NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #14 : ตัวแทนของโลก อารยา&ไกอา

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 66


    ชินจิที่ได้สลบไปผลจากการใช้พลังวีรชนมากเกินไปก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวยามราตรีในสถานที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำที่กว้างใหญ่แต่แตะแล้วไม่รู้สึกเปียกแฉะเลยแม้แต่น้อย

    " นี่เราเข้าในความฝันของใครอีกล่ะเนี่ย? " ชินจิเอ่ยอย่างงุนงง เพราะหากเป็นฝีมือของอังราก็น่าจะเป็นบ้านตระกูลมาโต้ที่คุ้นเคยสิ แต่กลับไม่ใช่

    " ขอโทษที่มาเรียกตัวในระหว่างสงครามจอกอยู่....มาคิริ ชินจิ " จู่ๆเสียงของหญิงสาวเอ่ยขึ้นทำให้เขาหันมามอง

    หญิงสาวสองคนได้ปรากฏต้อหน้าเด็กหนุ่ม คนนึ่งหญิงสาวปล่อยผมยาวสีน้ำตาลเข้มนัยน์ตาสีน้ำเงินในชุดเดรสไปรเวทสีแดง ส่วนอีกคนก็คือหญิงสาวผมสั้นสีบลอนเข้มกว่าของอาเธอเรียนัยน์ตาสีแดงใส่เชื้อลำลองยางสีขาวชายประโปรงสีม่วงถุงน่องสีดำสวมรองเท้าส้นสูงสีดำ
     

     อาโอาซากิ อาโอโกะ

    อัลเคสด บรูนสตัด


    ถ้าจำไม่ผิดจะนางเอกจากเรื่อง Mahoutsukai no yoru และ Tsukihime 

    อาโอซากิ อาโอโกะ กับ อัลเควด บรูนสตัด 

    แต่..........คงไม่ใช่ตัวจริงสินะ 

    ชินจิที่เจอมุกอังราจนจับไต๋ได้ แถมสองคนนี้ก็ไม่ได้มีความสามารถเข้าฝันคนอื่นได้หรอก

    ถ้าไม่ใช่ทักษะของอินคิวบัสหรือซัคคิวบัสก็ไม่มีทางเข้าความฝันได้หรอก

    แถมยิ่งคนธรรมดาอย่างเขาด้วย ยิ่งแล้วใหญ่ที่จะมีคนมาติดต่อหาเขา


    " อารยากับไกอาเหรอ? " ชินจิถามแบบเล่นๆดู เพราะเขาเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าเป็นใครกัน


    " โห...นึกไม่ถึงว่ามองแวบเดียวก็รู้ว่าเราคือใครงั้นเหรอ? " อารยาในร่างของอาโอโกะเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ 

    " เพราะการมีตัวตนแบบนี้เข้าฝันเป็นใครบ้างล่ะ ที่ไม่ฉุกคิดกันน่ะ "

    " ดูท่าจะเป็นมนุษย์ที่ใช้งานได้นะ " ไกอาในร่างของอัลเควดนั่งข้างๆกอดอกที่มีท่าหยิ่งๆ

    " นี่ๆอย่าพูดแบบนั้นสิ เรามาขอร้องเด็กคนนี้อยู่นะ " อารยายิ้มตำหนิใส่ไกอาที่มีท่าทีไม่เป็นมิตร

    " นี่เล่นกระทั้งสวมบุคลิกนิสัยเจ้าของร่างได้เลยเหรอเนี่ย " ชินจิเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ

    ว่าด้วยตัวตนนามธรรมอย่างอารยาและไกอาไม่มีรูปร่างที่แท้จริง และไม่อาจพูดคุยสื่อสารได้ เท่าที่นึกได้เลยคือการสร้างร่างจำลองมนุษย์เพื่อมาพูดคุยกับบุคคลสื่อสารได้ง่ายกว่า

    แต่ไม่นึกว่าจะเข้าถึงบุคลิกนิสัยร่างที่ยืมมาใช้ชั่วคราวเลยแหะ

     

    เพราะนิสัยจริงๆของอาโอโกะไปทิศทางชอบเด็ก ส่วนอัลเควดเป็นบุคลิกที่ยังไม่ได้รับรู้อารยธรรมปัจจุบัน เป็นบุคลิกในอดีตที่มีท่าเย่อหยิ่งสไตล์เจ้าหญิง


