คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่ 09.2
" นะ นี่! ปล่อยชั้นไปเถอะ " นัททริดาพูดขึ้นด้วยความเขินอายที่ถูกจูงมือแบบนี้
เด็กหนุ่มผมยาวไม่สนแล้วพาเธอขึ้นดาดฟ้าของตึกคอนโดที่จัดเป็นสวนแบบย่อมๆพื้นหญ้าที่พอเหมาะกับการผ่อนคลายไหนจะวิวทิวทัศน์จากที่สูงทำดูสวยขึ้น
เด็กสาวพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองถูกมาออกจากงานเลี้ยงแบบนี้นา
" ชั้นไม่ค่อยชอบเต้นในคนเยอะเท่าไหร่นะสิ..." ซีโร่ตอบเฉลยที่เขาออกมาเพราะไม่ค่อยอยากอยู่เท่าไหร่ถึงแม้จะเป็นงานของคนรู้จักก็ตาม
ก่อนที่คิดเรื่องอื่นเขาก็หันมองเด็กสาวตรงหน้าแล้วยื่นมืออย่างสุภาพบุรุษ
" ถ้ายังไงแล้วก็เต้นกันสักเพลงหน่อยแล้วกัน...ส่วนดนตรีน่ะในงานยังได้ยินอยู่ใช่ไหม " ซีโร่ยกยิ้มเล็กน้อยเหมือนเขาจะดูออกเลยว่าเธอจะถามอะไร
" ตะ แต่ชั้น..ว้าย! " นัททริดาที่พยายามปฎิเสธถูกเด็กหนุ่มจูงมือให้มาจับที่เอวของเขาและอีกข้างก็จับมือของเขา
ไม่รู้ทำไมนัททริดารู้สึกเหมือนกับว่า นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเธอแน่ๆ การเต้นแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยเต้นแต่กลับสามารถเต้นได้เป็นจังหวะได้อย่างแม่นยำ
" เหม่ออะไรอยู่เหรอ? " เสียงเด็กหนุ่มที่ทักขึ้นทำให้เธอหลุดภวังค์
" มะ ไม่มีอะไร " เธอพยายามไม่กล้าสบตากับเด็กหนุ่มตรงหน้าเลย แค่มาเต้นกับเขาเนี่ยหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
หลังจากเพลงจบซีโร่ก็ได้ปล่อยตัวนัททริดาให้อิสระก่อนที่เขาจะนั่งกับพื้นหญ้าเพื่อที่จะดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเต็มไปหมดราวมีอัญมณีบนท้องฟ้า
" สวยจังนะ " นัททริดาพูดแล้วนั่งลงตาม
" เหรอ...ชั้นคิดว่ามันธรรมดาน่ะ " ซีโร่พูดสีหน้านิ่งเหมือนเขาเห็นมาจนชินตาแล้ว
" นายเห็นบ่อยเลยสิ ถึงพูดได้เนี่ย "
" ก็ใช่..." ซีโร่ยกไหล่เบาๆ
" ทีนี่จะบอกได้ยังว่านายทำได้ยังไง " นัท ทริดาเริ่มถามที่สงสัยมาสักพักแล้ว
" เรื่องอะไร? " ซีโร่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
" อย่ามาไขสือน่า ก็นายมีสองตัวตนในเวลาเดียวกันไงเล่า " นัททริดาพูดอย่างหงุดหงิดที่เขาชอบทำตัวกวนประสาทเธอ
" เซอร์ไพร์ไง...ตกใจใช่ไหมล่ะ " ซีโร่ยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อยตอนที่เจอเธอสภาพแบบนี้บอกเลยว่า เขาพอใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นสีหน้าเมื่อตอนนั้น
" ก็ ตกใจนะสิ การมีสองคนในเวลาเดียวกันมันเป็นไปไม่ได้หนิ " เธอพูดตามจริง นี่มันโลกความเป็นจริงนะ ไม่ใช่โลกการ์ตูนที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นได้
" มันก็ไม่เชิงสักทีเดียวหรอก...ถึงบอกว่าสองตัวตน แต่ความจริงก็คือร่างเดียวอยู่น่ะ " ซีโร่ตอบสีหน้านิ่ง
" หมายความว่าไง? "
" เอาตามตรงว่าทฤษฎีอย่างสร้างคนอีกในบุคคลแบบร่างโคลนไม่ได้หรอก ยานี่น่ะเอาง่ายๆก็แค่ร่างแยกสำหรับงานที่จำเป็นเท่านั้น เพราะเพื่อไม่ให้มีคนสงสัยตัวจริงของชั้นด้วยเลยใช้วิธีนี้เพื่อให้ปักใจเชื่อว่าเซล่ากับซีโร่นั้น คนละคนกัน "
" แต่มันจะมีความเสี่ยงใช่ไหม? " นัททริดาสีหน้าของเธอเริ่มกังวล
" ใช่ถ้าฝืนอยู่นานๆ ไม่ร่างไหนร่างหนี่งก็หายไปตลอดกาล ถ้าร่างต้นหาย ร่างแยกก็จบไปด้วย นี่ความเสี่ยงโดยพื้นฐานล่ะนะ..."
