คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 06.1
" อรุณสวัสดิ์ ซีโร่ " นัททริดาทักทายเขาเพื่อมาเยี่ยม
" มาช้าจัง..... " เขาเงยหน้าหันไปมองเธอตอบเสียงเรียบ
เรียกว่าหลังจากเหตุการณ์มาหนึ่งสัปดาห์ ซีโร่ได้บอกทางครอบครัวลัมเปลูชแล้วว่าให้อาเทียคุ้มกันนัททริดาหลังจากกลับไปแล้วทำเรื่องย้ายโรงเรียน ซึ่งอาเรียยังอายุ 18 เองจึงต้องเรียนหนังสืออยู่เลย นับว่าโอกาสดีที่จับสายตาของเธอได้ตลอด และตอนนี้ซีโร่ก็พอเริ่มจะขยับมือและแขนได้แล้วล่ะ ซึ่งยังขยับไม่ค่อยมากอย่างที่ควรนัก
" พอดีไปซื้อหนังสือเลยมาช้าหน่อยน่ะ " พูดจบนัททริดาวางถุงที่ใส่หนังสือ
พอเขาเห็นหนังสือสีชมพูก็ทำหน้าเซ็งๆขึ้นมาทันควัน " นี่ชอบอ่านนิยายเหรอ..."
" อืม อยากอ่านไหม? " เธอยกหนังสือเล่มสีชมพูหวานแววขึ้นแล้วแววตาเป็นประกาย
" อ่านให้ฟังหน่อย.... " เขาหลับตาถอนหายใจ เพราะก็ไม่ใช่สไตล์ที่เขาเกลียดนักหรอก
" เอ๋?...ให้ฉันอ่านให้ฟังเหรอ " นัททริดาคาดไม่ถึงว่าเขาตอบแบบนี้กลับมานึกว่าจะปฎิเสธซะอีก
" อืม... " ซีโร่พยักหน้าเบาๆ ก่อนทำให้เด็กสาวแอบตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เพราะน้อยครั้งที่เธออ่านนิยายให้เขาฟัง
พอนัททริดาอ่านนิยายให้ซีโร่ไปนานสองนาน เอาตรงๆว่าเธออ่านถูกผิดบ้างช่วง บางบทความก็พูดเสริมขึ้น ราวเธอสอบท่องกับคุณครูยังไงอย่างงั้น แล้วในที่สุดเธอก็เล่าจบ
" ปะ เป็นไงบ้าง..."
" ก็งั้นๆ..." เขาตอบเสียงเรียบเหมือนเคย
" งั้นๆอะไรเล่า ที่จริงสนุกล่ะสิ " นัททริดายิ้มออกมากับท่าทางของเขา เธอเริ่มเขัาใจนิสัยเขาทีละนิดแล้วล่ะ
" อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับเธอสิ..." เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา " แล้วเพื่อนๆเธอไม่มาเหรอ? "
เพราะจากเหตุการณ์มีแต่นัททริดาเท่านั้นที่มาเยี่ยม เว้นแต่โชเกียร์ที่มาเยี่ยมเป็นบางเวลาเท่านั้น
" อ้อ โบกับชูน่ะ เดินไปซื้อของมาเยี่ยมนายเดี๋ยวก็มาเองนั้นแหละ "
" เหรอ..." เขาพูดออกมาสั้นๆ
" อืม ว่าแต่นายเคยบอกว่าฉันมีพี่สาวอยู่ด้วยสินะ " นัททริดาเริ่มทำสีหน้าจริงจัง เพราะเธอยังสงสัยอีกมากว่าเขาปิดบังอะไรอีกมาก
" ใช่...เธอเคยมีพี่สาวมาก่อน..."
" เคยมีเหรอ...แปลว่าเขาตายแล้วน่ะ " นัททริดาพูดขึ้นด้วยเอใจ
" อืมตายเมื่อ 4 ปีก่อน...เรื่องนี้น่ะคนที่รู้ก็มีไม่ค่อยกี่คน แน่นอนว่าพ่อแม่เธอก็หนึ่งในนั้นที่รู้เรื่องนั้น " ซีโร่พูดเสียงเรียบ " เธอไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก..."
