ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คืนที่ 3 ป่าปีศาจ
อาเธอเรียที่รีบมุ่งหน้ามายังที่เกิดเหตุเพื่อที่จะสังหารตัวของจิลเดอเรย์โดยเฉพาะ
แล้วพอมาถึงเธอก็โดนทันทีโดยจิลเดอเรย์ฝังปรสิตในเหยื่อเด็กให้อาเธอเรียหละหลวมในการต่อสู้ชั่วขณะ แต่มันมากเพียงพอให้จิลทำอะไรอีกเยอะใช้ฝูงปีศาจปลาหมึก
ในขณะที่ตัวของเธอกำลังเสียเปรียงอยู่นั้นเอง ก็ได้มีหอกคู่แดงทองมาทำลายปีศาจปลาหมึกที่มาพันรอบตัวของอาเธอเรียสละหายไปหมดในการโจมตีครั้งเดียว
" ดูไม่ได้เลยนะ เซเบอร์ ถ้าไม่แสดงฝีมือดาบอันน่าหลงใหลก็เสียชื่อราชาอัศวินหมดน่ะสิ " เดียร์มุดที่โผล่มาช่วยอาเธอเรียแล้วเก็บหอกของตัวเองขึ้นมาขยิบตาทักทาย
" นี่เจ้าเป็นใครกัน ใครอนุญาตให้มาขัดขวางข้ากัน! " จิลเดอเรย์
" นั่นมันคำพูดของทางนี้ต่างหากเล่าเจ้านอกรีต " เดียร์มุดทำหน้าไม่พอใจที่จิลมาแย่งเหยื่อของเขา " ชีวิตของเซเบอร์น่ะดับชีพด้วยหอกของข้า "
" อ้าก!!! คำอธิฐานของกระผมจากจอกศักดิ์สิทธิ์ของข้าคืเรียกหญิงนางนั่นขึ้นมา มันเป็นของชองกระผม เลือดทุกส่วนทุกหยด กระทั้งดวงวิญญาณของนางทั้งหมดล้วนเป็นของกระผม!!! "
" เฮ้ๆ แคสเตอร์ ข้าก็ไม่ได้สนใจชีวิตรักของเจ้านักหรอกนะ ถ้าหากว่าจะคิดผิดเป็นถูกแล้วล่ะก็ด้วยการสยบเซเบอร์แล้วชิงตัวไปแล้วล่ะก็ ลองทำดูสิ แต่ว่า..." เดียร์มุดที่ประหลาดใจที่จิลนั้นสนใจอาเธอเรียเป็นพิเศษ ตัวเองเคยเจอประสบการณ์แบบนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่ " ข้าไม่ยอมให้เจ้าจัดการเซเบอร์ เดียร์มุดผู้นี้ทำให้นางบาดเจ็บแขนซ้ายอยู่ได้เป็นอันขาด! "
" หน่อยแก~~!! "
" แลนเซอร์ "
" โอ้ อย่าเข้าใจผิดไป เซเบอร์ " เดียร์มุดเหลือบสบตาที่อาเธอเรีย " วันนี้ คำสั่งของข้าที่ได้รับมอบหมายเลยก็คือกำจัดแคสเตอร์เท่านั้น ดังนั้นแล้วถ้าอยากจะให้ตัดสินกันการดวลของเรา ก็ไว้จัดการแคสเตอร์ได้ลงซะก่อน ก่อนถึงตอนนั้นมาสะสางกันต่อ "
อาเธอเรียเผยรอยยิ้มพยักหน้าเบาๆก่อนหันมายืนเคียงข้างเดียร์มุด
" ขอบอกไว้ก่อนนะแลนเซอร์ ถ้าจะฆ่าล่ะก็แขนขวาข้างเดียวก็เพียงพอได้เป็น 100 แล้ว " อาเธอเรียยิ้มออกอย่างภูมิใจโดยไม่สั่นคลอง
" หึ แค่นั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก ข้าพอรู้ข้อมูลของศัตรูมาบ้าง ตราบใดที่กำจัดหนังสือนั้นไม่ได้ ก็ฆ่าพวกนี้ไม่มีวันหมดสินะ "
" ถูกต้อง แลนเซอร์ เจ้ารู้จักแคสเตอร์ตนนั้นด้วยเหรอ? " อาเธอเรียยืนยันโฮกุของอีกฝ่ายก่อนประหลาดใจที่เดียร์มุดรู้ข้อมูลของแคสเตอร์
" อะไรกัน มันนั่นเป็นข้อมูลที่เบอเซิกเกอร์ปะทะเจ้านี้มาก่อนเท่านั้นแหละ "
" เบอเซิกเกอร์...นี่เค้าเข้าร่วมศึกด้วยเหรอ " อาเธอเรียมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