" ดูนายใจเย็นจังนะ "
" ก็นะเจออะไรแบบนี้มาจนชินแล้ว แต่ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ใช้ก็เถอะ..." ซีโร่ตอบสีหน้านิ่ง
" นี่พึ่งลองใช้เหรอ! " นัททริดาอึ้ง
" ยังไงก็ต้องมีเริ่มต้นเสมอนั้นแหละ จะช้าหรือเร็ว ชั้นก็ต้องใช้สักวันอยู่ดี..." ซีโร่ตอบแบบไม่แคร์เลยผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง
" งั้นที่อยู่ตรงนี้คือร่างต้นหรือร่างแยกล่ะ? " นัททริดาขึ้นด้วยความไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะใช่เขาจริงๆหรือเปล่า
" ชั้นน่ะร่างจริง..." ซีโร่ยิ้มบาง
" แล้วอะไรมายืนยันว่านายเป็นร่างต้นล่ะ " นัททริดายังไม่ปักใจเชื่อ
" ก็ถ้ากรณีร่างแยกได้รับความเสียหาย ร่างต้นก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ซึ่งชั้นที่ตรงนี้โดนเธอตบหน้า ร่างแยกจะไม่รู้ว่าชั้นโดนตบ ตรงกันข้ามเลยถ้าเซล่าโดนตบชั้นก็พลอยโดนตบไปด้วยน่ะ แบบนี้พอเชื่อไหม? " ซีโร่อธิบายเคล็ดลับในการบอกร่างต้นให้ฟัง
" แต่กรณีของนายเก็บอาการความรู้สึกเก่งหนิ " นัททริดาเบ้ปากใส่เล็กน้อย
" หึ...เรื่องนั้นน่ะไว้ทีหลังเถอะ..." ซีโร่เริ่มเบื่อที่จะอธิบายเรื่องผลของยาก่อนที่ชายค้างที่ใบหน้าของเด็กสาว
นัททริดาก็สะดุ้งเล็กน้อยและขยับตัวไม่ได้ราวกับมีมนต์สะกดทำให้เธอหยุดนิ่งภายใต้นัยต์สีแดงของเขา และใบหน้าทั้งสองตอนนี้ริมฝีปากแทบจะประกบกันแล้ว แล้วช่วงอึดใจริมฝีปากของเขาจะสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ
" อ่ะแฮ่ม! " เสียงลูซีเฟอร์ทักขึ้นทำให้พวกเขาหลุดจากภวังค์ นัททริดารีบผลักหน้าออกทันทีด้วยความเขินอาย ซีโร่ที่มองนัททริดาแอบเสียดายเล็กน้อยก่อนมองค้อนใส่เพื่อนสนิทของเขาที่ชอบขัดในเวลาแบบนี้เนี่ย
" นายนี่ชอบขัดจังเลยนะ...ลูซีเฟอร์ " ซีโร่พูดเสียงต่ำเล็กน้อยภายใต้สีหน้านิ่ง
ลูซีเฟอร์ยิ้มแห้ง จริงๆเขาก็ไม่อยากจะขัดจังหวะจริงๆ " ก็ตอนนี้ได้เวลาเข้างานแล้วน่ะ ขอโทษทีนะครับ ที่มาขัดจังหวะทั้งๆที่กำลังได้ทีแล้วแท้ๆ "
" ไม่อภัย..." ซีโร่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิดที่คนมาขัดจังหวะแท้ๆ ผิดกับนัททริดาหน้าแดงจนจะเป็นมะเขือเทศแล้ว
" แหะๆ โทษด้วยจริงๆ จะทำต่อผมก็ไม่ว่าหรอกนะ " ลูซีเฟอร์ยิ้มแซวเพื่อนสนิท
" ไม่ล่ะ หมดอารมณ์เพราะนายนั้นแหละ..." ซีโร่มองค้อนใส่ก่อนลุกขึ้นยืนและจูงมือเด็กสาวที่นั่งข้างๆ " ไปได้แล้ว ยัยโง่..."
" ระ รู้แล้วน่า ไม่ต้องจับมือชั้นก็ได้ " นัททริดาลุกขึ้นตามแล้วถูกพาไปทั้งๆที่หน้าของเธอยังแดงอยู่
พอพวกเขาเดินออกไปทำให้ลูซีเฟอร์นึกถึงภาพตัวเองในสมัยก่อนที่เดินกันในสนามหญ้าโดยเหมือนว่าภาพในอดีตมันมาซ้อนกับภาพในปัจจุบันเดียวกันไม่มีผิด
นี่ผมคิดว่านัททริดาเป็นนาเรียได้ไงกันเนี่ย เธอไม่น่าจะมีชีวิตอยู่แล้วหน่อย แต่ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ผมคง....ลูซีเฟอร์คิดในใจ เพราะเขาเริ่มสนใจในตัวนัททริดาหน้าตาคล้ายกับเพื่อนในสมัยเด็กของเขามาก
" ดูท่าจะสืบข้อมูลของเธอหน่อยล่ะนะ.." ลูซีเฟอร์พูดพึมพำเบาๆก่อนเดินเข้าในงาน
ภายใต้ในงานก็เต็มไปด้วยความราบรื่นดีทุกคนภายในงานต่างแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในงานซึ่งเป็นเซอเซ็กต์และเอมในงานนี้
และภายนอกห้องในงาน นัททริดาที่เดินออกจากห้องน้ำก็เห็นเด็กหนุ่มผมยาวมัดผมยืนมองนอกหน้าต่างเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
และแล้วภาพที่ตอนใบหน้าของเขายื่นเข้าใกล้เธอทำให้หน้าแดงอีกครั้ง ทำไมต้องนึกภาพตอนนั้นด้วยเนี่ย นัททริดาคิด
เธอพยายามจะเดินไปไม่คุยกับเขาตอนนี้หัวใจเธอกลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
