NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #4 : พันธมิตร ที่ไม่เกรงใจใคร~~~

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 66


    " ไม่ได้เหรอครับ? " ชินจิที่กลับมาเป็นร่างโซเคนเอียงคองุนงงท่าทีไร้เดียงสาออกมา

    กิลกาเมชไม่ตอบ แต่เปิดเกตออฟบาบิโลนออกมาพร้อมเรียกอาวุธออกมาสามสี่ชิ้น เตรียมจะใช้ชินจิแทนเป้าซ้อมยิง ถ้าหากเกิดคำพูดต่อไปทำให้เขาไม่พอใจขึ้นมา

    " เรื่องนั้นขอประทานโทษอย่างสูงครับ ผมไม่ได้ตีความหมายของท่านให้ดีเสียก่อน และในความเห็นของผม การที่เราทำสัญญาร่วมมือกับวีรชนคนอื่นถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ " ชินจิรีบก้มหัวกับพื้นแบบไม่สนฐานะของตัวเองที่เป็นเบอเซิกเกอร์เลยแม้แต่น้อย " ขอให้ท่านปล่อยเรื่องนี้ไปสักครั้งเพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้ด้วยเถอะครับ "

    " หึ...เห็นแก่ที่เจ้าสร้างความบันเทิงเมื่อคืนก่อน ข้าจะถือว่าเรื่องนี้หักล้างกันไป แต่อย่าให้มีครั้งหน้าล่ะ เจ้าตัวตลก " 

    " งั้นแปลว่า ห้ามสร้างพันธมิตรเลยสินะครับ แต่ว่าแบบนี้ก็แย่น่ะสิ เพราะว่าความสามารถของพวกเรา คงไม่มีทางรอดจากสงครามได้แน่ๆ " ชินจิเกาคางแกรกๆ

    " เจ้าโง่ เจ้าจะไปเป็นพันธมิตรกับใครมันก็เรื่องของเจ้า ข้าแค่ห้ามไม่ให้เจ้าไปสาบานตนเป็นข้ารับใช้ของไอ้พันธุ์ทางตัวอื่นเท่านั้น อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าถ้าเจ้าไม่ไปเกาะกลุ่มกับพวกนั้นแล้วจะไม่มีทางชนะสงครามครั้งนี้เสียหน่อย " กิลกาเมชมองชินจิด้วยสายตาหัวเสีย ตำหนิแค่ว่าไม่เป็นข้ารับใช้คนอื่นก็พอ

    ว่าแต่เขาไปเป็นข้ารับใช้ของกิลกาเมชตอนไหนเนี่ย ชินจิคิดใจ แต่คงพูดไปเสียมารยาทไปเปล่าๆล่ะนะ

    " ผมแค่ไม่อยากตายไวเพราะพลังของตัวเองนะครับ " ชินจิพยักหน้าเข้าใจได้ทันทีเลยว่า ไม่ให้เป็นพันธมิตรกับเซเบอร์กับไรเดอร์เท่านั้นก็พอสินะ " ขอโทษด้วยนะครับ ราชาผู้พิชิตดูเหมือนว่า ผมคงไม่อาจสู้ด้วยกันได้แล้ว แต่หากไม่รังเกียจพวกเรามาทำสัญญาสงบศึกกันชั่วคราวไหมครับ? "

    " ไอ้ตัวตลก!!! แกกล้าดียังไงถึงเรียกมันว่าราชาเช่นเดียวกับข้า มันเป็นเพียงพวกนอกคอกที่แอบอ้างตัวเท่านั้น เรียกมันว่าไอ้นอกคอกเหมือนกันสิ! " กิลกาเมชตะคอก

    ทำแบบนั้นได้ไงกันครับเฮีย อีกฝ่ายก็เป็นราชาที่เกือบพิชิตโลก และผู้ปกครองบริทาเนียตั้ง 10 ปีเชียวนะ ฝืนพูดไม่ดีใส่มีหวังเปลี่ยนใจเล่นงานเขากันพอดี ถึงจะไม่ได้กลัวเท่ากิลกาเมชก็เถอะ