" หึ ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาไม่ได้สนใจจัดการแคสเตอร์เท่าไหร่ แค่ไม่อยากเป็นตัวขัดขวางการต่อสู้ข้ากับเจ้าล่ะนะ เลยไปโจมตีทางอื่นแทน "
" งั้นเหรอ..." อาเธอเรียพอรับรู้อยู่ว่าเบอเซิกเกอร์ไม่ใช่คนที่จะเล่นงานคนที่อ่อนแอจนตายไม่รู้ว่ามีแผนอะไร แต่เลือกโฟกัสสิ่งที่เจอตรงหน้าก่อน " เจ้าพอรู้อะไรกับแคสเตอร์อีกบ้าง "
" เห็นว่าเคยเป็นอัศวินแห่งออร์เลอ๊องมาก่อน เป็นอัศวินที่ไปวิถีนอกรีตหลังจากการสูญเสียเพื่อนรักของมันไป เลยหมดต่อการศรัทธาพระเจ้าน่ะ "
" ฆาตกรแห่งซาตาน ยังงี่นี้เองถึงว่าทำไมถึงพล่ามแต่โจนออฟอาร์คอยู่เรื่อย " อาเธอเรียพอเข้าใจ ถึงไม่รู้ชื่อเสียงของจิลมากนัก แต่ข้อมูลของเหล่าวีรชนในอดีตเลยพอรู้ชื่อเสียงที่ไม่ได้อยู่ในยุคของเธอก็ตาม
แต่การที่จิลมาเน้นที่โจมตีใส่เธอก็น่าเพราะว่าหน้าของเธอไปคล้ายกับเพื่อนรักของมันนั่นเอง
ถึงกระนั้นการกระทำของจิลเดอเรย์มันยากที่จะให้อภัยได้ ไม่ว่ายังไง ด้วยนามของอัศวิน เธอจะต้องฆ่าแคสเตอร์ให้ได้
________
ณ ปราสาทฐานของไอน์เบิร์น
" Fervor mei sanguis ( ต้มเลือดของข้า ) " สิ้นสุดประโยคก็มีหยดน้ำสีเหล็กได้ทำการถล่มประตูหน้าบ้าน
เผยร่างชายหนุ่มผมสั้นสีบลอนในชุดจอมเวทสีน้ำเงิน
" หัวหน้าตระกูลอาร์ชิโบลด์รุ่นที่ 9 เคย์เนธ เอล เมลลอยได้มาเยือนแล้ว จอมเวทแห่งไอน์เบิร์น จงดวลกับข้าด้วยชีวืตและเกียรติยศเพื่อจอกศักดิ์สิทธิ์ " เคย์เนธได้มาเยือน พบว่าไม่มีใครอยู่แล้วกวาดสายตาโดยรอบในปราสาทแล้วเห็นกล่องวงจรปิดก็เผยรอยยิ้มแล้วเดินมาโดยไม่กลัวอะไรแล้วโดนเชือกขาดทำให้กลไกกับดักทำงาน
ลูกกระสุนตะกัวกระหน่ำใส่ตัวของเขา แต่ใช้หยดเหล็กมาป้องกันเอาไว้รอบทุกทิศ จากนั้นก็เผยร่างของเขาออกมา
" พึ่งพากับดักกลไลเหรอ อย่างที่ได้ข้อมูลมาเลย ไอน์เบิร์น ไม่สิ อันนี้คงเป็นฝีมือนักฆ่าจอมเวทงั้นสินะ " เคย์เนธที่รับรู้มาจากชินจิว่า โฮมุนครุสสาวของไอน์เบิร์นไม่ได้เป็นจอมเวทที่เก่งกาจอะไร แต่กับนักฆ่าจอมเวทที่ใช้ทุกวิธีในการสังหารคน
ตอนอยู่หอนาฬิกาเขาก็พอได้ยินชื่อเสียงของคิริสึงุมาบ้าง แล้วบวกกับเหตุการณ์เมื่อวานที่เล่นระเบิดทั้งตึก แล้วตอนนี้ที่เจอกับดัก รู้ได้ชัดเลยว่า มันเหยียดหยามการต่อสู้ของจอมเวทมากขนาดไหน
" ไร้ขีดจำกัดล่างอย่างที่ได้ยินข่าวลือเลยมาเลยงั้นสินะ ย่อมได้ หากแกจะเล่นไม้นี้ก็ไม่มีเหตุผลต้องอ้อมมือแล้วล่ะ " เคย์เนธตั้งเป้าหมายจะที่จะฆ่าคิริสึงุเป็นคนแรกในสงครามแล้ว
คิริสึงุที่มองกล่องวงจนปิดแล้วปิดโน๊ตบุ๊กไป แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายไปรู้ข้อมูลของเขามาจากไหนกัน ทั้งๆที่อีกฝ่ายดูไม่ใช่คนที่จะสืบข้อมูลมาสเตอร์คนอื่นนักนอกจาก ตระกูลโทซากะ และมาสเตอร์ของไรเดอร์
หรือว่าจะเป็นมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์?
