คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
บทที่1
ในค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์สาดส่อง หมู่ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ณ ปราสาทแห่งหนึ่งในเมืองแสงจันทร์ พื้นที่ปราสาทแห่งนี้กว้างขวางกินอาณาบริเวรหลายร้อยไร่ รอบอาณาเขตสว่างไสวด้วยแสงไฟ มีหน่วยรักษาความปลอดภัยเดินอยู่ขวักไขว่ในมือถืออาวุธเตรียมพร้อมสายตาสอดส่ายหาสิ่งผิดปกติโดยรอบบริเวรที่ตนรับผิดชอบ
ปราสาทแสงจันทร์ คือชื่อเรียกของปราสาทแห่งนี้ ซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อเมือง ความสำคัญของปราสาทแหงนี้จึงสูงยิ่งเพราะมันคือสัญลักษณ์ของเมืองแสงจันทร์แห่งนี้ ตัวปราสาทมีความสูงห้าชั้นแต่ละชั้นล้วนติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ในวันพรุ่งนี้ในปราสาทจะมีการจัดแสดงอัญมณีครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น และอัญมณีทั้งหมดที่จะจัดแสดงนั้นได้ถูกจัดส่งมาจนครบหมดแล้ว และหนึ่งในนั้นยังมีอัญมณีที่เลอค่าที่สุดชิ้นหนึ่งของโลกรวมอยู่ด้วย
วูบ! ณ บริเวรกำแพงทางทิศเหนือของปราสาทเกิดสายลมวูบหนึ่งจากนั้นปรากฏบุคคลลึกลับผู้หนึ่งสวมฮูดสีดำใบหน้าครึ่งล่างพันปิดไว้ด้วยผ้าพันคอสีแดงเห็นเพียงนัยน์ตาสีฟ้าคู่หนึ่งส่องประกาย รอบกายรายล้อมด้วยหมอกสีเทาดำทำให้เห็นเป็นเงาพร้ามัวกลืนไปกับความมืด จากนั้นบุคคลลึกลับโบกมือเพียงแผ่วเบาก่อเกิดลายลมพัดพริ้วยกตัวเขาลอยขึ้นอย่างนุ่มนวลสู่ยอดปราสาท
บนยอดปราสาทมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ่าอยู่หลายคนแต่กับไม่มีใครรู้สึกถึงการมาถึงของบุคคลลึกลับผู้นี้แต่อย่างใด
ยอดปราสาทเป็นดาดฟ้าขนาดเล็กมีประตูขวางกั้นบันไดที่ใช้ลงไปยังชั้นล่างหน้าประตูมีชายร่างกำยำยืนอยู่หนึ่งคน เหนือประตูเป็นหลังคาปลายแหลม บุคคลลึกลับเกาะอยู่บนหลังคาอย่างเงียบเชียบเพื่อรอเวลา เพียงไม่นานประตูด้านล่างเปิดออกมีชายแต่งกายรัดกุมเดินออกมา
“หัวหน้า” ชายร่างกำยำทักทาย
“สถานการเป็นอย่างไรบ้าง” ชายที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าถาม
“เหตุการปกติครับหัวหน้า”
“ดี งั้นก็ทำหน้าที่ของนายต่อไปเถอะ หือ!” ก่อนจะทันพูดจบกัับสัมผัสได้ถึงสายลมวูบหนึ่งพัดผ่านไปจึงเหลียวกลับไปมองด้านหลัง
“มีอะไรครับหัวหน้า” ชายร่างกำยำเห็นปฏิกิริยาของหัวหน้าจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เปล่าไม่มีอะไร คงรู้สึกไปเอง ทำงานของนายต่อไปเถอะ” จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่คนอื่นต่อไป
ในจังหวะที่หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังสอบถามสถาณการทั่วไปอยู่นั้น บุคคลลึกลับใช้การพรางตัวระดับสุดยอดและความเร็วดุดสายลมลอยผ่านศีรษะคนทั้งสองเข้าประตูมาจนลงมาถึงชั้นที่5
‘ชั้น1-3เป็นชั้นจัดแสดง ชั้น4คือห้องนิรภัย ชั้น5คือห้องควบคุม’ บุคคลลึกลับคิดทบทวนแผนผังที่ตนได้ศึกษามาก่อนหน้านี้ในใจ เป้าหมายของเขาคือชั้น4ห้องนิรภัย
การจะลงไปชั้น4นั้นนอกจากลิฟท์ที่อยู่ตรงกลางของชั้นแล้วยังมีบันไดที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโถงทางเดิน
โถงทางเดินยาวประมาณร้อยเมตรตลอดทางติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้หลายตัวและยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ในจุดต่างๆอีก4นาย และหนึ่งในนั้นยืนอยู่ห่างจากบุคคลลึกลับเพียงแค่สิบเมตร
