NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Fate ] พระเอกเหรอ เหอะ! ของแบบนั้นใครจะอยากได้กัน!!

    ลำดับตอนที่ #13 : คืนที่ 3 ราชาจอมเสียบ ใครกันแน่ที่จะโดนเสียบ

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 66


    ชินจิได้แต่โวยวายในใจ ก่อนครุ่นคิดอยู่ เอาตรงๆเขาเองก็อยากจะเห็นศึกของราชานอกจาก อิสกันดาร์ปะทะกิลกาเมชอย่างต้นฉบับแล้วก็อยากเห็นรูปแบบอย่างอื่น

    ในเมื่อทั้งสามท่านก็แลอยากจะสู้นัก แม้ว่า 1 ใน 3 จะบาดเจ็บที่แชนซ้ายอยู่ 

    อาจจะเสียมารยาท

    " ถ้างั้นทำไมเอาแบบนี้ล่ะครับ ถ้าจะมาวัดคุณสมบัติของราชากันตรงนี้ล่ะก็ ทำไมไม่แข่งกัน "

    " แข่งงั้นเหรอ? " อิสกันดาร์

    " ก็หมายถึงแข่งกันดวลว่าใครจะจัดการแวมไพร์ตัวนั้นเป็นคนแรกก่อน จะคู่ควรเป็นราชา ว่ายังไงครับ? " ในเมื่อทั้งสามอยากก็ปล่อยให้สู้ไปสิ เขาก็เริ่มใช้พลังของเซอร์แวนต์ไม่ไหวแล้วด้วย

    ไม่รู้ว่าทำไม แต่ระยะเวลาการใช้พลังแลนสล็อตมันยิ่งสั้นกว่าเดิมอย่างที่ควรจะเป็นกัน ยิ่งใช้พลังมากเท่าไหร่อาการของเขาหลังจากการกลับร่างเดิมยิ่งแย่ลง

    " เจ้าตัวตลก จะให้ข้าคนนี้ต้องดวลกับพวกแอบอ้างว่าราชาอย่างงั้นเหรอ? " กิลกาเมชมองชินจิอย่างหัวเสีย

    " ก็ฝืนเถียงกันไม่จบแบบนี้ มันก็หนีไปดีครับ มันไม่ได้ถูกอัญเชิญเข้าร่วมสงครามมาตั้งแต่แรกครับ กลับกันเป็นเรื่องดีสำหรับพวกคุณเลยไม่ใช่เหรอครับ ถ้าหากมีเซอร์แวนต์ระดับนี้ปรากฏตัวออกมา พลังมานาในการใช้จอกยิ่งมหาศาลขึ้น อาจทำให้ความปรารถนาของพวกคุณเป็นจริงมากขึ้นไม่ใช่หรอครับ? " ชินจิก็อยากจะถอนตัวซะตรงนี้เลย แต่ก็คงไม่ได้ ตราบใดที่ดาร์นิกที่ใช้ร่างของวลาดออกอาละวาดอยู่ตอนนี้ ก็ควรรีบกำจัดให้ไว

    " หึ...มันก็จริง ถ้าเช่นนั้นจงปลามปลื้มซะเถอะเจ้าตัวตลก และพวกพันธุ์ทาง พวกเจ้าจะได้การต่อสู้ชองราชาอย่างข้าเอง "

    " เดี๋ยวสิ อาเชอร์ ไหนบอกว่าต้องดวลกัน " อิสกันดาร์

    " เพราะข้าคือกฏยังไงล่ะ กฏที่ข้าไม่ยอมรับนั้นก็ไม่ใช่กฏที่ข้าต้องทำตามหรอก อีกอย่างเซเบอร์เองก็บาดเจ็บอยู่จะสู้ไหวเหรอ? " กิลกาเมชไม่สน เพราะตัวเองยึดหลักว่า ตัวเองคือกฏ กฏของสงครามหรือกฏกติกาพวกนั้น ตามใดที่เขาไม่เห็นชอบ เขาจะเมินกฏพวกนั้นไปทันทีเลย

    " อาเชอร์ ต่อให้เหลือแขนข้างเดียวข้าก็สู้ไหว " อาเธอเรียยังเชื่อว่าตัวเองยังสู้ได้

