คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : การโต้กลับที่เจ็บแสบ
ชินจิค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดเนื้อตามตัวไปหมดแต่ก็เป็นเพียงอาการปิดที่เขาไม่ได้นอนดีๆเลย แล้วประมวลผลจากสิ่งที่ตัวเองได้เจอมาในความฝัน เป็นสุดยอดความฝันที่ไม่มีทางได้เจอได้เลย ไม่ว่าจะเป็นวีรชนคนไหนก็ตาม
ก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาก่อนทำหน้าไม่สบอารมณ์ในเวลาเดียวกัน ในเมื่อโลกตัดสินใจให้เขาจัดการ แล้วอนุมัติในการใช้ทรูเมจิคเขาก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องกักพลังเอาไว้แล้วนั่นเอง แต่ว่าพูดเหมือนง่ายแต่ทำจริงๆนั้นยาก เขาต้องใช้เวลาในการปรับตัวและให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงจะไม่พอใจกับการที่เจอของตัวแทนของโลก เพราะมันไม่ต่างการทำงานให้กับมัน เหมือนการ์เดี้ยน โดยไม่สามารถขัดขืนมันได้ แต่ยังดีที่ทางนั้นไม่คิดจะเล่นให้เขาเป็นส่วนนึงในนั้นหลังจากได้ตายลง ผลจากของทรูเมจิกแน่ๆเลย ทำให้เขาไม่ต้องประสบเจอแบบนั้นกับคนอื่นๆ
ในแง่ผลลัพธ์แล้ว วินๆกันทั้งสองฝ่าย
ไม่งั้นคงมีตัวตนอย่างอาโอโกะและเซลเรทช์ให้เห็นในภาค Fgo แล้วล่ะ ในฐานะเซอร์แวนต์แล้วล่ะ แต่ขนาดตัวตนอย่างอัลเควดยังมาเป็นเซอร์แวนต์ได้เลยก็คิดดู
แต่มันก็ตัดตัวเลือกที่จะกลายเป็นการ์เดี้ยนในอนาคตไม่ได้ทั้งหมด สำหรับเรื่องนี้คิดไปรั้งแต่ให้ปวดหัวเปล่าๆ
เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอกับสองตัวตนนั้นอีกเป็นครั้งที่ 2 และตลอดกาลเลย
จากนั้นเจ้าตัวออกไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว เพราะไม่ได้อาบมาสองวัน พอเจ้าตัวได้อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินเสียงโวยวายยกใหญ่ของเคย์เนธที่ได้สติ
จากนั้นเดียร์มุดและตัวของโซล่าอธิบายสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่วัดโดจิแทนที่จะเป็นเมืองร้างตามต้นฉบับ เพื่อไม่ให้เคย์เนธและตัวของโซล่าทำอะไรโง่ๆอย่างไปพึ่งศาสนจักรตอนนี้ ว่าด้วยตอนนี้จับมือกับโทซากะอยู่ เพราะงั้นใช้สิทธิ์คุ้มครองไม่ได้หรอก
แล้วจากนั้นตัวของชินจิก็ได้เปิดอกคุยกับตัวของเคย์เนธในฐานะมาสเตอร์ของเซอร์แวนต์เหมือนกัน ว่าหลังจากนี้พวกเขาจะอยู่จนกว่าเห็นว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย เคย์เนธที่สูญเสียวงจรเวทไปก็เสียการอย่างมาก ความภูมิใจที่มีต่อการเป็นลอร์ดของเขาดับหายไปลงด้วยน้ำมือของคิริสึงุ มันทำให้เขารู้ซึ้งเลยว่าสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์รุนแรงกว่าการต่อสู้ของจอมเวททั่วไปที่จะนึกถึงได้ ตายไปก็ไม่มีสิ่งที่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อย
