NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #2 : ตราบัญชา & เวทมนต์ ( ข้อมูลจักรวาลนาสุ เอาไปใช้อ้างอิงได้นะ )

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 66


    ชินจิที่ได้กลับมายังบ้านก็สำรวจภายในบ้านที่กลายเป็นซากบ้านร้างไปแล้วเดินส่วนลึกของบ้านพบว่ามีประตูปิดกั้นเอาไว้อยู่ในสภาพ

    พอได้เข้าไปพบว่าเต็มไปด้วยคลังหนังสือต่างๆมากมายเต็มไปด้วย พอตัวของโซเคนได้ตายลงอาคมที่ร่ายไว้ที่ประตูก็พลอยยกเลิกไปด้วย แต่ยังคงรักษาคลังหนังสือเวทเอาไว้

    " ถึงแม้ว่าจะหลงลืมตามกาลเวลาตั้ง 500 กว่าปีแต่ก็ยังมีดีให้คนรุ่นหลังได้ใช้สินะ ตาแก่ " ชินจิเอ่ยขึ้นแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนมองคลังหนังสือจำนวนมาก มันจะดีมากที่รีบศึกษามันในตอนนี้ แต่ว่ามันอยู่ช่วงสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ต้องเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจง ใช้ในการต่อสู้ได้จริง

    เขาเจอก้อนผนึกสีแดงที่อยู่กลางห้อง โดยมีตัวหนังสือกำกับเอาไว้ว่า เป็นก้อนตราเวทตระกูลมาโต้ จะมีเพียงสายเลือดตระกูลมาโต้เท่านั้นที่จะสัมผัสได้

    ชินจิที่ตอนนี้แกนเวทได้เปิดออกหลังจากได้เชื่อมต่อกับหัวใจของแลนสล็อตก็น่าทำให้ใช้งานวงจนเวทได้ปกติ แม้ว่าจะไม่เคยฝึกฝนใช้งานมาก่อนเลย แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านจากหัวใจนี้ก็สอนวิธีการเปิดปิดวงจรเวทในระยะเวลาอันสั้นได้

    หลังจากได้แตะต้องก้อนตราเวท ตราเวทสีแดงค่อยๆสลักมาตามร่างกายของเด็กหนุ่ม

    การโอนถ่ายตราเวทโดยตรงนั้นจะได้องค์ความรู้เวทมนต์ของจอมเวทในอดีตที่ศึกษามา แต่จะมีความเสี่ยงตรงที่ว่ามันจะโอนถ่ายไปยังวงจรเวทโดยตรงของจอมเวท หากไม่ระวังมีสิทธิ์ตายได้

    แต่ทว่ากับชินจิที่มีหัวใจของแลนสล็อตจึงไม่มีผลข้างเคียงอะไรในการโอนถ่ายตราเวทเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง

    และแล้วองค์ความรู้ต่างๆที่ตระกูลมาโต้ได้สะสมมาตลอดในอดีตเข้ามายังในหัวของเขา โดยมีองค์ความรู้พื้นฐานของจอมเวท และธาตุที่ใช้ในปัจจุบัน รวมถึงอสูรรับใช้

    หลักการทำงานของเวทมนต์จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยด้วยกัน

    1.พลังเวทหรือมานา จะมีอยู่สองทางด้วยกันคือ พลังชีวิตกับแกนเวท จอมเวทส่วนใหญ่แทบทั้งหมดเลือกอย่างหลัง เพราะว่าด้วยการใช้พลังชีวิตเป็นมานานั้นมันเรื่องต้องห้ามและนอกรีต เพราะนอกจากจะเปลี่ยนเป็นพลังมานาก็ยิ่งทำให้อายุขัยของคนใช้จะสั้นลง

    เคสของคาริยะเนี่ย เป็นตัวอย่างที่ดีเลย แถมดันอัญเชิญเบอเซิกเกอร์ที่เผาผลาญมานาจากมาสเตอร์โดยไม่สนใจอะไร หากคลุ้มคลั่งไม่เหลือสติเมื่อเจอตัวแปรทำให้จิตใจสั่นไหวได้ เช่นน้องแฟลงกับแลนสล็อต ที่จะขาดสติในเรื่องแผลฝังใจในอดีตนั่นเองจนอาละวาด

    2.ตราเวท จอมเวททุกคนล้วนมีสิ่งนี้ที่ได้รับสืบทอดเวทที่ร่ำเรียนมารุ่นสู่รุ่นเหมือนวันฟอร์ออล ถ้าตัวอย่างเห็นภาพเลยคือ มันคือข้อมูลย่นระยะเวลาการเรียนเวทที่คนในตระกูลได้เรียนมาและส่งความรู้มาให้แก่รุ่นต่อไป จนปัจจุบันไม่จำเป็นต้องศึกษาพื้นฐานอีกรอบนั่นเอง

