คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : กลยุทธ์ล่าหนู
ทีวีได้ประกาศข่าวนักฆ่าหลบหนีมายังที่ญี่ปุ่น ซึ่งทำวีรกรรมฆ่าคนไปทั่วประวัติของเขาโดนแฉสารพัดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ก่อวางระเบิดทั้งตึกของเคย์เนธก็ด้วย
ง่ายๆคือเขาถูกจัดฉากใส่ร้ายที่ปฏิเสธความจริงของตัวเองไม่ได้ อย่างเห็นได้ชัด เป็นการเอาคืนโดยให้เบื้องหน้ามาจัดการคิริสึงุ แผนของชินจินั้นเอง
เพราะบรรดามาสเตอร์ที่รับมือยากสุดเลยคือ เอมิยะ คิริสึงุที่เล่นนอกแผนฆ่ามาสเตอร์คนอื่นด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมสมเป็นนักฆ่า ไม่ว่าใช้วิธีไหนก็ขอให้ฆ่าอีกฝ่ายได้ก็พอ
ในตอนนั้นเองมีสายโทรเรียกคิริสึงุรับสายรู้ว่าใครติดต่อมา " ไมยะเกิดอะไรขึ้น? "
" คิริสึงุ คุณได้ข่าวรึยัง " ไมยะถามอย่างร้อนใจ
" ดูแล้ว แล้วได้ข้อมูลมาจากไหนกัน? " คิริสึงุสงสัย ตอนนี้ไมยะหายดีแล้ว จึงให้เธอออกไปลาดตระเวนเพื่อสืบหาข้อมูบ จะมีเวลาว่างไปดูโทรทัศน์เหรอ
" ตอนนี้แทบทั้งเมืองมีการถ่ายทอดสดเกี่ยวกับเรื่องของคุณค่ะ " ไมยะพูดพลางมองทีวีที่ติดอยู่บนตึกขนาดใหญ่ รวมไปถึงสินค้าของร้ายขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พวกมันต่างฉายข้อมูลเกี่ยวกับคิริสึงุออกมา ประวัติความเป็นมาที่ขนาดวงการจอมเวทยังต้องอึ้งเลย เพราะมีเป็นข้อมูลวีรกรรมที่คิริสึงุได้ฆ่าคนก่อนมายังเมืองฟุยุกิ แล้วมีค่าหัวปลดค่าตอบหาได้ข้อมูลพบเห็น
ชัดเจนเลยว่าตอนนี้คิริสึงุกลายเป็นข่าวดังภายในข้ามคืนเรียบร้อย
คิริสึงุนิ่งเงียบนึกไม่ถึงว่าในเวลาเพียงไม่กี่วันจะกลายเป็นคนดังแบบนี้ในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้
ไม่ว่าดูยังไงก็แปลกเกินไป ไม่ทันที่จะได้คิดต่อ หูของเขาก็ได้ยินเสียงหวอแว่วมาเบาๆ ซึ่งทำให้เขาเลิกค ดแล้วมองหน้าต่างเพื่อแอบดู พบว่ามีรถตำรวจพร้อมชุดป้องกันครบมือแบบขนปืนต่างๆแล้วมีเจ้าหน้าหลายสิบเจ้าหน้าที่ใช้ปืนไรเฟิลส่องภายในบ้านด้วย แถมมีเสียงเฮลิคอปเตอร์บนเหนือบ้านของเขาด้วย
" มาไวจริงๆ " คิริสึงุเริ่มเก็บของอย่างรวดเร็ว ไม่นานปืนและอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นพับเก็บลงมากระเป๋าขนาดพกพาอย่างรวดเร็ว ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้หาทางหนีทีไล่ก็มีเสียงดังขึ้นเสียก่อน
" เปิดประตู นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แกถูกล้อมเอาไว้แล้ว!! จงยอมมอบตัวซะโดยดี หากขัดขืนเราจะใช้มาตรฐานสากลวิสามัญได้ จงออกมามอบตัวเดี๋ยวนี้!!! "
คิริสึงุตั้งใจจะลองใช้เวทมนต์สะกด แต่ทว่ามันใช้กับตำรวจที่ขนมาทั้งกรมและมีมือไรเฟิลและพาหนะเคลื่อนที่บนอากาศไม่ได้ทั้งหมเ