    " เฮ้อ...งั้นผมขอเรียกไรเดอร์แล้วกันนะครับ คุณอิสกันดาร์ " ชินจิเลือกที่ใช้คำพูดที่เซฟต่อตัวเองให้มากที่สุด

    " ฮ่าๆๆ ข้าไม่ถือหรอก ข้าเองก็เข้าใจว่าเจ้าก็ไม่มีทางเลือกมากนัก " อิสกันดาร์ไม่ถือสาก่อนหันมามองที่กิลกาเมช " จริงสิ อาเชอร์ เจ้าเป็นใครกัน ฟังจากน้ำเสียงแล้วเจ้าเองก็คงเป็นราชาด้วยเหมือนกัน คงไม่รังเกียจที่จะบอกชื่อของเจ้าให้คนอื่นรู้ใช่ไหม? " 

    กิลกาเมชถึงกับคิ้วกระตุก

    " นี่แกคิดว่าข้าเป็นใครกัน ไอ้พันธุ์ทาง ข้าคือราชาเพียงหนึ่งเดียวที่เหยียบย่ำไปในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้ในตอนที่ข้าปรากฏตัวพวกเจ้าก็ควรคุกเข่าเหมือนกับไอ้ตัวตลกนี่ กล้าดียังไงถึงมาถามชื่อของข้ากัน?!!! "

    อิสกันดาร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ปวดหัวไม่น้อย พร้อมกันนั้นก็เริ่มสงสารชินจิที่ต้องถูกราชาไร้เหตุผลเช่นนี้กดขี่ ในตอนนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าชินจิดูจะสนิทสนมกับราชาคนนี้เป็นพิเศษ ถึงชุดเกราะของเบอเซิกเกอร์จะคนละยุคสมัยกับอาเชอร์ก็ตาม ก็น่าจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ในวันเริ่มต้นสงครามแน่ๆ ถ้างั้นก็ต้องรู้ชื่อที่แท้จริงของอาเชอร์สินะ

    " นี่ เบอเซิกเกอร์ ในเมื่อพวกเราเป็นพันธมิตรกันแล้วการแบ่งปั่นข้อมูลกันล่ะ เจ้าพอบอกได้ไหมว่าอาเชอร์เป็นใครกัน? "

    " ครับ ผมต้องรู้ชื่อของราชาท่านนี้สิ " ชินจิรู้ยิ่งกว่ารู้เสียอีก แต่เขาไม่แน่ใจว่าถ้าหากพูดไปแล้วจะทำให้กิลกาเมชไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ยสิ ซึ่งพอเห็นไม่มีปฏิกิริยาอะไรก็ทำให้เขาลอบถอนหายใจโล่งอก แล้วจากนั้นเริ่มแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักกัน

    วีรชนคนแรกของโลก กษัตริย์แห่งอุรุค กึ่งเทพกึ่งมนุษย์ ชายที่นำพามนุษย์ให้เริ่มต่อต้านเทพเจ้า จากวีรกรรมต่างๆเหล่านี้ อย่างน้อยกิลกาเมชก็มีดีพอให้ทำตัวหยิ่งยโสจริงๆ

    ก็นะคนที่มีโปรมาตั้งแต่เกิดเลยหนินะ

    ____

    " อาจารย์ครับ เบอเซิกเกอร์ดูจะรู้จักกับราชาวีรชนอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เขากำลังพูดชื่อจริงของท่านให้ทุกคนรู้ครับ "

    เมื่อได้ยินคำพูดจากคิเรย์ โทคิโอมิก็ขมวดคิ้วน้อยๆ เขาไม่ได้สนใจเรื่องที่ชื่อกิลกาเมชถูกเปิดเผย เพราะต่อให้บอกชื่อจริงมันไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อเขา แถมออกดีด้วยซ้ำเพื่อเสริมบารมีของตัวเองที่ได้เผยเซอร์แวนต์ของตัวเอง

    แต่ที่เขากังวลอยู่นั้นเบอเซิกเกอร์ที่น่าจะถูกกำจัดไปในวันแรกที่เขารู้ข่าวมาว่าตัวของซากุระนั้นถูกโซเคนจับยัดหนอนแมลงดัดแปลววงจรเวทและอยู่ในบ่อแมลงมาตลอด 1 ปี พอเขาเจอสภาพซากุระ เขาแทบจะใช้ตราบัญชาสั่งฆ่าครอบครัวมาโต้ทุกคนจนหมดเลย 