    " พละกำลังของแวมไพร์ตัวนั้นมากกว่าผมเสียอีกนะครับ ถ้าถูกกัดเข้า เท่ากับว่ามันเป็นการอนุญาตให้กลายพันธุ์แวมไพร์ ถึงพวกคุณสองคนจะเป็นลูกครึ่งเทพก็ตาม แต่ใช่ว่าจะต้านได้นะครับ " ชินจิก็อยากจะให้หล่อนสู้นะ แต่ต้องเก็บเป็นไพ่ตายไว้ปิดฉากท่าจะดีกว่า

    ถ้าอยากให้เธอใช้โฮกุได้เต็มที่ก็ต้องกำจัดเดียร์มุดซะก่อน

    ดาร์นิกที่ทนคนพวกนี้พล่ามกันอยู่นานก็รีบพุ่งโจมตีใส่กิลกาเมช 

    กิลกาเมชที่เห็นก็เปิดคลังอาวุธยิงใส่ทันทีด้วยความเร็วสูง ซึ่งผลของมันนั้นทำให้ดาร์นิกแทบไม่มีแผลเลย จากนั้นมันก็จะกระสวกไส้ก็ถูกโซ่สวรรค์เอนคิดูมัดตึงเอาไว้ซะก่อน

    จากนั้นก็ยิงกระหน่ำใส่ต่อเนื่องไม่หยุดพักโดยเจาะจงเป็นอาวุธประเภทดาบศักดิ์สิทธิ์ในคลังสมบัติของกิลกาเมช จนสร้างความเสียหายให้แก่ดาร์นิกกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วพยามสลายการแปรสภาพเซอร์แวนต์เพื่อจะหลุดจากโซ่

    แต่ว่าโซ่สวรรค์ที่ตัวของกิลกาเมชเชื่อใจมากที่สุดไม่มีทางที่หลุดออกมาง่ายๆ ต่อให้เป็นเซอร์แวนต์ก็ตาม จะทำแบบนั้นก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

    " โดนไปตั้งขนาดนี้หนังเหนียวใช้ได้เลยหนิ ไอ้หมาบ้า " กิลกาเมชเลิกคิ้วกอดอกอย่างประหลาดในใจที่ดาร์นิกมันทึกทนใช้ได้ คงเป็นผลที่เจ้าตัวดูดกลืนมานาจากเซอร์แวนต์ตนอื่นเพื่อเพิ่มพลังมานาสินะ

    " แต่ว่า อยู่เฉยๆก็เป็นเป้านิ่งเช่นนี้แล้ว ดูสิว่าแกจะรอดสักกี่น้ำกันเชียว " พูดจบกิลกาเมชยิงกระหน่ำฝ่าฝนไม่หยุดพัก อะไรยิงออกมาจากสมบัติเขาไม่สนใจทั้งนั้น ขอแค่กำจัดศัตรูตรงหน้าก็เพียงพอแล้ว

    ดาร์นิกที่โดนกระหน่ำใส่พยายามดิ้นร้นจากโซ่ออกมาโดนสนสภาพร่างกายของตัวเองจนเนื้อฉีกขาด ใช้อาศัยอาวุธของกิลกาเมชที่มาโจมตีใส่เขาไม่หยุดพักเพื่อให้สร้างช่องโหว่ให้แขนที่ตึงอยู่หลุดจากโซ่ได้ แล้วทำการหยิบสิ่งๆหนึ่งออกมาก็คือ

    คาเรน บลัด อาเธอร์ ซึ่งเป็นอาวุธของมอเดร็ด แล้วปลดปล่อยมานาเข้มข้นสูงออกมาจนอาวุธที่ยิงนั้นกระจัดกระจาย

    กิลกาเมชไม่ได้สะท้านอะไรแล้วเริ่มโจมตีด้วยของที่ใหญ่กว่าเดิม ใช้ดาบอิสอาริม่า ดาบขนาดมหึมาปักลงกับพื้น แม้แต่พวกชินจิที่มองอยู่ยังต้องอึ้ง