เป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะใช้เวทมนต์กลางสาธารณะ ตัวของเขาคือจอมเวท หากใช้ในสถานการณ์แบบนี้อาจโดนหมายหัวตัวของมาสเตอร์กลุ่มอื่นๆได้ ยิ่งศาสนจักรยิ่งไม่ต้องพูดเลย ถึงข่าวมันจะไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเวทมนต์เลย แต่วีรกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นในอดีตเริ่มย้อนศรมาเล่นงานเขาซะแล้ว
คิริสึงุใช้ระเบิดควันจำนวนมากเพื่อให้ไม่มองเห็น ที่นทำให้รู้ว่าพวกเขาเสียท่า แล้วพยายามฝ่าม่านควันเข้าไปเพื่อเข้าจับกถมทันที
แต่ไม่ทันเสียแล้วตัวของคิริสึงุได้หนีไปแล้ว ระเบิดควันเมื่อครู่ซื้อเวลาให้เขาได้เพียงพอให้เขาเก็บข้าวของที่จำเป็นและกระโดดหนีออกจากไปทางหน้าต่าง
คิริสึงุมุ่งหน้าที่สถานีตำรวจเพื่อที่จะควบคุมตำรวจที่นั่นให้ยกเลิกหมายจับของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นจะให้ยกเลิกประกาศข่าวได้ทันที แต่แค่ให้พวกตำรวจหยุดตามล่าเขาในช่วงสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ยังดี
ทว่ามันทำให้เขานั้นต้องผิดหวัง เพราะต่อให้สะกดจิตให้ตำรวจตามล่าเขา แต่ว่าไม่สามารถยกเลิกคำสั่งที่ตามล่าคิริสึงุได้ เพราะมันได้คำสั่งมาจากกองกำลังกระทรวงกลาโหมของประเทศเลยทีเดียว อำนาจตำรวจสมัยใหม่ถึงยกเลิกข่าวจะได้ แต่ไม่สามารถเลิกคำสั่งตามล่าเขาได้เลย
สิ่งที่ทำได้คือให้พวกตำรวจสับสนตามล่าเขาไม่ถูกในระหว่างสงครามให้เขาได้พักบ้างก็ยังดี โดยมีคำสั่งจับเป็น ถ้าขัดขืนแล้วใช้อาวุธตอบโต้ก็สามารถวิสามัญได้ทันที
คิริสึงุเช็ดว่ามีใครเข้ามาที่นี่หรือเปล่าเพื่อหาต้นเหตุเป็นใคร แต่ก่อนจะที่ทำอย่างงั้น หน้าจอทีวีที่อยู่ตรงหน้าเกิดถูกแฮกก่อนเงยร่างเงารูปแบบดิจิทัลไร้ซึ่งใบหน้าของเขาคน
" ว่าไงชอบของขวัญที่ให้ไว้หรือเปล่า คุณนักฆ่า " เสียงของชินจิในร่างของนาตาเรียที่แปลงเสียงจนไม่อาจสามารถรู้ได้ว่าเป็นใคร
" นาตาเลีย...ไม่สิ เบอเซิกเกอร์เหรอ " คิริสึงุรับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกปลอมแปลงคนอื่นไปทั่ว ฉะนั้นแล้วเขาทำใจได้เร็ว แต่ในเวลาเดียวกันก็ตึงเครียดไปด้วย เพราะนาตาเลียคือหญิงสาวที่คอยเลี้ยงดูเขาหลังจากฆ่าพ่อของตัวเองในวัยเด็ก ถึงจะเป็นวีรชนก็ไม่น่ารู้กระทั้งเรื่องส่วนตัวบุคคลได้
บวกกับที่ในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ทำให้รู้แน่ชัดแล้วว่าสิ่งที่ชินจิพูดมาในท่าเรือไม่ได้โกหก แบบนี้ต่อให้สืบตายยังไงก็ไม่อาจหาตัวจริงของอีกฝ่ายเจอ
" อ่อบอกไว้ก่อนนะว่า นี่คือวีดีโอบันทึกที่อัดเอาไว้ ฉะนั้นแล้วถามอะไรไปก็ไม่ได้หรอก คุณได้แต่ฟังเท่านั้นล่ะนะ คุณจะหนีไปเลยก็ได้ แต่ก็จะไม่ได้ข้อมูลกลับไปล่ะนะ "
" ชิ " คิริสึงุทำหน้าไม่พอใจ เหมือนว่าคนในวีดีโอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงก่อนรอให้เจ้าตัวพูดออกมา