" กำลังนึกตอนที่เมื่อตอนนั้นเหรอ..." เสียงเด็กหนุ่มทำให้เธอหยุดชะงักแล้วพยายามใจสู้เสือในที่สุดยอมเขา
พบว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าเธอแทบใบหน้าจะติดกันแล้ว ทำให้เธอสะดุ้งด้วยความตกใจจนเสียความสมดุล มือใหญ่ก็จับข้อมือของร่างบางทัน
" ระวังหน่อยสิ..." เขาแอบตำหนิเล็กน้อย
" กะ ก็ใครให้มาจองหน้าชั้นในระยะเผาขนกันเล่า! " เธอตวาดทันทีด้วยความเขินอาย
" แค่อยากแกล้งเธอเฉยๆ " ซีโร่ตอบยกยิ้มพอใจเล็กน้อยก่อนปล่อยมือของเธอ
" ว่าแต่ชั้นขอถามต่อได้ไหม ทำให้เด็กที่ชื่อนาเรียที่เหมือนกับคุณภรรยาของพี่โชเกียร์ถึงเสียชีวิตได้น่ะ " นัททริดาพยายามจะไม่เถียงก่อนเปลี่ยนเรื่องคุยไม่ให้เธอเสียเปรียบ
" ดูเธอจะสนใจยัยนั่นน่าดูเลยนะ " ซีโร่ทำหน้านิ่งแปลกใจที่เธอสนใจเรื่องอดีตของเขา
" ก็ใช่ อีกอย่างช่วงนี้มีเรื่องต่างๆนาๆจนไม่มีเวลาพูดเรื่องของนายบ้างเลยหนิน่า ดูแค่ฝ่ายเดียวไม่ยุติธรรมเลย " นัททริดาทำหน้าเบ้ปากใส่ทีผ่านมาก็น้อยครั้งที่จะเล่าเรื่องของเขา
" งั้นผมขอเล่าให้ฟังไหมล่ะครับ " ลูซีเฟอร์พูดขึ้นจากด้านหลังของเธอ
" นายไม่ไปในงานจะดีเหรอ.." ซีโร่พูดขึ้นเพราะคนในครอบครัวไม่ควรออกมาจากงาน
" ก็แค่อยากพักน่ะครับ ไหนๆแล้วผมขอเล่าแทนได้หรือเปล่าครับ ซีโร่คุง " ลูซีเฟอร์ยิ้มตอบ
" ตามใจนายเถอะ..." ซีโร่กอดอกพิงกระจกตอบสีหน้านิ่ง
" งั้นเริ่มจากตรงไหนก่อนดีน่า " ลูซีเฟอร์ยิ้มครุ่นคิด
" เอาตั้งแต่ตอนเจอกันครั้งแรกแบบคราวๆพอ..."
" ตอนนั้นสินะครับ " ลูซีเฟอร์ยิ้มพร้อมที่จะเล่าเรื่องของเขาที่ได้เจอกับซีโร่ครั้งแรก
__________________________________________________________________________________
เมื่อ 6 ปีก่อน
ลูซีเฟอร์ บรรยาย
โคนิจิวะมิน่าซังด้วยนะครับ ผม ลูซีเฟอร์ อาเจนโต้ ครับ เรื่องนั้นคงรู้อยู่แล้วล่ะนะ ฮาๆๆ//ยิ้มหัวเราะ
ก็อย่างผู้อ่านได้รู้เมื่อตอนที่ 08.3 นะครับว่า ตระกูลของอาเจนโต้กับตระกูลลัมเปลูชนั้นเป็นคู่ปรับตลอดกาลที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ซึ่งผมเป็นลูกหลานในตระกูลหลักด้วย ผมในตอนเมื่ออายุ 10 ขวบนั้นยังไร้เดียงสานักเลยไม่ค่อยรู้เรื่องของผู้ใหญ่
และผมมาพร้อมกับครอบครัวเพื่อประชุมระดับโลกซึ่งตระกูลของบริทาเนียนั้นจะเป็นกลางของสองตระกูลคือจะช่วยเหลือทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน
ผมเมื่อตอนยังเป็นเด็กก็ขอคุณพ่อคุณแม่เดินเล่นซึ่งพวกเขาอนุญาติ ตอนนั้นเองที่เห็นเด็กหญิง ไม่สิแวบแรกผมคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงซะอีกแต่พอพูดจาและการกระทำบ่งบอกเลยว่าเขาเป็นผู้ชาย
" นี่ทำอะไรเหรอครับ? " ผมถามขึ้นยิ้ทเป็นมิตร
" หืม?..." เขาค่อยๆหันมามองอย่างช้าสีหน้านิ่ง
" นี่ผมรบกวนไปหรือเปล่าเนี่ย? " ผมยิ้มเขินเล็กน้อย
" ก็เปล่าหนิ..." เขาตอบสีหน้านิ่ง คนนี้ทำไมชอบทำหน้านิ่งกันนา
" ผมชื่อลูซีเฟอร์ อาเจนโต้ครับ แล้วคุณล่ะ? " ผมแนะนำตัวออกมาอย่างภาคภูมิก่อนถามชื่ออีกฝ่าย
" ซีโร่ ลัมเปลูช..." หืมชื่อซีโร่งั้นเหรอเนี่ย ผู้ชายสินะ ไว้ผมยาวขนาดนี้มีผู้ชายแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
" ซีโร่คุงสินะ ว่าแต่ผมนายมันยาวเกินไปหรือเปล่าเนี่ย " ผมยิ้มให้ก่อนชี้ทรงผมของเขา
" ไม่ใช่เรื่องที่ชั้นต้องตอบหนิ..." เย็นชากว่าที่คิดนะเนี่ย
" เป็นคนชอบไว้ผมยาวนี่เอง " ผมตอบไปอย่างสันนิษฐานเพราะดูแล้วเขาปล่อยตั้งแต่เกิดเลยสินะ
" รูปการนะใช่..." เขาตอบสีหน้านิ่ง อ่าวนึกว่าปฎิเสธซะอีก
" ทำไมถึงอยากไว้ผมยาวเหรอครับ? " ผมถามด้วยความสงสัย
" ก็แค่อยากปล่อยมันก็เท่านั้น..."