    ที่กิลกาเมลโม้เอาไว้ว่าสมบัติมวลมนุษย์จะอยู่ในคลังของเขาไม่เกินจริงเลยเสียนิด

    ผลก็คือดาร์นิกทุ่มสุดตัวต่อให้ร่างเละขนาดไหนก็ไม่สน แล้วใช้ตราบัญชาในการฟื้นฟูรักษามัน แต่ว่าภาระที่ได้รับจิตใจยังคงมีผลอยู่

    " มีตราบัญชากำกับด้วยอีกเหรอ น่าสนใจ ดูสิว่าแกจะดิ้นร้นแค่ไหนกัน? " กิลกาเมชประหลาดใจที่ตัวของดาร์นิกมีตราบัญชาอยู่

    ดาร์นิกมันดิ้นร้นโดยใช้อาวุธโฮกุของคนอื่นเช่น ใช้ม้นขนศึกทั้งสามซึ่งเป็นของเรดไรเดอร์ อคิลลีสในการหลบหนีแล้วพุ่งโจมตีใส่กิลกาเมช 

    กิลกาเมชแสยะยิ้มออกมาก่อนยิงโฮกุกกระหน่ำใส่ที่ระยะกว้างกว่าเดิม

    ดาร์นิกใช้หอกสมบัติวีรชนของวลาดใช้แทงใส่กิลกาเมช แต่ก็ถูกโซ่ตรวนตึงอีกครั้ง แต่มันรู้ทันเลยแปรสภาพเป็นค้างคาวมานาเพื่อหลบระยะเวลาสั้นๆแล้วใช้พลังพละกำลังความเร็วสูงเหนือกว่าเสียง เล่นบินผ่านตัวกิลกาเมช แล้วพุ่งโจมตีใส่ชินจิที่อยู่สภาพอ่อนแรงที่สุดในกลุ่มตอนนี้ 

    อาเธอเรียและอิสกันดาร์ที่เห็นก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น แต่ว่าความเร็วของดาร์นิกที่พุ่งสุดตัวก็ทำให้ทั้งสองคนต้องถึงกับเซเล็กน้อย 

    ดาร์นิกใช้ดาบคาเรนพุ่งจะเสียบร่างของชินจิจนทะลุ

    ชินจิถึงกับสำลักเลือดออกมา

    " หึ! ก่อนอื่นแกเป็นคนแรก เบอเซิกเกอร์ " ดาร์นิกยิ้มเป็นชัยของตัวเอง แต่ไม่ทันระวังตัว ก็ถูกมือของอัศวินขาวจับไว้ทั้งสองข้างเอาไว้

    " มันจะแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ..." ชินจิเลือดไหลออกมาจากหมวกแต่ยังไม่ได้ทรุดลง " ถ้าเป็นระยะขนาดนี้ล่ะก็ หลบไม่พ้นแน่ "

    " อวดดีเสียจริง ทั้งๆที่แกใช้อาวุธไม่ได้แท้ๆ "

    " หึ...มันจะจริงเหรอ..."

    ชินจิได้เร่งมานาลงไปที่ตัวของดาบอัญมณีเซลเรทช์ที่อยู่ใส่อยู่เพื่อปลดปล่อยพลังอีเธอร์ที่เข้มข้นสูงออกมาระยะเผาขนบวกกับเวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ชำระล้าง

    " World End

    สิ้นสุดประโยคแสงพลังธาตุอีเธอร์ได้ปลดปล่อยออกมาในระยะเผาขน สำหรับมนุษย์ธรรมดาโดนไปก็ไม่เป็นอะไรกับมัน 

    แต่ทว่ากับสิ่งที่ถูกระบุว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายล่ะก็จะผลตรงกันข้ามอย่างรุนแรง

    " อ้ากกกกกกกกกกกก!!!!! " ดาร์นิกกรีดร้องเสียงออกมาอย่างทรมานอย่างมาก ขนาดมีความทนทานระดับ Ex ยังบาดเจ็บขนาดนี้ พลังที่สามารถฆ่าแวมไพร์ได้อย่างง่ายดาย

    " อย่าปล่อยเชียวล่ะ อย่าปล่อยไปตลอดชาติเลย!!!!! " ชินจิเร่งมานาของท่าเวิร์ลเอนด์ไม่หยุดแม้ว่าร่างกายจะสาหัสก็ตาม