ในความเห็นของเขา การตายของเคย์เนธมันทำให้สมดุลของหอนาฬิกามันสั่นคลองลง แล้วเกิดสงครามภายในเพื่อแย่งชิงสมบัติของเคย์เนธตามต้นฉบับ แล้วเวเวอร์ก็ต้องทำงานชดใช้หนี้สินที่ตระกูลเอลเมลลอยต้องพบเจอ จะนับว่าเขาเป็นจอมเวทที่เคารพการต่อสู้อีกฝ่ายหากสู้กันอย่างตรงไปตรงมาตามธรรมเนียมจอมเวท ถือว่าเป็นจอมเวทที่น่าเชื่อถือได้คนนึงที่มีไม่กี่คนในสงครามครั้งนี้
ส่วนเคย์เนธก็สนใจในตัวของชินจิเช่นกัน การที่ใช้เสียตราบัญชาของตัวเอง แล้วทำการรักษามาสเตอร์ได้ นับว่าเป็นการใช้ตราบัญชาที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แม้แต่เขาหรือมาสเตอร์คนอื่นไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ นับว่ามีพรสวรรค์ในการจับตามองจริงๆ พอเขาได้บอกว่าตัวเองคือทายาทตระกูลมาโต้คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่จึงเข้าใจจุดประสงค์ที่ชินจิเลือกช่วยเหลือเขาเพื่อที่จะให้รับเขาเป็นนักเรียนหอนาฬิกาในอนาคตภายใต้สังกัตเอลเมลลอย
แต่นั้นมันเป็นเรื่องในอนาคต
ชินจิจึงขอให้เคย์เนธถอนตัวดีซะกว่า เพราะว่าตอนนี้มาสเตอร์ที่โดนเพ่งเล็งไม่พ้นตัวของเขากับมาสเตอร์ของแคสเตอร์ที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
เคย์เนธไม่มีท่าทีจะยอมแพ้แล้วใช้ปาฏิหาริย์จอกศักกดิ์สิทธิ์ในการรักษาวงจรเวท แต่ชินจิจึงบอกความจริงไปว่าสงครามครั้งนี้ได้แปดเปื้อนจนหากขอพรได้ก็ทำให้เมืองทั้งเมืองพังพินาศได้เลย แล้วมีสิทธิ์ว่าหลังขอพรไปอาจถึงตายได้เลย แล้วเพิ่มหลักฐานเลยคือเขาคือตระกูลมาโต้ที่คิดค้นระบบตราบัญชาและเซอร์แวนต์ให้อยู่ในสงคราม
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันยากที่ปฏิเสธได้ แต่ว่าการปรากฏตัวของจิลเดอเรย์ที่มีเซอร์แวนต์ความชั่วร้ายนอกรีตเกินกว่าคลาสที่คนจอมเวทที่เป็นตัวแทนจอกศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นตัวยืนยันได้ บวกกับเมื่อวานที่มีแวมไพร์ปรากฏในสงครามครั้งนี้ไม่ปกติ
เพราะงั้นแล้วคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเคย์เนธ ชินจิก็ไม่รับประกันเช่นกันว่าจะปกป้องได้แค่ไหนด้วย ในกรณีที่เขาไม่อยู่เหลือเพียงเดียร์มุด โชคดีที่ว่าตอนนี้ยังเช้าอยู่จึงไม่มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงเกิดขึ้น
เคย์เนธที่เสียท่าแล้วได้แต่ทำหน้าตัดใจ ถ้าเทียบกับการรอดมาได้โดยน้ำมือของนักฆ่าจอมเวทอย่างคิริสึงุก็ดีแค่ไหนแล้ว ไหนจะถูกชินจิย้ำว่าเขาเป็นถึงลอร์ดหอนาฬิกาไม่มีเส้นสายให้รักษาได้จริงๆเหรอ?
