ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมเวทไร้เทียมทาน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 61


    บทที่ 3


    ประตูห้องนิรภ้ยหมายเลข1กว้างสองเมตร สูงสามเมตร ประตูล็อคด้วยผนึกเวทถึงห้าชั้น พลังในผนึกแข็งแกร่งมากแต่ถ้าเทียบกับค่ายกลแม่ลูก ผนึกนี้กับอ่อนด่อยกว่า บุคคลลึกลับใช้เวลาไม่นานก็สามารถจัดการกับผนึกทั้งห้าได้


    แกร้กๆๆ…


    เสียงกลไกของประตูค่อยๆคลายล็อคออกช้าๆ เมื่อเสียงหยุดลงบุคคลลึกลับผลักประตูเปิดออกช้าๆจนมีช่องว่างเล็กน้อยจากนั้นควบคุมพลังวิญญาณในอากาศผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มออก ใช้สัมผัสวิญญาณแทนดวงตาตรวจสอบภายในห้องพบมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่จึงทำการแทรงแซงทั้นที


    เมื่อเข้ามาในห้องประตูก็ปิดลงอีกครั้ง เมื่อประตูปิดสนิทพลังวิญญาณและธรรมชาติที่แทรกแซงในค่ายกลและกล้องวงจรปิดด้านนอกเริ่มคลายตัวไม่นานวงจรของค่ายกลและกล้องวงจรปิดทั้งหมดก็กับไปอยู่ในสภาพปกติเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    ในห้องนิระภัยหมายเลข1ภายในเป็นห้องโล่งกลางห้องมีแท่นยกสูงตั้งอยู่ภายในบรรจุไว้ด้วยอัญมณีที่เปร่งประกายเจ็ดสีขนานเท่าหัวแม่มือชิ้นหนึ่งวางอยู่ แสงที่เปร่งออกมามีเจ็ดสีแพรวพราวระยับนุ่มนวลน่าหลงไหลดูแล้วสบายตาทำให้ผู้ที่จ้องมองไม่อาจละสายตาเลอค่าเหนือประมาณ อัญมณีชนิดนี้ล้ำลือกันว่าเคยปรากฏบนโลกเพียงสามชิ้น และชิ้นนี้ถือเป็นชื้นที่มีขนานใหญ่ที่สุด ‘มณีสีรุ้ง’ คือชื่อของมัน


    มณีสีรุ้งวางอยู่บนแท่นรอบๆแท่นเป็นวงเวทรูปดาวหกแฉกโดยมีแท่นวางมณีสีรุ้งตั้งอยู่ตรงกลาง ผนึกดาวหกแฉก เป็นปราการด่านสุดท้ายในการป้องกัน ถือเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งมากอีกอันหนึ่ง แต่ต่อหน้าบุคคลลึกลับที่มีความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณและธรรมชาติได้นับว่าไร้ความหมาย


    เพียงไม่กี่นาทีต่อมาผนึกดาวหกแฉกก็ไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง


    บุคคลลึกลับยกมือขวาขึ้นยื่นไปทางมณีสีรุ้งปรากฏสายลมอ่อนๆม้วนวนรอบมณีสีรุ้งก่อนยกลอยตรงเข้าสู่มือของเขา เมื่อสัมผัสกับมณีสีรุ้งความรู้สึกคุ้นเคยสายหนึ่งเกิดขึ้นอย่างประหลาดทำให้เขาชงักลงเล็กน้อยคิดทบทวนว่าเคยเกิดความรู้สึกแบบนี้จากที่ใหน แต่กับคิดไม่ออกจึงเลิกสนใจนำมณีสีรุ้งเก็บใส่ไว้ในถุงกำมะหยี่สีดำเล็กๆที่เตรียมไว้


    เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็สมควรเป็นเวลาที่ต้องถอนตัว บุคคลลึกลับสงบจิตเริ่มควบคุมพลังวิญญาณและธรรมชาติที่อยู่ในอากาศรอบตัว เกิดเป็นอัขระเวทมากมายเรียงตัวเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนเกิดเป็นวงเวทวงหนึ่งล้อมรอบตัวเขา วงเวทเรืองแสงจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในมือบุคคลลึกลับปรากฏหินวิญญาณก้อนหนึ่ง เขาบีบหินจนแตกพลังวิญญาณเข้มข้นสายหนึ่งไหลออกมาจากหินวิญญาณเข้าทำปฏิกิริยากับวงเวทที่ล่องลอยอยู่รอบตัวเขา เกิดแสงเจิดจ้าขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อแสงดับลงบุคคลลึกลับก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


    …….