    โดยไม่ทราบเลยว่าเป็นใครที่ส่งข้อมูลมาหาเขา เพราะเนื่องจากมันปลิ้นตัวอักษรออกมา จึงไม่อาจแกะรอยได้ว่าคือใคร แถมที่สำคัญมันยังใหม่ๆในช่วงสงครามจะเริ่มได้หนึ่งวันเอง

    แถมปรากฏต่อหน้ากิลกาเมชไม่มีท่าทีจะสู้กับเบอเซิกเกอร์เลย ในตอนนี้ยิ่งแปลกกว่าเดิม

    และจากที่ดูท่าทีของกิลกาเมชเมื่อวาน มีความเป็นไปได้สูงมากว่า มาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์จะเป็นตัวตลกในปากของกิลกาเมชหลังกลับมาบ้านโทซากะ

    " แต่ว่ามันเป็นใครกัน " โทคิโอมิไม่เข้าใจเลย ถ้าหากตระกูลมาโต้ตายไปหมดแล้ว ใครกันที่จะเป็นมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์ได้อีกกัน ดูท่าต้องใช้อำนาจของตระกูลและคิเรย์สืบเอาแล้ว

    ______

    " แบบนี้นี่เอง กิลกาเมช วีรชนคนแรกที่ได้รับการบันทึกเอาไว้ จริงสิ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้เก็บรวบรวมสมบัติทุกชิ้นในโลก เอาไว้ในคลังสมบัติของเจ้า เช่นนั้นของพวกนั้นก็คงจะเป็นวิธีที่เจ้าโจมตีแอสซาสซินอย่างงั้นสินะ " อิสกันดาร์พูดด้วยความเข้าใจพร้อมเอามือทุบมือดังแปะเหมือนจะเคยได้ยินตำนานของเขาอยู่ในสมัยตอนมีชีวิตอยู่

    " แน่นอน คลังสมบัติของข้าน่ะบรรจุสมบัติทุกอย่างของมวลมนุษย์เอาไว้ จงสำนึกเสียว่า ของทุกอย่างที่พวกเจ้าใช้ล้วนมาเป็นของข้าทั้งสิ้น ไอ้พวกหัวขโมย " กิลกาเมชมองเหล่าวีรชนด้วยสายตาจิกกัด

    มันก็ถูก แต่ว่าจะมีข้อเว้นคือดาบเอ็กส์คาลิเบอร์ ปลอกดาบอวาลอน และดาบอารอนไดร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าภูต เลยไม่ได้อยู่คลังสมบัติของกิลกาเมช

    แต่ว่าหากเขามีแลนสล็อตอยู่ในศึก แทนที่จะมาสู้กับกิลกาเมชเหมือนต้นฉบับ จะมีจุดจบยังไงกันล่ะเนี่ย

    แต่จะให้ยื่นข้อเสนอกับแลนเซอร์ตอนนี้เลยก็ยังไงอยู่ด้วย ลองถามดูดีมั้ยล่ะเนี่ย

    " แล้วมาสเตอร์ของแลนเซอร์สนใจจะเป็นพันธมิตรกันมั้ย? " ชินจิที่ถือโอกาสเสนอเพื่อเป็นพันธมิตร ศึกๆหน้าแบบเปิดใจเหมือนอิสกันดาร์

    ตอนนี้กับไรเดอร์แค่พักรบชั่วคราว เขาต้องการพันธมิตรที่พึ่งพาได้

    " แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะต่อรองกับเซอร์แวนต์ที่เป็นทาสของอาเชอร์กัน? " เคย์เนธพูดอย่างหัวเสีย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเบอเซิกเกอร์ที่มีสตินั้นนับว่าเป็นกำลังรบที่พึ่งพาได้พอๆกับสามอัศวินเลย 

    " งั้นผมจะบอกให้ดีๆแล้วกัน โฮมุนสาวคนนั้นไม่ใช่มาสเตอร์ของเซเบอร์ แล้วก็แอสซาสซินยังไม่ตาย แบบนี้พอเป็นข้อมูลต่อรองได้หรือเปล่าล่ะ? " ถือโอกาสนี้ชินจิแฉซะตรงนี้เนี่ยล่ะ เพราะยังไงก็ความแตกพรุ่งนี้อยู่แล้ว