    " ถูกต้องแล้วล่ะ เพื่อที่จะได้คุยกับเธอโดยตรง เลยเอาร่างที่เธอเข้าใจโดยง่ายที่สุดออกมา ซึ่งเป็นร่างของผู้หญิงคนนี้ " อารยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนนั่งข้างๆร่างเด็กหนุ่มท่าทีเหมือนพี่สาวใจดี

    " ก็นะ เข้าใจเลือกร่างตัวแทนได้ดีเลยล่ะนะ " ชินจิก็ไม่ปฏิเสธเลือกได้เข้าใจง่ายสำหรับเขามากเลย

    อารยา คือตัวแทนของมวลมนุษยชาติ ซึ่งเป็นอาโอโกะที่ถือครองทรูเมจิค โดยต้นกำเนิดเป็นมนุษย์

    ไกอา คือตัวแทนของโลก ซึ่งเป็นอัลเควดที่ถูกสร้างขึ้นจากดวงดาว โดยต้นกำเนิดเป็นแวมไพร์ที่แท้จริง 

    เป็นแบบที่เข้าใจได้ง่าย หากแฟนคลับจักรวาลนาสุรู้จักกันดี

    " ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ไม่อยากจะเป็นการ์เดี้ยนนะ " ชินจิเอ่ยดักขึ้นมาก่อน

    " อ้าว ทำไมล่ะ? " อารยาเอ่ยด้วยท่าทีสงสัย

    " ไม่ต้องทำไมเลย เพราะไอ้งานที่ให้ทำมันไม่ต่างกับการเป็นทาสของเธอเลยสักนิด ชั้นไม่อยากเป็นแรงงานทาสไปตลอดกาลหรอก " ชินจิเข้าใจได้ดีเลยว่าการเป็นการ์เดี้ยนแทบไม่ต่างกับการอยู่นรกทั้งเป็นต่อให้ตายไปแล้วก็ตาม

    ถ้าหากว่า อดีตวิญญาณวีรชนในตำนานที่ผู้คนรู้จัก เสมือนเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติแล้วล่ะก็....

    เคาน์เตอร์การ์เดี้ยน วีรชนที่มาจากอนาคตไม่มีตำนานของตัวเอง ก็เสมือนเป็นความสิ้นหวังของมวลมนุษยชาติ

    สิ่งที่มาทดแทนตำนานวีรชนในอดีตได้เลยก็คือ การทำงานไปกวาดล้างกำจัดภัยต่างๆที่มีผลต่อมวลมนุษยชาติในยุคสมัยต่างๆที่เกิดเรื่องขึ้น เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อให้เท่าเทียมกับวีรชนในอดีต

    เช่น เอมิยะ อาเชอร์ที่รู้จักกันอย่างดีก็หนึ่งในนั้น แล้วมีเป้าหมายที่จะกำจัดตัวเองในอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงผลของตัวเองก่อนกลายมาเป็นเคาน์เตอร์การ์เดี้ยน

    รวมไปถึงเอมิยะ อัลเตอร์ด้วยเช่นกันที่สูญเสียความทรงจำของตัวเองแล้วไปเส้นทางอื่นที่ต่างจากอุดมคติออกไป

    เอมิยะ แอสซาสซิน หรือที่รู้จักกันคือเอมิยะ คิริสึงุ ก็เป็นได้เช่นกัน

    ตัวตนเหล่านี้นั้นค่อนข้างพิเศษกว่าวีรชนในอดีตตรงที่ว่าจะมีความทรงจำในสงครามที่ตัวเองเคยประสบเจอมานับไม่ถ้วนและตลอดกาล แต่หากเคยไปโลกอดีตของตัวเอง เพื่อความยุติธรรมของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์จึงทำการผนึกความทรงจำพวกเขาชั่วคราวจนเวลาสงครามผ่านพ้นไปสักพักก็จะนึกออกเองว่าตัวเองเป็นใครแล้วสงครามที่เคยเจอในรูปแบบไหน

    กรณีของเอมิยะอาเชอร์ เดิมทีถูกส่งมาเพื่อกำจัดภัยต่อมวลมนุษย์นั้นก็คือการฆ่าซากุระที่มีจอกดำอยู่นั่นเอง ต่อให้ตัวของรินไม่ได้อัญเชิญมาซะก่อน บางทีเอาอาจถูกอัญเชิญในฐานะเคาน์เตอร์การ์เดี้ยนที่ไม่จำเป็นต้องมีมาสเตอร์ก็ได้ 