" ไม่หนักหัวเหรอครับ? " ผมเซาซี้ถามเรื่อยๆ
" นายเนี่ยขี้สงสัยซะจริง..." ซีโร่ทำหน้าเบื่อหน่ายเล็กน้อยก่อนนอนตัวกับพื้นสนามหญ้า
" ก็ผมคาใจหนิครับ ผู้ชายนะไว้ผมสั้นกันทั้งนั้นนะครับ " ผมยิ้มก้มตัวนั่งข้างๆเขา
" มันเรื่องของชั้น..." เขาหยิ่งแบบนี้คงคบเพื่อนยากนะเนี่ย
" นี่พวกนายทำอะไรกันเหรอ? " เสียงเด็กหญิงพูดขึ้นทำให้ผมและเขาต่างหันมองต้นเสียง
เป็นเด็กหญิงผมยาวสีชมพูอ่อนนัยต์ตาสีม่วงใส่เสื้อเชิตสีขาวกระโปรงสีแดง
" นี่หน้านายแดงนะ..." ซีโร่พูดขึ้นลุกขึ้นนั่งเหลือบมองผม
" มะ ไม่มีอะไรหรอกครับ " ผมโบกมือพัลวันด้วยความเขินอาย ทำไมหัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะได้ล่ะเนี่ย
" คิๆ ชั้นชื่อ นาเรีย บริทาเนีย พวกเธอชื่ออะไรกันเหรอ? " นาเรียยิ้มแล้วเดินมานั่งข้างๆพวกเรา
" ผะ ผมชื่อลูซีเฟอร์ อาเจนโต้ คะ ครับ " ผมแนะนำตัวกระตุกกระตัก ปกติผมไม่เป็นแบบนี้หนิ
" หืม...ชั้นเรียกว่าลูซี่ได้ไหม ชั้นไม่ค่อยถนัดเรียกชื่อสามพยางค์น่ะ " เธอยิ้มแก้เขินเล็กน้อย
" ดะ ได้สิครับ ไม่มีปัญหาหรอก "
" งั้นต่อไปเธอล่ะ " นาเรียหันมองที่ซีโร่
" ซีโร่ ลัมเปลูช... " ซีโร่พูดสีหน้านิ่ง นี่เขาไม่รู้สึกอะไรเหมือนกับผมเลยหรือไงกันนะ
" ผู้ชายเหรอเนี่ย ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย " นาเรียอุทานเบาๆออกมาด้วยความทึ่ง
" คนส่วนมากพูดแบบนั่นกันล่ะนะ..." ซีโร่ตอบแบบไม่ใส่ใจอะไรยกไหล่เบาๆ
แปลว่ามีคนทักผิดกันส่วนใหญ่สินะ มิน่าล่ะ
" งั้นเหรอ น่ารักจังเลยนะ เพราะไม่เคยเห็นผู้ชายไว้ผมยาวได้ขนาดนนะเนี่ย " นาเรียยิ้มด้วยความตื่นตันจับผมของซีโร่อย่างถือวิสาสะ
แล้วเขาก็ไม่มีท่าทีจะขัดขืนหรือไม่ชอบใจแม้แต่น้อยกลับเหลือบไปทางอื่นแล้วแก้มแดงจางๆด้วย นี่หรือว่า.....
" ซีโร่คุงเขินงั้นเหรอครับ " ผมยิ้มแซวเขาที่โดนจับผมโดยนาเรียยิ้มจัดผมของเขา
แน่นอนว่าอาการซึนของเขาก็ปฎิบัติทันทีที่สมองรับผล " ใครเขินกันหา....แค่อาการร้อนก็เท่านั้น..."
" เอาล่ะซีโร่อยากให้ชั้นทำทรงผมอะไรเหรอ " นาเรียยิ้มพร้อมถือหวีผมและกิ๊บติดผมมาพร้อมเซต
" เธอก็อีกคนเถอะ จะทำอะไรผมของคนอื่นไม่ทราบ..." ซีโร่หันมองเด็กหญิงที่รวบผมของเขาอยู่
" ไม่ได้เหรอ? " นาเรียทำหน้าออดอ้อนแบบอยากจะจัดทรงผมของเขาอย่างจดใจจดจ่อ
แน่นอนว่าปฎิกิริยยาของเขาก็แอบมือสั่นเล็กน้อยพยายามจะสบตาของเธอ
" ไม่ได้ว่าแต่ทำอะไรหัดบอกหน่อย...." ซีโร่ไม่ใส่อะไรก่อนที่จะหันหลังให้เธอ
เห...มีมุมมองแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย ผมคิดในใจยิ้มในมุมปาก
แล้วพวกผมก็คุยเรื่องต่างๆที่พอจะสื่อสารกันได้เช่นบ้านของตัวเองเป็นยังไง เรียนอยู่ที่ไหน ต่างนาๆสารพัด และพวกผมก็ค่อนข้างจะเจอกันบ่อยเหมือนเที่ยวเล่นเลย บางครั้งก็ย้ายสถานที่ประชุมแต่ก็ได้เจออยู่ดี มีบางครั้งที่ผมไปไม่ได้เนื่องจากติดเรียนเลยเจอกันบางครั้งเท่านั้น แต่รู้สึกว่าซีโร่ค่อนข้างจะเจอกับนาเรียบ่อยที่สุด
ระหว่างที่เธอเดินเล่นภายในปราสาทที่ตระกูลบริทาเนียตั้งประชุมหารือกัน ซึ่งผมกับซีโร่เดินรั้งท้ายยังเห็นเธอเดินเล่นอยู่
" รู้สึกว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีนะครับ " ผมพูดขึ้นอย่างภูมิใจเล็กน้อย
" ตรงไหนกัน..." ซีโร่เบ้ปากเล็กน้อยจนไม่รู้เขาเบ้ปากก็ตาม
เขาน่ะไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่คบเพื่อนกันจวนจะ 3 เดือนแล้วก็เถอะ
" นายเนี่ยหัดพูดตรงกับใจบ้างจะได้มีผู้หญิงมาปิ้งนายไง " ผมยิ้มแซวเพื่อนสนิท
