คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : คืนที่ 3 เหตุผล
คิเรย์ที่มาเยือนหลังปราสาทไอน์เบิร์นก็ถูกการต้อนรับของไมยะโดยใช้เวทมนต์ลวงตาให้เขาสับสน แล้วถูกโต้กลับได้อย่างง่ายดาย ด้วยทักษะและประสบการณ์ที่เหนือกว่า
คิเรย์เป็นถึงนักปราบของศาสนจักรที่ไว้รับพวกจอมเวมนอกรีตโดยเฉพาะ ออกรบสู้มานับไม่ถ้วนไม่แพ้คิริสึงุเลยแม้แต่น้อย
พอจัดการไมยะได้อยู่หมัด คิเรย์ได้หันมามองคนที่มาเยือน นั่นคือไอริฟฟิลนั่นเอง
" มะ มาดาม อย่านะคะ " ไมยะที่บาดเจ็บสาหัสเอ่ยห้าม
" เธอน่ะ ออกจะเหนือความคาดหมายไปหน่อย ฉันไม่ได้มีเป้าหมายในการกำจัดเธอ " คิเรย์ประหลาดใจที่ตัวของไอริสฟิลโผล่มาตรงหน้า รู้ทั้งรู้ว่าสู้กับเขาไปก็ไม่มีทางชนะ
" เข้าใจอยู่แล้วล่ะ โคโตมิเนะ คิเรย์ ฉันรู้จุดประสงค์ของคุณดี แต่มันไม่มีทางไปถึงเอมิยะ คิริสึงุ พวกเราจะหยุดคุณเอง ที่นี่ล่ะ " ไอริสฟิล
" มาดาม ชายคนนี้เป็นนักฆ่าสังหารจอมเวทของศาสนจักรนะคะ จอมเวทธรรมดาไม่มีทางชนะเขาได้หรอกค่ะ! " ไมยะ
" สิ่งที่คิรึสึงุสอนฉันน่ะ มันไม่ได้มีเพียงการขับรถอย่างเดียวนะ ทั้งการใช้ชีวิตและก็การมีชีวิตรอด Shape lst leben! (บทกวีแห่งนางฟ้า)" ไอริสฟิลพูดจบร่ายเวทโดยใช้เส้นผมของตัวเองกลายเป็นอสูรรับใช้รูปแบบนกอินทรีก้อนมานา แล้วพุ่งโจมตีใส่คิเรย์
พอคิเรย์ได้ชกใส่มัน อสูรรับใช้ได้แปรสภาพของตัวให้กลายเป็นเส้นดายเวทมนต์ไว้สำหรับตึงมัดแขนไว้แน่น
คิเรย์พอรู้ว่าต้องทำยังไงก็พุ่งตัวเพื่อที่จะจัดการตัวของไอริฟิล
" มาดาม! " ไมยะ
" ยังอ่อนน่า! " ไอริสฟิลบังคับเส้นดายเวทมนต์ให้ไปผูกกับต้นไม้
แต่ไอริสฟิลคิดตื้นไป เพราะคนระดับอย่างคิเรย์ไม่สิ้นท่าแค่นั้นเจ้าตัวอัดพลังมานาลงไปที่ผ่ามือลงที่ต้นไม้ให้หักโค่นลง มันทำให้เขาหลุดติดกับต้นไม้ได้ และแกะเชือกด้ายเวทออกมาอย่างง่ายดาย
" โกหกน่า..." ไอริสฟิลถึงกับอึ้งไป
คิเรย์ไม่สนใจไอริสฟิล เดินไปเล่นงานตัวของไมยะเพื่อซ้ำเติมจนช่ำจนปานตาย แล้วบีบคอไอริสฟิลแล้วเค้นถามเหตุผลที่ทั้งสองคนที่มาหยุดเขาเอาไว้ รู้ทั้งรู้ว่าเอาชนะไม่ได้แล้วจะทำไปทำไม
" ถ้ายังไงสนใจมาสู้กับคนเท่าๆกันมั้ยล่ะ? " จู่ๆเสียงหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระสุนปืน
คิเรย์ที่รู้ตัวก็รีบใช้แบล็กคีย์มาปัดป้องกันแต่ใบดาบถูกตัดไปได้อย่างง่ายดาย
เผยให้เห็นร่างหญิงสาวผมสั้นสีเงินนัยน์ตาสีน้ำเงินเสื้อคลุมสีดำ เสื้อลำลองสีขาวที่เผยสัดส่วนหน้าท้องใส่กางเกงสแล็คสีดำที่ถือปืนสีเงินอยู่
_______________
ทางหน้าของปราสาท