" เพราะยังไงซะคุณก็คือนักฆ่าที่อันตรายที่สุดในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ไม่ต่างกับบาทหลวงที่มีแอสซาสซิน แถมใช้วิธีต่างๆเพื่อให้ฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่สนใจวิธีการ การกระทำป่าเถื่อนแบบนั้นมองข้ามไม่ได้นะ ถือว่าซะว่าเป็นการเอาคืนที่ทำกับชั้นไว้ล่ะนะ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ไอ้คนที่ส่งตำรวจมาตามล่าคุณก็คือชั้นเอง " คนในวีดีโอเปิดเผยตรงๆเลยว่าตัวเองเป็นคนทำ ในร่างหญิงเสมือนแม่บุญธรรมของเขาในอดีต
" วางใจได้หากจบเรื่องพวกคุณก็ไปสะกดจิตพวกระดับสูงเอาก็ปิดข่าวได้ไม่ยากเลย ชั้นเลยอยากให้คุณหนีให้นานเท่าที่จะนานได้ไม่ก็อยู่ในคุกยาวๆจนจบศึกก็จะขอบคุณมากเลย เดี๋ยวข้อมูลประวัติพวกนั้นจะโดนลบหลังจากจบสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เอง หาชั้นให้เจอสิครับ ถ้าหากมีปัญญาที่จะกล้ามาล่ะนะ แต่ระหว่างที่คุณฟังผมพล่ามอยู่ คุณจะพอมีเวลาหนีได้นะ "
พอได้ยินประโยคหลังของวีดีโอ คิริสึงุรีบมาดูหน้าต่างพบว่ามีรถตำรวจจำนวนมากมาตามล่าเขาอยู่เลย
" เพราะงั้นระหว่างนี้ก็ขอให้หนีให้สนุกนะครับ คุณผดุจความยุติธรรม " สิ้นสุดจอทีวีก็ได้ดับลง
คิริสึงุถึงกับหัวเสียออกมาเลยนอกจากจะให้เสียเวลามายืนฟัง มันใช้เบี่ยงเบนความสนใจมาที่วีดีโอเพื่อถ่วงเวลาให้ตำรวจมาถึง
แล้วจากที่จับใจความสำคัญได้ ศัตรูต้องการเอาคืนแบบเจ็บแสบให้แก่เขา และทำให้อยู่ในสภาพที่ไม่เหนื่อยตลอดทั้งวันแบบไม่ให้หยุดพักจนไม่มีเวลาที่จะโฟกัสกับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ได้เต็มที่
แล้วที่สำคัญเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้จักคิริสึงุเป็นอย่างดีราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต แถมวิธีการให้คนธรรมดามาจัดการเขา ไม่ใช่วิธีจอมเวททั่วไปได้ใช้กัน เพราะนั้นเคร่งเรื่องความลับเวทมนต์อย่างมาก ไม่มีทางที่จะใช้วิธีให้จอมเวทเสียผลประโยชน์ได้
ซึ่งมันขัดกับกฏเหล็กของวงการเวทมนต์ เรื่องวีรกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้เผลอๆศาสนจักรอาจหันมาเล่นงานเขาด้วยก็ได้ แต่โชคดีที่ตอนนี้ให้ความสำคัญกำจัดแวมไพร์ก่อนเลยไม่มีเวลามายุ่งกับคิริสึงุตอนนี้
" อีกฝ่ายเหมือนเราไม่ก็คนธรรมดาเหรอ " คิริสึงุทำหน้าเครียดออกมาแล้วมองไปความคิดแรกเลยว่า ศัตรูเป็นจอมเวทประเภทเดียวกับเขา ที่ใช้เทคโนโลยีทันยุคสมัยมาใช้ต่อกรเรื่องแบบนี้ แถมทำได้ขนาดนี้ แม้แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้กลยุทธิ์ที่เล่นได้ผลกับจอมเวทอย่างเขาได้แสบมาก
แต่เขาก็ไม่มีเวลามาบ่นแล้ว เขาต้องรีบหนีออกจากที่นี่ซะก่อน