ที่ผมคิดว่าเขาเพื่อนสนิทนั้น เพราะพวกเราเจอกันบ่อยในฐานะของตระกูลด้วยแล้วยังเจอกันในฐานะในคนองค์กรเหมือนกันแม้จะอยู่กันคนละหน่วยก็ตามเห็นว่าหน่วยที่ซีโร่อยู่นั้นจะทำภารกิจแบบลับๆไม่ให้หน่วยอื่นทราบ จนผมพูดถูกกับเขาจนขออีเมล์และเบอร์โทรเลย ถึงแม้เขาจะหยิ่งก็ตาม แต่เขายอมให้เพราะต้องการข้อมูลซึ่งกันและกันเลยทำให้เป็นคนที่เชื่อใจไปได้ตั้งแต่เมื่อไรนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะ
" งี่เง่า...นายเถอะได้ข่าวโรงเรียนนายให้ช็อกโกแล็ตเพียบเลยหนิ..." ซีโร่แซวผมกลับ
" นะ นี่นายรู้ด้วยเหรอ..." ผมหน้าซีดเล็กน้อยและกระซิบเขา เพราะผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลยนะ
" น้องสาวชั้นที่เรียนเดียวกับนายบอกมาน่ะ..." ซีโร่ยกยิ้มในมุมปากเล็กน้อย
" หืม? มีน้องสาวด้วยเหรอครับ นึกว่ามีแค่พี่ชายของนายซะอีกนะ " ผมพูดออกมาด้วยความแปลกใจ นี่เขามีน้องสาวด้วยเหรอเนี่ย
" ก็นะตอนนี้อยู่บ้านกับเมดและพ่อบ้านน่ะ " ซีโร่ตอบสีหน้านิ่ง
" งั้นเหรอครับ...." ผมพยักหน้าเบาๆ
" อืม..."
" นี่พวกนายมาเร็วๆหน่อยสิเดี๋ยวก็อดกินพุดดิ้งหรอก! " นาเรียยิ้มตะโกนทำให้พวกเราต่างหันกันไปมองพบว่าเธอกำลังหยิบถ้วยพุดดิ้งที่แม่บ้านของตระกูลบริทาเนียเป็นคนทำ
" อ่าๆ รู้แล้วน่า! " ซีโร่พูดเกือบตะโกนกลับไป
" ดูนายกับนาเรียจะสนิทกว่าผมซะอีกนะเนี่ย " ผมพูดอย่างแปลกใจปนน้อยใจเล็กน้อย
" ก็ตอนอยู่ในภารกิจ ชั้นก็อาศัยบ้านของเธอจนบ่อยเลยชินแล้วมั้ง..." นี่แปลว่าเขาอยู่กับเธอนานกว่าผมซะอีกสินะ
" โห น่าอิจฉาจังนะครับ " ผมยิ้มแหยเขาเล็กน้อย
" ไม่ต้องมาอิจฉาหรอก...อยู่กับยัยนั่นก็มีแต่สร้างปัญหา " ซีโร่ถอนหายใจเล็กน้อยทำหน้าเหนื่อยใจไม่มากนัก
" หึๆๆ " ผมยิ้มหัวเราะเบาๆ
" หัวเราะอะไร? " ซีโร่ถามเสียงต่ำ
" ยังไงผมก็อิจฉานายอยู่ดีล่ะนะ " ผมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
" นี่นาย อย่าบอกนะว่า..." ซีโร่พูดขึ้นอย่างเอใจทำให้ผมเกือบจะสะดุ้งถ้าไม่มีเสียงเด็กหญิงขึ้น
" นี่พวกนายจะกินไหมเนี่ย!!! " นาเรียเริ่มโวยวายขึ้นมาทันที
" ครับ เดี๋ยวไปกินแล้วล่ะครับ!! " ผมยิ้มตะโกนกลับก่อนวิ่งเข้าไปหานาเรีย
เกือบแล้วไหมล่ะเนี่ย....
__________________________________________________________________________________
ไรท์เตอร์ บรรยาย
" เรียกได้ว่าเป็นรักแรกของหมอนี่ก็ฟังไม่ผิดหรอก...." ซีโร่พูดแทรกขึ้นในจังหวะที่เหมาะ
" มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ " ลูซีเฟอร์หน้าแดงเล็กน้อย
" คนเขาดูออกกันทั้งนั้นแหละยิ่งเป็นชั้นที่อยู่ยัยนั่นมานานแล้วน่ะ...นะ " ซีโร่ยกยิ้มในมุมปากหันมองนัททริดาแวบหนึ่งก่อนมองที่จะมองลูซีเฟอร์
เอ๋? นี่เขาหันมองชั้นแวบหนึ่งหรือว่าคิดไปเอง นัททริดาคิดในใจ
" กะ ก็บอกว่าไม่ใช่ไงครับ " ลูซีเฟอร์ยังปฎิเสธในใจแก้เขิน
" อุบ แฮ่มๆ สวัสดีครับ " เสียงชายหนุ่มทำให้พวกเขาก็ต่างหันไปมอง
เป็นชายมัดผมยาวหยิกสีดำใส่แว่นตากันแดงใส่เสื้อเชิตสีขาวลายแดงแขนสั้นกางเกงยีนต์ขาสั้นสีเขา รองเท้าแตะสีดำ อายุราวๆ 30 ได้
" เออพวกเธอมาจากคนไทยใช่หริอเปล่าครับ " เขาพูดแบบติดสำเนียงของคนต่างชาติคนอเมิกัน " ถ้าไงช่วยมาเป็นแบบให้ทีได้หรือเปล่าครับ ผมอยากจะเห็นท่าไหว้ของคนไทยน่าครับ "
" แล้วใครจะทำล่ะครับ " ลูซีเฟอร์ยิ้มแห้ง
" ไม่ใช่ชั้นแน่..." ซีโร่ตอบสีหน้านิ่ง
" เฮ้อ คงมีแต่ชั้นสินะ " นัททริดาถอนหายใจสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย
" สวัสดีค่ะ " เธอพระนอมมือไหว้สวัสดีให้เขา
" โอ้! ใช่เลยๆ ฮาๆ " ชายหนุ่มยิ้มหัวเราะทำให้เธอเหงื่อตกเล็กน้อย
แค่คนต่างชาติหรอกเหรอ... ซีโร่คิดในใจ