คิริสึงุที่จะไปที่ประตูพบว่า มีหยดเหล็กลอดเข้ามาในรูกุญแจ
ค้นหาอัตโนมัติงั้นเหรอ?
ทันทีที่คิริสึงุคิดเสร็จก็ได้หันหลังพร้อมกับเสียงทำลายด้วยของมีคมจากข้างล่าง พบว่าโต๊ะได้หายไปบนช่องรูวงกลมขนาดใหญ่ที่สวยงามจากนั้นก็เผยลูกหยดเหล็กขนาดใหญ่ยกตัวร่างของเคย์เนธขึ้นมา
" เจอตัวจนได้ เจ้าหนูโสโครก "
ทันทีที่เคย์เนธเผยตัวคิริสึงใช้ปืนCalico M950 กระหน่ำยิงใส่ไม่รีรอ แต่ถูกป้องกันได้หมด
" ลูกไม้เด็กๆ " เคย์เนธสั่งการหยดเหล็กพุ่งโจมตีใส่คิริสึงุทันทีหลังจากหยุดการโจมตีลง
Time Alter : Double Accel ( แปรผันเวลา : เร่งความเร็วเท่าตัว )
คิริสึงุใช้เวทเร่งเวลากับตัวเองเคลื่อนที่หลบหนีด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะถูกหยดเหล็กโจมตีใส่ได้ทัน
" โห...สร้างอาณาเจตในร่างกายของตัวเองแล้วเร่งความเร็วด้วยการจัดการกับเวลาอย่างนั้นเหรอ " เคย์เนธแอบประทับใจ ที่อย่างน้อยๆมาสเตอร์ของเซเบอร์ก็ไม่ได้เป็นนักฆ่าเวทที่มีดีเพียงใช้อาวุธปืนอย่างเดียว " ดูเหมือนว่าจะใช้เวทมนต์เป็นอยู่บ้างหนิ แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะเห็นว่าเป็นพวกขี้ขลาด เดี๋ยวจะสอนให้วันตายเลยล่ะ "
พูดจบเคย์เนธทิ้งตัวลงมา
" Ire Sanctio ( ติดตามและสังหาร) " พูดจบก็ให้หยดเหล็กตามหาคิริสึงุ
" การควบคุมเวลาในร่างกาย คงจะสร้างภาระให้ไม่น้อยเลย ยิ่งเป็นนักฆ่าด้วยคงรับมือสถานการณ์นี้ได้อย่างดีเลยล่ะสิ " เคย์เนธกอดอกรอให้หยดเหล็กค้นหาจนเจอ " เจอตัวแล้ว ดูสิว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น หึๆๆ "
คิริสึงุรีบวิ่งหนีหลังจากTimeAlterรีบซ่อนตัวระหว่างทางเดินแยก
แล้วรู้ด้วยอีกฝ่ายสามารถค้นหาเขาได้จากวัดอุณหภูมิ
Time Alter : Triple Accel ( แปรผันเวลา : เร่งความเร่งสามเท่า )
เจ้าตัวเวทเร่งในภายในร่างกายให้มีอุณหภูมิเย็นลงฉับพลันให้หัวใจหยุดเต้นไปทั่วขณะไม่ให้หยดเหล็กตรวจสอบเจอนั่นเอง เพราะมันค้นหาด้วยอุณหภูมิร่างกาย ไม่มีตา ขอแค่หัวใจเต้นเพียง 1 ใน 3 ชั่วคราวก็จับเขาไม่ได้แล้ว
ตุ้ม!!!! หยดเหล็กทำลายทั้งสองฝั่งทางเดิน จนคิริสึงุถึงคลายเวทมนต์ของตัวเองทันที
จากนั้นไม่นานก็เคย์เนธเดินมาหา
" เข้าใจคิดนะ ใช้เวทเร่งเวลากับตัวเองให้หัวใจเต้นช้าลงเหลือเพียง 1 ใน 3 งั้นเหรอ คนปกติไม่มีทางทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะงั้นเลยค้นหาไม่เจอ แต่ว่าหากอยู่รู้นิสัยของหนูโสโครกที่ชอบลอบกัดไม่ให้ตั้งตัวล่ะก็ น่าจะซ่อนอยู่แทนที่จะหนีต่อ " เคย์เนธเอ่ยขึ้น