" ถึงจะรู้โฮกุของเจ้านั่นอยู่แล้วก็เถอะ แต่แบบนี้ขยับไปหาเจ้านั่นไม่ได้กันพอดี " เดียร์มุดเอ่ยขึ้นหลังจากสู้ฝูงปีศาจปลาหมึกแล้วไม่จบไม่สิ้นเสียที
ถึงไม่อยากรับ แต่กลยุทธิ์ที่รับมือกับเขาและอาเธอเรียได้ขนาดนี้ ได้มาจากทักษะในการสู้สนามรบตอนเป็นอัศวิน
" แต่ว่าถ้าคิดจะเข้าไปแย่งชิงหนังสือจากเจ้าบ้านั่นละก็ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องฝ่ากำแพงสัตว์ประหลาดพวกนี้ก่อน " เดียร์มุด
" แลนเซอร์...เจ้าอยากจะเดิมพันกันหน่อยไหม? " อาเธอเรีย
" ข้าเองก็เริ่มจะหมดความอดทนแล้วล่ะ สู้กับพวกปลาซิลพวกนี้ไปก็ไม่ได้อะไรเลย ย่อมได้ ลองว่ามาสิเซเบอร์ " เดียร์มุดเริ่มทนไม่ไหวสู้กับฝูงปีศาจนี้แล้วล่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมเบิอเซิกเกอร์ถึงไม่อยากจะสู้กับแคสเตอร์นี่นัก
เพราะยิ่งสู้นานเกินไป ตัวเองจะยิ่งเสียเปรียบนั่นเอง
" ข้าจะเปิดทางให้เอง แต่ว่ามันมีโอกาสเพียงครั้งเดียว " อาเธอเรียพูดจบก่อนหันทางจิลเดอเรย์ " แลนเซอร์ เจ้าเหยียบสายลมได้หรือไม่? "
" ยังงี้นี่เอง ไม่ใช่ปัญหา "
" สวดภาวนากันเสร็จแล้วงั้นเหรอขอรับ เอาล่ะ หวาดกันเข้าไป จงสิ้นหวังกันเข้าไป แค่พลังรบอย่าง มันเอาชนะขีดจำกัดในเรื่องจำนวนไม่ได้หรอก " จิลเดอเรย์ยิ้มอย่างภูมิใจกับกลยุทธิ์ของตัวเอง
" หึๆๆ อับอายใช่มั้ยขอรับ ที่ต้องมาถูกเจ้าพวกสัตว์ประหลาดที่ไม่มีเกียรติและชื่อพวกนี้มาเหยียบย่ำจนตาย สำหรับวีรชนคงไม่มีอะไรที่น่าอัปยศไปมากกว่านี้แล้ว ใบหน้าที่งดงามนั่น มันจะบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดเดี๋ยวนี้แหละ โจน!!! "
พูดจบฝูงปีศาจปลาหมึกก็พุ่งไปหาอาเธอเรีย
" Strike Air!!! " พูดจบอาเธอเรียใช้ราชาแห่งสายลมโจมตีไปทางข้างหน้าจนฝูงปีศาจนั้นถูกโจมตีแล้วสลายไปในที่สุด
เดียร์มุดก็ไม่ปล่อยจังหวะนี้ไปแล้ววิ่งเข้าไปในสายลมที่อาเธอเรีย
" เตรียมตัวซะ พ่อมดนอกรีต! " เดียร์มุดพุ่งทะยานโจมตีโดยใช้หอกสีแดง " จงทะลวงเข้าไป เกเดียร์ก!!! "
คมหอกสีแดงได้โจมตีโดนสั่งหนังสือต้องสาปจนเกิดความเสีย จนมันไม่อาจสามารถควบคุมฝูงปีศาจได้
" หนอยแกๆๆๆๆๆๆๆๆ!!! " จิลเดอเรย์โกรธยิ่งกว่าเดิม
" เป็นไงบ้างล่ะ? ถ้าแขนซ้ายของนางกลับมาเหมือนเดิมละก็ ผลมันก็ออกมาแบบนี้นั่นแหละนะ " เดียร์มุด
" เตรียมใจเอาไว้ซะ เจ้านอกรีต " อาเธอเรีย
จิลเดอเรย์ที่เห็นท่าไม่ดีเลยเร่งมานาลงที่หนังสือต้องสาป ใช้เลือดที่จากการสลายอัญเชิญปีศาจให้เป็นประโยชน์จนหนีไปไหน