" เหมือนสัตว์ไม่มีผิดเลยล่ะนะ " ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทำให้สีหน้าของซีโร่เปลี่ยนไป " ให้เปรียบเทียบล่ะก็...สัตว์ฝูงใหญ่ที่มีสัตว์ดุร้ายกันทั้งนั้น และนายพรานก็ล่าสัตว์ที่แข็งแกร่งล่ะนะ " พูดจบเขาหยิบปืนจ่อหน้าใส่นัททริดา
ซีโร่และลูซีเฟอร์ต่างก็ตั้งท่าที่จะบุก
" โอ้ อย่าขยับเชียว ไม่งั้นแม่สาวน้อยนี้ไม่รอดนะ " ชาหนุ่มยิ้มยั่วยิถือปืนจ่อหน้าเธอ ไม่ให้พวกเขาทำอะไรได้
" นายเป็นใคร ต้องการอะไร..." ซีโร่ถามขึ้นอย่างใจเย็น
" อะไรกันนี่จำชั้นไม่ได้เหรอ ไอ้เด็กบ้า " ชายหนุ่มยิ้มก่อนที่จะถอดแว่นกันแดดออกมา
พบว่าตาข้างซ้ายของเขาบอดและรอยไหม้บริเวณรอบตาข้างซ้าย ทำให้ซีโร่รู้เลยว่าใคร
" นี่นาย ลูอิสเหรอ..." ซีโร่พูดขึ้นอย่างแปลกใจ
" ปิ้งป่อง ถูกต้องแล้ว " ลูอิสยิ้มก่อนหยิบลูกอมมากิน (ในเวลาน่าเสียวน่าขวานแบบนี้เนี่ยนะ // ชูทร )
" ใครเหรอครับ ซีโร่คุง? " ลูซีเฟอร์ถามสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
" ลูอิส เดโอลาห์ เป็นนักฆ่า..."
" เดโอลาห์ตระกูลนักฆ่าที่ฆ่าโหดเหี้ยมนั้นเหรอครับ..."
" อ่า...คนที่ฆ่าคนในตระกูลทั้งหมดนั้นก็เป็นฝีมือเจ้านั้นคนเดียวด้วย...อย่าประมาทล่ะกัน..."
" ขะ เข้าใจล่ะ ว่าแต่ทำไมคนแบบนั้นนายถึงรู้จักกันได้เหรอ "
" เมื่อ 6 ปีก่อน สมัยที่ชั้นพึ่งเป็นคนในองค์กรได้ไม่นานได้ทำภารกิจอย่างหนึ่งคือกำจัดนักฆ่าสังหารหมู่ในตระกูล ทั้งๆที่คิดว่านายตายแล้วซะอีก "
" อ่าใช่เลยล่ะ ตอนนั้นก็เกือบตายเหมือนกันล่ะนะ " ลูอิสเหยียดยิ้ม " ชั้นจะส่งนายไปตามนังนั้นให้สาสมที่บังอาจทำให้เกียรติศักดิ์ศรีนักฆ่าของชั้น "
" ก่อนอื่นเลยชั้นจัดเตรียมงานต้อนรับการแก้แค้นสำหรับพวกนายเรียบร้อยแล้ว ชั้นจะรอนะ " พูดจบลูอิสก็โยนระเบิดแสงใส่พวกเขา
" บ้าเอ้ย! ยัยโง่! " ซีโร่พูดขึ้นขณะหลับตาเพราะแสบตาอยู่ก่อนวิ่งหาพร้อมว่าเธอไม่อยู่แล้ว
" ชิ! " ซีโร่กัดฟันเล็กน้อยก่อนหันมองลูซีเฟอร์
" นี่ลูซีเฟอร์ นายรีบไปดูในงานแต่งซะ ส่วนชั้นจะตามหายัยนั่น " ซีโร่พูดขึ้นอย่างร้อนร้น
" เดี๋ยวก่อนสิ แบบนั้นมันบุ่มบามเกินไปนะครับ " ลูซีเฟอร์คัดคานทันที บุกคนเดียวมันเสี่ยงเกินไป
" คนอย่างหมอนั่นมันคงเล่นไม่ซื่อแน่ เพราะฉะนั้นอาจจะมีระเบิดอยู่ก็ได้ "
" อะไรทำให้คิดแบบนั้นล่ะครั--" พูดไม่ทันจบพื้นที่พวกเขายืนอยู่นั้นก็ได้เปิดขึ้นซึ่งทำให้พวกเขาร่วงลงข้างล่าง
พวกเขาที่ร่วงลงแล้วลงอย่างตั้งหลักได้อย่างมีประสบการณ์
" พูดไม่ทันขาดคำก็แบบนี้เลยนะ..." ซีโร่ลุกขี้นยืน " นี่ลูซีเฟอร์ในคอนโดนี้น่ะมีระบบกันผู้บุกรุกหรือเปล่า "
" เอ๋? มันทำไมเหรอครับ? " ลูซีเฟอร์ถามอย่างงุนงง
" เถอะน่าบอกมาเถอะ " ซีโร่พยายามต่อล้อต่อเถียงมากนัก
" ก็มีอยู่ " " ระดับไหน "
" ระดับท็อปคลาสน่ะ " ลูซีเฟอร์พูด
" แบบนี้คงเสียเวลานานแน่..." ซีโร่พูดขึ้นหยิบปืนขึ้นมาทำให้ลูซีเฟอร์หันมองบริเวณรอบห้องที่พวกเขาอยู่กันนั้นมีคนในชุดสูทกันเต็มไปหมด
" ดูแล้วคนของมาเฟียนะเนี่ย โดยรวมแล้วมีกี่คนได้ครับเนี่ย " ลูซีเฟอร์พูดขึ้นดึงเนปไทออกเล็กน้อยพร้อมถือดาบคาตานะไว้
" สัก 100 คนมั้ง พวกเราไม่มีเวลามาเล่นพวกนี้ด้วยสิ...." ซีโร่พูดจบคนในมาเรียเริ่มบุก
ซีโร่ได้เตะใส่คนที่บุกใส่แล้วโดดเหยียบยิงปืนใส่คนอย่างแม่นยำ
" นั้นสินะครับ " ลูซีเฟอร์ยิ้มและฟันแค่ครั้งเดียวล้มไปกันเป็นแถบ
ตุ้ม!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณข้างบนทำให้ซีโร่และลูซีเฟอร์มองจากด้านบน
" ที่แท้อยู่นี่กันเองเหรอ ซีโร่! " แฟงค์ตะโกนขึ้นจากด้านบน
" มาแล้วเหรอ..." ซีโร่พูดขึ้นอย่างรู้อยู่แล้ว
