั้นน่ะ " ชินจิเอ่ยขึ้นทำให้เธอถึงกับชะงัก

    เหตุผลที่ทำให้ซากุระกลายเป็นคนของตระกูลมาโต้ได้นั้น มันเป็นเพราะตัวของชินจิดันมีสายเลือดจอมเวทที่เจือจางและแกนเวทอุดตันจนไม่อาจเป็นจอมเวทได้ จึงดึงตัวของซากุระที่ไม่ได้เป็นผู้นำตระกูลโทซากะ แล้วสิ่งที่ซากุระเจอมาตลอด 1 ปี ที่ถูกดัดแปลงวงจรเวทด้วยหนอนแมลง แล้วนอนแช่บ่อฝูงแมลง ก็เกินคำว่าให้อภัยแล้วล่ะ

    " มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก น้ากับโทคิโอมิไม่รอบคอบเองที่ไม่รู้จักตระกูลมาโต้ดีพอ น้าไม่ใช่คนที่ต้องโยนความผิดกับเด็กที่ไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำอย่างเธอ " พูดจบเธอเข้ามาสวมกอดชินจิปลอบโยน 


    " ชินจิคุงไม่ต้องยกโทษให้ก็ได้นะ แต่ว่าน้ารู้มาจากรินบ้างแล้ว น้าขอขอบคุณมากนะ ที่ช่วยรินเอาไว้ " 

    ชินจิที่ถูกกอดมาก็มีอาการดวงตาที่สั่นไหวเล็กน้อยก่อนอมยิ้มอย่างผ่อนคลายลง

    " อย่าเข้าใจผิดสิครับ ที่ผมน่ะแค่มีหนี้ที่ต้องสะสางกับรินเท่านั้น ผมไม่ได้อยากจะช่วยสักหน่อย " 

    " ถึงกระนั้นน้าก็ขอบคุณนะ " 

    ชินจิที่ได้รับสัมผัสการโอบกอดแบบนี้ ชวนให้คิดถึงที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ความอบอุ่นในอ้อมกอดมาตั้งแต่เกิด ว่าด้วยตัวของเขานั้นแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่ตัวเองจำความได้ เพราะแม่ของเขาตายลงก่อนที่เขาจะจำความได้ สาเหตุคงไม่พ้นฝีมือของโซเคนที่ใช้ผู้หญิงเป็นแหล่งพลังมานาเพื่อยืดอายุขัยของตัวเอง

    นานๆที่ได้ความอบอุ่นแบบนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ ชินจิเผลอเคลิ้มกับกลิ่นอายความเป็นแม่ของอาโออิ

    " แม่คะ ชินจิตื่น...." รินที่เปิดประตูเพื่อมาแวะดู พบว่าคนที่อยู่บนสนทนากำลังอยู่ในอ้อมกอดของแม่ของเธอนั่นเอง " แม่ทำอะไรเนี่ย! " 

    " เดี๋ยวเถอะ ริน หัดเคาะประตูด้วยสิจ้ะ " อาโออิตำหนิลูกสาวตัวเองก่อนที่ตัวของรินรีบมากีดกั้นให้ออก หลักๆแล้วเธอไม่อยากให้แม่เข้าใกล้เด็กชายคนนี้มากกว่า

    " แม่นั่นแหละทำอะไรน่ะค่ะ หมอนี่โรคจิตจะตาย "

    " ริน อย่าเสียมารยาทแขกสิ " อาโออิตำหนิ

    " ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือหรอก " ชินจิยิ้มออกมาผ่อนคลาย แต่สำหรับรินที่เห็นกลับเป็นสัญญาณอันตรายต่อแม่ของเธอจะเป็นเหยื่อของไอ้บ้านี้ 


    กับแค่ซากุระไม่พอหรือไงกัน!!