เขาเลยได้ใจเย็นลงแล้วมีสติในการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ตอนนี้ของตัวเอง
เคย์เนธจึงทำสัญญากับตัวของชินจิว่าจะเป็นพันธมิตรต่อกันโดยไม่มีการสงบศึกชั่วคราวแบบคราวก่อน เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป้าหมายหลักๆของพวกเขาคือการเอาตัวรอดจากสงคราม แล้วจะสนับสนุนเขาหลังจากจบสงครามได้
สำหรับชินจิถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จากนั้นพวกเขาก็ต่างคนต่างทำที่ตัวเองอยากจะทำ
โดยระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างพักผ่อน ตัวของชินจิฝึกใช้เวทมนต์ว่าด้วยตลอดมาเขาไม่ได้มีเวลาฝึกฝนเลย แล้วพอเคย์เนธที่โซล่าพาเขนออกจากวัดก็ชมเชย ว่าชินจิมีวิธีคิดในแบบผู้ใหญ่ในรูปแบบคุณสมบัติจอมเวทที่ควรมี แล้วอดบ่นไม่ได้เรื่องเวเวอร์เนื่องจากเป็นลูกศิษย์สาขาของเคย์เนธ
ชินจิจึงถามเล่นๆว่าแล้วตอนนี้จะหากเจอเวเวอร์จะทำยังไง?
เคย์เนธที่สูญเสียพลังในการสู้รบไปแล้วก็ไม่อาจสั่งสอนเวเวอร์ตามที่ตั้งใจเอาไว้ ถึงจะน่าตกใจที่ชินจิได้รับพลังเซอร์แวนต์แล้วมาได้ไกลขนาดนี้ด้วยอายุเพียง 7 ขวบ น่าจะเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในสงครามจอกครั้งนี้แล้ว
____________
ส่วนตอนนี้เมืองฟุยุกิอยู่ในสถานการณ์ที่วิตกอยู่ไม่น้อย ผลในการมาของเซอร์แวนต์ตนที่ 8 ที่มีพลังของแวมไพร์ในคืนเมื่อวาน ได้แพร่ระบาดเพิ่มจำนวนมากในเมืองฟุยุกิ ทางศาสนจักรจึงใช้สิทธิ์ของกรรมการให้มาสเตอร์ทุกคนระงับทำการสู้สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราวโดยให้ควรโฟกัสที่แคสเตอร์และแวมไพร์เป็นหลัก
ถึงจะต่ำช้ายังไง หน้าที่ของศาสนจักรก็คือกำจัดสิ่งที่เป็นภัยต่อมนุษย์ อย่างแวมไพร์เพื่อสันติภาพของมนุษย์จึงให้ความสำคัญเรื่องนี้ก่อนอันดับแรก
ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ริเซย์จึงทำการเรียกเหล่านักปราบของศาสนจักรมาโค่นฝูงแวมไพร์ที่กระจายไปทั่วเมืองฟุยุกิและอาจไปนอกเมืองด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและสมาคมจอมเวทก็ตาม แต่หากมีภัยพิบัติต่อผู้คตพวกเขาไม่เต็มใจนักที่ต้องร่วมมือกันกำจัดโดยไม่ต้องพูดอะไร
ยิ่งเป็นแวมไพร์ด้วยแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่
โบสถ์เป็นสถานที่ที่ผู้ทำภารกิจของศาสนจักรในเงามืด เช่นชิเอลในtsukihime
ใครก็ตามที่ถูกมายังโบสถ์เพื่อจะเป็นจอมเวทของศาสนจักร ก็ต้องตรวจสอบความบริสุทธิ์เสียก่อน ไม่ใช่ความบริสุทธิ์ในแง่ร่างกายนะ แต่เป็นด้านจิตใจต่างหาก เช่นคำสาปของแวมไพร์
โดยศาสนจักรมีหน่วยงานแยกย่อยที่คล้ายคลึงกับหอนาฬิกา แต่ไปทิศทางลัทธิศาสนาเสียมากกว่า
