ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : คืนที่ 3 แวมไพร์
ไมยะพยายามที่จะหยิบปืนขึ้นมาฆ่าชินจิ
" ไมยะ อย่านะ เขามาช่วยพวกเรานะ " ไอริสฟิลรีบมาห้าม
" ไม่ได้ค่ะ...ถึงจะบอกว่ามาช่วย แต่ไม่ว่ายังไง แผนของเบอเซิกเกอร์ต้องมาชิงมาดามอย่างแน่นอน อย่างไปหลงกลมันเชียวนะคะ " ไมยะที่ได้รับการรักษาไอริสฟิลิพอขยับตัวเองได้บ้าง
" ถ้าทำล่ะก็ป่านนี้เธอคงไม่มีชีวิตตรงนี้แล้วมั้ง? " ชินจิแสยะยิ้มออกมา ตอนนี้เขามีพลังของวีรชนอยู่ในตัว การที่จะฆ่าคนที่อ่อนแอกว่านั้นมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลย
ที่ไม่ทำก็เพราะไม่อยากจะทำเฉยๆเท่านั้น หากยิงใส่เข้ามาโดนเขาก็จะเปลี่ยนใจฆ่าทันทีเลย
เพราะยังไงสังคมจอมเวทการฆ่าคน ถือว่ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
" สำหรับชั้นแล้วไม่ได้สนใจเธอมากเท่าไหร่ ถ้าให้สนใจจริงๆคงเป็นพี่สาวคนสวยคนนี้มากกว่าล่ะนะ "
" แกเล็งมาดามจริงๆด้วย! " ไมยะ
" ต่ำช้าที่สุด เบอเซิกเกอร์!! " ไอริสฟิล
" ไอ้วิญญาณของคนบาป พระเจ้าจะต้องลงทัณฑ์แกแน่!! " คิเรย์
" ไหง เข้าไปทางนั้นอีกล่ะเนี่ย " ชินจิชักรู้สึกว่าบทสนทนาของตัวเองไปทิศทางแปลกๆ เขาแค่ชื่นชมไอริสฟิลที่ดิ้นร้นการเอาตัวรอดทั้งๆที่มีอายุเพียง 8 ปีเองนะ
" เอาเถอะ อยู่ต่อไปก็ไม่อะไรดี " พูดจบคิเรย์ยอมถอนตัวไปในที่สุดพร้อมกับแอสซาสซิน
ชินจิที่เห็นว่าตัวของคิเรย์ได้ถอนตัวพร้อมกับหัวหน้าฮัสซันที่ยังเป็นก้อนมานาอยู่ก็ได้หันมามองสองสาวที่ยังคงจ้องเขาในร่างนาตาเลีย
ไอริสฟิลที่ยังคงระแวงตัวของชินจิอยู่นั้นก็ตกใจแล้วเอ่ยเตือน
" ระวังข้างหลัง! "
เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังของตัวเองอยู่แล้วจึงหยิบปืนขึ้นหันมาจ่อหน้าแล้วยิงหัวจนเละ
แต่ช่วงพริบตาที่เขาเห็นนั้น คือร่างกายมนุษย์ที่ถูกกลายพันธุ์มีคมเขี้ยว สีผิวไปสีม่วงโทนดำนัยน์ตสีแดง
ชินจิได้กวาดตามองด้านหลังพบว่า มีฝูงคนที่กลายเป็นแวมไพร์ที่ดูคล้ายคลึงสภาพซอมบี้ซะกว่าที่มีจำนวนมากขนาดนี้
ชินจิพอรับรู้ข่าวสารมาบ้างว่า มีเหตุการณ์ผู้คนหายสาปสูญไป ผสมกับมีคนเสียชีวิตด้วย แต่นึกไม่ว่าจะโผล่มาในสภาพนี้
" แวมไพร์งั้นเหรอ? " ชินจิเอ่ยขึ้นมาก่อนหันไปมองที่ไอริสฟิล " นี่พี่สาว ถ้าจะหนีก็รีบพาผู้หญิงคนนั้นหนีให้ไวเลย เพราะให้สู้ไปปกป้องไปด้วยมันลำบาก "
พูดจบชินจิได้เผยร่างชุดอัศวินแลนสล็อตอีกครั้ง จากนั้นเจ้าตัวหยิบดาบคาตานะขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มปะทะฝูงแวมไพร์ โดยเชื่อมโยงเรื่องที่ตัวเองเจอกับอังรามาในความฝัน
เหตุการณ์ที่มีแวมไพร์กลายพันธุ์จำนวนมากมาบุกฐานตระกูลไอน์เบิร์น เซอร์แวนต์ตนที่ 8 เข้าร่วมศึกโดยเหตุผลบางอย่างที่เดิมมาจากสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์โลกคู่ขนาน
แวมไพร์ เซอร์แวนต์ จากสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์โลกคู่ขนาน
ที่เขานึกได้มีเพียงตนเดียว
อดีตแลนเซอร์ ปัจจุบันกลายเป็นเบอเซิกเกอร์ กษัตริย์แห่งโรมาเนีย ราชาจอมเสียบ วลาด เทเปส หรือ วลาด ที่ 3
แต่ว่าการใช้วิธีเพิ่มจำนวนแวมไพร์แบบนี้ดูไม่ใช่ฝีมือวลาดที่ 3 ตามที่ตัวเองต้องการแน่ เพราะเจ้าตัวเกลียดการใช้โฮกุแวมไพร์เป็นอย่างมากเลย ถึงขนาดที่หากใช้โฮกุนี้ขึ้นมาก็จะฆ่ามาสเตอร์อย่างไม่ลังเลเลย เพราะเกลียดชังตำนานแวมไพร์เป็นอย่างมาก ถ้าจะแพ้ก็อยากจะแพ้ในฐานะวีรชน ราชาจอมเสียบที่ไม่ใช่ต้นกำเนิดแดล็กคูล่า
แต่ปัญหาคือพละกำลังที่มาพอๆกับเซอร์แวนต์ 6 ตน ความเร็วเทียบเท่าจะข้ามมิติ และการรักษาจะอยู่ในระดับที่เหนือกว่าปลอกดาบอวาลอนเสียอีก
ถ้างั้นคนที่เขากำลังเผชิญอยู่ก็...