    เพราะงั้นการเป็นการ์เดี้ยนนั้น เป็นสิ่งที่ตัวของชินจิเกลียดมันเข้าไส้เลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ได้คำนึงถึงคนเป็นวิญญาณเหล่านั้นเลย แล้วทำทุกวิถีทางในการกำจัดภัยที่แทบไม่ต่างกับไกอาเลยสักนิด

    ถึงต่อมาให้อยู่ในร่างนางเอกจักรวาลนาสุเขาก็จะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด

    " วางใจเถอะ การจะมาเป็นการ์เดี้ยนได้นั้นมันขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเจ้าตัว "

    " แต่กลับคิริสึงุดูไม่ใช่แบบนั้นนะ " ชินจิ

    " กรณีของเขาน่ะ...เขาทำเพื่ออุดมคติของเขาอยู่แล้ว ฉันถึงได้เลือกเขามาเป็นการ์เดี้ยนโดยไม่รู้สึกผิด แต่สำหรับเธอ ถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้ล่ะนะ " อารยายิ้มอย่างเสียดาย

    " แล้วไม่ทราบว่าคุณตัวแทนของโลกทั้งสองมีธุระอะไรกับคนธรรมดาอย่างชั้นเหรอ? " ชินจิกอดอกมองสองสาวที่เสมือนผู้คุมกฏของโลกตอนนี้

    " เรื่องของวลาดที่ 3 ที่มีวิญญาณของดาร์นิก เพรสโตน ยุคด์มิเลเนียสถิตอยู่ คงรู้เรื่องแล้วสินะ ก็เจอตัวต่อตัวมาแล้วหนิ " ไกอา

    " แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ทำไมถึงมาโผล่โลกนี้โดยไม่มีแกรนเซอร์แวนต์ได้ไง? " ชินจิที่มาประเด็นนี้ก็ไม่เกรงใจที่จะถาม เพราะเขาเองก็สงสัยการมาของมันเหมือนกัน

    " อย่างที่เธอรู้ว่าโลกคนเรามีอยู่ด้วยกันหลายจักรวาลคู่ขนาน ดาร์นิกคนนั้นก็เช่นกันที่ได้มีชะตากรรมที่เปลี่ยนไปจนได้รับเป็นผู้ชนะ " 

    " แล้ว? "

    " อย่างที่นายรู้ว่าการที่มีคนเข้าถึงรากฐานวิญญาณมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้ แลัวต้องกำจัดทันทีหากเป็นภัยต่อโลกและมวลมนุษย์ " ไกอา 

    " พวกเราในโลกคู่ขนานจะทำการส่งแกรนเซอร์แวนต์มาจัดการเรื่องนี้เหมือนกัน " อารยา 

     

    " แต่ว่าจู่ๆก็มีปรากฏการณ์แปรผันของมิติเกิดขึ้นทำให้ไม่มีการอัญเชิญแกรนออกมาปราบได้ในทันที มันเป็นปรากฏการณ์ของจำนวนจินตภาพที่คล้ายคลึงกับการเรย์ชิฟต์ของคาร์เดีย แต่เป็นปัจจัยภายนอกมากกว่า  "


    " ที่รู้ๆเลยคือมันจะมาจากโลกที่มีความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับสงครามที่นายอยู่ แปลว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  " ไกอา

    " แล้ว....." ชินจิ

    " เราอยากให้เธอเป็นคนกำจัดมันยังไงล่ะ " อารยาฉีกยิ้ม

    " จะบ้าเหรอ!!!