    แต่มันมีข้อเสียอยู่เหมือนกันว่า หากโอนถ่ายให้กับคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด คนที่จะรับมีโอกาสทำให้อาจถึงตายได้เลย ฉะนั้นแล้วหากไม่ทำอย่างระมัดระวังมีสิทธิ์ตายได้เหมือนกัน

    ตัวอย่าง เช่น ลูกสาวบุญธรรมของชิชิโก ไคริที่ร่างกายเต็มไปด้วยพิษแล้วโอนตราเวทจนตายลงในที่สุด

    ชินจิเองก็ได้รับตราเวทของตระกูลมาคิริด้วยเช่นกัน มันจึงทำให้ตัวของเขานั้นได้เรียนรู้สายเวทอย่างธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุประจำตระกูลมาคิริ จึงไม่ต้องเรียนรู้เวทธาตุน้ำเพิ่มนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นสายเลือดของจอมเวทที่จืดจางก็ตาม ที่ไม่เป็นอะไรเลยน่าจะเพราะสิ่งนี้

    และสุดท้าย ซึ่งเป็นปัจจัยหัวใจสำคัญที่สุดของเหล่าจอมเวท

    3.วงจรเวท จำนวนวงจรเวทนั้นมีผลต่อการใช้เวทมนต์อย่างมาก ต่อให้ใช้เวทมนต์ระดับสูงแค่ไหน แต่หากคุณภาพของวงจรเวทไม่ดีพอ จะมีประสิทธิภาพตามวงจรเวทที่ทำได้นั่นเอง อารมณ์ก็เสมือนสเปคคอมดีๆนี่เอง หากสเปคเก่าตกรุ่นหลายเจน หากใช้โปรแกรมที่กินสเปคให้มีคุณภาพสูงและไหลลื่น หากเก่าโปรแกรมที่เล่นก็จะแล็คสุดๆจนถึงขั้นคอมเสียเลยก็ได้

    วงจรเวททำงานหลักการคล้ายๆนี่เอง จอมเวทส่วนใหญ่จะไม่เข้าไปยุ่งกับวงจรเวทเพราะมันเชื่อมประสาทสัมผัสทั้งหมดของผู้ใช้โดยตรง หากมีการเอาไปใส่ให้คนอื่นและมีพลังมากเกินจนร่างกายทนไม่ไหวก็มีสิทธิ์ตายได้

    เหมือนกรณีที่ชิโร่ใช้แขนขวาของตัวเองในอนาคต  

    ฉะนั้นแล้วจอมเวทจึงใช้วิธีการสืบทอดทายาทรุ่นสู่นั้นเองเพื่อพัฒนาวงจรเวทให้สูงขึ้น ถ้าหากยิ่งหากตระกูลนั้นเป็นจอทเวทในอดีตกาลสมัยยุคทวยเทพแล้วจะยิ่งมีคุณภาพที่ดีกว่าจอมเวททั่วไปในสมัยใหม่อย่างมากเลย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

    เพราะงั้นตัวกำหนดของผลแพ้ชนะของจอมเวทในปัจจุบันเลยก็คือจำนวนวงจรเวทนั้นเอง

    โดยเกณฑ์วงจรเวทของคนธรรมดาทั่วไปในปัจจุบัน ก็คือ 20-30 วงจรเวท ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานเท่าที่รู้มาก็คือ

    เอมิยะ ชิโร่ มี 27

    โทซากะ ริน มี 40 หลัก 30 รอง รวมแล้ว 70

    มาโต้ ซากุระ มีพอๆกับริน 

    พี่น้องอาโอซากิ 20

    ลูเวีย เซริทต้า เอเดลเฟลท์ 100

    อารายะ โซเรน 30

    ตอนนี้ตัวของชินจิไม่มีเวลามาตรวจสอบว่าตัวเองมีเท่าไหร่กัน แถมบวกกับการประสานหัวใจของเซอร์แวนต์ด้วย จนไม่รู้ว่าตัวเองมีวงจรเวทอยู่ที่เท่าไหร่ แต่คาดว่าคงเยอะ

    แถมได้แตะสัมผัสกับสิ่งนั้นด้วย คงไม่จำเป็นต้องมานั่งนับแล้ว

    ต่อมาคือเรื่องของธาตุ

    ธาตุของเวทมนต์จะมีอยู่ด้วยกัน 5 ธาตุด้วยกัน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอีเธอร์