    " แม่ หนูมีเรื่องจะคุยกับชินจิหน่อย แม่ช่วยทำกับข้าวกับซากุระหน่อยสิ "

    " แหมๆ ทั้งสองคนดูสนิทเร็วจัง ไปรู้จักตอนไหนเหรอจ้ะ? " อาโออิยิ้มอย่างเอ็นดูลูกสาวที่ชอบจริงจังเสมอ น้อยครั้งที่อยากจะคุยกันเด็กชายด้วย " คบกันหรือยังจ้ะ "

    " " ไม่ใช่ครับ/ค่ะ " " สองคนตอบพร้อมกัน

    " จ้าๆ รินอย่าทำอะไรเสียมารยาทนะ " อาโออิยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนออกจากห้องไปปล่อยให้วัยรุ่นคุยกัน

    " มีแม่ที่ดีเลยนะ " ชินจิเอ่ยชม

    " หึ นายคงไม่ได้คิดจะอะไรพิเรนทร์ๆกับแม่ฉันหรอกใช่มั้ย? " รินจิกตาใส่เด็กหนุ่ม

    " เสียมารยาทจังนะ สำหรับที่คนช่วยจากฆาตกรโรคจิตให้แท้ๆ " ชินจิน้อยใจแบบปลอมๆ

    " ก็ฉันตอบแทนโดยพานายมาพักฟื้นตัวที่นี่ไง " ริน

    " ขอบใจนะ "

    รินที่ได้ยินถึงกับขนลุก คนอย่างชินจิจะขอบคุณเธอโดยไร้พิษสงเนี่ยนะ 

    เธอถึงกับขนลุกก่อนมานั่งขอบบนเตียง

    " แล้วนายไปทำอีท่าไหนมาถึงได้กลายเป็นสภาพนี้ล่ะ " รินถามขึ้นมา

    " ดูตราบัญชาก็รู้แล้วหนิว่าชั้นเป็นอะไรน่ะ? " พูดจบชินจิเผยตราบัญชาให้รินได้ดู


    ตราบัญชาที่มากกว่า 3 เส้นขึ้นไปตามแขนของเด็กหนุ่ม

    " มาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์ แล้วยังเป็นเบอเซิกเกอร์สินะ " รินเองก็ยังอึ้งอยู่ขนาดตอนพามายังบ้าน ว่าชินจิไปเอาตราบัญชาเยอะขนาดนี้มาจากไหนกัน แต่เลือกที่จะไม่ถามเรื่องนั้น

    " ใช่ เพราะใครบางคนที่เล่นส่งข่าวให้โทคิโอมิรู้ เลยถล่มบ้านจนไม่เหลือใครสักคน " ชินจิพูดจบก็ส่งสายจิกกัดที่เด็กสาว

    คำพูดนี้ทำหน้ารินถึงกับทำหน้าเจ็บใจขึ้นมาเลย ถึงเธอจะเป็นจอมเวท แต่ก็ใช่ว่าจะรักสนุกในการฆ่าคน เธอก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าพ่อของตัวเองจะเล่นฆ่ายกบ้านเลย

    ถึงจะช่วยซากุระได้แต่แลกกับการฆ่าบ้านตระกูลมาโต้ ลุงคาริยะสำหรับเธอแล้วเป็นลุงที่สนิทยิ่งกว่าพ่อของตัวเองด้วยซ้ำ แต่การที่เขาจะตายสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ถือว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว

    " ขอโทษ "

    " ถ้าขอโทษแล้วรู้สึกแย่ ก็อย่าพูดเถอะ " ชินจิรู้ว่ารินก็ไม่ได้ผิดสักทีเดียว เพราะหล่อนไม่รู้อะไรหนิในสงครามศึกนี้ราชาวีรชนเป็นเซอร์แวนต์พ่อของเธอหนินะ ที่เล่นพังบ้านมาโต้ซะยับขนาดนั้น

    " ไม่โกรธฉันเหรอ? "

    " โกรธสิ แต่ว่าแทนที่จะมาระบายสิ่งที่เจอ เอาเวลาไปเตรียมตัวทำสงครามจอกต่อยังดีซะกว่าล่ะนะ " ชินจิพูดแบบนั้นก็ไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธอะไรเป็นพิเศษ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำตอนนี้

    " นี่นายยังจะคิดไปอีกเหรอ? "