ชินจิที่สู้กับฝูงแวมไพร์ไปเรื่อยๆโดยไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักตัว ฝืนให้เจ้าพวกนี้ไปยังเมืองดูสิ รับรองเกิดได้กลายเป็นหนังวันสิ้นโลกจากแวมไพร์แน่ๆ
จากนั้นไม่นานก็เขาได้เห็นฝูงค้างคาวจำนวนมากมารวมตัวกันเผยร่างสูงที่เสื้อคลุมธีมผีดูดเลือด
" อย่ามาขวางฉัน เบอเซิกเกอร์ " วลาดที่3? เอ่ยขึ้น
" เกรงว่าไม่ได้ล่ะนะ ราชาจอมเสียบ...ไม่สิ ตอนนี้คงเป็น ดาร์นิก เพรสโตน ยุคด์มิเลเนีย คงจะถูกกว่าสินะ " ชินจิเอ่ยขึ้นก่อนเรียกดาบขึ้นแทนที่จะใช้ปืน ซึ่งเป็นดาบของศาสนจักร แบล็กคีย์ที่คิเรย์ใช้นั่นเอง
ถ้าหากอีกฝ่ายอยู่สภาพแวมไพร์สิ่งที่ไว้ต่อกรได้มีเพียวดวงอาทิตย์ และ ดาบที่มีพลังชำระล้างที่สูง เช่นดาบศักดิ์สิทธิ์
" โห...รู้จักฉันคนนี้ด้วยเหรอ "
" ได้ยินว่ามาเป็นผู้ก่อตั้งสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาที่โรมาเนีย แล้วเป็นคนที่ขโมยจอกมาจากเมืองฟุยุกิในสงครามครั้งที่ 3 ใช่หรือเปล่า "
" แกรู้เรื่องของโลกของฉันด้วยงั้นเหรอ " ดาร์นิกแสยะยิ้มอย่างสนใจ
" เห...รู้ตัวด้วยสินะว่าตัวเองไม่ได้อยู่โลกของตัวเอง ก็ไม่รู้หรอกว่ามาได้ยังไง แล้วสงครามจอกของทางนั้นเป็นยังไง พอสัมผัสพลังมานาของแกก็พอจะเดาได้อยู่ล่ะนะ " ชินจิมองดาร์นิกด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นภายใต้หมวกอัศวิน
พลังมานาของดาร์นิกในร่างวลาดที่ 3 ได้ปล่อยออกมานั้นมีมากกว่าเซอร์แวนต์ประมาณ 10 ตนขึ้นไปโดยซ้ำ แสดงว่าบางทีตัวของดาร์นิกจะเป็นผู้ชนะมหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่มีเซอร์แวนต์ในศึก 16 ตน
แถมเซอร์แวนต์แต่ละคนที่ถูกอัญเชิญล้วนส่วนใหญ่มาจากตำนานกรีกด้วย แถมบวกกับโฮกุของตัวเองที่มีพลังเซอร์แวนต์ของตังเองที่เท่าเทียมกับ 6 ตนในร่างเดียว
15 + 6 = 21 พลังมานาของเซอร์แวนต์ในมหาจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้ใช้มาตั้งแต่สงครามจอกครั้งที่ 6 ด้วย พลังของมันพอที่จะอัญเชิญ 16 ตนในศึกนั้นได้
แบบนี้ตัวของไอริสฟิลที่ทำหน้าที่เป็นภาชนะจอกอาจทนไม่ไหวก็ได้แน่ กับจำนวนปริมาณมานาเยอะขนาดนี้ เพราะหล่อนสามารถรองรับได้สูงสุดคือ 7 ตน แต่นี่เล่น 16 ตนในร่างเดียวเหรอ
" หึๆๆๆ ใช่แล้ว ฉันคนนี้ได้กำจัดเซอร์แวนต์ทั้งหมดในศึกที่โรมาเนีย แล้วอีกก้าวเดียวที่จะได้สัมผัสจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แต่ดันกลับมาอยู่ที่นี่ซะได้ มันหมายความว่าไงกันแน่ " ดาร์นิกยิ้มอย่างภูมิใจใบหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่มันไม่ได้เป็นตัวเองคิด แถมบวกสภาพคลาสเบอเซิกเกอร์เลยยิ่งคลุ้มคลั่งได้ง่ายกว่าปกติ
ให้เดาเลยว่าฝีมือ อารยาไม่ก็ไกอาชัวร์ คนที่สามารถลากอัญเชิญเซอร์แวนต์ไปต่างโลกได้ แทนที่จะอัญเชิญแกรนเซอร์แวนต์มาปราบในโลกนั้นเลย เหตุผลการมายังไงนั้นไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญเลยคือฝืนให้เจ้านี้อาละวาดไปยังตัวเมืองแล้วชิงไอริสฟิลไปล่ะก็ งานนี้ได้เละเทะกว่าเดิมแน่
แค่จิลเดอเรย์ก็น่ารำคาญอยู่แล้ว ยังจะมีดาร์นิกในร่างวลาดที่ 3 อีก เผลอๆสองคนนี้จะร่วมมือกัน เพราะดูแล้วเป็นแผนของดาร์นิกที่ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เป็นทุนเดิม ไหนจะจิลเดอเรย์ที่ต้องการได้อาเธอเรียนที่คิดว่าเป็นโจน
หากการที่ดาร์นิกอยู่ได้จนถึงตอนนี้คงเหมือนตัวของเขาที่มีตราบัญชาอยู่ในตัวล่ะก็ การคงอยู่ในร่างเซอร์แวนต์ในสภาพนั้นได้ จะไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยสักนิด จะต่างกันตรงที่ว่า ดาร์นิกสิงร่างวลาด ส่วนชินจิให้แลนสล็อตสิงร่างแทน
ง่ายๆคือเหรียญคนละด้านนั่นเอง
แค่ว่าตัวของชินจิจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าของดาร์นิกตรงที่ว่าเขาจะตายเพราะพลังวิญญาณที่มาสิง แค่การให้แลนสล็อตมาสิงร่างตั้ง 2 ครั้งแล้วเป็นเวลานานมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ราคาของปาฏิหาริย์มันไม่ได้มาถูกๆ
เทียบกับดาร์นิกแล้วข้อเสียเลยคือมันจะกลายเป็นวีนชนที่ถูกวิญญาณมาสิงร่างแล้วยึดครองร่าง
" จะไปรู้เหรอ แต่ที่แน่ๆคือตัวตนของแกที่มาเยือนโลกนี้ก็เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ควรจำกัดให้ไวอยู่แล้ว "
" เหอะ....อย่างแกจะทำอะไรได้ "
" หึ....งั้นมาทดลองพิสูจน์ดูสิ แบล็กเบอเซิกเกอร์ " พูดจบชินจิก็เร่งมานาแล้วใช้โฮกุออริจินอล ปาแบล็กคีย์ใส่ 6 เล่ม
Overlord ฉบับปามีด!!! x6
ตัวของดาร์นิกที่เคยโดนแบล็กคีย์โดยอามาคุสะ ชิโร่อยู่แล้วจึงรู้ดี แล้วรีบกลายสภาพเป็นฝูงค้างคาวเพื่อหลบ แล้วดาบที่อัดพลังมานาอันบริสุทธิ์ก็ระเบิดพอๆกับ แฟนตาซีเบรคเกอร์ เนื่องจากว่าแบล็กคีย์ที่สร้างขึ้นด้วยเวทเทรซจึงพอสัมผัสกับเป้าหมาย อาวุธที่ทนพลังมานาไม่ได้ก็ระเบิดสลายไปในที่สุด พลังทำลายของมันเพียงพอที่จะจัดการเซอร์แวนต์ได้
ดาร์นิกที่อ้อมมาด้านหลังของชินจิใช้ฝ่ามือที่จะกระสวกทะลุร่างของเขา แต่ชินจิตอบสนองได้ทวงทีหยิบดาบขึ้นมาปกป้องได้แต่ว่า เนื่องจากเป็นดาบที่คุณภาพต่ำที่ผสมกับโฮกุ Knight of Owner ก็ตามก็ทนไม่ได้
แล้วใช้เวลาต่อสู้นั้นประเมินสเตตัสของอีกฝ่าย
[ เบอเซิกเกอร์ วลาด เทเปส
ความแข็งแกร่ง ระดับ Ex
ความทนทาน ระดับ Ex
ความว่องไว ระดับ Ex
พลังเวท ระดับ A
โชค ระดับ D
สกิลประจำคลาส
การต่อต้านเวทมนต์ ระดับ B (สถานะผนึก)
ความบ้าคลั่งขาดสติ ระดับ Ex
สกิลประจำตัว
ผู้ปกครองที่โหดร้าย Demonic Defender of the State ระดับ EX ( สถานะผนึก )
การดูดเลือดต่อเนื่อง Blood Sucking ระดับ A
การต่อสู้ต่อเนื่อง Battle Continuation ระดับ A
เปลี่ยนร่าง Shapesgift ระดับ C
สมบัติวีรชน
กษัตริย์ผู้แปดเปื้อน Kazikli Bey ( สถานะผนึก )
ประเภท : ต่อต้านกองทัพ ระดับ B
ตำนานผีดูดเลือด Lebgebd of Dracula
ประเภท : ต่อต้านบุคคล ระดับ A ]
" สัตว์ประหลาดชัดๆ!!" ชินจิที่พยายามดันดาบตัวเองที่ถูกแรงมหาศาลของดาร์นิกถูกดันกลับเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนทิศทางของมันโจมตีที่พื้นแทนแล้วใช้จังหวะนั้น แต่มันก็แปรสภาพเป็นมานาค้างคาวไปมาการโจมตี
ทั้งความแข็งแกร่ง ความทนทาน ความว่องไว อยู่ระดับ Ex หมดเลยเหรอ แกบ้าเปล่าเนี่ย!