    ชินจิโวยวายทันที " จะให้คนธรรมดาอย่างชั้นเนี่ยนะ ไปปราบเซอร์แวนต์แวมไพร์ที่มีพลังมานาของเซอร์แวนต์ในศึกนั้นตั้ง 16 ตนนะ สติดีเปล่าเนี่ย!! "

     

    ถึงจิตใจจะผสมปนเปจนมัว แต่เขายังเป็นเพียงเด็กอายุ 7 ขวบนะ นี่มันข้ามขั้นไปเยอะมากกว่าภาคสาวน้อยเวทมนต์เสียอีก


    " เราไม่มาขอร้องโดยไม่มีแผนหรอกน่า....เรารู้ด้วยว่านายเข้าถึงรากฐานวิญญาณโดยใช้อังรา เมนยุเป็นสื่อกลางน่ะ " ไกอาส่งสายตาจิกตามองชินจิอย่างไม่พอใจ

    ชินจิได้ยินถึงกับเงียบไปทันที ก็สมแล้วล่ะนะที่เป็นตัวแทนของโลกที่รู้เรื่องทุกอย่างจริงๆ แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ตัวเองเข้ารากฐานวิญญาณโดยอยู่สภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแล้วให้อังราเป็นตัวเร่งให้เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น


    " ว่าด้วยศึกครั้งนี้เราไม่อาจจำเป็นต้องส่งรูลเลอร์หรือแกรนเซอร์แวนต์ไปได้ นั่นเพราะว่ามีเธออยู่ยังไงล่ะ มาคิริ ชินจิ " อารยายิ้ม 

     

    " หากมีเธออยู่ล่ะก็ ก็ไม่ต้องจำเป็นต้องเรียกแกรนเซอร์แวนต์หรือเคาน์เตอร์การ์เดี้ยนเลยก็ได้ "


    " รู้ใช่มั้ยว่า สภาพของชั้นที่จะใกล้จะตายอยู่แล้วน่ะ " ชินจิบ่นออกมา


    การใช้พลังวีรชนอายุเพียง 7 ขวบเอง มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นได้เลย ขนาดไม่ได้ใช้โฮกุของจริงอย่างอารอนไดร์ยังโทรมจวนจะแย่ทุกครั้งหลังใช้ ต่อให้มีปลอกดาบช่วย แต่มันไม่อาจช่วยรักษาวิญญาณที่จะพังได้ไม่แปลกใจได้เลย เขาจะตายตอนไหนมันขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

     

    " นั่นน่ะเพียงแค่เธอยังไม่ใช้ทรูเมจิกเท่านั้น ไม่ใช่เหรอ? " อารยารู้ดีว่าสภาพของเด็กหนุ่มใกล้กลับสู่รากฐานวิญญาณไปทุกทีล่ะ 


    " จริงอยู่ว่าการใช้พลังทรูเมจิคได้ตามปกติ ก็ต้องถูกจำกัดทิ้งไม่ว่าจะคนดีหรือคนชั่วก็ตาม นั่นเป็นเรื่องที่เธอเข้าใจถูกแล้วล่ะ "


    " เพราะงั้นรางวัลค่าตอบแทนสำหรับการกำจัดสิ่งแปลกปลอมนั่นก็คือ เราอนุมัติให้นายใช้ทรูเมจิกได้ไม่มีเงื่อนไข " ไกอา

    " ให้อิสระดีจังนะ "

    " ก็ยังดีกว่าอาโอซากิ อาโอโกะที่ใช้มันไม่รู้จักคิดล่ะนะ " ไกอาออกความเห็นว่าตัวของชินจิมีความคิดเป็นแบบผู้ใหญ่และมีความคิดระดับเดียวกับเซลเรทช์ที่รู้จักใช้พลังเป็น อะไรที่เป็นถูกเป็นควร " รายนั้นใช้พลังไม่ยั้งและสร้างความเสียหายต่อมิติของโลกตั้งหลายหนจนส่งสีแดงแห่งจุดจบแล้วไม่ราบจำเลย "

    " นี่ส่งไปฆ่าหลายหนจริงดิ... " ชินจิถึงกับอึ้งเลย

    " ของแถมของงานนี้ก็คือ ตัวของวลาดที่สะสมพลังมานาของเซอร์แวนต์นั้นแหละ ที่มีพลังของจอกตั้ง 3 เท่า โดยรวมครั้งนี้ด้วยนะ " อารยา

    " แปลว่าความชั่วร้ายของโลกอันตรายกว่าเดิม 3 เท่าสินะ " ชินจิถึงกับกุมขมับเลย นี่มันโยนระเบิดก้อนใหญ่นิวเคลียร์ชัดๆ

    แค่พลังมานาสะสมมาตั้ง 60 ปี ในต้นฉบับเล่นทั้งเมืองฟุยุกิพังราบเป็นหน้ากองแม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด 7 ตนก็ตาม พลังของมันเพียง 5 ใน 7 