    " แล้วมีตัวเลือกหรือไง ชั้นในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับครึ่งคนครึ่งซอมบี้ ที่หัวใจไม่ต่างกับระเบิดเวลา หากมันหายไปชั้นก็ตาย สู้ให้ตายแล้วเอาตัวรอดยังดีซะกว่า " ชินจิที่เป็นมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์ และเซอร์แวนต์ด้วย 


    ถ้าให้หนีจากสงครามมันง่าย แต่ว่ามันไม่คุ้มเสียมากกว่า นอกจากจะโดนหมายจากกิลกาเมชแล้ว ยังต้องมาเจอสงครามในอนาคตอีก 10 ปี 

    " ทั้งๆที่นายต้องใช้พลังวีรชนน่ะเหรอ แบบนั้นนายก็ไม่ต่างกับเอมิยะคุงที่อยู่ใช้แขนของอาเชอร์เลยน่ะสิ " รินที่เคยเห็นสภาพคล้ายๆกันแบบนี้มาก่อนจึงพอเข้าใจสถานการณ์ของชินจิอยู่บ้าง

    " ก็คงงั้น "

    " เฮ้อ....ดูท่านายจะตัดสินใจแล้วสินะ งั้นคำถามต่อไป " พูดจบรินได้หยิบสิ่งหนึ่งออกมา

    มันคือดาบที่มีอัญมณีเป็นคมมีดที่ด้ามจับที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ไว้ในการต่อกรกับสิ่งที่เป็นภัยร้ายที่ตัวของเซลเรทช์มอบให้ตระกูลโทซากะ เพื่อกรณีสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์มีข้อผิดพลาดขึ้นมา

    ดาบอัญมณีที่สามารถใช้พลังมานาที่เชื่อมต่อมิติกาลเวลา ต่อให้ใช้หมดไปแล้วก็สามารถมีพลังมานาใหม่มาทดแทน

    ดาบอัญมณีเซลเรทช์ ที่ถูกสร้างขึ้นจากมหาเวทมนต์ลำดับที่ 2 นั่นเอง

    " นายไปเอามาจากไหน? " รินมีสีหน้าที่จริงจัง

    " ก็ขโมยจากสถานที่ลับของตระกูลโทซากะไง ถามได้ " ชินจิตอบออกมาสีหน้าเรียบเฉยมาก

    " นายหาเจอได้ไงต่างหาก! ตระกูลโทซากะทำหายไปในช่วงนึงจนไม่อาจหาเจอได้เลยนะ แต่นายกลับหาเจอแล้วเอาใช้ในสงครามครั้งนี้เนี่ยนะ!! " รินแทบอยากจะกระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มแล้ว เธอกว่าจะลำบากลำบนฝึกกับเซลเรทช์อยู่หลายปีแทบตายกว่าจะได้มันมาในอนาคต แต่ชินจิมันได้มันมาเพียงเวลาสั้นในช่วงสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เนี่ยนะ

    มันโครตไม่ยุติธรรมเลย!!!


    " ก็มันเป็นแบตเตอรี่มานาชั้นยอดเลยหนิ อีกอย่างชั้นยังเป็นจอมเวทที่ถอดด้ามที่พึ่งเรียนเอง แถมต้องใช้พลังของวีรชนประทังชีวิตก็ต้องมีของที่รับประกันความปลอดภัยไงเล่า " ชินจิพูดจบก็ยื่นแบมือออกมา " ถ้าเข้าใจแล้วก็เอามาซะ "

    " นายใช้เป็นด้วยเหรอ? " รินทำหน้าตกตะลึง เด็กเล็กอย่างชินจิเนี่ยนะ

    " ก็เป็นน่ะสิ พลังที่ใช้เจ้าดาบนั้นก็ล้วนเป็นธาตุอีเธอร์ต่อให้ไม่มีความรู้ธาตุอื่นๆอีก 4 ธาตุก็ใช้ได้ล่ะน่า ก็เห็นเมื่อวานที่ชั้นเวทคิริเอ เอลิซอน ไปแล้วหนิ "

    รินที่ไม่มีท่าทีจะคืนให้ พูดให้ถูกเดิมสิ่งนี้เป็นของตระกูลโทซากะมาตั้งแต่แรก มันก็ควรเป็นของเธอในฐานะผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปสิ 

    " ไม่เอามันเป็นของฉันอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่จะคืนให้กันล่ะ " รินทำท่าไม่ยอม อุตสาห์เจอมันตอนอายุนี้ทั้งนี้เรื่องอะไรที่เธอจะให้กันล่ะ!