" มีอะไรงั้นเหรอ แลนเซอร์? " อาเธอเรียทำหน้าไม่พอใจที่จิลเดอเรย์หนีไปได้ แต่เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเดียร์มุดไม่ค่อยจะดีนัก
" นายเหนือหัวของข้ากำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ " เดียร์มุดเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจออกมา
" เอ๋? "
" ดูเหมือนว่า ทิ้งจะข้าแล้วไปบุกปราสาทเพียงลำพัง "
" คงเป็นฝีมือมาสเตอร์ของข้าแน่นอน "
พอเดียร์มุดได้ยินถึงรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี
" แลนเซอร์ เจ้าไปเถอะ ไปช่วยนายของเจ้าเสียเถอะ " อาเธอเรียพอเข้าใจสถานการณ์ของเดียร์มุดดีจึงปล่อยไป แทนที่จะสู้กันต่อที่ยังค้างคาอยู่
" ราชาอัศวิน ช่างน่าซาบซึ้งจริงๆ "
" ไปเถอะ พวกเราได้สาบานเอาไว้ว่าต้องมาตัดสินในฐานะอัศวิน ให้ภาคภูมิและสมเกียรติกับพวกเรา "
เดียร์มุดพยักหน้าก่อนหายตัวไปเป็นก้อนมานามุ่งหน้าไปยังปราสาท
ตัวของเขาได้รับคำเตือนของเบอเซิกเกอร์มาว่า คิริสึงุเป็นคนไร้ขีดจำกัดล่างที่ไม่เลือกวิธีการ พร้อมที่จะฆ่าเคย์เนธได้ทุกเมื่อต่อให้เขาได้แพ้เซเบอร์ก็ตาม
ชินจิได้ยื่นเงื่อนไขที่ตัวเองให้กับเดียร์มุด จะไม่ไปยุ่งกับเขาและเคย์เนธ โดยแลกกับให้เดียร์มุดทำการขโมยปืนของคิริสึงุที่เป็นปืนปากกระบอกที่เป็นบรรจุกระสุนนักเดียว และกระสุนต้นกำเนิดสีเงินหนึ่งนัดมา
แล้วหากเคย์เนธเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะช่วยเท่าที่จะช่วยได้โดยไม่คิดเล่นไม่ซื่ออย่างลอบฆ่า
เดียร์มุดที่เจอเบอเซิกเกอร์ที่ท่าเรือ ก็พอเข้าใจบุคลิกนิสัยของชินจิได้คร่าวๆอยู่ จึงยอมลองเชื่อใจดูในฐานะพันธมิตรชั่วคราว
ส่วนอาเธอเรียที่มีสีหน้าไม่พอใจพอๆกับเดียร์มุด ที่คิรืสึงุได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า เคย์เนธจะบุกเข้าในปราสาทและชิงจะสังหารมาสเตอร์ของแลนเซอร์ทิ้ง โดยไม่สนความเห็นของเธอเลย
เธอเก็บความไม่พอใจเอาไว้ในใจก่อนรีบมุ่งหน้าไปสมทบกับกลุ่มไอริสฟิลที่หนีไปจากปราสาทด้านหลัง
________
ด้านหลังของปราสาท
" ใบหน้าแบบนั้น...นาตาเลีย คามินสกี้ งั้นเหรอ เธอคือมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์งั้นเหรอ? " คิเรย์ที่หันมาสนใจคนตรงหน้าโดยเมินไอริสแล้วโยนทิ้งข้างๆไมยะ
" ก็ประมาณนั้น " ชินจิที่เปลี่ยนร่างเป็นนาตาเลียมาตั้งแต่ก่อนจะบุกฐานปราสาทไอน์เบิร์นแล้ว แล้วเผยตราบัญชาให้อีกฝ่ายเห็น
" แต่คงไม่ใช่ตัวจริงสินะ ตามประวัติเธอได้เสียชีวิตโดยน้ำมือของเอมิยะ คิริสึงุในภารกิจนึงที่เครื่องบินโดยสาร " คิเรย์ไม่หลงกลง่ายๆ แล้วจับสัมผัสกลิ่นอายเซอร์แวนต์มาจากร่างหญิงสาว อาจเป็นเบอเซิกเกอร์ก็ได้
ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็เสี่ยงเกินไปที่จะปะทะกัน เพราะพละกำลังของจอมเวทปัจจุบันไม่มีทางที่จะสู้กับวีรชนได้เลย
ชินจิแสยะยิ้มออกมาก่อน ได้รับการติดต่อของเดียร์มุดที่ใช้โทรจิต ที่เป็นหนึ่งในความสามารถของเซอร์แวนต์ที่คุยเซอร์แวนต์ด้วยกันได้ แต่มันกรณีที่ใช้ได้เฉพาะตอนเป็นพันธมิตร
' เบอเซิกเกอร์ ต้องขอประทานโทษด้วย ข้ากับนายเหนือหัวจะต้องถอนตัวจากศึกก่อน '
' พลาดท่าให้สินะ เข้าใจล่ะ ไปนัดเจอรวมตัวที่วัดริวโดบนภูเขาเอนโซ เป็นสถานที่ที่ชั้นยึดครองมาได้ หลังสู้เสร็จชั้นจะดูอาการให้ '
' เจ้ารักษาได้เหรอ? '
' พอได้ จะทำหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนายจะเอามั้ย '
เดียร์มุดที่ได้ยินระหว่างที่ถอนตัวออกจากป่าก็เงียบไปครู่นึง
' เข้าใจล่ะ ข้าวางใจเจ้า เจ้าต้องรอดให้ได้ล่ะ เบอเซิกเกอร์ และอย่าได้ริอาจแย่งเซเบอร์ไปจากข้าล่ะ '
' ครับๆ อ้อ ก่อนพานายของเข้าวัด ช่วยตรวจสอบภายในให้ที เพราะชั้นไม่ได้อยู่มาหนึ่งวัน อาจมีใครวางกลไกลกับดักอยู่ด้วย '
' เข้าใจแล้ว '
" ดูเหมือนว่าแลนเซอร์และแคสเตอร์ถอนตัวไปแล้วล่ะ ว่าไงอยากจะสู้กันมั้ยล่ะ จะส่งแอสซาสซินที่ซ่อนตัวมาสู้ก็ได้นะ ถ้ามีพลังพอให้โค่นชั้นได้ล่ะนะ " ชินจิที่รับรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ว่า เคย์เนธเสียท่าให้กับคิริสึงุตามต้นฉบับ จะต่างตรงที่ว่าคิริสึงุได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วยนั่นเอง
แต่อย่างน้อยๆก็น่าจะทำให้คิริสึงุบาดเจ็บได้บ้างล่ะนะ
คิเรย์มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปจริงจัง ฮัสซันร้อยหน้า มีดีเพียงด้านจำนวนและลอบสังหาร ถึงจะได้เปรียบเรื่องจำนวนแต่ด้านกำลังประสิทธิภาพของเบอเซิกเกอร์ที่ไม่รู้แน่ชัด สู้ยังไงก็ต้องแพ้แน่ๆ
แล้วเรื่องตราบัญชาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียด้วย เพราะไม่มีใครสามารถปลอมตราบัญชาได้ ดูท่าสิ่งที่เจ้าตัวได้ประกาศไปในศึกท่าเรือจะเป็นเรื่องจริง แบบนั้นตัวของเบอเซิกเกอร์ที่แอบอ้างว่าตัวเองเป็น นาตาเลีย คามินสกี้ก็ยิ่งเป็นศัตรูที่อันตรายกว่าคิริสึงุโดยไม่ต้องสงสัยเลย
แถมได้จากการติดต่อของหัวหน้ากลุ่มฮัสซัน เซเบอร์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วย แล้วมีบางอย่างกำลังเข้ามายังปราสาทด้านหลังด้วย อยู่ต่อไปรั้งแต่ให้เสียเปรียบ