ถึงเขาจะไม่มีสิทธิ์บ่นว่าตัวเองก็มี ค่าสเตตัสเดิม 3 ค่าอยู่ในระดับ A ก็เถอะ
แถมท่าทางของดาร์นิกในการต่อสู้ มันเชี่ยวชาญในการใช้พลังวลาดที่ 3 ได้อย่างชำนาญมาก แบบนี้ต่อให้มีความเร็วโจมตีมากแค่ไหน ก็โจมตีไม่โดนเลย
ชินจิได้ใช้เวทเสริมความแข็งแกร่งและความเร็วของต้วเองให้สูงขึ้นแล้วโจมตีใส่ดาร์นิกในฉบับที่ว่าคนทั่วไปมองเริ่มมองไม่ทัน โดยต่างคนต่างถูกโจมตี
เนื่องด้วยรู้ว่าฟันยังไงก็ไม่มีทางโดน อาศัยการโดนโจมตีให้น้อยที่สุดแล้วโจมตีสวนกลับ ตัวของเขามีปลอกดาบอวลอนอยู่ในตัวจึงรักษาบาดแผลได้ ส่วนดาร์นิกก็เช่นกันแต่มีพลังรักษาที่เหนือกว่า
แถมบริเวณโดยรอบของเขาเต็มไปด้วยฝูงแวมไพร์ มันทำให้ตัวของชินจิเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ถ้าสู้ตัวสัตว์ประหลาด
แล้วในจังหวะที่เขาจะฟันอยู่นั้นก็ถูกฝูงแวมไพร์จำนวนมากมาล้อมแล้วเกาะตัวของเขาเอาไว้ทั้งตัวจนขยับตัวไหนไม่ได้
" เวรแล้วไง!!! "
" เสร็จฉันล่ะ เบอเซิกเกอร์!!!! " ดาร์นิกที่เห็นช่องโหว่แล้วพุ่งโจมตีใส่ตัวของด้วยความเร็วสูง
ในจังหวะที่ดาร์นิกมือที่พุ่งทะลวงร่างของอัศวินสีขาวนั้น สถานการณ์ที่ชวนให้สิ้นหวังก็ได้มีเสียงหญิงสาวดังขึ้น
" Strike Air!!!! "
สิ้นสุดวาจาก็ได้มีสายลมแห่งราชันได้พันจนร่างของดาร์นิกกระเด็น พร้อมจังหวะที่หละหลวมชินจิไม่ปล่อยโอกาสได้ใช้กำลังของเบอเซิกเกอร์กระชากพวกแวมไพร์ แล้วหลบท่าสายลมนั้นทันทีเฉียดฉิว
จากนั้นไม่นานก็มีกระแสสายฟ้าสีฟ้าและประกายอาวุธมานาสีทองได้พุ่งโจมตีใส่ฝูงแวมไพร์ตายไปภายในพริบตาเดียว
ชินจิค่อยๆลุกพร้อมกับหอยหายใจเล็กน้อยที่ตัวเองใช้พลังมานาเร่งต่อสู้ติดต่อกัน ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่การเร่งมานาถึงระดับ A แล้วแลกหมัดกันไปมาก็สร้างภาระ การต่อสู้ไม่น้อยเลย ถึงจะยืมพลังมาใช้ แต่หากใช้โฮกุอารอนไดร์ไปด้วยล่ะก็ ไม่รู้เลยว่าจะภาระที่ได้รับจะขนาดไหน
ชินจิสำลักเลือดเล็กน้อยๆ ก่อนมีร่างหญิงสาวได้เดินมาป้องกัน
" ลุกขึ้นสิ อัศวินไร้นามเอ๋ย เจ้าจะมัวแต่นอนถึงไหนกัน " อาเธอเรียขึ้นโดยสายตาไม่ได้ปล่อยวางที่ดาร์นิก " ข้าพอจะดูสถานการณ์คร่าวๆแล้วล่ะ "
" แต่ว่านะ ขนาดเบอเซิกเกอร์ยังหืดขึ้นคอขนาดนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นเลย " อิสกันดาร์ที่ขยับขบวนกระทิงศึกมาพร้อมวิเคราะห์ เพราะสัมผัสพลังมานามหาศาลเลยแวะมาดู
ว่าด้วยวันที่สองนั้นเกิดมีการหายสาปสูญของผู้คนจำนวนมากในเมืองฟุยุกิ ตัวของอิสกันดาร์และมาสเตอร์อย่างเวเวอร์ได้ตรวจสอบพบว่ากลายเป็นศพที่เหยื่อของแวมไพร์แล้วพุ่งโจมตีไม่เลือกหน้า
" วันนี้อะไรพัดมาถึงให้คุณมาด้วยล่ะครับ " ชินจิค่อยๆลุกขึ้นโดยมีหน้าประหลาดใจ
" ก็ตอนแรกว่าจะตามล่าหาเบาะแสแคสเตอร์อยู่หรอก แต่ดันเจอพวกฝูงผีดูดเลือดแบบนี้มันไม่น่าใช้ฝีมือของมนุษย์และแคสเตอร์ด้วย เลยมาหาต้นตอจนมาอยู่ที่นี่ล่ะ วางใจเถอะศึกในครั้งนี้ข้ามาแบบสันติเพื่อเจรจากับมัน "
" ยังจะคิดให้มันคุยได้อีกเหรอ เจ้าพันธุ์ทาง " กิลกาเมชที่เดินลงมาว่าไรเดอร์ที่ไม่รู้จักคิด " คราวนี้ยังจะมีหมาบ้าเพิ่มมาอีกตัว เจ้าตัวตลกอธิบายสิ "
ชินจิที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ที่ราชาทั้งสามของศึกสงครามจอกครั้งที่ 4 มารวมตัวโดยไม่ใช่การมานัดวาจางานเลี้ยงราชา หรือจิลเดอเรย์ใช้โฮกุอาละวาดในเมืองฟุยุกิ
กับอาเธอเรีย และอิสกันดาร์ ยังเข้าใจได้ แต่ที่ชินจิคาดไม่ถึงเลยว่ากิลกาเมชจะออกมาปรากฏตัวด้วยเนี่ยสิ
" ถ้าให้เข้าง่ายๆเลยคือ เจ้านั้นคือเซอร์แวนต์ที่ถูกอัญเชิญสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ในโลกคู่ขนานครับ " ชินจิอธิบายสั้นๆได้ใจความให้สามราชาได้รับรู้
" วีรชนที่มาจากอีกโลกเหรอ? " อาเธอเรีย
" ครับ อดีตแลนเซอร์ ราชาจอมเสียบ วลาดที่ 3 ครับ " ชินจิ
" โห...ราชาแห่งโรมาเนียงั้นเหรอ ช่างน่าตกใจจริงๆที่มีราชาคนที่ 4 เข้าร่วมด้วยแบบนี้ " อิสกันดาร์ประหลาดใจ
" ไอ้พันธุ์ทาง แกมองยังไง สภาพแบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าราชาได้แล้ว มันก็แค่พวกที่แอบอ้างเท่านั้น แล้วมีพวกหนอนแมลงรกตาซะเยอะมาอยู่สวนหลังบ้านแบบนี้ นับว่าใจกล้ามากน่าดูเลยหนิ เจ้าหมาบ้า" กิลกาเมชหัวเสียกับอิสกันดาร์ก่อนส่งสายตาคมกริบที่ดาร์นิก