    ดาร์นิกกรีดร้องแล้วพยายามดิ้นร้นหนีอย่างสุดชีวิตร่างกายเริ่มไหม้เกรียมไปทั้งตัวจนได้สร้างเข็มออกมาทะลุที่มือของเขาเพื่อหยุด 

    แต่แย่หน่อยที่ต้องเจอคนที่บ้าอย่างชินจิ ต่อให้บาดเจ็บยังไง หากไปให้สุดแล้ว ก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย

    ดาร์นิกใช้การดิ้นร้นโดยใช้โฮกุของสปาร์ตาคัสที่ใช้ในการรับความเสียหายเพื่อปลดปล่อยโฮกุ แต่ว่าในสภาพใกล้ความเป็นความตายก็ไม่เกี่ยงว่าบาดเจ็บแค่ไหน เพราะมันมีตราบัญชาอยู่ แล้วก็เกิดประกายสีม่วงออกมาทำให้ชินจิรับรู้เลยว่ามันจะใช้โฮกุในระยะเผาขน

    อิสกันดาร์และอาเธอเรียที่รับรู้ถึงอันตรายรีบหลบให้ไกลทันที

    " สปาร์ตาคัส!!! " ดาร์นิกระเบิดโฮกุระเบิดออกมา

    จนเกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ไปทางข้างหน้า แต่ทว่ามันก็มีบางกันเอาไว้อยู่ ไม่ให้ปราสาททั้งหลังได้หายไปกับโฮกุประเภทต่อต้านป้อมปราการ 

    ที่เหลือเพียงร่างของอัศวินสีขาวที่สภาพร่างกายโทรมไปทั้งตัวที่ถือปลอกดาบอวาลอนมาป้องกันเอาไว้ขอเพียงแค่ว่าประกาศนามของมันแล้วปลดปล่อยพลังออกมา ก็สามารถปกป้องโฮกุได้ทุกชนิดให้กลับไปสู่ความว่างเปล่าได้ ทำให้อะไรที่เป็นภัยต่อผู้ถือครองนั้นไร้ผลไปทันที โดยแลกกับขยับตัวไปไหนไม่ได้

    แต่ว่านั้นมันก็ทำให้ร่างกายของชินจิที่ไม่ได้มีปลอกดาบรักษาก็บาดเจ็บสาหัส

    " ช่างเป็นหมาบ้าที่เสียมารยาทจริงๆ บังอาจมากที่กล้าเมินข้าคนนี้ แล้วหนีไปได้ " กิลกาเมชพูดอย่างไม่พอใจที่ดาร์นิกกล้าเมินใส่เขาแล้วโจมตีใส่ชินจิ แต่ก่อนแสยะยิ้มออกมาให้กับอัศวินขาวที่สภาพร่อแร่อยู่แล้ว " แต่ว่าเจ้าทำข้าสนุกไม่ใช่น้อยเลยนะ เจ้าตัวตลก "

    พอโฮกุหมดลงชินจิถึงทรุดลงกับพื้นแล้วรีบเอาปลอกดาบยัดใส่เข้าร่างแล้วแล้วถอดดาบที่แทงอยู่หน้าท้องจนทะลุของเขาออกมา แล้วใช้ตราบัญชารักษาตัวเอง

    จริงอยู่ว่าตราบัญชามันมีพลังมานามหาศาลพอให้ใช้สั่งการเซอร์แวนต์ เติมโฮกุ และรักษาฟื้นฟูรักษาได้ แต่ปัญหาเลยคือ ถ้าหากมาสเตอร์เป็นภัยอันตรายถึงชีวิต หากไม่ใช่แคสเตอร์ก็ไม่อาจรักษาแผลได้

    ซึ่งชินจิได้ศึกษาและทดลองในการใช้ตราบัญชากับตัวเองนอกจากให้แลนสล็อตมาสิงร่าง แล้วสามารถทำอะไรอีกบ้าง บวกกับคิเรย์ต้นฉบับที่ใช้ตราบัญชาใช้เป็นมานาเสริมความแข็งแกร่งที่อาวุธ นอกจากเติมมานาให้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก็น่าจะใช้ในการรักษาได้เช่นกัน เพราะงั้นตอนคุยกับเดียร์มุด จึงไม่ได้โกหกเลยสักนิด