" นี่อย่าบอกนะว่า นายรู้เรื่องอยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้น่ะครับ " ลูซีเฟอร์พูดขึ้นอย่างสงสัย
" แค่คาดการณ์มีสิทธิ์มีผู้บุกรุกเข้ามาในงาน ถึงแม้จะต่ำก็มีสิทธิ์เข้ามาบุกแน่ ชั้นคิดว่าเผื่อกรณีที่เลวร้ายก็เตรียมตัวทัน..."
แฟงค์โดดลงมาแล้วยิงปืนบาซูก้าบริเวณรอบห้อง
ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม!
" เฮ้อ...มาสนุกกันแค่สองคนไม่เห็นชวนบ้างเลยนะ " แฟงค์พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
" แล้วคนในงานเป็นไง..." ซีโร่ถามขึ้นอยากรู้สถานการณ์ตอนนี้
" วางใจเถอะ คนในงานตอนนี้ยังไม่เรื่องข้างนอกด้วยซ้ำ คนที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมีชั้นและลูกน้องของนาย เซอเซ็กต์และแม่ของนายที่รู้น่ะ " พูดจบแฟงค์ก็เตะใส่คนมาเฟียระหว่างที่คุยกันอยู่
" จริงสิภายในงานเป็นห้องเก็บเสียงเลยทำให้คนในห้องไม่รู้ภายนอกเกิดอะไรขึ้นสินะ " ลูซีเฟอร์พูดขึ้นได้
" แบบนั่นออกจะดีกว่าให้แตกตื่นกันมันวุ่นวายทำงานก็ไม่ได้พอดี..." ซีโร่พูดไปยิงปืนใส่
" แล้วศัตรูเป็นแบบไหนกันล่ะ " แฟงค์พูดไปก็หยิบอาวุธของศัตรูมาใช้
" ก็เป็นคนเก่งแต่ใช่ว่าจะปราบไม่ได้ล่ะนะ...."
" โห...ชักอยากจะสู้ด้วยแล้วสิ " แฟงค์เบิกยิ้มกว้างขึ้น
ตุ้ม!!! เสียงราวระเบิดประตูหน้า
" อ่าๆๆ~~~ กว่าจะมาถูกทางได้ กินเวลา 1 ชั่วโมงเลยเสียเวลาจริงๆ " เด็กหนุ่มผมยาวสีขาวพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
ลักษณะปล่อยผมยาวถึงกลางหลังมัดผมถือดาบคาตานะยาวปลอกดาบสีขาวใส่เสื้อสูทสีขาวเสื้อเชิตสีดำรองเท้าบูดสีขาว
" เฮ้ยๆ ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย " แฟงค์พูดขึ้นอย่างเหงื่อตก
" นักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดทวีปทางเหนือ..." ลูซีเฟอร์พูดสีหน้าอึ้ง
" วาลี่ เวอร์เจนกัส..." ซีโร่พูดขึ้นสีหน้านิ่ง
" หืม? นึกไม่ถึงเลยว่าเจอเทพแห่งความตายและอสุรสายฟ้าแดง แบบนี้นะเนี่ย " วาลี่พูดขี้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย
" นายทำงานให้ลูอิสเหรอ..." ซีโร่ถามสีหน้านิ่ง
" ก็ใช่ อย่างที่รู้ชั้นเป็นนักฆ่ารับจ้าง ก็ต้องทำงานให้สมกับงานล่ะนะ " วาลี่พูดอย่างสบายๆก่อนวางดาบคาตานะลงแล้วชักดาบขึ้นมา " ชั้นไม่ให้พวกนายผ่านไปแม้แต่คนเดียว "
" เจอตัวปัญหาเพิ่มอีกหนึ่งแล้วสิ..." ซีโร่เตรียมตั้งการ์ดพร้อมสู้
แล้วจู่ๆก็มีมือบังทางเขา
" ให้ผมเป็นคนจัดการหน่อยได้หรือเปล่าครับ " ลูซีเฟอร์ยิ้มสู้เสือ
" งั้นเหรอ...ไปกันเถอะเจ้าหมา " ซีโร่หลับตาครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมองอีกฝ่ายก่อนวิ่งออกไป
" ใครหมาฟะ! " แฟงค์วิ่งตามไปด้วยความหงุดหงิด
" ใครก็ห้ามผ่าน! " วาลี่พุ่งตัวเข้าหาซีโร่และแฟงค์ที่จะออกจากห้อง
" อย่าหวังเลย!! " ลูซีเฟอร์พุ่งตัวหาวาลี่ทันโดยใช้ดาบสกัดไว้
" ให้ตายสิอย่ามาขวางงานจะได้หรือเปล่า อสุรสายไฟ " วาลี่ยิ้มเหนื่อยใจเล็กน้อย
" เกรงว่าไม่ได้หรอกครับ " ลูซีเฟอร์ยิ้มจริงจังพุ่งโจมตีใส่วาลี่
ซีโร่และแฟงค์ท่ีวิ่งออกมาได้นั้นกำลังหาทางขึ้นชั้นพบว่านอกห้องนั้นเต็มไปด้วยสีดำหมดเลยทำให้ระบุตำแหน่งไม่ได้
" เอาล่ะงานนี้ต้องพึ่งนายล่ะ..." ซีโร่พูดขึ้นแตะไหล่แฟงค์เบาๆ
" แกเลิกทำตัวเหมือนชั้นเป็นหมาได้แล้ว " แฟงค์แขวะใส่
" ก็ต้องพึ่งจมูกนายหนิ ฝากด้วยแล้วกัน..." ซีโร่ทำหน้านิ่งจนทำให้แฟงค์หงุดหงิด
" หน่อยแก ไว้หลังจากจบเรื่องเมื่อไหร่ชั้นจะฆ่าแก " แฟงค์พูดจนฟิวขาดแล้ว
" ไว้หลังจากรอดสถานการณ์นี้ก่อนเถอะ..."