" แต่หากนับเรื่องความสามารถของมันแล้วล่ะก็น่ายกย่องไม่น้อย แต่มีไอ้พันธุ์ทางหน้าโง่ที่ไหนไม่รู้ยึดร่างได้อยู่ เพราะงั้นมันไม่น่าใช้วิญญาณวีรชนแล้ว "
โกรธเรื่องแวมไพร์บุกเมืองหรอกเหรอ? ชินจิในใจ
" วิญญาณแปลกปลอมยึดร่างราชาตนนั้นงั้นเหรอ หายากนะเนี่ย " อิสกันดาร์ประหลาดใจกับคนที่มาสิงร่างของเซอร์แวนต์แบบนี้ " แถมรูปทรงคงมีพลังมานาเยอะขนาดนี้อยู่สภาพปลดปล่อยโฮกุตลอดเวลางั้นสินะ "
" ถึงกระนั้นมันแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่จุดอ่อนของมันคืออ่อนต่อแสงอาทิตย์ และดาบศักดิ์สิทธิ์น่ะครับ " ชินจิที่ได้รับการรักษาปลอกดาบอวาลอนรักษาบาดแผลพอสมควรก็ลุกขึ้นยืน
อาเธอเรียมีสีหน้าที่จริงจังขึ้นตั้งดาบเอ็กส์คาลิเบอร์ที่อยู่สถานะล่องหนอยู่ แปลว่าโฮกุของเธอเพียงพอในการปราบแวมไพร์ตนนี้ได้
" ข้าพอเข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ แต่ว่าอาเชอร์เจ้ามาทำอะไรกัน? " อาเธอเรียได้หันมามองที่กิลกาเมช
" ข้าก็แค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น แล้วเกิดสนใจเจ้านี้ขึ้นมาเท่านั้นแหละ " ในขณะที่กิลกาเมชพูดอยู่นั้นก็ฝูงแวมไพร์พุ่งเข้ามา จนเขาเกิดรำคาญขึ้นมาเปิดเกตหลานบานออกยิงใส่ฝูงแวมไพร์ตายเรียบในการโจมตีเพียงครั้งเดียวกันหลายชิ้น
" บังอาจมากเลยที่กล้าเล่นในระหว่างที่ข้าสนทนาอยู่ นับว่าแกใจกล้ามากเลยนะ ไอ้หมาบ้า!! " กิลกาเมชพูดในน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก
ชินจิรู้ได้ทันทีเลยว่า ตอนนี้กิลกาเมชเกิดฉุนขึ้นมาแล้ว
" น่าๆ เจ้าเกราะเงาวับ อุตสาห์ได้เจอราชาจอมเสียบทั้งทีก็เปิดอกคุยกันในการต่อสู้ก็ได้ เช่นนั้นแล้วข้าขอสู้ก่อนล่ะนะ " อิสกันดาร์
" นี่เจ้าจะหาเรื่องข้างั้นเหรอ ไอ้พันธุ์ทาง ไอ้หมาบ้านั้นเป็นเหยื่อของข้า ต่อให้เป็นแก ข้าคงต้องเก็บเจ้าก่อนเสียกระมั้ง " กิลกาเมชเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ
" ทำงั้นได้ไงเล่า อุตสาห์มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อทั้งทีจะปล่อยได้ยังไงกันเล่า " อิสกันดาร์ก็อยากจะดวลตัวต่อตัวกับแวมไพร์อยู่สักครั้งเหมือนกัน
" เช่นนั้นพวกเจ้าเชิญทะเลาะกันต่อไป ส่วนข้าขอกำจัดศัตรูที่ทำให้ประชาชนกลายเป็นแวมไพร์ไม่ได้เด็ดขาด " อาเธอเรียตั้งท่าพร้อมสู้
" เฮ้ๆ อย่าแย่งกันแบบนี้เซเบอร์ เจ้านั้นมันเหยื่อของข้า " อิสกันดาร์ไม่ยอม
" ไอ้พวกที่แอบอ้างว่าราชาเชิกเช่นพวกเจ้าน่ะ ถอยไปซะ ข้าจะเป็นคนแรกเอง "
ชินจิที่ยืนอึ้งกับการโต้เถียงของราชาทั้งสามที่จะพยายามจะแย่งกันจะสู้กับดาร์นิก ไม่สิจริงๆสนใจสู้กับวลาดมากกว่า
ก็จริงอยู่ว่าหากเทียบกับการต่อกรโฮกุของจิลเดอเรย์แล้ว สถานการณ์ของดาร์นิกที่ก่อขึ้นมายังพออยู่ในสถานการณ์ดวลตัวต่อตัวได้อยู่
" " " แล้วเจ้าคิดว่ายังไงกัน เบอเซิกเกอร์/เจ้าตัวตลก ใครคู่ควรการเป็นราชาที่จะสู้กับแวมไพร์ตนนี้กัน?! " " " สามราชาเอ่ยถามพร้อมกัน
" ประเด็นอยู่ตรงนั้นเหรอครับ!! "
พวกราชาในตำนานเนี่ย บางก็ครั้งมีมุมมองชวนปวดหัวเหมือนกันชะมัดเลย แหะ ถึงอยากจะขอบคุณที่มาช่วยเขาก็เถอะ
" ก็เจ้าน่ะได้สู้กับมันพอสมควรเลย แถมมีเคลี่อนที่ได้เร็ว ฉะนั้นแล้ว ให้ไรเดอร์ที่รวดเร็วที่สุดอย่างราชาผู้พิชิตเช่นข้าจะจัดการเอง " อิสกันดาร์
" หามิได้ ราชาผู้พิชิต เจ้าแวมไพร์ตนนั้น จากที่เบอเซิกเกอร์ว่ามา มีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะปราบมันได้ เซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในคลาสทั้งเจ็ด ต้องเป็นข้าสิ " อาเธอเรีย
" พวกพันธุ์ทางน่ะหลีกไปซะ อย่าให้ข้าพูดซ้ำซากจะได้มั้ย ข้าเนี่ยจะจัดการมันเอง " กิลกาเมช
ทั้งสามราชาจ้องเขม็งกันโดยระหว่างที่ฝูงแวมไพร์ชุดใหม่มาก็พุ่งโจมตีใส่พวกเขา
อาเธอเรียใช้Strike Air เป่าพวกมันกระเด็นขาดเป็นชิ้นๆ
อิสกันดาร์ใช้ดาบของตัวเองแล้วเรียกสายฟ้าโจมตีใส่เหล่าแวมไพร์ให้ขาดสองท่อน
แล้วกิลกาเมชยืนอยู่เฉยๆแล้วยิงโฮกุใส่พวกแวมไพร์จนไม่เหลือแม้แต่ซาก
" " " เอา! ว่าไงล่ะ เบอเซิกเกอร์/เจ้าตัวตลก? " " "
เฮ้อ.....อยากจะบ้าตาย ราชาทั้งสามมาหาเรื่องเหยื่อเนี่ยนะ บางทีราชาในอดีตก็มีศักดิ์ศรีแบบแปลกๆเหมือนกันนะ
แต่อย่าเอาคนธรรมดาอย่างเขามาช่วยตัดสินให้สิโว้ย!!!!!