" บอกหน่อยได้ไหมพี่ฉันเป็นคนยังไง " นัททริดาทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยที่เขาไม่ยอมเล่าอีกเช่นเคย เลยถามลักษณะเป็นยังไง
" เป็นคน จุ้นจ้าน ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน เอาแต่ใจไม่ฟังความเห็นคนรอบข้างและไม่ยอมปล่อยฉันไปไหน ต้องไปด้วยกันตลอด..." เขาพูดข้อเสียของพี่สาวของเธอออกมาอย่างไร้ใยดีเลย
" แล...เป็นคนร่าเริงจังนะ " นัททริดายิ้มแห้ง
" แต่ก็มีดีตรงที่อ่อนโยนคนอื่นกว่าใครๆ และใจดีกว่าใครๆล่ะนะ..." ซีโร่พูดขึ้นเก็บอาการสั่นไหวเล็กน้อยที่แววตา " ส่วนที่เหมือนกับเธอ คงเป็นเรื่องนิสัยจุ้นจ้านใจดีแม่พระล่ะนะ "
" อะไรยะ..." นัททริดาพูดเสียงหงุดหงิด
" เอาเป็นว่า...เธอหน้าขยับมานี่หน่อยสิ " เขายิ้มบางแล้วโบกมือเรียกเธอให้เข้าใกล้
นัททริดาทำตามอย่างงุนงง ขยับตัวใกล้ๆเขาแล้วพูดขึ้น " อะไรเหรอ? "
พูดจบเขาก็ยื่นมือจับหัวเธอแล้วดันหัวเข้าหาเขาแล้วก็มีริมฝีปากสัมผัสกับหน้าผากของเธอ
นัททริดาทั้งอึ้งและเขินอายออกมาทันทีที่ริมฝีปากเขามาสัมผัสกับหน้าผากของเธอแถมตอนนี้ทำหน้าเธอตอนนี้เริ่มแดงแจ๋แล้ว แถมหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นอย่างไม่มีจังหวะเอามากๆจนจะระเบิดออกมาแล้ว
เขาถอนริมฝีปากที่หน้าผากออกอย่างช้าๆแล้วมองใบหน้าแดงแจ๋ของเด็กสาวที่น่ากลั้นแกล้งต่อ
" นี่คือว่าเป็นคำขอบคุณจากฉันล่ะกัน " ซีโร่ยิ้มออกมาแล้วหอมแก้มเธอให้เรียกสติกลับมา
" นะ นะ นะ นะ นายทำอะไรน่ะ!! " นัททริดาดีดตัวออกห่างพอควรพร้อมหน้าแดงพูดกระตุกกระตักด้วยความเขินอาย
" ทำอะไรเหรอ?...ก็หอมแก้มเธอไง..." ซีโร่ยิ้มหวานออกมาแต่สำหรับนัททริดาแล้วเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ที่สุดแถมยิ่งทำให้เธอเขินอายยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก
" ตาบ้า! พูดออกมาได้อย่างไม่อายใครหรือไง " นัททริดาโวยทันทีที่เขาตอบกลับมาทำให้เธอเริ่มจะไปไม่ถูกล่ะ
" ไม่หนิ...แล้วอีกอย่างจะแอบฟังกันอีกนานไหม? " เขาสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนก่อนพูดขึ้นถึงคนแอบฟังมาได้สักพักล่ะ
นัททริดาหันไปที่ประตูทันทีแล้วก็มีคนเปิดประตูเข้าพบว่าเป็นเพื่อนๆของเธอและเพื่อนของเขาร่วมถึงครอบครัวของเขาด้วย
" แหม...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ " โชเกียร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
" สักพักล่ะ...เพราะบรรยากาศมันเงียบเกินไปจนผิดสังเกตหนิ " ซีโร่พูดเสียงหน้านิ่งเพราะรู้สึกข้างนอกมันจะเงียบเกินไปเลยรู้