___________
" โอ้โฮ เละกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกแหะ " ชินจิเอ่ยขึ้นหลังจากแฮกกล่องวงจรปิดในสถานีตำรวจที่คิริสึงุบุกเข้าไปในกรมเพื่อยกเลิกคำสั่งตามล่าเขา แล้วหนีออกไป
ชินจิได้ทำคลิปนี้ก่อนที่จะบุกปราสาทเมื่อคืนก่อนแล้ว คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าคิริสึงุหมายหัวเล่นงานทีเผลอแน่ๆ จึงเตรียมสิ่งนี้โดยเฉพาะ สิ่งที่เขาทำได้เหล่านี้ไม่ได้จากการใช้รากฐานวิญญาณแต่อย่างใด
แต่มันคือต้นกำเนิดของเขา แฮกเกอร์ยังไงล่ะ มันเป็นความสามารถที่จะแฮกอุปกรณ์ได้ เขาสามารถแฮกได้ถึงระดับกองทัพ ข้อมูลข่าวสารระดับโลกเลยยังได้ แต่ไม่ทำ เลยเลือกเจาะจงที่ตำรวจมากกว่าทหารนั่นเอง
ซึ่งเป็นความสามารถที่เขาได้มาจากตัวของเขาในโลกดิจิทัลที่ในภาค Extra นั่นเอง ชินจิเอาสิ่งนั้นมาต่อยอดแล้วมาใช้ในโลกจริง
ในช่วงเวลาที่ศาสนจักรหาทางรับมือแวมไพร์ คงไม่มีเวลามากพอที่จะสนใจเรื่องคิริสึงุโดนตามล่า อย่างน้อยๆ 2-3 วันนี้คิริสึงุไม่อาจทำอะไรได้ตามใจนึก แล้วการกระทำเหล่านี้นั้นคิริสึงุล้วนเป็นคนทำเองล้วนๆ ก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง หากหนีไปได้เขาก็แฮกที่อยู่จากโทรศัพท์ แล้วดักฟังบทสนทนาว่าจะทำอะไร
เหมือนว่าคิริสึงุกับไมยะจะวุ่นวายในการยกเลิกคำสั่งตามล่าเขา และให้ตัวของไอริสฟิลและอาเธอเรียอยู่ที่ปราสาทต่อไป
เรียกว่าทำเอาหัวหมุนได้เลย ไม่ว่าคิริสึงุจะไปที่ไหนก็โดนดักทางได้ตลอด แล้วชินจิก็ใช้กลยุทธิ์แบ่งกำลังตำรวจกักเส้นทางจนไม่อาจให้พักลมหายใจได้ เรียกว่าสมรภูมิในเมืองเป็นสถานที่ที่ชั้นยอดที่อำนวยต่อชินจิเลยก็ได้ ถ้าหากเป็นทรีฟัสในโรมาเนียค่อนข้างที่จะไม่อำนวยต่อเขานัก เพราะสนามรบมันกว้างเกินไป แล้วมีการใช้เทคโนโลยีที่น้อยกว่าเมืองฟุยุกิเสียอีก
ชินจิแทบไม่จำเป็นในการใช้เวทมนต์เลยสักนิด ใช้จุดแข็งแรงของยุคสมัยได้เป็นอย่างดี ถึงจะแจ้งความต่อศาสนจักรไปก็ไม่ได้ผลอยู่ดี เพราะคิริสึงุเป็นคนที่คิดแง่ลบ ในเมื่อริเซย์และคิเรย์ยังให้ความร่วมมือกับโทคิโอมิอยู่ ไม่มีทางใช้วิธีนี้แน่นอน
แต่จุดอ่อนของกลยุทธิ์ล่าหนูนี้ก็คืออีกฝ่ายเป็นจอมเวทเนี่ยล่ะ หากบุกผ่าแล้วสะกดจิตพวกเขาก็สามารถลอยนวลได้ แต่มันใช้กับคนหมู่มากไม่ได้ ชินจิก็ใช้กำลังเสริมมาสมทบก็ทำให้ใช้วิธีสะกดจิตยากยิ่งขึ้นไปอีก
ทางเดียวเลยคือต้องกำจัดพวกตำรวจไม่ก็ต้นต่ออย่างชินจิให้ได้เท่านั้น
ถึงจะรู้ที่อยู่ของเขาแล้วก็ตาม แต่มันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นหากเขาไม่เคลื่อนไหวออกไปข้างนอกวัด
ในระหว่างที่มาสเตอร์คนอื่นๆได้พักกัน จะมีแต่คิริสึงุเท่าที่ต้องรับมือสถานการณ์นี้ทั้งวันไม่หยุดพัก