    ไม่กี่นานีต่อมา


    “หายไปแล้ว! มันหายไปแล้ว!” เสียงร้องด้วยความตกใจของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในห้องควบคุมชั้น5ปราสาทแสงจันทร์


    “อะไรหาย มีอะไรเกิดขึ้น!”


    “ม..มณีสีรุ้งครับหัวหน้า มันหายไปแล้ว” เมือหัวหน้าได้ยินก็พุ่งตัวมายังจอมอนิเตอร์ที่คนผู้นั้นกำลังดูอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นภาพแท่งยกสูงกลางห้องที่ครั้งหนึ่งเคยมีมณีสีรุ้งสถิตอยู่แต่ตอนนี้มันกับว่างเปล่า กระดูกสันหลังเย็นวูบ ลมหายใจหนักหน่วง มันหายไปแล้วจริงๆ! ไฮไลท์ของงานวันพรุ่งนี้หายไปแล้ว อย่างนั้นแล้วยังจะมีงานจัดแสดงอีกเหรอ เอาอัญมณีทุกชิ้นที่จะจัดแสดงทั้งหมดมารวมกันยังไม่สามารถเทียบกันได้กับมณีสีรุ้งชิ้นนี้ชิ้นเดียว เมื่อนึกถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมายิ่งทำให้หัวใจเขาหนักอึ้ง


    “ตรวจสอบทุกอย่างให้ระเอียดอีกครั้ง ดูกล้องวงจรปิดทุกตัว ค่ายกลทุกค่ายกล ดูว่ามีส่วนไหนบ้างผิดปกติ แล้วตรวจสอบว่าก่อนหน้านี้ีมีบุคคลภายนอกเข้ามายังปราสาทหรือไม่ ต้องหาให้ได้เร็วที่สุด!” หัวหน้ามองกวาดไปทั่วห้องแล้วตะโกนออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เจ้าหน้าทั้วหมดรับคำด้วสีหน้าเคร่วเคลียด


    “ย้อนภาพดูช่วงเวลาที่มณีสีรุ้งหายอีกทีซิ” เจ้าหน้าที่ทำตามที่หัวหน้าสั่งทันที


    เมื่อภาพย้อนกลับมาไม่นานบนแท่นสูงยังมีมณีสีรุ้งวางอยู่แต่เมื่อเวลาผ่านไปอยู่ๆมณีสีรุ้งกลับหายไปต่อหน้าต่อตาโดยไร้สาเหตุ หัวหน้าย้อนภาพกลับดูใหม่หลาครั้งแต่ก็ไม่สามารถหาสาเหตุที่ของการหายไปได้เข้าถึงกับเอามือกุมขมับ


    “มีใครเจออะไรที่ผิดปกติบ้าง!” หัวหน้าตะโกนถามออกไปทั้งที่ตายังจ้องอยู่ที่จอมอนิเตอร์


    “ไม่มีเลยครับ!” เจ้าหน้าที่แทบจะตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกัน


    หัวหน้ายังจ้องมองภาพในจอตาไม่กระพริบเปิดย้อนวนดูหลายต่อหลายรอบ พยายามจับสังเกตุหาสาเหตุขอวการหายไปของมณีสีรุ้งให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถจับพิรุทได้แม้แต่น้อย เขาหยุดคิดไตร่ตรอง มีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นหัวเขา เมื่อชื่อนี้ปราก็ขึ้นจิตใจเขาถึงกลับหนาวเยือก


    ในเวลาเกือบสองปีมานี้มีการจรกรรมปริศนาเกิดขึ้นห้าครั้ง ทั้งห้าครั้งล้วนไม่สามารถหาร่องรอยของการหายไปของสิ่งของได้ ราวกับว่าของพวกนั้นระเหยหายไปในอากาศ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน หัวใจพฤกษา ได้หายไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากเข้ามาช่วยกันตรวบสอบหาสาเตุุ ทั้งนักสืบ นักตามรอยเวทมนต์ชื่อดัง ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยของผู้ร้ายรายนี้ได้เลย ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา


    “ชาโดว์…”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×