" แล้วจะทำไงต่อล่ะลูกหา? " อาเลลูย่ายกยิ้มกับลูกชายตนเองที่นานๆทีจะมีมุมมองแบบนี้บ้าง
" ทำไงต่อน่ะเหรอ...? " ซีโร่คิ้วกระตุกเบาๆ
อาเลลูย่าหันมองมาเรียอย่างรู้ใจ แล้วมาเรียพูดขึ้น
" ก็เรื่องของอาเทียไงจ้ะ "
" อ้อ...โรลกับโฮพมานี่หน่อยได้ไหม " เขาโบกมือเรียกสองคนนั้นมาคุยเรื่องส่วนตัว แล้วเขามองมาทางโชเกียร์
เขาเข้าใจสิ่งที่น้องชายกำลังจะบอก " งั้นพวกพี่รอกันที่นอกห้องนะ "
พูดจบครอบครัวลัมเปลูชกับเพื่อนของนัททริดาก็ออกจากห้องไปเว้นแต่นัททริดาไม่ได้ออกจากห้องไป
" งั้นฉันรอข้างนอกนะ..." นัททริดาลุกขึ้นก่อนจะออกจากห้องแต่ถูกขัดโดยเด็กหนุ่ม
" เดี๋ยว...เธออยู่นี่ล่ะ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเธอเฉพาะนั้นรู้ด้วยน่าจะดีกว่า " ซีโร่จับแขนเสื้อของนัททริดาให้หยุดก่อนจะเดินออกจากห้อง
นัททริดาทำหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนกลับมานั่งที่เดิม
" เรื่องของคนที่ชื่อแฟงค์ มาสโกล์ด ฉันทำตามที่บอกล่ะ " โฮพพูดขึ้นหลังจากพวกไอรณาออกจากห้องได้ไม่นาน
" แฟงค์ มาสโกล์ด? " นัททริดาทำหน้างุนงง
" คนที่เจอระหว่างทางหลังจากกินข้าวเสร็จได้ไม่นานนี่ไง..." ซีโร่พูดเตือนความจำให้เธอ
" คนเมื่อตอนนั้นเหรอ " นัททริดานึกออกแล้วแฟงค์เป็นคนยังไง
" อืม...และก็มีอีกเรื่องไปบอกยัยหัวหน้าไม่ได้ความด้วย..."
" เรื่องอะไรเหรอค่ะ? " โรลเลิกคิ้วเล็กน้อย
" ให้ยัยโง่เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรเราไง..."
" หา!!!!! " ทั้งสามคนอุทานเสียงหลงออกมา
" เบาๆหน่อยนี่มันโรงพยาบาลนะ..." เขาตำหนิใส่พวกเขา
" ตะ แต่แบบนั่นจะดีแน่เหรอหา? ที่ให้คนธรรมดามาเกี่ยงข้องกับเรื่องนี้น่ะ " โฮพรีบคัดคานสีหน้าจริงจัง
" เดิมที...โดยหลักแล้วยัยนี่เกี่ยวข้องเต็มๆเลยล่ะ...ไม่งั้นพวกเขาจะจ้างฉันมาคุ้มเธอหรอก " ซีโร่อธิบายด้วยความเป็นเหตุและผลอย่างเรียบนิ่ง
" ก็ใช่อยู่แต่ให้เด็กคนนี้มาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้มัน..." โฮพพยายามคัดคานต่อ
" หัดคิดเวลาที่ฉันและพวกนายไม่อยู่กับยัยนั่นบ้างสิ...กันดีกว่าแก้จริงไหม " เขาเถียงกลับด้วยเสียงเรียบ
" แต่กระทันหันแบบนี้มันเร็วเกินไปสำหรับเพื่อนของนายนะ..." โฮพพยายามไม่ให้เด็กสาวมาเกี่ยวข้องด้วย
" ก็แค่เป็นลูกศิษย์ฉันไม่ได้หมายความว่าเป็นสมาชิกองค์กรอย่างเป็นทางการสักหน่อย...แค่เรียนรู้ทักษะป้องกันตัวก็พอแล้วล่ะ...และฉันเป็นคนรับผิดชอบเอง คงไม่คัดคานนะ...." ซีโร่ตอบเสียงเรียบนิ่ง
โฮพถอนหายใจเสียงดัง " ....เฮ้อให้ตายสิ จะเป็นไงไม่รู้ด้วยนะ..."