แน่นอนว่าเขาจะไม่ไล่ต้อนคิริสึงุจนมุมหรอก เพราะมีสำนวนหนูจนตรอกอยู่ด้วย หากคิริสึงุไม่ไหวแล้วจริงๆก็จะฆ่าตำรวจทิ้งได้ เลยเขาให้พักช่วงตอนกลางคืน
ซึ่งเป็นช่วงที่พวกแวมไพร์ออกมาอาละวาด ความตึงเครียดยิ่งมากขึ้นไปอีก
ตอนเช้าเจอตำรวจ ตอนค่ำเจอแวมไพร์
ไม่มีอะไรที่น่าหรรษาไปมากกว่านี้แล้วล่ะ~~~
ชินจิเลิกดูแล้วใช้เวลาอันแสนล้ำค่านี้พักผ่อนโดยหยิบโทรศัพท์ที่ตัวเองได้เทรซจากความทรงจำของคนต่างโลกมา ในโทรศัพท์รูปแบบสัมผัสในยุคเรวะนั้นเอง
ว่าด้วยเทคโนโลยีตอนนี้มันใกล้ยุคเฮเซย์ ทำให้เครื่องมือสื่อสารค่อยๆพัฒนาขึ้นให้เรียบง่าย แต่ไม่ทันใจสำหรับชินจิ
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเข้าใจหลักการทำงานของเวทมนต์ดีพอๆกับเจ้าของที่คิดค้นอย่างเอมิยะอาเชอร์ได้
คำตอบง่ายๆเลย เขาได้เข้ารากฐานวิญญาณสืบข้อมูลของเวทมนต์โปรเจคชั่นของเอมิยะจนทะลุปรุโปรง
ข้อจำกัดของเวทมนต์เทรซมันสร้างสูงสุดแค่ 8 ใน 10 ของก็อปปี้เกรด A ที่หลังจากใช้เสร็จก็จะหายไปตามองค์ประกอบที่ตัวเองเข้าใจ มันไม่สามารถสร้างที่ไม่ใช่จากที่มนุษย์สร้างมาได้ อย่างเช่นดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างโดยภูต และดาบผ่าโลกเออาที่เทพหรือดวงดาวเป็นคนสร้างขึ้นมา ถ้าหากไม่ได้วิเคราะห์โครงสร้างแบบจริงจังก็ไม่มีทางสร้างออกมาได้เหมือน 100 เปอร์เซ็นได้หรอก
เพราะงั้นชินจิเลยได้ใช้สิ่งที่มาชดเชยเลยคือ ใช้การสร้างจากพลังอีเธอร์ที่ไม่มีการสลายหายไปตามกาลเวลา หากไม่ได้รับความเสียหายอะไรก็ยังคงอยู่ถาวร
หากให้ตั้งชื่อความสามารถนี้ล่ะก็คงเป็น.....
Hacking Magecraft ศาสตร์เวทการแทรกแซง
รูปแบบการใช้ของมันเป็นเวทมนต์ออริจินอลที่เขาเป็นคนคิดขึ้นมาหลังจากแกนเวทได้ใช้งานและรู้ต้นกำเนิดของตัวเอง โดยเวทมนต์ศาสตร์นี้เขายังไม่ได้ทำการศึกษาแน่ชัด ว่าด้วยเป็นเวทมนต์ต้นกำเนิดเฉพาะของตัวเองเท่าที่เหมือนกรณีของเอมิยะ ชิโร่ ที่ใช้เวลาตัวเองทั้งชีวิตในการศึกษาเวทมนต์นี้ทะลุปรุโปร่ง
เพราะมันเป็นเวทมนต์ที่ถูกพึ่งค้นพบนั่นเอง
ส่วนเวทมนต์เทรซเขาก็รู้วิธีการทำก็รู้เลยว่า หากใจไม่ถึงจริงก็อยู่กับเวทมนต์นี้ไม่ได้เลย
หลักการในใช้เวทเทรซ หรือสร้างจำลองวัตถุจากความว่างเปล่าในอากาศ มีอยู่ 7 ขั้นตอนด้วยกัน
1.วิเคราะห์คอนเซ็ปต์ของการสร้างวัตถุ2.จินตการโครงสร้างของวัตถุ
3.จำลองวัสดุที่ใช้ในการสร้างวัตถุ
4.จำลองประสบการณ์และวิธีการสร้างวัตถุ
5.สัมผัสและเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ของวัตถุ
6.จำลองประวัติศาสตร์และประสบการณ์ทั้งหมดของวัตถุ
7.ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นจึงจะสามารถสร้างออกมาเป็นรูปธรรมวัตถุที่ต้องการได้
นี่คือหลักการใช้เวทเทรซ ที่ต่อยอดจากโปรเจคชันทั่วไป