___________
สำหรับสัปดาห์นี้พอล่ะ!!!! ตอนหน้าเป็นตอนจบคืนที่ 3 เจอปืนสัปดาห์หน้า
" ไมยะ อย่านะ เขามาช่วยพวกเรานะ " ไอริสฟิลรีบมาห้าม
" ไม่ได้ค่ะ...ถึงจะบอกว่ามาช่วย แต่ไม่ว่ายังไง แผนของเบอเซิกเกอร์ต้องมาชิงมาดามอย่างแน่นอน อย่างไปหลงกลมันเชียวนะคะ " ไมยะที่ได้รับการรักษาไอริสฟิลิพอขยับตัวเองได้บ้าง
" ถ้าทำล่ะก็ป่านนี้เธอคงไม่มีชีวิตตรงนี้แล้วมั้ง? " ชินจิแสยะยิ้มออกมา ตอนนี้เขามีพลังของวีรชนอยู่ในตัว การที่จะฆ่าคนที่อ่อนแอกว่านั้นมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลย
ที่ไม่ทำก็เพราะไม่อยากจะทำเฉยๆเท่านั้น หากยิงใส่เข้ามาโดนเขาก็จะเปลี่ยนใจฆ่าทันทีเลย
เพราะยังไงสังคมจอมเวทการฆ่าคน ถือว่ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
" สำหรับชั้นแล้วไม่ได้สนใจเธอมากเท่าไหร่ ถ้าให้สนใจจริงๆคงเป็นพี่สาวคนสวยคนนี้มากกว่าล่ะนะ "
" แกเล็งมาดามจริงๆด้วย! " ไมยะ
" ต่ำช้าที่สุด เบอเซิกเกอร์!! " ไอริสฟิล
" ไอ้วิญญาณของคนบาป พระเจ้าจะต้องลงทัณฑ์แกแน่!! " คิเรย์
" ไหง เข้าไปทางนั้นอีกล่ะเนี่ย " ชินจิชักรู้สึกว่าบทสนทนาของตัวเองไปทิศทางแปลกๆ เขาแค่ชื่นชมไอริสฟิลที่ดิ้นร้นการเอาตัวรอดทั้งๆที่มีอายุเพียง 8 ปีเองนะ
" เอาเถอะ อยู่ต่อไปก็ไม่อะไรดี " พูดจบคิเรย์ยอมถอนตัวไปในที่สุดพร้อมกับแอสซาสซิน
ชินจิที่เห็นว่าตัวของคิเรย์ได้ถอนตัวพร้อมกับหัวหน้าฮัสซันที่ยังเป็นก้อนมานาอยู่ก็ได้หันมามองสองสาวที่ยังคงจ้องเขาในร่างนาตาเลีย
ไอริสฟิลที่ยังคงระแวงตัวของชินจิอยู่นั้นก็ตกใจแล้วเอ่ยเตือน
" ระวังข้างหลัง! "
เขาก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังของตัวเองอยู่แล้วจึงหยิบปืนขึ้นหันมาจ่อหน้าแล้วยิงหัวจนเละ
แต่ช่วงพริบตาที่เขาเห็นนั้น คือร่างกายมนุษย์ที่ถูกกลายพันธุ์มีคมเขี้ยว สีผิวไปสีม่วงโทนดำนัยน์ตสีแดง
ชินจิได้กวาดตามองด้านหลังพบว่า มีฝูงคนที่กลายเป็นแวมไพร์ที่ดูคล้ายคลึงสภาพซอมบี้ซะกว่าที่มีจำนวนมากขนาดนี้
ชินจิพอรับรู้ข่าวสารมาบ้างว่า มีเหตุการณ์ผู้คนหายสาปสูญไป ผสมกับมีคนเสียชีวิตด้วย แต่นึกไม่ว่าจะโผล่มาในสภาพนี้
" แวมไพร์งั้นเหรอ? " ชินจิเอ่ยขึ้นมาก่อนหันไปมองที่ไอริสฟิล " นี่พี่สาว ถ้าจะหนีก็รีบพาผู้หญิงคนนั้นหนีให้ไวเลย เพราะให้สู้ไปปกป้องไปด้วยมันลำบาก "
พูดจบชินจิได้เผยร่างชุดอัศวินแลนสล็อตอีกครั้ง จากนั้นเจ้าตัวหยิบดาบคาตานะขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มปะทะฝูงแวมไพร์ โดยเชื่อมโยงเรื่องที่ตัวเองเจอกับอังรามาในความฝัน
เหตุการณ์ที่มีแวมไพร์กลายพันธุ์จำนวนมากมาบุกฐานตระกูลไอน์เบิร์น เซอร์แวนต์ตนที่ 8 เข้าร่วมศึกโดยเหตุผลบางอย่างที่เดิมมาจากสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์โลกคู่ขนาน
แวมไพร์ เซอร์แวนต์ จากสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์โลกคู่ขนาน
ที่เขานึกได้มีเพียงตนเดียว
อดีตแลนเซอร์ ปัจจุบันกลายเป็นเบอเซิกเกอร์ กษัตริย์แห่งโรมาเนีย ราชาจอมเสียบ วลาด เทเปส หรือ วลาด ที่ 3
แต่ว่าการใช้วิธีเพิ่มจำนวนแวมไพร์แบบนี้ดูไม่ใช่ฝีมือวลาดที่ 3 ตามที่ตัวเองต้องการแน่ เพราะเจ้าตัวเกลียดการใช้โฮกุแวมไพร์เป็นอย่างมากเลย ถึงขนาดที่หากใช้โฮกุนี้ขึ้นมาก็จะฆ่ามาสเตอร์อย่างไม่ลังเลเลย เพราะเกลียดชังตำนานแวมไพร์เป็นอย่างมาก ถ้าจะแพ้ก็อยากจะแพ้ในฐานะวีรชน ราชาจอมเสียบที่ไม่ใช่ต้นกำเนิดแดล็กคูล่า
แต่ปัญหาคือพละกำลังที่มาพอๆกับเซอร์แวนต์ 6 ตน ความเร็วเทียบเท่าจะข้ามมิติ และการรักษาจะอยู่ในระดับที่เหนือกว่าปลอกดาบอวาลอนเสียอีก
ถ้างั้นคนที่เขากำลังเผชิญอยู่ก็...