    ถ้ารวมของดาร์นิกมาด้วย นึกภาพไม่ออกเลยว่า จะเลวร้ายได้ขนาดไหนกันล่ะเนี่ย เผลอๆกลายเป็นทั้งญี่ปุ่นล้มสลายเลยก็ได้

    เพราะว่ามันเท่ากับเป็นการรวบมานาตั้ง 180 ปีในครั้งเดียวที่หาไม่ได้เลยในประวัติศาสตร์ของสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เลย

    ส่วนไอ้เหตุการณ์ที่จะมีเซอร์แวนต์หลุดเข้ามาสงครามด้วย มันชวนคิดถึงเกมsd gundam ขึ้นมาเลยแหะ ยังกับว่าอยากให้สงครามจอกมันวุ่นวานยิ่งกว่าเดิม ( ซึ่งไรท์อยากให้เป็นแบบนั้น )

    " อ่อ บอกไว้ก่อนนะว่าหลังจากที่ตัวตนแปลกปลอมได้ตายลงไปจะไม่ได้ตกอยู่ที่โฮมุนครุสสาวนะ มันจะเชื่อมต่อหลังจากจอกปรากฏขึ้นบนโลกเท่านั้นนะ " อารยาพูดอย่างนึกขึ้นมาได้ 


    " เพราะโฮมุนครุสที่ไอน์เบิร์นเตรียมมารองรับได้สูงสุดคือ 7 ตนเท่านั้น แล้วเพื่อความแฟร์ของสงครามจอกที่ควรดำเนินไปทางที่ควรจะเป็น "

    " ขอบคุณมากเลยที่ทำแบบนั้น " ชินจิ 


    ถ้าเกิดว่าไปอยู่ในร่างของไอริสฟิลทันทีสงครามอาจจบเร็วและทวีคูณความรุนแรงกว่าเดิม

    " ถือว่าเป็นการจ่ายค่าตอนแทนล่วงหน้าให้อนุญาตใช้ความสามารถนั้นได้เลย หลังจากจบการบทสนทนาเหล่านี้ " ไกอาพูดจบ " มีคำถามอะไรอีกมั้ย? "

    " มันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หรือเปล่า? " ชินจิถามขึ้นด้วยความกังวลออกมา เพราะหากให้เจอสิ่งที่เหนือความคาดหมายตลอดสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์นี่ก็ไม่ไหวนะ

    " หมายถึงจะเกิดขึ้นหลังจากจบเรื่องนี้น่ะเหรอ? " อารยา

    " วางใจเถอะ มันจะมีแค่เฉพาะระดับสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น " ไกอา " ส่วนที่เหลือหากมีพลังถึงยุคทวยเทพก็มีสิทธิ์จะปรากฏขึ้นได้เช่นกัน "

    " สำหรับตัวแทนของโลกแล้ว เป็นคำตอบที่ไม่ชวนให้รู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด " ชินจิถึงกับคอตกเลย นี่แปลว่าเขาต้องรับมือสิ่งที่คาดไม่ถึงในสงครามอื่นด้วยงั้นสิ 

    " ก็ยังดีกว่าที่ให้ฉันส่งสีแดงแห่งจุดจบก็ดีแค่ไหนแล้ว " อารยา

    " ไม่ปฏิเสธเลยครับ " ถ้าหากให้เทียบปัญหาที่เจอขึ้นต่อจากนี้หลังหลุดพ้นสงครามจอกไป ต้องมารับมือสีแดงมรณะก็ไม่ให้ตายอีกมันน่ารำคาญกว่าอีก

    " ส่วนเรื่องราวหลังจากนั่นฉันจะให้ตัวของเซลเรทช์เป็นชี้นำทางให้เธอแทนเองแล้วกัน " อารยาพูดจบก็ลูบหัวของเด็กหนุ่ม

    " อ่อ จริงด้วย ฝากจัดการอาคิไทป์เอิร์ธด้วยล่ะ "

    " อันแรกพอว่า แต่อันหลังหมายความว่าไงกันล่ะนั้น รู้สึกว่ารายนั้นนอนอยู่บนดวงจันทร์ไม่ใช่หรอ? " ชินจิ

    " มันก็ถูก แต่ว่านางถูกสร้างขึ้นจากดวงดาว ในอนาคตนายอาจจำเป็นต้องพึ่งพลังของเธอในอนาคตก็ได้ ในศึกที่ลำบากต่อจากนี้ "