__________________________________________________________________________________
ทางด้านภายในงานแต่ง
" ดูท่าตัวชั้นคงทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยยัยโง่ล่ะนะ..." เซล่าพูดขึ้นหลังวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ที่เธอแอบฟังเครื่องดักฟังที่ซ่อนตัวในเสื้อสูทของตัวเอง
" แล้วพวกเราจะอยู่กันแบบนี้จะดีเหรอค่ะ รุ่นพี่ " โรลที่นั่งข้างๆเซล่ากระซิบเพื่อไม่เพื่อนๆของเซล่าได้รู้
" ถ้าฝืนพวกเราเคลื่อนไหวกันหมดก็เข้าแผนของลูอิสพอดี..."
" งั้นให้พวกเราไปได้หรือเปล่า เพราะลูอิสมันไม่รู้จักชั้นกับเบนรากันต์ " ลูกิพูดขึ้นเตรียมพร้อมที่จะออก
" อืม...." เซล่านั่งครุ่นคิดในการตัดสินใจ
เพราะเนี่องจากลูกิที่ทำภารกิจสืบแต่ละประเทศ แทบหาตัวยากและไม่มีข้อมูลมายืนยัน ส่วนเบนรากันต์นั้นก็เป็นคนธรรมดาเลยไม่ใช่ปัญหาอะไร
" งั้นก็ได้...แต่ไปเส้นทางอื่นนะ " เซล่าพูดสีหน้านิ่ง
" รับทราบ " ลูกิยิ้มแทนคำตอบก่อนจะเดินไปหาเบนรากันต์เพื่อให้เตรียมตัว
" รู้สึกว่าสองคนนั้นจะสนิทกันเร็วจังนะค่ะ เหมือนสองคนนั้นรู้จักกันมาก่อนงั้นแหละ " โรลพูดขึ้นอย่างสงส้ยกับท่าทางของสองคนนั้น
" รู้จักว่าสองคนนั้นเคยเป็นเพื่อนช่วงม.ต้นคงคุยกันถูกเข้าล่ะมั้ง " เซล่ายกไหล่เบาๆ
" นี่เซล่า " ไอรณาพูดขึ้นแล้วเข้าหาเซล่า
" อะไร? "
" คือว่าไม่เห็นแฟงค์สักพักแล้วนะ หมอนั่นห้ามห่างชั้น 15 เมตรไม่ใช่เหรอ " ไอรณาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
" หืม เป็นห่วงหมอนั่นด้วยเหรอ เกินคาดแฮะ " เซล่ายกยิ้มแซวเพื่อนสาวเล่น
" มะ ไม่ได้เป็นห่วงหมอนั่นซักหน่อย คนอย่างหมอนั่นมีอะไรน่าเป็นห่วงกัน " ไอรณาพยายามปฎิเสธว่าเธอเป็นห่วงเขา
" ฮัดชิ้ว!! " แฟงค์จามขณะที่หาทางออกในที่มืด
" เป็นอะไร หวัดกินหรือไง..." ซีโร่พูดขึ้นด้วยความสงสัย
" เปล่าหรอก ใครนินทาชั้นหรือเปล่าเนี่ย " แฟงค์เช็ดจมูกเล็กน้อย
" คงเป็นยัยนั่นล่ะมั้ง " ซีโร่พูดขึ้นทำให้เขาหยุดชะงัก
แฟงค์รู้ขึ้นมาเลยว่าซีโร่ต้องการจะสื่อถึงใคร
" ยัยนั่นเหรอจะเป็นห่วง หึชั้นเองซะมากกว่าที่คิดแบบนั้น " แฟงค์พูดอารมณ์ติดขัน
" เห...น่าแปลกนะเนี่ยที่นายเป็นห่วงยัยนั่นด้วย " ซีโร่ยกยิ้มในมุมปากแหยคนตรงหน้าเล่น
" คะ ใครห่วงยัยนั้นกันไม่ทราบหา! " แฟงค์ตวาดใส่
" เฮ้อ..." ซีโร่และเซล่าถอดหายใจเวลาเดียวกันแถมคิดเหมือนกันว่า
จะไม่ว่าคนไหนก็พูดไม่ตรงกับใจตัวเองเลยกันทั้งนั้น........
ความคิดเห็น