คิริสึงุทำหน้าเจ็บใจขึ้นมา ดูแล้วเคย์เนธจะได้ข้อมูลของเขามาดีเกินไปเลย
พอยิ่งรู้แบบนี้แล้วยิ่งอยากจะกำจัดมาสเตอร์เบอเซิกเกอร์มากกว่าเดิม ก่อนที่จะเป็นภัยต่อเขาไปมากกว่านี้
_____
อีกด้าน ด้านหลังของปราสาทที่อยู่ทิศทางตรงข้ามทางที่อาเธอเรียมุ่งหน้าโจมตีแคสเตอร์อยู่
ไอริสฟิลที่สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมาทางนี้ โดยสัมผัสถึงสองจุดด้วยกัน คนนึงก็คือโคโตมิเนะ คิเรย์มาสเตอร์ของแอสซาสซิน และอีกจุดที่ห่างไปไป 700 เมตรมีเซอร์แวนต์อยู่
ปกติแอสซาสซินจะลบกลิ่นอายของตัวเองได้ ฉะนั้นน่าจะไม่ใช่แอสซาซิน
ถ้างั้นความเป็นไปได้อีกอย่างเลยคือ
เบอเซิกเกอร์
ไอริสฟิลคิดว่าทั้งสองคนหนีไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ ตอนนี้คิริสึงุกำลังปะทะกับเคย์เนธอยู่ ฝืนให้คิเรย์โจมตีใส่ตอนนี้ก็มีแต่จะเสียเปรียบกว่าเดิม
ไมยะที่เห็นว่าคิริสึงุสำคัญกว่าคำสั่งของเจ้าตัวที่ให้พาเธอหนีไป แต่หากให้ไปเผชิญกับคิเรย์ตอนนี้คิริสึงุอาจเสียท่าได้เลย แถมยังมีเซอร์แวนต์อยู่แถวนี้แทนที่จะไปสู้ทางด้านหน้าที่มีแคสเตอร์ แลนเซอร์ และเซเบอร์ก็น่าสงสัยเหมือนกัน
พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะต้านตัวของคิเรย์ไว้ที่นี่จนกว่าคิริสึงุจะสู้กับเคย์เนธเสร็จเท่านั้น
______
อีกด้านฝั่งทางด้านชินจิ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของปราสาทใช้กล่องส่องทางไกลแล้วเสริมด้วยเวทเสริมการมองเห็นให้ไกลขึ้นกว่าเดิมมองเห็น คิเรย์ที่กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปยังด้านหลังปราสาทตามต้นฉบับเพื่อจะไปสู้กับคิริสึงุ แต่คงถูกไอริสฟิลกับไมยะสกัดไม่ให้ไปสู้ในปราสาทแน่นอน
ตอนนี้เขาอยู่ในร่างปลอมในโฮกุแลนสล็อต จากนิสัยของคิเรย์น่าจะพาแอสซาสซินมาด้วย แต่คงไม่เอามาเป็นทัพหน้า แถมไม่มีท่าที่ว่าจะมาหาเขาเลย
ก็นะเขาคือเบอเซิกเกอร์ สายอาชาที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 อาชา และเท่าเทียมหรือเหนือกว่าสามอัศวินได้ ใครจะไปกล้าสู้ด้วยกันล่ะ ยิ่งกลุ่มฮัสซันร้อยหน้าที่ไม่มีทักษะการต่อสู้และอ่อนแอที่สุด ไม่ต่างกับแคสเตอร์จิลเดอเรย์ก็ตาม
" เอาล่ะ เราเองก็ควรเคลื่อนไหวบ้างดีกว่า "
แล้วพอมาถึงเธอก็โดนทันทีโดยจิลเดอเรย์ฝังปรสิตในเหยื่อเด็กให้อาเธอเรียหละหลวมในการต่อสู้ชั่วขณะ แต่มันมากเพียงพอให้จิลทำอะไรอีกเยอะใช้ฝูงปีศาจปลาหมึก