    เคย์เนธแสยะยิ้มออกมาการมาเปิดเผยข้อมูลต่อศัตรูจำนวนมากขนาดนี้ถือว่าเป็นตัดสินใจที่ไม่ฉลาดนัก แต่หากเจ้าตัวคือเบอเซิกเกอร์ที่มีสติ แล้วมีพละกำลังที่สูง แล้วความสามารถไม่รู้ได้เลย แปลว่าอีกฝ่ายมั่นใจมากว่าตัวเองกว่าพอต่อกรกับเซเบอร์และอาเชอร์ได้ในระดับนึงนั่นเอง

    " หึ แต่ว่านะ ฉันก็คิดว่าการไม่เปิดตัวตนของตัวเองออกมาแล้วคิดว่าจะเชื่อได้งั้นเหรอ? " เคย์เนธยังคงระแวงอยู่

    " งั้นผมขอประกาศเลยตรงนี้ว่า...ผมนี่ล่ะมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์!!! "

    ทุกคนในท่าเรือพากันอึ้งมีเพียงแต่กิลกาเมชที่แสยะยิ้มออกมาอย่างสนใจ การตัดสินใจเปิดเผยตัวตนแบบไม่มีกักแบบนี้ ไอ้นี่ถ้าจะบ้าไม่แพ้ไรเดอร์เลย

    ' ไอ้นี่ถ้าจะบ้าพอๆกับไรเดอร์เลยนี่หว่า ' นี่คือสิ่งที่ทุกคนยกเว้นกิลกาเมชและอิสกันดาร์ยิ้มอย่างชอบใจ

    แล้วอีกอย่างใครจะไปเชื่อได้ลงกัน เรื่องที่มาสเตอร์และเซอร์แวนต์จะเป็นคนเดียวกันน่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว 

    แต่ว่าคำพูดที่ฟังขึ้นและทรงพลังคือจะไม่มีการบลัฟอะไรเลย จะได้ผลมากที่สุด

    แล้วท่าทีของแลนสล็อตและคำพูดคำจาก็ดูไม่ใช่ของคนที่มาจากยุคเก่าเลยแม้แต่น้อย ไหนจะร่างของชายหนุ่มที่เผยไปเมื่อครู่นี้มันก็ทำให้คนอื่นเชื่อไปกว่าครึ่งแล้วว่าชินจินั้นไม่ได้โกหก

    " คิดว่าไง " ไมยะที่เริ่มร้อนร้น เพราะความลับที่ใช้ไอริสฟิลเป็นเหยื่อล่อแทนโดนแฉต่อหน้าคนอื่นเยอะขนาดนี้

    " ตามหลักไม่มีทางเป็นไปได้ " คิริสึงุเอ่ยแทบไม่ต้องคิดเลย การเอาวิญญาณวีรชนมาอยู่ร่างกายมันเป็นอะไรที่บ้ามากเลย แค่สัมผัสนิดเดียวร่างกายก็แหลกละเอียดแล้ว " แต่หากนั้นกลายเป็นเรื่องจริงจะกลายเป็นศัตรูที่ยากจะต่อกรพอๆกับอาเชอร์ได้ " 

    เคย์เนธที่ฟังอยู่ก็ครุ่นคิด ถ้าตัดเรื่องเบอเซิกเกอร์เปิดเผยเรื่องที่ตัวเองเป็นมาสเตอร์ไป ข้อมูลที่ไอริสฟิลไม่ใช่มาสเตอร์ของเซเบอร์ และแอสซาสซินยังไม่ตายถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพียงพอให้พิจารณา แล้วเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออกอยู่

    " ถ้าหากไม่รังเกียจจะยอมร่วมมือกับแลนเซอร์เพื่อจัดการเซเบอร์หรือเปล่า? " เคย์เนธเมื่อเห็นว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันจึงถามให้แน่ใจ