    " ริน จะให้ดีๆหรือจะให้ทั้งน้ำตา " ชินจิฉีกยิ้มกว้างออกมา ดูเหมือนรินจะไม่รู้สถานะของตัวเอง 

    เธอคือจอมเวทฝึกหัดที่มีความทรงจำตัวเองในอนาคต กลับเด็กหนุ่มคือจอมเวทที่พึ่งหัดใช้เวทมนต์ได้และมีวิญญาณวีรชนอยู่ในตัว เอาตัวรอดในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่ แม้เทียบประสบการณ์ไม่ได้ แต่ด้านพละกำลังของชินจิเพียงพอที่จะแย่งชิงเธอมาอย่างง่ายดายมาก

    " ไม่! "

    " หนึ่ง...."

    " เดิมทีมันควรเป็นของฉันนะ! "

    " สอง...."

    รินที่เริ่มทนแรงกดดันที่อีกฝ่ายไล่ต้อนให้เธอทำตาม แน่นอนว่าไม่ปากเปล่าด้วย เล่นหยิบดาบอารอนไดร์ขึ้นมาโชว์เลย

    " รู้แล้วๆ แค่ให้ก็พอใช่มั้ย! " รินโวยวายคืนดาบให้ชินจิอย่างง่ายดาย

    ชินจิที่รับมาแล้วเอามาแขวนเป็นสร้อยคอถึงจะหนักไปบ้างสำหรับเด็ก แต่ชินจิที่ใช้เวทเสริมความแข็งแกร่งก็อยู่ได้สบายๆจากนั้นก็ใช้ดาบอัญมณีดึงมานาเข้ามายังร่างกายของตัวเองเพื่อฟื้นฟูมานาของตัวเองและพลังมานาเซอร์แวนต์

    การต่อสู้ที่ผ่านมาเมื่อวาน ที่ตัวของเขาใช้มานาผสมกับอาวุธจนกลายเป็นโฮกุของแลนสล็อต ทำไมถึงใช้และต่อสู้ได้นานกว่าปกติและไม่มีท่าทีว่าจะพลังจะหมดลงง่ายๆเลย เหตุผลก็คือชินจิใช้ดาบอัญมณีในการเติมมานาสม่ำเสมอโดยที่สามารถขยับตัวไปไหนได้อิสระ แต่จะมีข้อเสียไม่ต่างกับชีพจรมังกรเลยคือ หากใช้มานามากเกินไป ร่างกายก็เหนื่อยล้าได้

    ปลอกดาบอวาลอนใช้รักษาบาดแผลและโรคทุกชนิด แต่ไม่สามารถรักษาอาการเหนื่อยล้าจากการใช้เวทมนต์ได้

    " วางใจเถอะ หลังจากจบเรื่องแล้ว ก็จนกว่าจะเห็นว่าเธอคู่ควรพอกับดาบอัญมณีเซลเรทช์จะคืนให้ " ชินจิเก็บดาบอารอนไดร์กลายเป็นก้อนมานา 

    " เดี๋ยวสิ!!ไม่ใช่ว่าเอาใช้สงครามจอกแล้วจะคืนให้ทันทีหรอกเหรอ?!  " รินโวยวายออกมา

    " แหงอยู่แล้วสิ ให้เธอที่ชอบทำพลาดในเรื่องสำคัญอยู่ตลอด ไว้ไปฝึกกับเจ้าของดาบพอสมควรก็จะคืนให้ " ชินจิทำหน้าเอือมออกมา " อีกอย่างดาบที่เธอเคยใช้กับดาบอันนี้มันเหมือนกันเหรอ? " 