ยิ่งเข้าใจหลักการของมันและโครงสร้างวัตถุที่ต้องการสร้างขึ้นมากเท่าไหร่ มันยิ่งมีความสมบูรณ์แบบในการใช้งานมากขึ้นเทียบเท่าของจริงได้ แล้วอาจถึงขั้นอยู่ได้ถาวรเลยก็ได้
เวทมนต์นี้น่ะทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่ได้ยุ่งกับมันจริงๆจังๆ เพราะมันเสียเวลาเปล่า เนื่องจากต้องมาเข้าใจหลักการสร้างขึ้นในหัวขึ้นมาตั้งแต่วิธีสร้าง เช่นถ้าทำธนบัตรขึ้นมาตั้งเข้าใจวิธีการสร้างมันตั้งแต่แรกขึ้นมานั้นเอง
มันเป็นเวทมนต์ที่ไม่มีใครให้ความสนใจมันมากนัก เพราะมันใช้ยากนั่นเอง
ชิโร่ที่ได้เชื้อสายบรรพบุรุษของช่างตีดาบในตำนานอย่างเซนจิ มุรามาสะ จึงสามารถเข้าถึงการสร้างอาวุธได้ดีกว่าคนทั่วไปนั่นเอง แถมสร้างดาบได้ดีกว่าอย่างอื่นด้วย
สิ่งที่ยากที่สุดคือความอดทนต่อการรับข้อมูลจำนวนมากเข้าถึงวัตถุและดึงประสบการณ์ของมันให้เป็นประโยชน์ ถ้าหากเข้าใจหลักการวิธีสร้างขึ้น มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ส่วนสำคัญในการสร้างมาล่ะก็ เขาจะพัฒนาไปกว่าคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เผลอๆไปไกลกว่าจอมเวทยุคใหม่ด้วยซ้ำ
หากเอามาประยุกต์ร่วมกับเวทแฮกเข้าไป นอกจากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้งานโดยตรงแล้ว เขาเข้าถึงประวัติศาสตร์จริงๆยันวิธีการสร้างของผู้ใช้ที่ไม่ใช่มนุษย์ได้เลย ซึ่งนั้นมีความอดทนที่มากกว่าเดิม ในการเทรซตั้งหลายเท่าเลย เพราะมันเป็นการเอาข้อมูลส่วนเกินที่ไม่จำเป็นหลักการใช้เวทมนต์นั้นมาด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นคือ ดาบอัญมณีเซลเรทช์ที่เขาสร้างให้กับรินใช้ชั่วคราวนั้น รู้องค์ประกอบการสร้างและวิธีสร้างเจ้าของมันได้หมด รวมถึงวิธีการเชื่อมต่อมานามิติโลกคู่ขนานด้วย แต่ไม่อาจสร้างได้เพราะเขาสร้างไม่สมบูรณ์ เนื่องจากวงจรเวททนรับไม่ได้ หากใช้พลังของเกินกว่าที่จะสร้างได้ แต่หากผสมกับทรูเมจิคล่ะก็มันสร้างออกมาได้สมบูรณ์ 10 ใน 10 ได้เลย เผลอๆสร้างได้ดีกว่านั้นได้หากมีองค์ความรู้การสร้างอย่างอื่นมาเสริมทับเพิ่มได้
แต่ทักษะนี้ยังไม่เหมาะในการสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เนื่องด้วยเขายังไม่เข้าใจเวทมนต์นี้ได้ทั้งหมด เลยได้แต่สร้างของง่ายๆไม่ซับซ้อนเกินไปก่อน จำพวกปืนอะไรพวกนี้ที่เขาไปวิเคราะห์ในช่วงวันที่หนึ่งของสงครามจอก
ชินจิในตอนนี้จึงทำการศึกษาจากสมบัติวีรชนที่อยู่ใกล้ตัวอย่างปลอกดาบอวาลอน อารอนไดร์ และคาเรน บลัดอาเธอร์ที่ดาร์นิกทิ้งเอาไว้ให้ โดยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการใช้งานของมัน แล้วด้วยทักษะของแลนสล็อตก็ปรับใช้ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะงั้นในสนามรบไม่จำเป็นต้องกังวลเขาจะไม่ขาดแคลนเรื่องอาวุธหรือมานาเลยแม้แต่น้อย