ชินจิที่สู้กับฝูงแวมไพร์ไปเรื่อยๆโดยไม่ปล่อยให้เหลือรอดสักตัว ฝืนให้เจ้าพวกนี้ไปยังเมืองดูสิ รับรองเกิดได้กลายเป็นหนังวันสิ้นโลกจากแวมไพร์แน่ๆ
จากนั้นไม่นานก็เขาได้เห็นฝูงค้างคาวจำนวนมากมารวมตัวกันเผยร่างสูงที่เสื้อคลุมธีมผีดูดเลือด
" อย่ามาขวางฉัน เบอเซิกเกอร์ " วลาดที่3? เอ่ยขึ้น
" เกรงว่าไม่ได้ล่ะนะ ราชาจอมเสียบ...ไม่สิ ตอนนี้คงเป็น ดาร์นิก เพรสโตน ยุคด์มิเลเนีย คงจะถูกกว่าสินะ " ชินจิเอ่ยขึ้นก่อนเรียกดาบขึ้นแทนที่จะใช้ปืน ซึ่งเป็นดาบของศาสนจักร แบล็กคีย์ที่คิเรย์ใช้นั่นเอง
ถ้าหากอีกฝ่ายอยู่สภาพแวมไพร์สิ่งที่ไว้ต่อกรได้มีเพียวดวงอาทิตย์ และ ดาบที่มีพลังชำระล้างที่สูง เช่นดาบศักดิ์สิทธิ์
" โห...รู้จักฉันคนนี้ด้วยเหรอ "
" ได้ยินว่ามาเป็นผู้ก่อตั้งสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองขึ้นมาที่โรมาเนีย แล้วเป็นคนที่ขโมยจอกมาจากเมืองฟุยุกิในสงครามครั้งที่ 3 ใช่หรือเปล่า "
" แกรู้เรื่องของโลกของฉันด้วยงั้นเหรอ " ดาร์นิกแสยะยิ้มอย่างสนใจ
" เห...รู้ตัวด้วยสินะว่าตัวเองไม่ได้อยู่โลกของตัวเอง ก็ไม่รู้หรอกว่ามาได้ยังไง แล้วสงครามจอกของทางนั้นเป็นยังไง พอสัมผัสพลังมานาของแกก็พอจะเดาได้อยู่ล่ะนะ " ชินจิมองดาร์นิกด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้นภายใต้หมวกอัศวิน
พลังมานาของดาร์นิกในร่างวลาดที่ 3 ได้ปล่อยออกมานั้นมีมากกว่าเซอร์แวนต์ประมาณ 10 ตนขึ้นไปโดยซ้ำ แสดงว่าบางทีตัวของดาร์นิกจะเป็นผู้ชนะมหาสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ที่มีเซอร์แวนต์ในศึก 16 ตน
แถมเซอร์แวนต์แต่ละคนที่ถูกอัญเชิญล้วนส่วนใหญ่มาจากตำนานกรีกด้วย แถมบวกกับโฮกุของตัวเองที่มีพลังเซอร์แวนต์ของตังเองที่เท่าเทียมกับ 6 ตนในร่างเดียว
15 + 6 = 21 พลังมานาของเซอร์แวนต์ในมหาจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้ใช้มาตั้งแต่สงครามจอกครั้งที่ 6 ด้วย พลังของมันพอที่จะอัญเชิญ 16 ตนในศึกนั้นได้
แบบนี้ตัวของไอริสฟิลที่ทำหน้าที่เป็นภาชนะจอกอาจทนไม่ไหวก็ได้แน่ กับจำนวนปริมาณมานาเยอะขนาดนี้ เพราะหล่อนสามารถรองรับได้สูงสุดคือ 7 ตน แต่นี่เล่น 16 ตนในร่างเดียวเหรอ
" หึๆๆๆ ใช่แล้ว ฉันคนนี้ได้กำจัดเซอร์แวนต์ทั้งหมดในศึกที่โรมาเนีย แล้วอีกก้าวเดียวที่จะได้สัมผัสจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แต่ดันกลับมาอยู่ที่นี่ซะได้ มันหมายความว่าไงกันแน่ " ดาร์นิกยิ้มอย่างภูมิใจใบหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่มันไม่ได้เป็นตัวเองคิด แถมบวกสภาพคลาสเบอเซิกเกอร์เลยยิ่งคลุ้มคลั่งได้ง่ายกว่าปกติ
ให้เดาเลยว่าฝีมือ อารยาไม่ก็ไกอาชัวร์ คนที่สามารถลากอัญเชิญเซอร์แวนต์ไปต่างโลกได้ แทนที่จะอัญเชิญแกรนเซอร์แวนต์มาปราบในโลกนั้นเลย เหตุผลการมายังไงนั้นไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญเลยคือฝืนให้เจ้านี้อาละวาดไปยังตัวเมืองแล้วชิงไอริสฟิลไปล่ะก็ งานนี้ได้เละเทะกว่าเดิมแน่
แค่จิลเดอเรย์ก็น่ารำคาญอยู่แล้ว ยังจะมีดาร์นิกในร่างวลาดที่ 3 อีก เผลอๆสองคนนี้จะร่วมมือกัน เพราะดูแล้วเป็นแผนของดาร์นิกที่ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เป็นทุนเดิม ไหนจะจิลเดอเรย์ที่ต้องการได้อาเธอเรียนที่คิดว่าเป็นโจน
หากการที่ดาร์นิกอยู่ได้จนถึงตอนนี้คงเหมือนตัวของเขาที่มีตราบัญชาอยู่ในตัวล่ะก็ การคงอยู่ในร่างเซอร์แวนต์ในสภาพนั้นได้ จะไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยสักนิด จะต่างกันตรงที่ว่า ดาร์นิกสิงร่างวลาด ส่วนชินจิให้แลนสล็อตสิงร่างแทน
ง่ายๆคือเหรียญคนละด้านนั่นเอง
แค่ว่าตัวของชินจิจะมีความเสี่ยงที่มากกว่าของดาร์นิกตรงที่ว่าเขาจะตายเพราะพลังวิญญาณที่มาสิง แค่การให้แลนสล็อตมาสิงร่างตั้ง 2 ครั้งแล้วเป็นเวลานานมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ราคาของปาฏิหาริย์มันไม่ได้มาถูกๆ
เทียบกับดาร์นิกแล้วข้อเสียเลยคือมันจะกลายเป็นวีนชนที่ถูกวิญญาณมาสิงร่างแล้วยึดครองร่าง
" จะไปรู้เหรอ แต่ที่แน่ๆคือตัวตนของแกที่มาเยือนโลกนี้ก็เป็นสิ่งแปลกปลอมที่ควรจำกัดให้ไวอยู่แล้ว "
" เหอะ....อย่างแกจะทำอะไรได้ "
" หึ....งั้นมาทดลองพิสูจน์ดูสิ แบล็กเบอเซิกเกอร์ " พูดจบชินจิก็เร่งมานาแล้วใช้โฮกุออริจินอล ปาแบล็กคีย์ใส่ 6 เล่ม
Overlord ฉบับปามีด!!! x6
ตัวของดาร์นิกที่เคยโดนแบล็กคีย์โดยอามาคุสะ ชิโร่อยู่แล้วจึงรู้ดี แล้วรีบกลายสภาพเป็นฝูงค้างคาวเพื่อหลบ แล้วดาบที่อัดพลังมานาอันบริสุทธิ์ก็ระเบิดพอๆกับ แฟนตาซีเบรคเกอร์ เนื่องจากว่าแบล็กคีย์ที่สร้างขึ้นด้วยเวทเทรซจึงพอสัมผัสกับเป้าหมาย อาวุธที่ทนพลังมานาไม่ได้ก็ระเบิดสลายไปในที่สุด พลังทำลายของมันเพียงพอที่จะจัดการเซอร์แวนต์ได้
ดาร์นิกที่อ้อมมาด้านหลังของชินจิใช้ฝ่ามือที่จะกระสวกทะลุร่างของเขา แต่ชินจิตอบสนองได้ทวงทีหยิบดาบขึ้นมาปกป้องได้แต่ว่า เนื่องจากเป็นดาบที่คุณภาพต่ำที่ผสมกับโฮกุ Knight of Owner ก็ตามก็ทนไม่ได้
แล้วใช้เวลาต่อสู้นั้นประเมินสเตตัสของอีกฝ่าย
[ เบอเซิกเกอร์ วลาด เทเปส
ความแข็งแกร่ง ระดับ Ex
ความทนทาน ระดับ Ex
ความว่องไว ระดับ Ex
พลังเวท ระดับ A
โชค ระดับ D
สกิลประจำคลาส
การต่อต้านเวทมนต์ ระดับ B (สถานะผนึก)
ความบ้าคลั่งขาดสติ ระดับ Ex
สกิลประจำตัว
ผู้ปกครองที่โหดร้าย Demonic Defender of the State ระดับ EX ( สถานะผนึก )
การดูดเลือดต่อเนื่อง Blood Sucking ระดับ A
การต่อสู้ต่อเนื่อง Battle Continuation ระดับ A
เปลี่ยนร่าง Shapesgift ระดับ C
สมบัติวีรชน
กษัตริย์ผู้แปดเปื้อน Kazikli Bey ( สถานะผนึก )
ประเภท : ต่อต้านกองทัพ ระดับ B
ตำนานผีดูดเลือด Lebgebd of Dracula
ประเภท : ต่อต้านบุคคล ระดับ A ]
" สัตว์ประหลาดชัดๆ!!" ชินจิที่พยายามดันดาบตัวเองที่ถูกแรงมหาศาลของดาร์นิกถูกดันกลับเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนทิศทางของมันโจมตีที่พื้นแทนแล้วใช้จังหวะนั้น แต่มันก็แปรสภาพเป็นมานาค้างคาวไปมาการโจมตี
ทั้งความแข็งแกร่ง ความทนทาน ความว่องไว อยู่ระดับ Ex หมดเลยเหรอ แกบ้าเปล่าเนี่ย!