ในขณะที่ตัวของเธอกำลังเสียเปรียงอยู่นั้นเอง ก็ได้มีหอกคู่แดงทองมาทำลายปีศาจปลาหมึกที่มาพันรอบตัวของอาเธอเรียสละหายไปหมดในการโจมตีครั้งเดียว
" ดูไม่ได้เลยนะ เซเบอร์ ถ้าไม่แสดงฝีมือดาบอันน่าหลงใหลก็เสียชื่อราชาอัศวินหมดน่ะสิ " เดียร์มุดที่โผล่มาช่วยอาเธอเรียแล้วเก็บหอกของตัวเองขึ้นมาขยิบตาทักทาย
" นี่เจ้าเป็นใครกัน ใครอนุญาตให้มาขัดขวางข้ากัน! " จิลเดอเรย์
" นั่นมันคำพูดของทางนี้ต่างหากเล่าเจ้านอกรีต " เดียร์มุดทำหน้าไม่พอใจที่จิลมาแย่งเหยื่อของเขา " ชีวิตของเซเบอร์น่ะดับชีพด้วยหอกของข้า "
" อ้าก!!! คำอธิฐานของกระผมจากจอกศักดิ์สิทธิ์ของข้าคืเรียกหญิงนางนั่นขึ้นมา มันเป็นของชองกระผม เลือดทุกส่วนทุกหยด กระทั้งดวงวิญญาณของนางทั้งหมดล้วนเป็นของกระผม!!! "
" เฮ้ๆ แคสเตอร์ ข้าก็ไม่ได้สนใจชีวิตรักของเจ้านักหรอกนะ ถ้าหากว่าจะคิดผิดเป็นถูกแล้วล่ะก็ด้วยการสยบเซเบอร์แล้วชิงตัวไปแล้วล่ะก็ ลองทำดูสิ แต่ว่า..." เดียร์มุดที่ประหลาดใจที่จิลนั้นสนใจอาเธอเรียเป็นพิเศษ ตัวเองเคยเจอประสบการณ์แบบนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่ " ข้าไม่ยอมให้เจ้าจัดการเซเบอร์ เดียร์มุดผู้นี้ทำให้นางบาดเจ็บแขนซ้ายอยู่ได้เป็นอันขาด! "
" หน่อยแก~~!! "
" แลนเซอร์ "
" โอ้ อย่าเข้าใจผิดไป เซเบอร์ " เดียร์มุดเหลือบสบตาที่อาเธอเรีย " วันนี้ คำสั่งของข้าที่ได้รับมอบหมายเลยก็คือกำจัดแคสเตอร์เท่านั้น ดังนั้นแล้วถ้าอยากจะให้ตัดสินกันการดวลของเรา ก็ไว้จัดการแคสเตอร์ได้ลงซะก่อน ก่อนถึงตอนนั้นมาสะสางกันต่อ "
อาเธอเรียเผยรอยยิ้มพยักหน้าเบาๆก่อนหันมายืนเคียงข้างเดียร์มุด
" ขอบอกไว้ก่อนนะแลนเซอร์ ถ้าจะฆ่าล่ะก็แขนขวาข้างเดียวก็เพียงพอได้เป็น 100 แล้ว " อาเธอเรียยิ้มออกอย่างภูมิใจโดยไม่สั่นคลอง
" หึ แค่นั้นก็ไม่เท่าไหร่หรอก ข้าพอรู้ข้อมูลของศัตรูมาบ้าง ตราบใดที่กำจัดหนังสือนั้นไม่ได้ ก็ฆ่าพวกนี้ไม่มีวันหมดสินะ "
" ถูกต้อง แลนเซอร์ เจ้ารู้จักแคสเตอร์ตนนั้นด้วยเหรอ? " อาเธอเรียยืนยันโฮกุของอีกฝ่ายก่อนประหลาดใจที่เดียร์มุดรู้ข้อมูลของแคสเตอร์
" อะไรกัน มันนั่นเป็นข้อมูลที่เบอเซิกเกอร์ปะทะเจ้านี้มาก่อนเท่านั้นแหละ "
" เบอเซิกเกอร์...นี่เค้าเข้าร่วมศึกด้วยเหรอ " อาเธอเรียมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
" หึ ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาไม่ได้สนใจจัดการแคสเตอร์เท่าไหร่ แค่ไม่อยากเป็นตัวขัดขวางการต่อสู้ข้ากับเจ้าล่ะนะ เลยไปโจมตีทางอื่นแทน "