" อ่า..."
" ว่าแต่รุ่นพี่ไม่ถามความเห็นพี่นัทก่อนเหรอค่ะ " โรลหันกลับไปมองนัททริดาที่ทำหน้าช็อคอยู่
" ก็ว่าจะถามตอนนี้ล่ะ ยัยโง่..." เขาหันไปมองนัททริดาสีหน้านิ่ง
" จากนี้ฉันจะให้เธอเลือกมี 2 ทางให้เลือก ข้อหนึ่ง เธอจะใช้ชีวิตตามปกติโดยฉันปกป้องเธอในเบื้องหลังอย่างที่เคยเป็น ข้อสอง เธอจะฝึกทักษะเล็กน้อยเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรูในยามคับขัน..จะเลือกแบบไหน..." ซีโร่พูดขี้นชูนิ้วทีละนิ้วของตัวเลือก
" แบบนั่นให้เธอตัดสินใจลำบากน่ะสิซีโร่ " โฮพคัดคานต่อไป
" ฉันไม่บังคับเธอหรอกนะ..." ซีโร่พูดต่อโดยไม่สนใจโฮพแม้แต่น้อย
" คือว่า......" นัททริดาทำสีหน้าตัดสินใจได้ลำบาก เพราะเธอคาดไม่ถึงว่าเธอจะอยู่ในสถานการณ์เรียกได้ว่าเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเธอไปด้วย เธอกำลังตัดสินใจจะเลือกทางไหนดี...
เพราะเธอเลือกเส้นทางนั้นไปแล้วจะไม่สามารถถอยหลังได้ เพราะงั้นเธอเลยได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอ.......
" ฉันเลือกเส้นทางที่ 3 "
คำตอบนั้นทำให้ทั้งสามคนอึ้งไปตามกัน แต่สำหรับแปลกใจมากที่สุดคือเด็กหนุ่มผมยาวที่นอนเตียงคนป่วยอยู่
" เส้นทางที่ 3 เหรอ..." เขาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
" ใช่นั้นก็คือให้ฉันเป็นสมาชิกองค์กรอะไรนั่น พร้อมทั้งฝึกสอนฉันและใช้ชีวิตประจำวันได้ไง..." นัททริดาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
" รุ่นพี่..." โรลถึงกับอึ้งกับความใจกล้าของเด็กสาวคนนี้ดูท่าเธอจะประเมินนัททริดาต่ำไปจริงๆ
" หึๆๆ..." เขายิ้มหัวเราะเบาๆ " ฮ่าๆๆ.."
" อะ อะไรเล่า " นัททริดาทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
" ให้ตายสิ ติดแม้กระทั้งความบ้าบิ่นยัยนั่นมาเต็มๆเลย..." ซีโร่ยิ้มออกมาหลังจากไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะกับความรู้สึกนี้... " งั้นก็ได้ เตรียมตัวไวัให้ดีล่ะกันยัยโง่...ถ้าฉันหายเมื่อไหร่ก็เริ่มฝึกเมื่อนั้น... "
" รู้แล้วล่ะน่า " นัททริดายิ้มออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
" ตามนี่ล่ะ โฮพ ไม่มีใครห้ามยัยนี่ได้หรอก..." ซีโร่แอบเสริมเพิ่มเติมไม่ให้โฮพขัดอะไรอีก
" รู้แล้วน่าให้ตายสิ..." โฮพทำหน้าตึงเครียดกับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของวัยรุ่นหนุ่มสาวกัน
" โรล เธอช่วงว่างๆก็สอนยัยโง่ใช้ปืนด้วยแล้วกัน "
" รู้แล้วล่ะค่ะ " โรลยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อกลายเป็นแบบนี้เธอห้ามไม่อยู่แล้วล่ะ
...................................................................................................................