    อาเธอเรียที่ได้ยินก็มีสีหน้าที่เครียดออกมา และเดียร์มุดทำหน้าไม่พอใจออกมา

    " จะร่วมมือก็ได้นะ แต่ว่าผมไม่อยากจะเป็นศัตรูกับไรเดอร์ที่พึ่งทำสัญญาตอนนี้ด้วย " ชินจิตอบออกไปตรงๆ " แล้วทำไมไม่ให้คุณอาเธอเรียสู้กับแลนเซอร์ต่อล่ะ เพราะยังไงเป็นถึงราชาอัศวินที่ถือครองดาบแห่งดวงดาวของโลกนะครับ หากันไม่ได้ง่ายๆเลย ถ้าไม่ใช้วิธีเจ้าเล่ห์อีกฝ่ายก็ยอมสู้อย่างตรงไปตรงมานะครับ "

    อาเธอเรียที่ได้ยินก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ " เบอเซิกเกอร์ ข้าขอขอบคุณที่เจ้าให้สนับสนุนแก่ข้า แต่ว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าข้าคือราชาอัศวินกัน? "

    ถ้าจำไม่ผิดตัวของเธอไม่ได้ประกาศจนอีกฝ่ายได้ยินไม่ใช่หรอ? 

    " ก็การที่คุณปกปิดดาบ แสดงว่าดาบนั้นคงเป็นดาบที่มีชื่อเสียงที่ผู้คนทั่วไปย่อมรู้จักกันแน่นอน ดาบที่มีชื่อเสียงในตำนานในยุโรปก็มีให้เห็นเยอะก็จริง แต่ให้เจาะจงลักษณะแล้ว ดาบที่โด่งดังก็มีเพียงไม่กี่เล่มเองมั้ง เช่น คาเรน บลัด อาเธอร์ กาลาทีน อารอนไดร์ สามวีรชนที่ถือครองใกล้ชิดของท่านก็ไม่น่าจะปกปิดดาบเพราะว่าถือว่าเป็นเกียรติยศของอัศวินจากกษัตริย์ "

    อาเธอร์ถึงกับอึ้งไปเลย ที่ตัวของชินจิพูดมาทำให้เธอถึงกับสบถออกไปเลยทีเดียว จะบอกว่ามีแค่เธองั้นเหรอที่ทำแบบนี้เพื่อปกปิดดาบของตัวเองให้รู้จักในสงครามน่ะ

    " ถ้าเป็นเอ็กส์คาลิเบอร์ ของตำนานกษัตริย์แห่งบริทาเนีย รวมสื่ออัญเชิญคือปลอกดาบอวาลอนด้วย ถ้าคุณไม่ใช่อาเธอเรีย เพนดราก้อน งั้นก็คงเป็นมอร์แกน เลอ เฟย์แล้วมั้ง? " 

    อาเธอเรียอยากจะต่อว่าให้เต็มปอด ' อย่าเอาเธอไปเทียบกับพี่สาวต่างแม่ของเธอนะ! ' เบอเซิกเกอร์ที่แฉเธอหมดเปลือก หน่ำซ้ำยังพูดถูกซะจนเธอคิด ว่าอัศวินตรงหน้าคืออัศวินในยุคเดียวกับเธออย่างแน่นอนถ้ารู้ลึกขนาดนี้มันมีเพียงกี่คนในอัศวินโต๊ะกลม นิสัยที่ชอบพูดกวนประสาทแบบนี้มันทำให้เธอนึกถึงเมอร์ลินเลยทีเดียว ไม่สิอาจจะหนักยิ่งกว่าเสียอีก เลยแสดงสีหน้าที่บิดเบี้ยวจนอยากจะใช้โฮกุซัดคนตรงหน้าเลย แต่ทำไม่ได้เพราะมีเซอร์แวนต์เยอะเกินไป แถมเป็นคนที่รู้จักเธอเพียงคนเดียวในศึกหลังจากที่แลนเซอร์รู้ตัวจริง

    " ฮ่าๆๆๆๆๆ เจ้าจะทำก็ได้หนิ เจ้าตัวตลก " กิลกาเมชยิ้มหัวเราะชอบใจที่พึงพอใจที่เห็นสีหน้าของอาเธอเรียที่อยากจะต่อว่าก็ต่อว่าไม่ลง เพราะว่านั้นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย


    เออ แหะ ถ้าหากเราเป็นเบอเซิกเกอร์แบบนี้ แล้วจุดจบคืนนี้จะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย ชินจิคิดในใจ

    ทำไมรู้สึกว่าการใช้ตราบัญชาแลกกับการแปลงร่างเป็นแลนสล็อตดูสิ้นเปลืองจังแหะ แต่บ่นก็ส่วนของบ่นล่ะนะ เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากจะสู้แต่แรกด้วย ยิ่งใช้พลังเซอร์แวนต์มากเท่าไหร่ผลข้างเคียงของพลังวีรชนก็ส่งผลตามมากเท่านั้นด้วย

    " เจ้าตัวตลก คราวนี้เจ้าทำได้ดีมาก ข้าคาดหวังการแสดงหลังจากนี้ของเจ้าอยู่นะ ถ้าทำได้ดีจริงๆล่ะก็ข้าอาจจะให้รางวัลเจ้าเป็นสมบัติของข้าสักชิ้นก็ได้ " กิลกาเมชยิ้มหัวเราะอย่างชอบใจก่อนมองดูเหล่าเซอร์แวนต์ที่เหลือด้วยสายตาคมกริบ " ส่วนไอ้พวกพันธุ์ทางทั้งหลาย ข้าหวังว่าในครั้งหน้าที่เจอกันพวกเจ้าจะลดจำนวนลงบ้างนะ "

    เมื่อสื้นสุดวาจาตัวของกิลกาเมชก็ได้หายตัวไป ตัวของชินจิเองที่เห็นว่าตัวราชาไม่อยู่แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนมองสภาพร่างกายที่เปิดใช้โฮกุเป็นเวลานาน ถึงเขาจะไม่ได้สู้อะไรเลย แต่การอยู่ในร่างของแลนสล็อตนานๆก็มีผลเสียเหมือนกัน

    แถมตอนนี้ทำพันธมิตรกันเสร็จแล้ว 2 เซอร์แวนต์ ก็น่าจะหมดปัญหาล่ะนะ

    ส่วนคิริสึงุคาดว่าคงจะไปจัดการเคย์เนธแหงๆ เพราะโฮกุของเดียร์มุดมันไม่เหมาะในศึกระยะยาว แถมยิ่งโดนเยอะเข้าอาจถึงตายได้เลย

    แทนที่จะจัดการมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์ที่ไม่โผล่มาเลย จัดการมาสเตอร์ของแลนเซอร์ที่สามารถระบุตัวตนได้เร็วกว่าจะดีซะกว่า

    " เอาล่ะ ถ้าทำสัญญากันเสร็จแล้ว พวกคุณก็เชิญสู้กันต่อนะครับ วันนี้ผมแค่มาหาพันธมิตรเท่านั้น " ชินจิพูดไปหยิบรถมอเตอร์ไซด์ที่ซ่อนไว้ใกล้ๆ 

    " เจ้าไม่คิดจะพันธมิตรกับข้าเหรอ? " อาเธอเรียที่อดถามไม่ได้ เพราะเนื่องจากเบอเซิกเกอร์ตนนี้ดูจะพูดคุยอะไรๆได้ง่ายกว่าอิสกันดาร์และอาเชอร์ แถมดูไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมอย่างถือศักดิ์ตำนานของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

    " ก็อยากจะทำอยู่นะ แต่ว่ามาสเตอร์ของคุณมันอยากเป็นพันธมิตรกับผมมั้ยล่ะ? " ชินจิเอง เป็นไปได้ก็อยากจะทำกับพันธมิตรกับกลุ่มนี้มากเลย แต่คิดไปคิดมาผลเสียมันมีเยอะเกินไปกว่าผลดี เพราะเฮียแกสามารถหักหลังได้ทุกเมื่อทุกโอกาสให้สังหารทั้งเซอร์แวนต์และมาสเตอร์ในเวลาเดียวกัน

    ง่ายๆคือเป็นพันธมิตรกับเซเบอร์น่ะได้ แต่กับมาสเตอร์ของหล่อนน่ะขอผ่านเลยล่ะ

    " ถ้าคุณเอาชนะแลนเซอร์แล้ว หวังว่ามีโอกาสได้ดวลกันนะครับ "