_______________
ตัวของเขาอยากเดินพักผ่อนนอกวัดเสียหน่อย ถึงจะมีแอสซาสซินจับตามองอยู่แถมคิเรย์ที่เป็นมาสเตอร์ไม่ได้พักงานกำจัดแวมไพร์ก็ได้แต่เฝ้ามองเท่านั้น
เพราะจะให้โซล่าไปออกกับเดียร์มุดก็เสี่ยงไป แล้วตักเตือนเธอไปในเรื่องคำสาปสเน่ห์ของเดียร์มุดให้ตัวของหล่อนตั้งสติกลับมา ความรักมันทำให้คนเราตาบอดได้ ในระหว่างนี้กลุ่มเคย์เนธเลยต้องสั่งอาหารมาส่งที่วัดแทนที่จะเข้าเมืองไปซื้อ
ส่วนชินจิก็ออกไปหาอะไรกินแม้ว่าจะอยู่ในสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม ในร่างของนาตาเลียเนื่องด้วยคุ้นเคยกับพลังของแลนสล็อตจนชินแล้วนั่นเอง โดยไม่ต้องใช้ตราบัญชาในการแปลงร่างนั้นเอง
" อ้าว นี่เจ้า " เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทำให้ร่างหญิงสาวที่พึ่งออกจากร้านสะดวกซื้อ
พบว่าชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำสีผิวแทนผมสั้นสีแดงในชุดลำลองสีขาวที่มีโลโก้สลักเอาไว้ว่า Admirable ที่แปลว่า น่ายกย่องสรรเสริญ สวมกางเกงยืดที่เคลื่อนไหวได้สะดวก
ชินจิที่เห็นก็นิ่งไปแล้วเปิดขวดน้ำผลไม้แล้วกินเฉยๆชิลๆ แล้วเดินไปไม่ใส่ใจอะไร
แต่ว่าถูกมือใหญ่นั้นมาบังเอาไว้ ทำให้สองคนสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้
" อ้าว นี่เจ้าคือเบอเซิกเกอร์งั้นเหรอเนี่ย ตัวเล็กกว่าที่คิดเอาไว้อีกแหะ " อิสกันดาร์ที่สายตาดีมองข้างซ้ายที่ซ่อนในกระเป๋ากางเกงและสัมผัสถึงพลังมานาและหัวใจของหญิงสาวที่ถือขวดน้ำมาดื่ม และสัมผัสวิญญาณของชินจิคุ้นเคยแบบแปลกๆ
" ใช่ แต่อย่างที่รู้ว่าเป็นโฮกุของเบอเซิกเกอร์ " ชินจิดื่มต่อโดยไม่สะท้านอะไร แต่ในใจคืออยากจะกรีดร้องความโหยหวนที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
" โผล่ร่างจริงในเมืองแบบนี้นับว่าใจกล้าน่าดูนะครับ "
" แน่นอนสิ ข้าเป็นถึงราชาผู้พิชิตนะ ทำไมต้องหวาดกลัวต่อสิ่งใดกันล่ะ " อิสกันดาร์ยิ้มอย่างไม่สะท้านอะไร
" ไรเดอร์ บอกกี่ทีแล้วให้ออกมาในสภาพก้อนมานาไงเล่า! " เวเวอร์ที่ออกมาด้วยโวยวายยกใหญ่ก่อนสังเกตเห็นเด็กที่อยู่บนมือของอิสกันดาร์ " นี่นายหาเรื่องกระทั้งผู้หญิงเลยเหรอ ราชาภาษาอะไรกันเนี่ย!! "
" เจอมาสเตอร์แบบนี้ก็เหนื่อยนะ ราชาผู้พิชิต "
" ไม่เลยๆ ก็แค่การดูแลเด็กเท่านั้นเองแหละ " อิสกันดาร์พูดอย่างไม่ถือสา " แล้วคราวนี้ทำไมไม่กลายเป็นร่างคนอื่นเหมือนที่ผ่านมาล่ะ? "
" เดี๋ยว นี่คือเบอเซิกเกอร์เหรอ?! " เวเวอร์ถึงกับช็อคเลย
อัศวินร่างใหญ่ที่น่าเกรงขามและสง่างามแบบนั้นตัวจริงร่างหญิงสาวอ่ะนะ แต่เวเวอร์นึกขึ้นได้ว่าโฮกุของเบอเซิกเกอร์สามารถเปลี่ยนร่างเป็นใครก็ได้ตามใจนึก
" ก็ชั้นไม่ใช่เบอเซิกเกอร์แท้ๆสักหน่อย "