    " บ้าระห่ำ สมเป็นคลาสเบอเซิกเกอร์ดีแหะ " อิสกันดาร์ประทับใจการรับมือของชินจิ หากในเมื่อมันเคลื่อนที่เร็ว ก็ใช้ตัวเองเป็นตัวล่อให้ยอมโดนโจมตีแล้วแลกกันปล่อยโฮกุออกมาระยะเผาขน ถ้าไม่บ้าจริงคงทำไม่ได้หรอก 

    อาเธอเรียที่เห็นถึงกับเบิกตากว้าง เนื่องจากว่าสถานะโฮกุของแลนสล็อตถูกปล่อยทำให้เธอได้เห็นชื่อนามที่แท้จริง และจำได้ว่าอัศวินตรงหน้าคือใครกัน

    " เซอร์...แลนสล็อต " 

    " อะไรกัน มันเป็นหมาเลี้ยงของเจ้าเองเหรอ เซเบอร์ " กิลกาเมชประหลาดใจไม่น้อยที่หมาบ้าในตัวของชินจิจะเป็นคนของอาเธอเรียนั้นเอง

    " อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในโต๊ะกลมงั้นเหรอ มิน่าล่ะ..." อิสกันดาร์เข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมตัวของชินจิถึงรู้ข้อมูลของอาเธอเรียมากกว่าคนอื่นๆในศึกนัก

    " เซอร์แลนสล็อต!! " อาเธอเรียพุ่งมาหาโดยปลดดาบเพื่อมาหาร่างของสหายของเธอที่เคยร่วมศึกมานับไม่ถ้วนแล้วรีบถอดหมวกออกมาใบหน้าอันหล่อเหลาผมยาวถึงไหล่บ่าสีม่วงนัยน์ตาสีเดียวกับสีผม " เจ้าเป็นอะไรมั้ย? "

    " เจ็บสิครับ ถามมาได้ " ชินจิที่อยู่ในร่างแลนสล็อตเอ่ยท่าทีขี้เล่นเล็กน้อย " แค่เหมือนภายนอกแต่ภายในน่ะไม่ใช่ " 

    " ยังงี้นี่เอง ที่บอกว่าเป็นมาสเตอร์ด้วย ก็เรื่องนี้ด้วยสินะ นับว่าเป็นนักรบที่กล้าหาญมากที่สามารถเผชิญกับศัตรูและพวกข้าได้ " อิสกันดาร์ประทับใจในตัวของชินจิอย่างมากเลย ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ว่าการที่ใช้พลังของวีรชนได้ขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจดูถูกได้เลย

    " ขอบคุณครับ " 

    " ทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นเซอร์แลนสล็อตได้กัน " อาเธอเรียเข้าใจได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่สหายของเธอ แต่เธอสัมผัสได้แน่ชัดแล้วว่าในตัวของเขามีหัวใจของเซอร์แวนต์อยู่ในตัว

    " ปาฏิหาริย์ของจอกศักดิ์สิทธิ์ไงครับ...." ชินจิเอ่ยขึ้นค่อยๆลุกขึ้นมานั่งพิงต้นไม้ " ส่วนรายละเอียดเอาไว้คราวหน้าแล้วกันครับ "

    ไม่ทันใดก็มีลูกกระสุนได้ยิงมาทำให้อาเธอเรียรีบใช้ดาบปัดทันที ก่อนที่จะไปถึงชินจิ

    " คิริสึงุ เจ้าจะตกต่ำไปถึงไหนกัน!!! " อาเธอเรียเริ่มสุดจะทนแล้วที่เธอนั้นไม่อภัยการกระทำของมาสเตอร์ของเธอ ทั้งการเมินการกระทำของแคสเตอร์ ไม่สนใจความเห็นของเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความให้เกียรติแก่วีรชน ใช้วิธีดูหมิ่นคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก

    " ดูท่าเจ้าเองก็ลำบากน่าดูเลยนะ เซเบอร์ ที่ได้มาสเตอร์คนแบบนี้น่ะ " อิสกันดาร์เองก็ไม่พอใจเหมือนกันที่มาสเตอร์มาลอบกัดศัตรูที่อ่อนแอจากการต่อสู้ ถึงจะเป็นเรื่องปกติของสงครามที่ไม่มีความยุติธรรมไม่ว่ามิตรหริอศัตรู