ถึงเขาจะไม่มีสิทธิ์บ่นว่าตัวเองก็มี ค่าสเตตัสเดิม 3 ค่าอยู่ในระดับ A ก็เถอะ
แถมท่าทางของดาร์นิกในการต่อสู้ มันเชี่ยวชาญในการใช้พลังวลาดที่ 3 ได้อย่างชำนาญมาก แบบนี้ต่อให้มีความเร็วโจมตีมากแค่ไหน ก็โจมตีไม่โดนเลย
ชินจิได้ใช้เวทเสริมความแข็งแกร่งและความเร็วของต้วเองให้สูงขึ้นแล้วโจมตีใส่ดาร์นิกในฉบับที่ว่าคนทั่วไปมองเริ่มมองไม่ทัน โดยต่างคนต่างถูกโจมตี
เนื่องด้วยรู้ว่าฟันยังไงก็ไม่มีทางโดน อาศัยการโดนโจมตีให้น้อยที่สุดแล้วโจมตีสวนกลับ ตัวของเขามีปลอกดาบอวลอนอยู่ในตัวจึงรักษาบาดแผลได้ ส่วนดาร์นิกก็เช่นกันแต่มีพลังรักษาที่เหนือกว่า
แถมบริเวณโดยรอบของเขาเต็มไปด้วยฝูงแวมไพร์ มันทำให้ตัวของชินจิเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ถ้าสู้ตัวสัตว์ประหลาด
แล้วในจังหวะที่เขาจะฟันอยู่นั้นก็ถูกฝูงแวมไพร์จำนวนมากมาล้อมแล้วเกาะตัวของเขาเอาไว้ทั้งตัวจนขยับตัวไหนไม่ได้
" เวรแล้วไง!!! "
" เสร็จฉันล่ะ เบอเซิกเกอร์!!!! " ดาร์นิกที่เห็นช่องโหว่แล้วพุ่งโจมตีใส่ตัวของด้วยความเร็วสูง
ในจังหวะที่ดาร์นิกมือที่พุ่งทะลวงร่างของอัศวินสีขาวนั้น สถานการณ์ที่ชวนให้สิ้นหวังก็ได้มีเสียงหญิงสาวดังขึ้น
" Strike Air!!!! "
สิ้นสุดวาจาก็ได้มีสายลมแห่งราชันได้พันจนร่างของดาร์นิกกระเด็น พร้อมจังหวะที่หละหลวมชินจิไม่ปล่อยโอกาสได้ใช้กำลังของเบอเซิกเกอร์กระชากพวกแวมไพร์ แล้วหลบท่าสายลมนั้นทันทีเฉียดฉิว
จากนั้นไม่นานก็มีกระแสสายฟ้าสีฟ้าและประกายอาวุธมานาสีทองได้พุ่งโจมตีใส่ฝูงแวมไพร์ตายไปภายในพริบตาเดียว
ชินจิค่อยๆลุกพร้อมกับหอยหายใจเล็กน้อยที่ตัวเองใช้พลังมานาเร่งต่อสู้ติดต่อกัน ถึงจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่การเร่งมานาถึงระดับ A แล้วแลกหมัดกันไปมาก็สร้างภาระ การต่อสู้ไม่น้อยเลย ถึงจะยืมพลังมาใช้ แต่หากใช้โฮกุอารอนไดร์ไปด้วยล่ะก็ ไม่รู้เลยว่าจะภาระที่ได้รับจะขนาดไหน
ชินจิสำลักเลือดเล็กน้อยๆ ก่อนมีร่างหญิงสาวได้เดินมาป้องกัน
" ลุกขึ้นสิ อัศวินไร้นามเอ๋ย เจ้าจะมัวแต่นอนถึงไหนกัน " อาเธอเรียขึ้นโดยสายตาไม่ได้ปล่อยวางที่ดาร์นิก " ข้าพอจะดูสถานการณ์คร่าวๆแล้วล่ะ "
" แต่ว่านะ ขนาดเบอเซิกเกอร์ยังหืดขึ้นคอขนาดนี้ แสดงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นเลย " อิสกันดาร์ที่ขยับขบวนกระทิงศึกมาพร้อมวิเคราะห์ เพราะสัมผัสพลังมานามหาศาลเลยแวะมาดู
" มีหมาบ้าอีกตัวทำลายสวนหลังบ้านของข้างั้นเหรอ ช่างอวดดีเสียจริง " กิลกาเมช
ว่าด้วยวันที่สองนั้นเกิดมีการหายสาปสูญของผู้คนจำนวนมากในเมืองฟุยุกิ ตัวของอิสกันดาร์และมาสเตอร์อย่างเวเวอร์ได้ตรวจสอบพบว่ากลายเป็นศพที่เหยื่อของแวมไพร์แล้วพุ่งโจมตีไม่เลือกหน้า
" วันนี้อะไรพัดมาถึงให้คุณมาด้วยล่ะครับ " ชินจิค่อยๆลุกขึ้นโดยมีหน้าประหลาดใจ
" ก็ตอนแรกว่าจะตามล่าหาเบาะแสแคสเตอร์อยู่หรอก แต่ดันเจอพวกฝูงผีดูดเลือดแบบนี้มันไม่น่าใช้ฝีมือของมนุษย์และแคสเตอร์ด้วย เลยมาหาต้นตอจนมาอยู่ที่นี่ล่ะ วางใจเถอะศึกในครั้งนี้ข้ามาแบบสันติเพื่อเจรจากับมัน "
" ยังจะคิดให้มันคุยได้อีกเหรอ เจ้าพันธุ์ทาง " กิลกาเมชที่เดินลงมาว่าไรเดอร์ที่ไม่รู้จักคิด " คราวนี้ยังจะมีหมาบ้าเพิ่มมาอีกตัว เจ้าตัวตลกอธิบายสิ "
ชินจิที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ที่ราชาทั้งสามของศึกสงครามจอกครั้งที่ 4 มารวมตัวโดยไม่ใช่การมานัดวาจางานเลี้ยงราชา หรือจิลเดอเรย์ใช้โฮกุอาละวาดในเมืองฟุยุกิ
กับอาเธอเรีย และอิสกันดาร์ ยังเข้าใจได้ แต่ที่ชินจิคาดไม่ถึงเลยว่ากิลกาเมชจะออกมาปรากฏตัวด้วยเนี่ยสิ
" ถ้าให้เข้าง่ายๆเลยคือ เจ้านั้นคือเซอร์แวนต์ที่ถูกอัญเชิญสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ในโลกคู่ขนานครับ " ชินจิอธิบายสั้นๆได้ใจความให้สามราชาได้รับรู้
" วีรชนที่มาจากอีกโลกเหรอ? " อาเธอเรีย
" ครับ อดีตแลนเซอร์ ราชาจอมเสียบ วลาดที่ 3 ครับ " ชินจิ
" โห...ราชาแห่งโรมาเนียงั้นเหรอ ช่างน่าตกใจจริงๆที่มีราชาคนที่ 4 เข้าร่วมด้วยแบบนี้ " อิสกันดาร์ประหลาดใจ
" ไอ้พันธุ์ทาง แกมองยังไง สภาพแบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าราชาได้แล้ว มันก็แค่พวกที่แอบอ้างเท่านั้น แล้วมีพวกหนอนแมลงรกตาซะเยอะมาอยู่สวนหลังบ้านแบบนี้ นับว่าใจกล้ามากน่าดูเลยหนิ เจ้าหมาบ้า" กิลกาเมชหัวเสียกับอิสกันดาร์ก่อนส่งสายตาคมกริบที่ดาร์นิก