" นี่ๆ เจ้าน่ะเป็นผู้อาศัยเมืองนี้หรือเปล่า? " อิสกันดาร์ถาม
" ใช่ ทำไม? "
" ช่วยแนะนำหาเหล้าที่ดีที่สุดในเมืองนี้ให้หน่อยสิ "
" หาเองสิ " ชินจิปฏิเสธทันควัน
" อย่าทำตัวเย็นชาอย่างงั้นสิ จริงด้วยเจ้าสองวันนี้พอจะว่างหรือเปล่าล่ะ? " อิสกันดาร์แสยะยิ้มออกมา
" ถึงจะสงบศึกชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำให้คุณทุกเรื่องนะ ราชาผู้พิชิต " ชินจิ
" แล้วคำตอบล่ะ? "
" ถ้าไม่ติดอะไรก็ว่างนั่นแหละครับ "
" หึๆๆ ถ้ายังไงเจ้าอยากมางานเลี้ยงราชามั้ยล่ะ? "
ชินจิถึงกับคิ้วกระตุกออกมา
ถ้าจำไม่ผิดต้นฉบับอิสกันดาร์ได้เรียกชวนตัวของกิลกาเมชมางานเลี้ยงราชา ซึ่งเป็นศึกวาจาคำพูดเพื่อค้นหาผู้ที่ควรของราชาในอดีตที่พวกเขาชอบใช้กัน ไม่ค่อยมีให้เห็นในปัจจุบันแล้วล่ะ
" ถ้าอยากจะนัดแนะเรื่องนี้ล่ะก็ ควรไปเรียกเซเบอร์กับอาเชอร์มาคุยก่อนไม่ดีเหรอครับ? " ชินจิ
" ก็นะ แต่ข้ารู้เฉพาะปราสาทของเซเบอร์เท่านั้น งั้นเอายังงี้มั้ย ข้าขอฝากให้เจ้าทำหน้าที่หาอาหารของยุคนี้ให้สำหรับงานเลี้ยงราชาให้หน่อยสิ "
" ให้มาสเตอร์ของคุณจัดการไปสิ " ชินจิเหลือบมองที่เวเวอร์
" ฮะๆ คงไม่ได้ล่ะนะ เพราะเจ้าหนูนี่ค่อนข้างที่จะขี้เหนียวด้วย ข้าว่าให้คนในพื้นที่น่าจะจัดการได้ง่ายน่ะสิ "
" ไปขอคนอื่นเถอะครับ "
" อย่าเย็นชาแบบนั้นสิ น่านะ งานเลี้ยงราชาก็ต้องมีพยานตัดสินด้วยหนิ เจ้าน่ะเหมาะสุดแล้วล่ะ " อิสกันดาร์ตัดสินใจว่าให้ชินจิเข้าร่วมด้วย เพราะเป็นคนที่คุยง่ายสุดในสงครามครั้งนี้แล้ว
" เฮ้อ....ต่อให้คุณปฏิเสธไป เดี๋ยวท่านกิลกาเมชคงมาหาผมอยู่ดี ผลลัพธ์เท่ากัน " ชินจิถึงกับคอตก ดูท่านี่คือชะตากรรมของคนเป็นเบ้ให้คนอื่นงั้นสินะ
" เข้าใจแล้วครับ เรื่องอาหารสำหรับงานเลี้ยงผมหามาให้ คุณจัดการเรื่องสถานที่เอาแล้วกัน " ถึงจะไม่เต็มใจ แต่ยังไงซะไม่พ้นเรื่องฐานที่มั่นของปราสาทไอน์เบิร์นตามต้นฉบับล่ะนะ
เพราะสำหรับราชาแล้ว ปราสาทที่ใกล้เคียงยุคสมัยของพวกเขามากที่สุดแล้วล่ะนะ
" ได้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะมาบอกเจ้า ว่าแต่บอกทางไหนดีล่ะ? " อิสกันดาร์พยักหน้าเบาๆก่อนนึกวิธีติดต่อของชินจิไม่ออก เพราะที่ชินจิมายังเมืองเพื่อหาอะไรกินเท่านั้นเลยไม่รู้ที่หลักแหล่งในสงครามเลย
" นี่นายน่ะ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ " ชินจิยื่นมือขอเวเวอร์
เวเวอร์ที่ยืนฟังก็ได้แต่ถอนหายใจ อะไรที่อิสกันดาร์ตัดสินใจไปแล้วห้ามยังไงก็เอาไม่อยู่ นำโทรศัพท์ให้ชินจิ
ชินจิรับมาแล้วเพิ่มเบอร์โทรและอีเมลเข้าไปแล้วโยนคืน
" ให้ติดต่อทางอีเมลนะครับ "
" โอ้ ขอบใจมากเลย "
เฮ้อ....ดูท่าเขาคงไม่ได้อยู่เงียบๆตามที่หวังสักครั้งคือจะไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ย
ความคิดเห็น