โดยริเซย์และคิเรย์เป็นตัวแทนของศาสนจักรไม่ให้จอกศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของคนชั่ว แต่ต้นฉบับก็เป็นอย่างที่รู้กันล่ะนะ คิเรย์กลายเป็นบาทหลวงนอกรีตไปแล้ว รอคอยดูความสิ้นหวังของมวลมนุษย์
เดิมทีหน้าที่เดิมของพวกเขาคือเป็นสถานที่คุ้มครองแก่คนที่ได้พ่ายแพ้สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างที่รู้กันในศึกนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนเพชณฆาตหรือนักปราบ มีหน้าที่สืบสวนนอกรีตที่โดยศาสนจักรได้ก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่ขับไล่ แต่ปราบสังหารสิ่งมีชีวิตที่เห็นว่าเป็นนอกรีต เป็นหน่วยงานเปื้อนเลือดที่สุดแทบไม่ต่างกับทหารรับจ้างของหอนาฬิกาเลยแม้แต่น้อย
การที่ได้รับฉายาว่าเพชณฆาตนั้นก็แปลว่าเป็นบุคคลนักปราบชั้นหนึ่งที่ฝึกฝนอย่างโหดเหี้ยมและมีความเคร่งเรื่องศาสนาอย่างมาก จะเรียกว่าเป็นอาวุธของมวลมนุษยชาติก็ได้ ( โม้เอาไว้แบบนั้นล่ะนะ )
เช่นคิเรย์ได้ตำแหน่งนี้มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบเลย แล้วเป็นคนที่เชี่ยวชาญการสังหารจอมเวทเป็นหลักเหมือนคิริสึงุ
ให้ว่ากันตามตรงเขาไม่ได้ตามเรื่องของTsukihime เท่าไหร่ เลยรู้เรื่องของศาสนจักรน้อยกว่าสมาคมจอมเวท
แล้วเป็นหน่วยงานที่มีสองฝ่ายคือฝั่งเป็นศัตรูต่อสมาคมจอมเวทและฝั่งอนุรักษ์นิยม เท่านั้น เลยมีให้เห็นในแฟ้มคดีของลอร์ดเอลเมลลอยที่ 2
ชินจิได้คาดการณ์ไว้สองแบบคือ ศาสนจักรจะสั่งให้เหล่ามาสเตอร์กำจัดแวมไพร์และแคสเตอร์ในครั้งเดียว โดยไม่พึ่งกำลังศาสนจักรเลย
กับให้ศาสนจักรรับมือเรื่องแวมไพร์ก่อนให้สงครามอยู่ในระดับที่อำนวยแก่มาสเตอร์แต่ละคนให้จัดการทีหลัง
โดยระหว่างนั้นถือว่าเป็นการพักรบชั่วคราวให้เหล่ามาสเตอร์ได้พักลมหายใจกัน แล้วถูกมอบให้มาสเตอร์ทั้ง 6 ที่เหลืออยู่จัดการเซอร์แวนต์แวมไพร์ไปพร้อมกับแคสเตอร์ หากสองตนนั้นร่วมมือกันล่ะก็ยิ่งทวีคูณความเสียหายเป็นวงกว้าง
ซึ่งตัวของริเซย์เลือกอย่างหลังแทน
ถึงจะหน้าด้าน แต่ตัดสินใจเลือกได้ถูกแล้ว
แวมไพร์ที่มาจากตำนานวีรชน ก็ต้องรับมือได้เฉพาะเพียงวีรชนเท่านั้น จอมเวทสมัยใหม่ไม่มีทางรับมือได้ กรณีของอามาคุสะ ชิโร่ รายนั้นพิเศษหน่อยเพราะเป็นเซอร์แวนต์เหมือนกันจึงปราบได้ในต้นฉบับ