ตอนนี้บุคคลลึกลับลอยอยู่เหนือศีรษะเยื้องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงแค่สิบเมตร หมอกสีเทาดำที่แต่ก่อนล่องลอยอยู่รอบกายขณะนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นหมอกขาวลวงตาคอยอำพรางตัว จากนั้นลอยผ่านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดมุ่งตรงไปสุ่บันไดของชั้น4อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ชั้น4ห้องนิรภัย
ชั้นนี้ทั้งชั้นมีห้องอยู่มากมายห้องทุกห้องล้วนเป็นห้องนิรภัยชั้นสูง แต่นอกจากกล้องวงจรปิดแล้วที่นี้กลับไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยคอยคุ้มกันอยู่เลย มีเพียงลอยขีดเขียนมากมายตามพื้นและผนัง ลอยขีดเขียนนี้ก็คือ ‘อัขระเวท’ อัขระเวทแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกันไปแต่เมื่อนำเอาอัขระเวทหลายๆตัวมาวางเรียงกันสร้างเป็นวงจรเวทให้ความสามารถของมันสอดผสานกันก่อเกิดเป็นเป็นอนุภาพชนิดใหม่กล้าแข็งขึ้นยิ่งกว่าเดิม การรวมกันของอัขระเวทจะถูกเรียกว่า ‘วงเวท’ เมือเอาวงเวทแต่ละชนิดมาวางตามจุดต่างๆตามศาสตร์แห่งค่ายกล การเปลียนแปลงของเวทมนต์จะยิ่งทรงอนุภาพและพิศดาร กลุ่มของวงเวทนั้นจะถูกเรียกว่า ‘ค่ายกลเวท’ และที่ชั้น4นี้มีค่ายกลเวทมากมายคอยต้อนรับผู้มาเยือนที่หานกล้าคิดจะจรกรรมสิ่งมีค่าในห้องนิรภัยทั้งหลายเหล่านี้
โถงทางเดินของชั้น4เหมือนกับชั้น5 ความยาวของโถงราวร้อยเมตร ตรงกลึ่งกลางมีทางแยก ตรงหน้าทางแยกเป็นลิฟท์ จากจุดที่บุคคลลึกลับอยู่ไปถึงทางแยกมีกล้องวงจรปิดอยู่หลายตัวกับค่ายกลเวทอีกห้าค่ายกล การจะไปให้ถึงทางแยกที่เป็นจุดหมายจำต้องจัดการกับค่ายกลและกล้องวงจรปิดพวกนี้เสียก่อน
ดวงตาสีฟ้าของบุคคลลึกลับส่องประกายกวาดผ่านค่ายกลทั้งห้าอย่างรวดเร็ววิเคราะห์กลไกการทำงานของค่ายกลจากกระแสพลังวิณญาณและพลังธรรมชาติที่ล่องลอยอยู่รอบด้าน
ในสายตาของคนธรรมดาจะเห็นเพียงความว่างเปล่าไมาสามารถที่จะระบุได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลนี้เป็นค่ายกลชนิดใดจนกว่าจะได้ศึกษาอัขระและตำแหน่งทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นค่ายกลแต่ในสายตาของเขากับเห็นเต็มไปด้วยสีสันที่มากมายรวมถึงการไหลเวียนของพลังจึงสามารถระบุชนิดของค่ายกลนั้นได้ในทันที่
ละอองพลังที่ไหลเวียนอยู่ในค่ายกลทั้งห้านั้นมีหลายสีสัน แต่ละสีสันบ่งบอกถึงพลังธาตุต่างๆ และสีสันที่เข็มข้นที่สุดกับเป็นสีฟ้าม่วงซึ่งเป็นละอองธาตุสายฟ้า ค่ายกลทั้งห้านี้จึงเป็นค่ายกลที่จะระเบิดพลังสายฟ้าใส่สิ่งใดก็ตามที่รุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของค่ายกล
“แม้จะเป็นค่ายกลสายฟ้าทั้งหมดแต่ แต่ละค่ายกลกับมีกลไกการเชื้อมต่อพลังที่ต่างกัน..ยุ่งยากชิบ” บุคคลลึกลับถึงกับส่ายหัวเมื่อเห็นค่ายกลทั้งห้า
“แต่ก่อนจะจัดการกับค่ายกลพวกนั้นคงต้องทำอะไรกับกล้องพวกนี้ก่อน” บุคคลลึกลับพึมพำเบาๆขณะมองไปที่กล้องวงจรปิดด้านหน้า
บุคคลลึกลับยกมือขึ้นพลังวิณญาณและพลังธรรมชาติที่อยู่ในอากาศในสายตาของบุคคลลึกลับก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง มันเริ่มไหลซึมเข้าสู่ภายในกล้องวงจรปิดจากนั้นทำการแทรกแซงการทำงานของกล้องวงจรปิด มันไม่ได้ปิดการทำงานของกล้องมันทำเพียงแค่หยุดภาพ จอมอนิเตอร์ในห้องควบคุมก็จะเห็นเป็นภาพที่หยุดนิ่งเท่านั้นซึ้งจะไม่ทำให้ผิดสังเกตุแต่อย่างใด ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีก็สามารถแซกแซงกล้องวงจรปิดทั้งหมดได้แล้ว
เมื่อแทรกแซงกล้องวงจรปิดได้แล้วหมอกมายาที่คุมกายอยู่ก็สลายหายไปปรากฏเป็นบุคคลลึกลับใส่ฮูดสีดำปิดครึ่งหน้าด้วยผ้าพันคอสีแดงยืนอยู่
ความคิดเห็น