" งั้นเหรอ..." อาเธอเรียพอรับรู้อยู่ว่าเบอเซิกเกอร์ไม่ใช่คนที่จะเล่นงานคนที่อ่อนแอจนตายไม่รู้ว่ามีแผนอะไร แต่เลือกโฟกัสสิ่งที่เจอตรงหน้าก่อน " เจ้าพอรู้อะไรกับแคสเตอร์อีกบ้าง "
" เห็นว่าเคยเป็นอัศวินแห่งออร์เลอ๊องมาก่อน เป็นอัศวินที่ไปวิถีนอกรีตหลังจากการสูญเสียเพื่อนรักของมันไป เลยหมดต่อการศรัทธาพระเจ้าน่ะ "
" ฆาตกรแห่งซาตาน ยังงี่นี้เองถึงว่าทำไมถึงพล่ามแต่โจนออฟอาร์คอยู่เรื่อย " อาเธอเรียพอเข้าใจ ถึงไม่รู้ชื่อเสียงของจิลมากนัก แต่ข้อมูลของเหล่าวีรชนในอดีตเลยพอรู้ชื่อเสียงที่ไม่ได้อยู่ในยุคของเธอก็ตาม
แต่การที่จิลมาเน้นที่โจมตีใส่เธอก็น่าเพราะว่าหน้าของเธอไปคล้ายกับเพื่อนรักของมันนั่นเอง
ถึงกระนั้นการกระทำของจิลเดอเรย์มันยากที่จะให้อภัยได้ ไม่ว่ายังไง ด้วยนามของอัศวิน เธอจะต้องฆ่าแคสเตอร์ให้ได้
________
ณ ปราสาทฐานของไอน์เบิร์น
" Fervor mei sanguis ( ต้มเลือดของข้า ) " สิ้นสุดประโยคก็มีหยดน้ำสีเหล็กได้ทำการถล่มประตูหน้าบ้าน
เผยร่างชายหนุ่มผมสั้นสีบลอนในชุดจอมเวทสีน้ำเงิน
" หัวหน้าตระกูลอาร์ชิโบลด์รุ่นที่ 9 เคย์เนธ เอล เมลลอยได้มาเยือนแล้ว จอมเวทแห่งไอน์เบิร์น จงดวลกับข้าด้วยชีวืตและเกียรติยศเพื่อจอกศักดิ์สิทธิ์ " เคย์เนธได้มาเยือน พบว่าไม่มีใครอยู่แล้วกวาดสายตาโดยรอบในปราสาทแล้วเห็นกล่องวงจรปิดก็เผยรอยยิ้มแล้วเดินมาโดยไม่กลัวอะไรแล้วโดนเชือกขาดทำให้กลไกกับดักทำงาน
ลูกกระสุนตะกัวกระหน่ำใส่ตัวของเขา แต่ใช้หยดเหล็กมาป้องกันเอาไว้รอบทุกทิศ จากนั้นก็เผยร่างของเขาออกมา
" พึ่งพากับดักกลไลเหรอ อย่างที่ได้ข้อมูลมาเลย ไอน์เบิร์น ไม่สิ อันนี้คงเป็นฝีมือนักฆ่าจอมเวทงั้นสินะ " เคย์เนธที่รับรู้มาจากชินจิว่า โฮมุนครุสสาวของไอน์เบิร์นไม่ได้เป็นจอมเวทที่เก่งกาจอะไร แต่กับนักฆ่าจอมเวทที่ใช้ทุกวิธีในการสังหารคน
ตอนอยู่หอนาฬิกาเขาก็พอได้ยินชื่อเสียงของคิริสึงุมาบ้าง แล้วบวกกับเหตุการณ์เมื่อวานที่เล่นระเบิดทั้งตึก แล้วตอนนี้ที่เจอกับดัก รู้ได้ชัดเลยว่า มันเหยียดหยามการต่อสู้ของจอมเวทมากขนาดไหน
" ไร้ขีดจำกัดล่างอย่างที่ได้ยินข่าวลือเลยมาเลยงั้นสินะ ย่อมได้ หากแกจะเล่นไม้นี้ก็ไม่มีเหตุผลต้องอ้อมมือแล้วล่ะ " เคย์เนธตั้งเป้าหมายจะที่จะฆ่าคิริสึงุเป็นคนแรกในสงครามแล้ว
คิริสึงุที่มองกล่องวงจนปิดแล้วปิดโน๊ตบุ๊กไป แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายไปรู้ข้อมูลของเขามาจากไหนกัน ทั้งๆที่อีกฝ่ายดูไม่ใช่คนที่จะสืบข้อมูลมาสเตอร์คนอื่นนักนอกจาก ตระกูลโทซากะ และมาสเตอร์ของไรเดอร์
หรือว่าจะเป็นมาสเตอร์ของเบอเซิกเกอร์?