    คิริสึงุที่ได้ดูการต่อสู้มาตั้งแต่แรกจนจบ หลังจากฟื้นตัวร่างกายจากการสู้กับเคย์เนธมา เขาแทบเอาตัวไม่รอดเคย์เนธ ต้องใช้เวทTimeAlter ต่อเนื่องจนสร้างภาระร่างกายอย่างมาก แล้วพาไอริสฟิลที่นำตัวไมยะมารักษาภายในปราสาทเพื่อดูสถานการณ์ แล้วประเมินว่าเบอเซิกเกอร์เป็นภัยมากพอๆกับอาเชอร์ต้องรีบกำจัดได้

    เขาจะสั่งด้วยตราบัญชาเลยก็ได้ แต่ว่ามันจะทำให้ไรเดอร์และอาเชอร์มาเล่นงานที่เขาแทนแน่ๆ

    " ถึงจะหัวเสียที่ไอ้หมาบ้าตัวนั่นหนีไป แต่ก็ทำให้ข้าสนุกอยู่ไม่น้อยเลย เจ้าตัวตลก ผลงานในวันนี้ทำได้ดีมาก เจอกันคราวหน้าข้าจะตอบรางวัลให้แก่เจ้า " กิลกาเมชพูดจบก็ได้หายตัวไปในที่สุด

    ส่วนอิสกันดาร์มองท่าทีของคิริสึงุจึงยังไม่รีบไปไหน เพราะตัวเองก็เป็นพันธมิตรสงบศึกชั่วคราวอยู่ แล้วสนใจตัวของชินจิมากขึ้น

    ชินจิที่เห็นการกระทำของคิริสึงุมันไม่ใช่เรื่องแปลกใจอะไรเลยที่จะเล่นคนที่หมดสภาพในการต่อสู้ ก่อนเห็นสภาพร่างกายของตัวเองเริ่มเปร่งแสงออกมา ซึ่งบ่งบอกว่าถึงขีดจำกัดแล้ว

    " จริงๆก็อยากจะคุยต่อล่ะนะ แต่วันนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน " ชินจิเอ่ยขึ้นอย่างน่าเสียดาย แผนที่จะเปิดเผยนามที่แท้จริงที่อุตสาห์คิดตั้งนานต้องหมดท่าลงสภาพอ่อนแรงขนาดนี้ จึงได้ร่ายเวทเทเลพอร์ทที่กำกับไว้ในวัดโดจิเอาไว้แล้ว

    " เจอกันคราวหน้า ข้าขอพูดคุยกับเขาได้หรือไม่ มาสเตอร์เบอเซิกเกอร์ " อาเธอเรียหันมามองที่ชินจิ

    " จะพยายามดูแล้วกันครับ ก็เป็น....อัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณหนิ ราชาอัศวิน " ชินจิเผยรอยยิ้มในร่างแลนสล็อตก่อนได้เทเลพอร์ทหนีไปในที่สุด

    อิสกันดาร์ที่เห็นว่าเบอเซิกเกอร์ได้ถอนตัวอย่างปลอดภัยแล้วก็ถอนตัวบ้าง ปล่อยให้อาเธอเรียที่มีสีหน้าที่หลากหลายให้คิดว่า

    นึกไม่ถึงว่าสหายของเธอจะเข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ แต่กลับอยู่สภาพเบอเซิกเกอร์ มันทำให้เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมากเลยที่สหายของเธอต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นเป็นความผิดของเธอ

    เธอเข้าใจการกระทำของชินจิที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวจริงได้ เธอนั้นช็อคและเสียขวัญอย่างมากที่รู้ความจริงในเรื่องนี้ แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกอุ่นใจที่ได้สหายคนนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพบ้าคลั่งแล้วมาฆ่าเธอ

    เจอกันคราวหน้าเธอจะต้องพูดคุยกับชินจิให้ได้ 

    ________

    ชินจิที่เทเลพอร์ทมายังศาลเจ้าวัดโดจิบนภูเขาเอนโซ พบว่ามีเดียร์มุดปรากฏตัวออกมาอย่างระมัดระวังทันที