    ธาตุนั้นจะบอกลักษณะเวทมนต์ของผู้ใช้ในแต่ละคน โดยการจำแนกของธาตุนั้นต่างๆ เช่น ไพ่ทาโร่ คำทำนาย แบบทดสอบบุคลิกภาพนิสัย จอมเวทส่วนใหญ่จะมีธาตุขั้นต่ำเลยคือหนึ่งธาตุ แต่ก็มีบางกรณีที่ที่มีมากกว่า 1 ธาตุ จน1-5 ธาตุในภายคนเดียวเลย หาได้ยากมากสุดๆ

    ซึ่งคนที่ถึง 5 ธาตุได้แก่ตัวของผู้คิดค้นในการแปรธาตุขึ้นมาโฮเอนฮาม ที่ไม่ใช่พ่อพี่น้องคนแขนกลคนแปรธาตุนะ และโทซากะ ริน มีสองคนในเรื่องจักรวาล เฟตเท่านั้น

    แน่นอนว่ามันธาตุพิเศษอย่างจำพวกเวทต้นกำเนิดมาแทนที่ธาตุ

    เช่นยกตัวอย่างก็คือ ตัวของเอมิยะ ชิโร่ ซึ่งเวทมนต์ต้นกำเนิดของเขาก็คือดาบ เขาจึงสามารถสร้างดาบออกมาได้ดีกว่าตัวของอาวุธอย่างอื่น

    ธาตุไฟ จะมีคุณลักษณะอุ่นและก็แห้ง เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดและดับสิ้นไป ซึ่งเป็นสีประจำธาตุคือสีแดง

    ธาตุดิน คุณสมบัติเย็นและแห้ง สีประจำสีเหลือง

    ธาตุน้ำ คุณสมบัติเย็นและเปียก สีประจำสีเงิน

    ธาตุลม คุณสมบัติอุ่นและเปียก ซึ่งเป็นธาตุที่หายากสุดในบรรดาธาตุทั้ง 4 จึงกลายเป็นจอมเวทที่มีธาตุจะกลายชนชั้นสูงของจอมเวทนั่นเองเพราะมีธาตุนี้น้อยนั้นเอง สีประจำธาตุคือสีฟ้าหรือน้ำเงินนั่นเอง

    ธาตุอีเธอร์ คือธาตุกลางที่สื่อที่ทำให้เกิดเวทธาตุทั้ง 4 ให้รูปร่างขึ้นมาได้รวมถึงเวทต้นกำเนิดด้วยเช่นกัน ซึ่งมันธาตุตั้งต้นในการร่ายเวทต่างๆ ถ้าไม่ธาตุอีเธอร์นี้ก็จะไม่สามารถธาตุอื่นได้เลยนั่นเอง ซึ่งเป็นธาตุที่จอมเวททุกคนจะมีกัน 

    หากไม่มีธาตุนี้ก็ไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้เลยนั่นเอง ให้คิดแบบง่ายๆเลยคือ อีเธอร์เสมือนเป็นน้ำเปล่า ส่วนทั้ง 4 ธาตุ ก็คือการเปลี่ยนสีของน้ำและรสชาติของมัน ถ้าไม่มีน้ำก็ไม่อาจสามารถลงสีน้ำอะไรได้เลยนั่นเอง นี่คือหลักการของธาตุอีเธอร์นั้นเองสีประจำธาตุนี้ก็คือสีดำและม่วงนั่นเอง

    ธาตุนี้มีให้เห็นบ่อยๆเลยคือตุ๊กตาที่สร้างไม่สมบูรณ์ของโทวโกะ และโฮมุนครุสของไอน์เบิร์คและยุคด์มิเลเนียที่ถูกสร้างด้วยธาตุอีเธอร์นั้นเอง หากไม่มีพลังเวทก็จะตายลงในที่สุด แต่แลกกับความแข็งแกร่งที่เกินเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปเสียอีก

    ธาตุของเขาอย่างน้อยๆก็มีธาตุน้ำอยู่ในตัว เนื่องจากธาตุประจำตระกูลมาคิริคือธาตุน้ำ


     

    ที่พอรู้นอกเหนือจากนั้นก็ 

     

    โทซากะ ธาตุประจำตระกูลคือ ไฟ

    ไอน์เบิร์น ธาตุประจำตระกูลคือ อีเธอร์ 

    อาโอซากิ ธาตุประจำตระกูลคือ ลม

     

    เลยเรียนรู้การใช้เวทธาตุน้ำเร็วกว่าปกติ ต่อมาคือซึ่งเป็นของแถมที่ไม่คิดว่าจะได้มาด้วยในตราเวท

    ข้อมูลของเซอร์แวนต์ และตราบัญชา

    ก็มีกะไว้แล้วบ้างล่ะที่ตัวของโซเคนจะค้นคว้าเรื่องนี้มากกว่าสองตระกูลที่ตั้งจอกศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