" นานจังเลยนะครับ ข้างในเนี่ย " ชูทรพูดขึ้นหลังจากนั่งอยู่ห้องสาธารณะกับเพื่อนๆและครอบครัวลัมเปลูช
" แหมก็ปล่อยพวกเขาเคลียร์กันเสร็จแล้วพวกเราค่อยเยี่ยมก็ได้ " โบรณายิ้มเพราะคงเป็นธุระของพวกเขาล่ะนะ
" ก็จริง..."
" อ่ะ พูดถึงก็มาพอดีเลยล่ะ " ไอรณาพูดขึ้นหลังจากเห็นนัททริดาโบกมือเรียกทุกคนมาได้แล้ว
พวกเขาก็เดินไปยังห้องคนไข้ของซีโร่และพูดคุยเรื่องต่างๆนานาๆในยามมีความสุขสนุกสนานอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปอีก 1 สัปดาห์แล้ววันที่ก่อนจะเป็นวันที่พวกนัททริดาจะกลับประเทศไทยแล้วด้วย คนเราว่ากันว่าเวลาไปผ่านไปเร็วยังกับโกหก
ซึ่งตอนนี้ซีโร่ก็อาการดีขึ้นแล้วล่ะ ถึงตอนนี้เขาสามารถขยับตัวลุกขึ้นนั่งได้แล้วแต่ยังเดินไหนมาไหนไม่ได้ยังเคย
" เธอเนี่ยว่างมากเลยสินะ มาเฝ้าเยี่ยมฉันตลอดเนี่ย " ซีโร่เท้าคางที่โต๊ะผู้ป่วยมองเด็กสาวที่กำลังหั่นแอปเปิ้ลอยู่
" ก็ช่วยไม่ได้หนิ พ่อแม่นายขอร้องให้มาดูแลนี่นา ฉันก็ปฎิเสธไม่ได้ด้วย " นัททริดาเบ้ปากเล็กน้อยแล้วหั่นแอปเปิ้ลเป็นชิ้นๆเสร็จ แล้วยื่นจานที่ใส่แอปเปิ้ลให้เขา
เขาหรี่ตามองมาที่แอปเปิ้ลที่เธอหั่นมาให้ " นี่แอบใส่ยาพิษหรือเปล่า..."
พอพูดแค่นั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ยทันที " ปากเสีย! งั้นนายก็ไม่ต้องกินเลย "
" อ่าวๆ แค่นี้ก็โกรธแล้วเหรอ " เขาหน้านิ่งแต่แววตากวนประสาทก่อนที่หยิบไม้แคะฟันเสียบแอปเปิ้ลชิ้นหนึ่งมากิน " อีกอย่างพรุ่งนี้เธอก็ต้องไปแล้วสินะ.."
" อะไรกันเหงาเหรอ? " นัททริดายิ้มหวานออกมาทันที
" ใครกันแน่ที่เหงาน่ะ ถ้าหายเมื่อไหร่เดี๋ยวก็กลับไปล่ะน่า " ซีโร่เหลือบมองไปทางอื่นเล็กน้อย
" นี่เรื่องของนายที่เป็นเซล่าเอาไงเหรอ? " นัททริดาถามขึ้นมาเพราะซีโร่เป็นสภาพที่ไปไหนไม่ได้ควรทำไง
" เรื่องนั้นฉันให้คุณพ่อบอกตอนกลับพร้อมพวกเธอนั้นแหละ..." เคี้ยวเสร็จเขาพูดขึ้น
" แล้วใครจะดูแลนายล่ะ? "
" ก็มีเจ้าบ้าสองตัวอยู่ด้วย..." พูดจบเขาหยิบแก้วมารินก่อนพูดต่อ " หมายถึงพี่ฉันกับโฮพน่ะ "
" งั้นเหรอ " " อืม "
หลังจากพวกเขาก็ไม่ได้คุยอะไรอีกเลยนอกจากเรื่องที่บอกลาป่วยของเขาให้ทางนั้นได้ทราบ
พอวันที่พวกเธอกลับบ้านก็มาถึง ยามเช้าที่แสงแดดมาส่องกระจกผ่านใบหน้าของเด็กหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่เตียงของคนป่วย ซึ่งสายตาเขามองไปยังนอกหน้าต่างมองท้องฟ้า
" ไปแล้วสินะ...." เขาพูดออกมาลอยๆเสียงนิ่ง
ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
" เข้ามาได้..." พูดจบก็มีคนเปิดประตูเข้ามาเป็นชายหนุ่มผมสั้นสีดำใส่แว่นตากันแดดใส่เสื้อเชิตสีขาวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนที่เขารู้จักดีเลยล่ะ
" โย้ว เจ้าหนูโอเคไหม? " ชายหนุ่มยิ้มแล้วกระโดดนั่งเก้าอี้จ้องมองผม
ทุกท่านอาจจะสงสัยได้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร.....