    " เกรงว่าอาจทำให้เจ้าสมหวังไม่ได้หรอกเบอเซิกเกอร์ " เดียร์มุดเอ่ยขี้นแทรก " เซเบอร์คือเหยื่อของข้า "

    " ครับๆ ถ้างั้นเชิญสู้กันต่อไปเถอะครับ ถ้าหากเห็นว่าท่าไม่ดีจะมาช่วยก็ได้ครับ " ชินจิไม่ถือสาอะไรแล้วขับรถออกจากไป

    โดยปล่อยให้เหลือกันแค่วีรชน 3 คนยืนอยู่

    " ถ้าเช่นนั้นมาต่อกันเถอะ แลนเซอร์ " อาเธอเรียอมยิ้มออกมา อย่างน้อยๆเขาก็มีความเป็นวีรชนที่ไม่คิดนะเล่นรุมคนที่อ่อนแอกว่าได้ลง " เจ้าคงไม่มาขัดขวางสินะ ไรเดอร์ "

    " แน่นอน ข้าจะเป็นพยานการต่อสู้ของพวกเจ้าให้เอง " อิสกันดาร์เองก็ประทับใจการต่อสู้ของสองอัศวิน แถมเบอเซิกเกอร์และอาเชอร์ก็ถอนตัวไปแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุให้อยู่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยๆอยากดูศึกนี้ให้จบในฐานะคนดู

    " วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน แลนเซอร์ ถ้าอยากจะสู้กันจะต้องไม่มีเซอร์แวนต์ตนอื่นเข้าแทรก " เคย์เนธที่เห็นว่าเบอเซิกเกอร์ถอนตัวไปก็ไม่มีเหตุผลให้สู้ต่อ แถมสายข่าวที่เขารับรายงานมา คิริสึงุเป็นนักฆ่าจอมเวทด้วย หมายความว่าเจ้าตัวจับตาดูเขาอยู่ไกลแน่ๆ

    " ถอยออกมาซะ เซเบอร์ แอสซาสซินที่น่าจะตายไปแล้วกลับยังอยู่ " คิริสึงุเองก็เห็นว่าอยู่ต่อไปอาจมีสิทธิ์ที่เบอเซิกเกอร์จะรู้ตัวว่าเขาซ่อนตัวอยู่ระหนาบด้านข้างทั้งสองของศึกที่สู้กัน งานเข้าแน่

    กลายเป็นว่าศึกของทั้งสองได้ยุติชั่วคราวแล้วถอยออกมาเสียก่อน แม้แต่ตัวของอิสกันดาร์ยังทำหน้าเสียดายออกมาเหมือนกัน ทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไป

    แล้วคืนที่ 2 ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น......+×]%[×(&+0%>+9฿#*÷#*>#÷[....???

    ณ ป่าแห่งหนึ่งในเมืองฟุยุกิ

    ได้เกิดมิติรอยแยกโผล่มาขึ้น เผยร่างอสูรกายยักษ์สีดำนัยน์ตาสีแดงในยามค่ำคืนที่พระจันทร์ได้สอดส่องเผยร่างออกมามีฝูงค้างคาวเต็มไปด้วยตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
     


    " หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ผิดแน่ ถึงจะเปลี่ยนไปแต่ที่นี่คือเมืองฟุยุกิไม่ผิดแน่ แล้วก็สัมผัสกลิ่นอายเลือดของมนุษย์และเซอร์แวนต์ด้วย คราวนี้ล่ะเพื่อตระกูลขอฉัน จอกศักดิ์สิทธิ์จะเป็นของฉัน!!!! "

    ดูเหมือนว่า สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้จะทวีคูณความวุ่นวายกว่า

    อดีตแลนเซอร์ เบอเซิกเกอร์ที่บ้าคลั่งสภาพปลดปล่อยโฮกุที่แท้จริง ตำนานผีดูดเลือดในราชวงศ์  ราชาแห่งโรมาเนีย จนได้ฉายา ราชาจอมเสียบ วลาดที่ 3 ปรากฏขึ้นด้วยเหตุผลปริศนา


    บอกแล้ว งานนี้บันเทิงแน่นอน~~~~~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×