" แต่หากนับเรื่องความสามารถของมันแล้วล่ะก็น่ายกย่องไม่น้อย แต่มีไอ้พันธุ์ทางหน้าโง่ที่ไหนไม่รู้ยึดร่างได้อยู่ เพราะงั้นมันไม่น่าใช้วิญญาณวีรชนแล้ว "
โกรธเรื่องแวมไพร์บุกเมืองหรอกเหรอ? ชินจิในใจ
" วิญญาณแปลกปลอมยึดร่างราชาตนนั้นงั้นเหรอ หายากนะเนี่ย " อิสกันดาร์ประหลาดใจกับคนที่มาสิงร่างของเซอร์แวนต์แบบนี้ " แถมรูปทรงคงมีพลังมานาเยอะขนาดนี้อยู่สภาพปลดปล่อยโฮกุตลอดเวลางั้นสินะ "
" ถึงกระนั้นมันแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม แต่จุดอ่อนของมันคืออ่อนต่อแสงอาทิตย์ และดาบศักดิ์สิทธิ์น่ะครับ " ชินจิที่ได้รับการรักษาปลอกดาบอวาลอนรักษาบาดแผลพอสมควรก็ลุกขึ้นยืน
อาเธอเรียมีสีหน้าที่จริงจังขึ้นตั้งดาบเอ็กส์คาลิเบอร์ที่อยู่สถานะล่องหนอยู่ แปลว่าโฮกุของเธอเพียงพอในการปราบแวมไพร์ตนนี้ได้
" ข้าพอเข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ แต่ว่าอาเชอร์เจ้ามาทำอะไรกัน? " อาเธอเรียได้หันมามองที่กิลกาเมช
" ข้าก็แค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น แล้วเกิดสนใจเจ้านี้ขึ้นมาเท่านั้นแหละ " ในขณะที่กิลกาเมชพูดอยู่นั้นก็ฝูงแวมไพร์พุ่งเข้ามา จนเขาเกิดรำคาญขึ้นมาเปิดเกตหลานบานออกยิงใส่ฝูงแวมไพร์ตายเรียบในการโจมตีเพียงครั้งเดียวกันหลายชิ้น
" บังอาจมากเลยที่กล้าเล่นในระหว่างที่ข้าสนทนาอยู่ นับว่าแกใจกล้ามากเลยนะ ไอ้หมาบ้า!! " กิลกาเมชพูดในน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก
ชินจิรู้ได้ทันทีเลยว่า ตอนนี้กิลกาเมชเกิดฉุนขึ้นมาแล้ว
" น่าๆ เจ้าเกราะเงาวับ อุตสาห์ได้เจอราชาจอมเสียบทั้งทีก็เปิดอกคุยกันในการต่อสู้ก็ได้ เช่นนั้นแล้วข้าขอสู้ก่อนล่ะนะ " อิสกันดาร์
" นี่เจ้าจะหาเรื่องข้างั้นเหรอ ไอ้พันธุ์ทาง ไอ้หมาบ้านั้นเป็นเหยื่อของข้า ต่อให้เป็นแก ข้าคงต้องเก็บเจ้าก่อนเสียกระมั้ง " กิลกาเมชเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ
" ทำงั้นได้ไงเล่า อุตสาห์มีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อทั้งทีจะปล่อยได้ยังไงกันเล่า " อิสกันดาร์ก็อยากจะดวลตัวต่อตัวกับแวมไพร์อยู่สักครั้งเหมือนกัน
" เช่นนั้นพวกเจ้าเชิญทะเลาะกันต่อไป ส่วนข้าขอกำจัดศัตรูที่ทำให้ประชาชนกลายเป็นแวมไพร์ไม่ได้เด็ดขาด " อาเธอเรียตั้งท่าพร้อมสู้
" เฮ้ๆ อย่าแย่งกันแบบนี้เซเบอร์ เจ้านั้นมันเหยื่อของข้า " อิสกันดาร์ไม่ยอม
" ไอ้พวกที่แอบอ้างว่าราชาเชิกเช่นพวกเจ้าน่ะ ถอยไปซะ ข้าจะเป็นคนแรกเอง "
ชินจิที่ยืนอึ้งกับการโต้เถียงของราชาทั้งสามที่จะพยายามจะแย่งกันจะสู้กับดาร์นิก ไม่สิจริงๆสนใจสู้กับวลาดมากกว่า
ก็จริงอยู่ว่าหากเทียบกับการต่อกรโฮกุของจิลเดอเรย์แล้ว สถานการณ์ของดาร์นิกที่ก่อขึ้นมายังพออยู่ในสถานการณ์ดวลตัวต่อตัวได้อยู่
" " " แล้วเจ้าคิดว่ายังไงกัน เบอเซิกเกอร์/เจ้าตัวตลก ใครคู่ควรการเป็นราชาที่จะสู้กับแวมไพร์ตนนี้กัน?! " " " สามราชาเอ่ยถามพร้อมกัน
" ประเด็นอยู่ตรงนั้นเหรอครับ!! "
พวกราชาในตำนานเนี่ย บางก็ครั้งมีมุมมองชวนปวดหัวเหมือนกันชะมัดเลย แหะ ถึงอยากจะขอบคุณที่มาช่วยเขาก็เถอะ
" ก็เจ้าน่ะได้สู้กับมันพอสมควรเลย แถมมีเคลี่อนที่ได้เร็ว ฉะนั้นแล้ว ให้ไรเดอร์ที่รวดเร็วที่สุดอย่างราชาผู้พิชิตเช่นข้าจะจัดการเอง " อิสกันดาร์
" หามิได้ ราชาผู้พิชิต เจ้าแวมไพร์ตนนั้น จากที่เบอเซิกเกอร์ว่ามา มีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะปราบมันได้ เซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในคลาสทั้งเจ็ด ต้องเป็นข้าสิ " อาเธอเรีย
" พวกพันธุ์ทางน่ะหลีกไปซะ อย่าให้ข้าพูดซ้ำซากจะได้มั้ย ข้าเนี่ยจะจัดการมันเอง " กิลกาเมช
ทั้งสามราชาจ้องเขม็งกันโดยระหว่างที่ฝูงแวมไพร์ชุดใหม่มาก็พุ่งโจมตีใส่พวกเขา
อาเธอเรียใช้Strike Air เป่าพวกมันกระเด็นขาดเป็นชิ้นๆ
อิสกันดาร์ใช้ดาบของตัวเองแล้วเรียกสายฟ้าโจมตีใส่เหล่าแวมไพร์ให้ขาดสองท่อน
แล้วกิลกาเมชยืนอยู่เฉยๆแล้วยิงโฮกุใส่พวกแวมไพร์จนไม่เหลือแม้แต่ซาก
" " " เอา! ว่าไงล่ะ เบอเซิกเกอร์/เจ้าตัวตลก? " " "
เฮ้อ.....อยากจะบ้าตาย ราชาทั้งสามมาหาเรื่องเหยื่อเนี่ยนะ บางทีราชาในอดีตก็มีศักดิ์ศรีแบบแปลกๆเหมือนกันนะ
แต่อย่าเอาคนธรรมดาอย่างเขามาช่วยตัดสินให้สิโว้ย!!!!!
___________
สำหรับสัปดาห์นี้พอล่ะ!!!! ตอนหน้าเป็นตอนจบคืนที่ 3 เจอปืนสัปดาห์หน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น