    รินที่ได้ยินก็ถึงกับชะงักไป เธอจำได้ว่าในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 ตัวของเธอที่หาดาบอัญมณีเซลเรทช์ไม่เจอ เธอจึงมอบพิมพ์เขียว แล้วให้ชิโร่เทรซจากความทรงจำของตระกูลไอน์เบิร์นที่บันทึกข้อมูลต้นกำเนิดจอกศักดิ์สิทธิ์ จากอิลิยาที่ยอมร่วมมือด้วยเพื่อต่อกรกับซากุระที่ถูกอังราสิงร่างไปมากกว่าครึ่ง แต่ก็ไม่อาจฆ่าน้องสาวได้ลงอยู่ดี

    ตามที่เธอเข้าใจเวทมนต์ของเอมิยะอาเชอร์เลยคือเป็นอาวุธที่จำลองวัตถุที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่า ที่สามารถสร้างออกมาได้เพียง 8 ใน 10 จากของจริงเท่านั้น

    แถมส่วนใหญ่ที่เธอใช้นั้นใช้ในการอาวุธโจมตีด้วยเวทอีเธอร์ แล้วใช้เวทWorld End ดาบก็พังไปแล้ว

    เธอไม่เคยได้ลองใช้งานมันจริงๆจังๆด้วยซ้ำว่าของแท้ที่สร้างจากมหาเวทมนต์ลำดับที่ 2 มันทรงพลังมากแค่ไหน

    ถึงจะใช้ได้ มันขึ้นกับขีดจำกัดความสามารถของผู้ใช้

    ชินจิรู้แหละว่าตัวของรินนั้นอัจฉริยะที่ใช้เวทอัญมณีได้พลิกแพลงดี แต่ในด้านพลังเวทแล้วเธอถือว่าอยู่ระดับจอมเวททั่วไปปานกลาง เพราะงั้นเลยใช้อัญมณีในการสะสมมานาแล้วเอาใช้สู้ยังไงล่ะ

    แถมตอนนี้เทียบกับชินจิแล้ว รินในตอนนี้ยังไม่มีเหตุจำเป็นในการใช้มันในตอนนี้ด้วยซ้ำ

    ชินจิที่เห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของรินที่เหมือนแย่งของเล่นของเด็กสาวไป เห็นแก่ที่ตัวของรินแบกเขามาอยู่ในบ้านโทซากะแล้วถูกดูแลอย่างดี จะบริการพิเศษให้แล้วกัน

    ชินจิคิดจบก็มองดาบอัญมณีเซลเรทช์ เนื่องจากตอนที่ได้มาครั้งแรก ตัวของเขาวิเคราะห์โครงสร้างและหลักการทำงาน วิธีการสร้าง วิธีใช้ ระยะเวลาที่ใช้มา ประสบการณ์ของมันที่ใช้มาจนถึงล่าสุด จนไม่ต้องเสียเวลา 

    " จ้าวแห่งการสรรสร้างทุกสรรพสิ่ง..." ชินจิเอ่ยคำร่ายเวทออกมาซึ่งเป็นเร่งเวทมนต์ในการสร้างอาวุธเกิดประกายสายฟ้าสีฟ้าออกมาจนก่อรูปเป็นรูปร่างดาบอัญมณีขึ้นมาอีกเล่ม

    " อ่ะ " พูดจบเจ้าตัวยื่นดาบอัญมณีที่พึ่งสร้างมาให้เด็กสาว " ถึงมันจะสร้างได้เพียง 9 ใน 10 เพราะใช้พลังไม่สุด แต่มันก็เพียงใช้ในการป้องกันตัวได้ แต่พลังมานาที่สร้างก็มาจากดาบอัญมณีของจริง ถ้าไม่ใช้ต่อเนื่องเกินไป ก็พอใช้ได้ชั่วคราวระยะยาวได้ "

    " เดี๋ยวนะ นายใช้เวทมนต์ของอาเชอร์ได้เหรอ?! " รินถึงกับอึ้ง 

    " ถึงจะเป็นเวทโปรเจคชั่นที่ดีกว่า แต่ของชั้นอย่าเอาไปเทียบของหมอนั่นสิ ของเจ้านั่นมันสร้างความว่างเปล่า ไอ้นี่น่ะสร้างพลังธาตุอีเธอร์นะ " 