    " เฮ้อ...จะคุยรู้เรื่องหรือเปล่าล่ะเนี่ย " ชินจิเริ่มอยากจะท้อขึ้นมาแล้วสิที่ต้องมารับมืออะไรที่เกินกำลังของตัวเองเข้าทุกที

    " นั้นมันก็เรื่องของนายไปสิ ขอแค่ให้โลกปลอดภัยแค่นั้นก็พอแล้ว " ไกอา

    " พูดแบบนั้นได้ไงเล่า ชั้นเป็นผู้ดูแลโลกนะ " อารยาโวยวายเล็กน้อยที่ไกอาไม่สนใจมวลมนุษย์เลย ก่อนหันมามองชินจิ 

     

    " นี่น่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกับเธอ ถ้าหากไม่มีเหตุผลจริงๆ เราจะไม่เข้ามาแทรกแซงอีก "


    " ก็ให้มีชีวิตจนถึงตอนนั้นได้ล่ะนะ " ไกอา

    " อย่าพูดเป็นลางสิฟะ!! " ชินจิโวยวายไม่ทันจะว่าน้อสติของเขาก็รู้สึกหนักจนหนังตาไม่อาจลืมตาได้อีกแล้วสติของเด็กหนุ่มได้ดับลงปล่อยให้อยู่ในอ้อมกอดของตัวแทนโลกทั้งสอง

    " จริงๆแล้วเธอน่าจะทำได้ไม่ใช่เหรอ? " ไกอาหันมาถาม

    " ไม่ดีกว่า ตามหลักเราไม่อาจยุ่งกับสิ่งมีชีวิตมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่มันน่ามองไม่ใช่เหรอ ว่าชายคนนี้จะมอบอนาคตแบบไหนให้เราได้เห็น " อารยาส่ายหน้าเบาแล้วลูบหัวเบาๆของชินจิ 

    " จากที่ได้ดูข้อมูลของชายคนนี้ก็รู้อนาคตหลายรูปแบบ ในโลกคู่ขนานมามากมาย  ทำให้ฉันเกิดสนใจผลลัพธ์ที่คนนๆนี้สร้างขึ้นมา เราแค่ให้ไฟเขียวในการใช้พลังของเขาก็พอ " 

    " แล้วไอ้พลังนั้นมันจะไม่เป็นภัยกับโลกภายหลังเหรอ? " ไกอา

    " ไม่หรอก หากเขาใช้ได้ถูกวิธีก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก แถมเขาเป็นคนที่รู้ว่าใช้ยังไงให้เหมาะสม โดยเราไม่จำเป็นต้องบอก "

    " หึ....เอ็นดูเสียจริงนะกับมนุษย์คนนี้น่ะ " ไกอาเท้าคางจิ้มแก้มของเด็กหนุ่มอย่างมือซน

    " แล้วทีเธอล่ะ ที่เอ็นดูแวมไพร์ต้นกำเนิดเลยไม่ใช่เหรอ? " 

    " แน่นอนสิ แวมไพร์ตนนั้นโลกเป็นผู้ให้กำเนิดมากเลย หากกลายเป็นศัตรูกับโลกขึ้นมาก็ไม่มีทางรับมือสิ่งที่เหมือนกันได้หรอก " ไกอาเปลี่ยนจากเล่นแก้มของเด็กหนุ่มไปเป็นขยี้ผมไปมา

    " เอาน่า เรามีเวลาเหลือเฟือจนถึงตอนนั้น ไม่ว่าด้วยวิธีไหนหรือเลวร้ายยังไง ขอให้เพียงมวลมนุษย์คงอยู่ต่อไปได้ก็เพียงพอแล้ว "

    " หึ...ตามใจเธอเถอะ เพราะโลกใบนี้เธอเป็นผู้นำหนิ " ไกอา

    ทั้งสองตัวแทนของโลกได้มองร่างเด็กหนุ่มได้หลับลงไปใบหน้าที่ไร้เดียงสาก่อนทั้งคู่จะสลายหายไป เพราะสิ่งที่อยากจะบอกก็ บอกไปหมดแล้ว

    พวกเธอก็ไม่มีเหตุผลในการใช้ร่างจำแลงอีกต่อไปกลับไปสู่รากฐานวิญญาณอีกครั้งเพื่อเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×