คิริสึงุที่จะไปที่ประตูพบว่า มีหยดเหล็กลอดเข้ามาในรูกุญแจ
ค้นหาอัตโนมัติงั้นเหรอ?
ทันทีที่คิริสึงุคิดเสร็จก็ได้หันหลังพร้อมกับเสียงทำลายด้วยของมีคมจากข้างล่าง พบว่าโต๊ะได้หายไปบนช่องรูวงกลมขนาดใหญ่ที่สวยงามจากนั้นก็เผยลูกหยดเหล็กขนาดใหญ่ยกตัวร่างของเคย์เนธขึ้นมา
" เจอตัวจนได้ เจ้าหนูโสโครก "
ทันทีที่เคย์เนธเผยตัวคิริสึงใช้ปืนCalico M950 กระหน่ำยิงใส่ไม่รีรอ แต่ถูกป้องกันได้หมด
" ลูกไม้เด็กๆ " เคย์เนธสั่งการหยดเหล็กพุ่งโจมตีใส่คิริสึงุทันทีหลังจากหยุดการโจมตีลง
Time Alter : Double Accel ( แปรผันเวลา : เร่งความเร็วเท่าตัว )
คิริสึงุใช้เวทเร่งเวลากับตัวเองเคลื่อนที่หลบหนีด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะถูกหยดเหล็กโจมตีใส่ได้ทัน
" โห...สร้างอาณาเจตในร่างกายของตัวเองแล้วเร่งความเร็วด้วยการจัดการกับเวลาอย่างนั้นเหรอ " เคย์เนธแอบประทับใจ ที่อย่างน้อยๆมาสเตอร์ของเซเบอร์ก็ไม่ได้เป็นนักฆ่าเวทที่มีดีเพียงใช้อาวุธปืนอย่างเดียว " ดูเหมือนว่าจะใช้เวทมนต์เป็นอยู่บ้างหนิ แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะเห็นว่าเป็นพวกขี้ขลาด เดี๋ยวจะสอนให้วันตายเลยล่ะ "
พูดจบเคย์เนธทิ้งตัวลงมา
" Ire Sanctio ( ติดตามและสังหาร) " พูดจบก็ให้หยดเหล็กตามหาคิริสึงุ
" การควบคุมเวลาในร่างกาย คงจะสร้างภาระให้ไม่น้อยเลย ยิ่งเป็นนักฆ่าด้วยคงรับมือสถานการณ์นี้ได้อย่างดีเลยล่ะสิ " เคย์เนธกอดอกรอให้หยดเหล็กค้นหาจนเจอ " เจอตัวแล้ว ดูสิว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น หึๆๆ "
คิริสึงุรีบวิ่งหนีหลังจากTimeAlterรีบซ่อนตัวระหว่างทางเดินแยก
แล้วรู้ด้วยอีกฝ่ายสามารถค้นหาเขาได้จากวัดอุณหภูมิ
Time Alter : Triple Accel ( แปรผันเวลา : เร่งความเร่งสามเท่า )
เจ้าตัวเวทเร่งในภายในร่างกายให้มีอุณหภูมิเย็นลงฉับพลันให้หัวใจหยุดเต้นไปทั่วขณะไม่ให้หยดเหล็กตรวจสอบเจอนั่นเอง เพราะมันค้นหาด้วยอุณหภูมิร่างกาย ไม่มีตา ขอแค่หัวใจเต้นเพียง 1 ใน 3 ชั่วคราวก็จับเขาไม่ได้แล้ว
ตุ้ม!!!! หยดเหล็กทำลายทั้งสองฝั่งทางเดิน จนคิริสึงุถึงคลายเวทมนต์ของตัวเองทันที
จากนั้นไม่นานก็เคย์เนธเดินมาหา
" เข้าใจคิดนะ ใช้เวทเร่งเวลากับตัวเองให้หัวใจเต้นช้าลงเหลือเพียง 1 ใน 3 งั้นเหรอ คนปกติไม่มีทางทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะงั้นเลยค้นหาไม่เจอ แต่ว่าหากอยู่รู้นิสัยของหนูโสโครกที่ชอบลอบกัดไม่ให้ตั้งตัวล่ะก็ น่าจะซ่อนอยู่แทนที่จะหนีต่อ " เคย์เนธเอ่ยขึ้น