    รินที่รับมาแล้วลองโอนถ่ายมานาลงที่ดาบอัญมณีที่ทำการเทรซออกมา

    " ถ้าฉันใช้เวิร์ลด์เอนด์ได้กี่ครั้งเหรอ? "

    " ถ้าเว้นระยะการใช้ไม่ต้องเนื่องก็ 7 ครั้ง ต่อเนื่อง 3 ครั้ง วิธีใช้ก็เหมือนที่เธอเคยใช้นั่นแหละ พอใช้ปกป้องภัยอันตรายภายนอก "

    " ภายนอก....แคสเตอร์สินะ " เธอจำไดีเลยว่าแคสเตอร์จิลเดอเรย์เป็นจอมเวมที่นอกรีตเลยทีเดียว

    " หรือมีอะไรที่อันตรายกว่านั้น " 

    " เดี๋ยว มีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้อีกเหรอ? " รินถึงกับทำหน้าจริงจัง

    " เอาเป็นว่าหิวแล้ว รินเอาข้าวมาหน่อยสิ "

    " ทำไมฉันต้องทำด้วยยะ " รินทำหน้าไม่พอใจที่เจ้าตัวมาเปลี่ยนเรื่องกลางคันซะกัน

    " ใจร้ายจังนะ ดูแลคนป่วยหน่อยสิ เค้าพึ่งเสี่ยงตายเองนะ " ชินจิทำเสียงแอ๊บแบ๊วตามอายุในร่าง 7 ขวบ สายตาอ้อดอ้อนเยี่ยงลูกแมวที่น่าสงสาร

    " เชื่อตายล่ะยะ!! " รินโวยวาย ยิ่งเห็นท่าทีอีกฝ่ายยิ่งขนลุกกว่าเดิมเข้าไปอีก 

    " ก็ได้ งั้นไปขอซากุระเอามาแทนก็ได้ "

    " อย่าใช้ซากุระนะ! "

    " ทำไม ตามหลักแล้วน้องสาวชั้นหนิ " ชินจิทำหน้าเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติ

    " แต่เดิมฉันคือพี่สาวแท้ๆนะ! "

    " แล้วไง ชั้นก็พี่ชายนะ "

    " ของนายมันบุญธรรมยะ ได้ยินมั้ย บุญธรรมน่ะ! " รินโวยวายเขย่าตัวชินจิไปอย่างหัวเสีย

    ระหว่างเด็กทั้งสองที่กำลังโต้เถียงไปมาพบว่าประตูไม่ได้ปิดพบว่าอาโออิและซากุระที่กำลังจะมาเรียกตาม แต่ก็พลอยอมยิ้มไม่ได้เลย ไหนบอกว่าไม่สนิทไง 


    แต่ท่าทีดูสนิทสนมกว่าที่คิด แถมประโยคสนทนาที่ได้ยินมา เหมือนกำลังแย่งซากุระกันอยู่ เลยชวนให้เข้าใจผิดกันไปไกลล่ะ

    ซากุระที่แอบหน้าแดงหน่อยๆในใบหน้าที่เรียบเฉย ที่พี่ชายบุญธรรมและพี่สาวแท้ๆเถียงแย่งเธออยู่ 

    " แหมๆ ซากุระเนื้อหอมนะเนี่ย " 

    ทั้งๆที่อยู่ช่วงสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์แท้ๆ แต่กลับมาลอยชายอยู่ครอบครัวคนอื่นได้ แต่บางครั้งหัดผ่อนคลายเรื่องเครียดๆบ้างก็ไม่ได้แย่นะ

    ถ้าเทียบกับทั้งสามตระกูลก่อตั้งจอกศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตระกูลโทซากะดูจะเป็นผู้เป็นคนมากที่สุดแล้วล่ะ 

    พอเข้าใจบ้างแล้วว่า ทำไมปู่เซลเรทช์ถึงได้มอบดาบอัญมณีของตัวเองให้แก่ตระกูลโทซากะขึ้นมาแล้วล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×