" ก็อย่างที่เห็นล่ะครับ ด็อกเตอร์สโมค " ซีโร่พูดเสียงแบบเซ็งๆสีหน้านิ่ง
" อ่าวรู้ได้ไงว่าเป็นฉันน่ะ "
" เฮ้อ..." เขาถอนหายใจเบาๆก่อนชี้ไปที่เสื้อของด็อกเตอร์ " เสื้อเชิตสีขาวสำหรับนักวิจัยแถมมีเข็มกัดสังกัตหน่วยเดียวกับผมก็มีแต่คุณหนิ....นี่ใช้ยาที่ทำขึ้นเลยเหรอเนี่ย "
" แหมๆ ก็เห็นเธอเป็นได้ ฉันก็เลยอยากเป็นบ้างแต่ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็นนั้นแหละ "
เขามีชื่อว่า ด็อกเตอร์สโมค ไม่มีนามสกุล ถึงอย่างงี้ก็เถอะเขาก็อายุปานไปเกิดเลข 5 ขึ้นแล้วล่ะ เขาทำหน้าที่เป็นคนวิจัยสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่สามารถคาดเดาเลยว่ามันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน สำหรับสายตาของซีโร่แล้วก็ไม่ต่างเป็นด็อกเตอร์ที่ประหลาดคนหนึ่ง ส่วนที่หน้าของเขาอายุราว 30 ปีได้นั้นก็เพราะได้กินยาที่ทำให้กลายเป็นเด็กนั้นแหละ
" นี่คุณกินยาต่อเนื่อง 2 ครั้งเลยเหรอ " เขาพูดขึ้นเพราะยาที่กินไปนั่นจะทำให้ร่างกายหดตัวลงนั้นประมาณ 10 ปีได้ ซึ่งถ้ากินต่อเนื่องแน่นอนว่าจะส่งผลให้ย้อนกลับไปอีก 10 ปี ซึ่งเขาไม่มีทางทำแบบนั่นถ้าฝืนกินเข้าไปมีหวังตายแน่นอน
" ใช่...นับว่ายิ่งกินมากเท่าไหร่เวลาส่งผลทำให้ร่างกายย้อนสภาพก็อยู่ได้นานกว่าเดิมด้วยน่ะ " สโมคยิ้มแล้วดันแว่นเบาๆ
" แต่สำหรับผมแล้วต้องกินหลังจากกลับเป็นร่างเดิมเท่านั้นแหละ...จะให้ผมกินต่อเนื่องมีหวังตายเพราะยาก่อน "
" โห....ใช้แค่ครั้งเดียวก็รู้เลยเหรอเนี่ย " สโมคยิ้มอย่างแปลกใจ
" แล้ว...เรื่องที่ฝากไปน่ะทำหรือยังครับ "
" เรียบร้อยแล้วล่ะเหลือแค่ป้อนคำสั่งเองล่ะ "
พอได้คำตอบแล้วซีโร่หันไปมองหนัาต่างอย่างช้าๆไม่รู้ทำไมภายในหัวของเขาได้แต่คิดเรื่องของพวกยัยนั่นขึ้นมา
" ได้แต่รอสินะ...."
ความคิดเห็น