คิริสึงุทำหน้าเจ็บใจขึ้นมา ดูแล้วเคย์เนธจะได้ข้อมูลของเขามาดีเกินไปเลย
พอยิ่งรู้แบบนี้แล้วยิ่งอยากจะกำจัดมาสเตอร์เบอเซิกเกอร์มากกว่าเดิม ก่อนที่จะเป็นภัยต่อเขาไปมากกว่านี้
_____
อีกด้าน ด้านหลังของปราสาทที่อยู่ทิศทางตรงข้ามทางที่อาเธอเรียมุ่งหน้าโจมตีแคสเตอร์อยู่
ไอริสฟิลที่สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมาทางนี้ โดยสัมผัสถึงสองจุดด้วยกัน คนนึงก็คือโคโตมิเนะ คิเรย์มาสเตอร์ของแอสซาสซิน และอีกจุดที่ห่างไปไป 700 เมตรมีเซอร์แวนต์อยู่
ปกติแอสซาสซินจะลบกลิ่นอายของตัวเองได้ ฉะนั้นน่าจะไม่ใช่แอสซาซิน
ถ้างั้นความเป็นไปได้อีกอย่างเลยคือ
เบอเซิกเกอร์
ไอริสฟิลคิดว่าทั้งสองคนหนีไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ ตอนนี้คิริสึงุกำลังปะทะกับเคย์เนธอยู่ ฝืนให้คิเรย์โจมตีใส่ตอนนี้ก็มีแต่จะเสียเปรียบกว่าเดิม
ไมยะที่เห็นว่าคิริสึงุสำคัญกว่าคำสั่งของเจ้าตัวที่ให้พาเธอหนีไป แต่หากให้ไปเผชิญกับคิเรย์ตอนนี้คิริสึงุอาจเสียท่าได้เลย แถมยังมีเซอร์แวนต์อยู่แถวนี้แทนที่จะไปสู้ทางด้านหน้าที่มีแคสเตอร์ แลนเซอร์ และเซเบอร์ก็น่าสงสัยเหมือนกัน
พวกเธอจึงตัดสินใจที่จะต้านตัวของคิเรย์ไว้ที่นี่จนกว่าคิริสึงุจะสู้กับเคย์เนธเสร็จเท่านั้น
______
อีกด้านฝั่งทางด้านชินจิ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังด้านหลังของปราสาทใช้กล่องส่องทางไกลแล้วเสริมด้วยเวทเสริมการมองเห็นให้ไกลขึ้นกว่าเดิมมองเห็น คิเรย์ที่กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปยังด้านหลังปราสาทตามต้นฉบับเพื่อจะไปสู้กับคิริสึงุ แต่คงถูกไอริสฟิลกับไมยะสกัดไม่ให้ไปสู้ในปราสาทแน่นอน
ตอนนี้เขาอยู่ในร่างปลอมในโฮกุแลนสล็อต จากนิสัยของคิเรย์น่าจะพาแอสซาสซินมาด้วย แต่คงไม่เอามาเป็นทัพหน้า แถมไม่มีท่าที่ว่าจะมาหาเขาเลย
ก็นะเขาคือเบอเซิกเกอร์ สายอาชาที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 อาชา และเท่าเทียมหรือเหนือกว่าสามอัศวินได้ ใครจะไปกล้าสู้ด้วยกันล่ะ ยิ่งกลุ่มฮัสซันร้อยหน้าที่ไม่มีทักษะการต่อสู้และอ่อนแอที่สุด ไม่ต่างกับแคสเตอร์จิลเดอเรย์ก็ตาม
" เอาล่ะ เราเองก็ควรเคลื่อนไหวบ้างดีกว่า "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น