    " ไม่ต้องตกใจหรอก แลนเซอร์ ชั้นเอง เบอเซิกเกอร์ " ชินจิเอ่ยขึ้นพลางเผยมือซ้ายที่มีตราบัญชาให้เห็น

    " เจ้าคือตัวจริงของเบอเซิกเกอร์งั้นเหรอ ทำไมเจ้าเป็นเช่นนั้นเหรอ? " 

    " ก็ตัวจริงของชั้นเป็นเด็กอายุ 7 ขวบไงล่ะ ส่วนที่ให้เห็นร่างชุดอัศวินนั้นก็พลังของเบอเซิกเกอร์ที่อยู่ในตัวของชั้นน่ะ ส่วนเป็นมายังไงก็ค่อนข้างซับซ้อนและเหตุการณ์พาไปมากกว่าน่ะ " ชินจิเลือกไม่ปิดบังอะไร เพราะเดียร์มุดเป็นวีรชนที่เชื่อถือได้ตราบใดที่ไม่ได้รับคำสั่งให้ฆ่า เขาก็ไม่คิดจะฆ่าหรอก

    " เช่นนั้นเองงั้นเหรอ ก่อนอื่นเจ้าช่วยมาดูอาการนายเหนือของเราก่อนเถอะ " เดียร์มุดรีบพาชินจิเข้าในวัดเพื่อดูอาการของเคย์เนธที่ได้รับปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้แล้วโดยมีโซล่าค่อยดูอาการให้ 

    ชินจิที่กลับร่างเดิมแล้วผลจากการปลอกดาบอวาลอนเขาจึงสามารถเดินต่อได้แม้ว่าสภาพร่างกายของเขาจะโทรมก็ตาม

    ชินจิแตะร่างกายของเคย์เนธที่ตอนนี้โดนกระสุนต้นกำเนิดไปจนทำให้วงจรเวทเสียหายและไม่อาจรักษาได้ แม้กระทั้งเวทมนต์ก็ไม่อาจใช้ได้อีก ก็สมเป็นกระสุนสังหารจอมเวทจริงๆ

    ถ้าเป็นจอมเวททั่วไปคงมีแต่ต้องตัดใจ แต่กับชินจินั้นไม่แน่

    เขามองไปที่ตราบัญชาของเคย์เนธที่ไม่ได้ใช้ ก่อนเขาจะมองที่โซล่าและเคย์เนธที่มีสีหน้ากังวลอย่างมาก

    " พอมีทางรักษาได้อยู่แต่คงรักษาไม่หายขาดนะ ชั้นจะใช้ตราบัญชาของมาสเตอร์ของนายเป็นราคารักษาแทน ไม่มีปัญหานะ " 

    " ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ? " เดียร์มุด

    " เห็นแบบนี้ชั้นเป็นคนของตระกูลมาคิริที่ศึกษาตราบัญชาและเซอร์แวนต์นะ "

    " ถ้าหากมันทำให้รักษานายเหนือของเราล่ะก็ ข้าก็ยอมครับ " เดียร์มุดที่ไม่เสียดายตราบัญชาเลยแม้แต่น้อยหากรักษาตัวของเคย์เนธได้ก็พอเพียงพอแล้ว

    โซล่าก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเดียร์มุดแบบเห็นดีเห็นงามผลมาจากติดคำสาปสเน่ห์ของแลนเซอร์

    ในเมื่อได้คำอนุมัติชินจิก็ได้แตะตราบัญชาของเคย์เนธแล้วมืออีกข้างก็แตะร่างกายชายหนุ่มสภาพร่อแร่ไม่ต่างกับเขานักใช้พลังมานาของตราเวทโอนถ่ายรักษาบาดแผลของเคย์เนธ

    ตอนนี้เขายังไม่เชี่ยวชาญพอจะรักษาวงจรเวทได้ เพราะไม่ได้ศึกษาจากเรื่องนี้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นพลังปาฏิหาริย์ของจอกศักดิ์สิทธิ์ย่อมรักษาได้อยู่แล้ว สีหน้าของเคย์เนธค่อยๆดีขึ้นอย่างมาก