" ทำไมถึงมาช่วยกลุ่มเซเบอร์กัน เบอเซิกเกอร์? " คิเรย์ถามอดสงสัยไม่ได้" ถ้าจำไม่ผิดแกน่าจะเป็นพันธมิตรกับแลนเซอร์ไม่ใช่เหรอ? "
" ในศึกคืนนี้ชั้นแค่มาดูลาดเล้าเท่านั้นไม่ได้คิดจะยุ่งกับศึกของใคร แต่ที่ทำไปเพราะต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่อีก เอาเป็นว่าที่มานี่แค่ต้องการจะชดใช้หนี้ที่ขโมยของเขามาเท่านั้น "
" นี่แกท่าจะเสียสติงั้นสินะ "
" คนที่ไม่มีกระทั้งเป้าหมายในชีวิตที่เป็นเพียงตุ๊กตาฟังคำสั่งคนอื่นอย่างนายก็พูดได้เนอะ " ชินจิรู้ประวัติของคิเรย์ดี
คิเรย์ในตอนนี้ก็คือที่เหมือนไม่มีเป้าหมายในชีวิต หลังจากที่ภรรยาของเขาได้ตายลงไป จิตใจของเขาก็ค่อนข้างที่ว่างเปล่าอย่างมาก เขานั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นมีความปรารถนาสิ่งใดกัน ทำตามคำสั่งของศาสนจักร ง่ายๆคือเป็นช่วงที่ค้นหาตัวเองแล้วถูกกิลกาเมชปั่นหัวจนรู้แก่นแท้ของตัวเองเป็นคนยังไง
" หึ คำพูดของแกมันน่าเชื่อถือแค่ไหนกัน ไม่ใช่ว่ามีเป้าหมายเอาจอกศักดิ์สิทธิ์หรอกเหรอ? " คิเรย์
" อืมก็จริงอยู่ว่าโฮมุนครุสสาวที่ไอน์เบิร์นสร้างขึ้นมาทำออกมาสวยมาก มีใครที่ไม่มีหลงบ้าง ขนาดนักฆ่าคนนั้นยังตกหลุมรักเลย " ชินจิเอ่ยขึ้นมาก่อนนึกขึ้นได้เผลอพูดสิ่งที่คิดในใจอย่างลืมตัว
" เบอเซิกเกอร์ ถึงจะขอบคุณก็เถอะ แต่ว่าฉันแต่งงานแล้วนะ " ไอริสฟิลค่อยๆลุกขึ้นแม้จะดีใจที่อีกฝ่ายชมเธอ แต่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายที่ปลอมเป็นผู้หญิงก็ตาม
" เดี๋ยวๆ ชั้นไม่ได้ถึงสื่อในแบบนั้นสักหน่อย แค่ประทับใจที่มนุษย์เทียมที่มีจิตใจเหมือนมนุษย์ถือว่าหายากเลยนะ ให้ตายลงโดยพึ่งเบิกตาโลกไม่นานก็ใจร้ายไปหน่อยล่ะนะ ถึงมาสเตอร์คนก่อนและเซอร์แวนต์ที่ถูกอัญเชิญมาจะชอบผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วก็เถอะ "
" มาดาม อันตราย รีบหนีไปเถอะค่ะ!! " ไมยะที่นอนอยู่บนพื้นสภาพแทบจะลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว คิเรย์เล่นงานเธอจนเกือบจะตาย ซึ่งคำอันตรายของเธอนั้น มันคืออันตรายในหลายๆความหมายเลยแหละ
" ช่างเป็นเซอร์แวนต์ที่ต่ำช้าเสียจริง คนที่หาความสุขจากการล่วงประเวณีน่ะมีแต่ตกนรกมอดไหม้เท่านั้น " คิเรย์ด่าเข้าให้ทีหนึ่ง
ไหง เข้าใจแบบนั้นไปได้ฟะ ดูท่าเขาจะติดอิทธิพลของสองคนนั้นมาเยอะจนไม่รู้ตัวเลยแหะ
" หนวกหูน่า ชั้นไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์เฟ้ย! " ชินจิไม่สะท้านกับคำด่าท้อ
" อีกอย่างชั้นไม่ได้มีรสนิยมผู้หญิงที่เจ้าของสักหน่อย!! "
ความคิดเห็น