    ไอน์เบิร์น เตรียมกุญแจนำทางไปสู่จอก

    โทซากะ เตรียมสถานที่ในการทำสงคราม

    มาคิริ เตรียมระบบตราบัญชาและเซอร์แวนต์ 

    ฉะนั้นไม่แปลกใจเลยที่จะมีการค้นคว้าเรื่องนี้เป็นพิเศษในตระกูลนี้ เพราะเฮียแกต้องการจอกมากกว่าใครๆ ในศึกครั้งที่ 5 เลยหนินะ เพื่อความฝันบิดเบี้ยวตามกาลเวลาก็เถอะ

    ส่วนใหญ่ข้อมูลที่มีก็คือการผูกมัดกับเซอร์แวนต์ที่ดีกว่าตระกูลอื่น แม้ว่าจะเซอร์แวนต์จะเป็นเบอเซิกเกอร์ก็ตาม หากไม่มีตัวกระตุ้นก็จะรับฟังคำสั่งได้โดยง่ายดาย รวมถึงเพิ่มบทร่ายที่เจาะจงคลาสได้ด้วย

    ข้อมูลเกี่ยวกับตราบัญชา บอกตรงๆว่ามีน้อยมาก เพราะเป็นระบบที่มีเฉพาะในช่วงสงครามจอกเท่านั้นที่จะได้มา หากไม่ใช่บาทหลวงของศาสนจักรก็เอาตรามาจากคนที่ตายในสงครามครั้งก่อนๆได้

    แต่ประเด็นคือ มันสามารถกักเก็บรักษาตราบัญชาหลังจากจบศึกได้ต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น ริเซย์ คิเรย์ และอามาคุสะ ชิโร่ ก็ล้วนจะสะสมตราบัญชาก่อนจะเริ่มสงครามจอกจะเริ่มเสียอีก

    มีแค่เฉพาะตรงนี้เท่านั้นที่ทางศาสนจักรมีข้อได้เปรียบกว่ามาสเตอร์คนอื่นๆในสงครามจอกเหมือนกับรูลเลอร์

    ตราบัญชาเดิมถูกสร้างมาจากจอกเพื่อใช้เป็นระบบสั่งการเซอร์แวนต์ แล้วจอกศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกสร้างมาจากมานาจำนวนมากในด้านกลับของโลก ที่ทำให้ขอพรได้โดยไม่ต้องสนใจตรรกะและเหตุผลของมนุษย์มารองรับก็สมหวังได้

    ถ้างั้นหากมีพลังมานาพอสำหรับสั่งการเซอร์แวนต์ได้หนึ่งครั้งต่อ 1 โฮกุของเซอร์แวนต์

    " ถ้างั้นปัจจัยสำคัญเลยคือมานางั้นสินะ " ชินจิเอ่ยขึ้นกับข้อเท็จจริงของตราบัญชา

    แต่ว่าการเอามานามหาศาลก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่ส่งผลเสียน้อยที่สุดต่อจอมเวทเลยคือ ชีพจรมังกรซึ่งเป็นแหล่งมานาที่มาจากด้านกลับของโลก 

    ถึงมีใช้ไม่จำกัดแต่จุดอ่อนที่ใหญ่หลวงสุดเลยคือไม่สามารถไปไหนได้ และเผาผลาญมานาในดวงดาวด้วย เป็นไปได้ก็ไม่อยากเอาใช้นัก

    ถ้าเป็นคนอื่นคงได้แต่ใช้วิธีนี้ และใช้วิธีนอกรีตอย่างเอาพลังชีวิตของคนทั่วไปมาเป็นมานา

    แต่ว่าสำหรับชินจิที่มีข้อมูลจักรวาลนาสุ และมีข้อมูลตราเวทของมาคิริอยู่

    " เอาล่ะ คงต้องเอาของสิ่งหนึ่งก่อนย้ายไปอยู่ในฐานวัดริวโดล่ะนะ " ชินจิแสยะยิ้มออกมา

    ในเมื่อตัวของโทคิโอมิเล่นนอกกติกา มีนักฆ่าไร้ขีดจำกัดล่าง ฆาตกรโรคจิตที่ลอยนวลอยู่ บาทหลวงที่กำลังหาสิ่งที่ใช้กับตัวเอง

     

    นี่มันศึกปาร์ตี้หายนะ ดีๆนี่เอง

    ฉะนั้นแล้วเรื่องอะไรที่เขาต้องเล่นตามกติกาเสมอไปด้วยล่ะ? 

    งานนี้ได้บันเทิงแน่~~~~

    " ถ้างั้นก็...." ยิ้มชั่วร้ายอย่างเยี่ยงลูลูช แลมเพอรูจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×