    " เฮ้อ....ตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ ส่วนเรื่องวงจรเวทที่เสียหายหนักเกินไป ต่อให้ใช้ตราบัญชาก็รักษาให้พอใช้เวทมนต์ระดับต่ำเท่านั้น "

    " แค่นั้นเหลือเฟือแล้วล่ะ ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ไว้เขาค่อยฟื้นแล้วกัน " เดียร์มุด

    " เอาตามนั้นแล้วกัน " ชินจิเองในตอนนี้ก็เหนื่อยล้าเต็มที่แล้วเหมือนกัน

    " ขอบพระคุณมากมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์ ข้าขอสาบานว่าตราบใดที่นายเหนือหัวไม่ใช้ตราบัญชา ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าเอง " เดียร์มุดคุกเข่าต่อหน้าชินจิเสมือนผู้มีพระคุณ 

    " ขอบคุณมากครับ " ชินจิยิ้มออกมาอย่างโล่งอก " แล้วเรื่องที่ไหว้วาน..."

    " อ่อ นี่ครับ " พูดจบเดียร์มุดได้ยื่นปืนThompson Contender ให้กับชินจิ " ต้องขอประทานโทษด้วยที่ข้าไม่อาจเอากระสุนที่เจ้าว่ามาได้ "

    " ไม่ล่ะ เหลือเฟือแล้วล่ะ ชั้นขอไปนอนด้านหลังของศาลเจ้านะ ฝากเรื่องคุ้มกันด้วยแล้วกัน "

    " รับทราบแล้ว " เดียร์มุดเผยรอยยิ้มออกมาก่อนเดินมายังหน้าวัดโดจิในสภาพมานาเพื่อตรวจการ

    ชินจิที่มายังด้านหลังของศาลเจ้าแล้วเข้าห้องพักเปิดโน๊ตบุ๊กเพื่อจัดการบางอย่างตอบแทนบุญคุณที่ตัวของคิริสึงุฝากกระสุนใส่เขาแบบสภาพอ่อนแอ เขาอุตสาห์ช่วยภรรยาเขาก็ตอบกลับด้วยกระสุน ช่างสมเป็นนักฆ่าไร้ขีดจำกัดล่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

    พอจัดการเสร็จเขาก็พับเก็บแล้วทรุดลงกับพื้นกุมหัวหัวใจของตัวเองอย่างทรมานอย่างมาก ราวกับร่างกายของเขาจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

    เจ้าชิโร่กับซีกมันทนกับของแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะเนี่ย คนนึงใช้แขนของตัวเองจากอนาคต อีกคนก็ได้หัวใจที่อาบเลือดมังกรฟาฟเนียร์

    เขาทรมานกับความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าสะสมหลังการการต่อสู้จนได้สลบลงไปในที่สุด

    คืนที่ 3 ได้จบลง
    เซเบอร์ และแลนเซอร์ ปะทะ แคสเตอร์ ผลคือแคสเตอร์หนีไปได้ 

    คิริสึงุ ปะทะ เคย์เนธ ผลคือคิริสึงุชนะแต่ก็บาดเจ็บสาหัสไม่ใช่น้อย เคย์เนธบาดเจ็บวงจรเวทเสียหายหนัก

    คิเรย์ ปะทะ ไอริสฟิล ไมยะ ผลคือ คิเรย์ชนะ แล้วกะจะฆ่าทั้งสองคนแต่ถูกเบอเซิกเกอร์ขัดจังหวะซะก่อต

    คิเรย์ได้ถอนตัวไปพร้อมกับแอสซาสซิน

    มีเซอร์แวนต์ปริศนาที่ไม่ได้ถูกอัญเชิญในศึกครั้งนี้ อาละวาดแพร่ระบาดแวมไพร์จำนวนมาก เซเบอร์ อาเชอร์ ไรเดอร์ และเบอเซิกเกอร์เข้ามาขัดขว้าง

    ผลคือ แวมไพร์หนีไปได้โดยบาดเจ็บสาหัส แลกกับเบอเซิกเกอร์เองก็บาดเจ็บสาหัส แล้วถูกเปิดเผยนามที่แท้จริง
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×