ในช่วงเช้าจนถึงเย็นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร แต่ประเด็นตอนกลางคืนจะสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหนกัน ทางสมาคมจอมเวทก็ไม่อยากให้สงครามนี้ไปยุ่งกับศาสนจักรเกินความจำเป็น มาสเตอร์ทั้ง 6 ก็ยอมทำตามโดยพักทำสงครามชั่วคราวอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่จิลเดอเรย์ที่หนังสือต้องสาปถูกเสียหาย กับดาร์นิกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคงใช้ตราบัญชารักษาไปแล้วแต่ด้านจิตใจที่ได้รับเสียหายมาก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัว แล้วไม่โง่พอให้ออกมาข้างนอก เพราะตัวเองยังเป็นแวมไพร์อยู่ แต่คาดว่าจะฟื้นฟูทั้งจิตใจและโฮกุของตัวเองได้ ขึ้นอยู่กับทางนั้นควรลงมือตอนไหนนั้นเอง
ในระหว่างนี้ตัวของคิเรย์คงจะยุ่งในการจำกัดแวมไพร์โดยไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นหน้าที่ของศาสนจักรที่ต้องจัดการอยู่แล้ว
เวเวอร์ ที่น่าจะหัวช้าที่สุดในมาสเตอร์ที่เหลืออยู่ ก็คงไม่ทำอะไร มีอิสกันดาร์คอยกำกับเอาไว้อยู่ก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร
โทคิโอมิ รายนั้นตราบใดที่กิลกาเมชไม่คิดจะสนใจทำอะไรก็ไม่อาจสามารถสั่งเขาทำอะไรได้ตามใจชอบ นอกจากรอข้อมูลที่คิเรย์ให้มาเท่านั้น
เคย์เนธ ก็อย่างที่รู้ ได้แต่จะต้องถอนตัวในเมื่อมีโอกาสให้ถอนตัว หากมีเซอร์แวนต์ตนไหนโผล่มาก็ต้องให้เดียร์มุดมาปกป้องตัวเองและโซล่า
ตัวปัญหาเลยคือ คิริสึงุ รู้ได้ชัดเลยว่ารายนี้ไม่มีทางที่ปล่อยตัวอันตรายอย่างเขาแน่นอน แล้วจากเมื่อวานที่ซุ่มโจมตีใส่เขาและวางระเบิดในศาลเจ้าโดจิ หากเดียร์มุดไม่ตรวจสอบก่อนก็ต้องโดนไม่ต่างกับกรณีของเคย์เนธแน่ๆ ก็รู้แน่ชัดแล้วว่าต้องการฆ่าแบบหวังผลจริงๆ
ชินจิก็ได้เตรียมของขวัญสุดพิเศษแก่เขาโดยเฉพาะเอาไว้แล้ว
ในเมื่อมันก็ไร้ขีดจำกัดล่างและเบื้องล่างดีนักใช่มั้ย
งั้นก็เจอเบื้องบนจัดการให้เข็ดเสียบ้าง
อย่าเห็นว่าเขาเป็นเพียงแค่เด็กแล้วรอให้อีกฝ่ายโจมตีฝ่ายเดียว
ชินจิได้ทำการแฮกไปยังกรมตำรวจแล้ว ส่งหมายศาลจับเอมิยะ คิริสึงุ
เชิญดิ้นร้นหนีให้เต็มที่เลย....
คุณผดุงความยุติธรรม
เพราะจอมมารตัวน้อยคนนี้........
จะลงทัณฑ์ท่านเองให้สาแก่ใจเลย
ชินจิได้แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมารอดูผลการตอบรับของอีกฝ่ายอย่างจดใจจดจ่อ
แล้วก็บนทีวีว่า....
ประกาศหมายจับ นักฆ่าข้ามชาติ เอมิยะ คิริสึงุนักฆ่าสังหารโดยอาวุธครบมือ วีรกรรมที่มันเคยทำอะไรไว้ในสังคมจอมเวท ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วางระเบิดทัั้งตึกในเมืองที่เกิดขึ้น 2 วันก่อน
โดยไม่ได้มีเรื่องเวทมนต์แม้แต่น้อย แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้ทางตำรวจออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" งานนี้คุณไม่ได้อยู่เฉยๆฟรีๆหรอก คุณนักฆ่า "
_______
ตอนนี้ไม่มีบทสนทนาใดๆนอกจากเนื้อๆหรือน้ำ อะไรก็เถอะ จะมีโปรไฟล์ข้อมูลตัวละครให้อ่านนะครับ
ความคิดเห็น