ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเปิ่นๆของยัยเฉิ่มกับนายหล่อ

    ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อได้พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 49


    Step 1

    เมื่อได้พบเจอ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก !

    ใครน่ะ”

    ฉันถามขณะงัวเงีย

    “แม่เองลูก”

    เสียงพระมารดาของฉันดังมาจากข้างนอก

    “แม่ปลุกหนูแต่เช้าทำไมคะ?-_-^^

    ใครน่ะ”

    ฉันถามขณะงัวเงีย

    “แม่เองลูก”

    เสียงพระมารดาของฉันดังมาจากข้างนอก

    “แม่ปลุกหนูแต่เช้าทำไมคะ?-_-^^

    ฉันถามอย่างอารมณ์เสีย

    “เช้าอะไรล่ะลูก นี่มัน 2 โมงเช้าแล้วนะ”

    แม่พูดเสียงดัง

    “จะอะไรนักหนาแค่ 2 โมงเช้า……..ห๊าO_O! 2โมงเช้า”

    ฉันเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างอัตโนมัติ จนเกือบตกเตียง

    “ทำไมแม่ไม่ปลุกหนูล่ะคะT^T

    ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำเสร็จภายในเวลาแค่ 5 นาที (อย่าว่ากันเลยนะ มันรีบน่ะ) พออาบน้ำแล้วฉันก็รีบยัดทุกสิ่งใส่กระเป๋า แล้วแต่งตัววิ่งลงมาข้างล่าง

    ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก!

    วิ่งเบาๆก็ได้ลูกเดี๋ยวบันไดก็พังกันพอดี”

    แป่ว นึกว่าว่าเป็นห่วงฉันที่แท้ก็กลัวข้าวของพัง

    “แม่คะแล้วเคมีล่ะคะ”

    ฉันถามขณะใส่ถุงเท้า

    “ไปตั้งแต่โมงครึ่งแล้วล่ะ”

    แม่ตอบพลางจัดโต๊ะอาหาร

    วิ่งเบาๆก็ได้ลูกเดี๋ยวบันไดก็พังกันพอดี”

    แป่ว นึกว่าว่าเป็นห่วงฉันที่แท้ก็กลัวข้าวของพัง

    “แม่คะแล้วเคมีล่ะคะ”

    ฉันถามขณะใส่ถุงเท้า

    “ไปตั้งแต่โมงครึ่งแล้วล่ะ”

    แม่ตอบพลางจัดโต๊ะอาหาร

    กินข้าวต้มรองท้องก่อนไหมลูก”

    “ยัยเคมีใจร้ายอ่ะทำไมไม่รอกันบ้างเลย ToT

    กินข้าวต้มรองท้องก่อนไหมลูก”

    “ยัยเคมีใจร้ายอ่ะทำไมไม่รอกันบ้างเลย ToT

    ฉันบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป

    “แม่คะหนูไปก่อนนะคะ”

    ฉันตะโกนบอกแม่ขณะเปิดประตูรั้ว ก่อนที่จะวิ่งตัวปลิวไปท่ารถเมล์ที่หน้าปากซอย (แม่ไม่หน้าซื้อบ้านที่อยู่ท้ายซอยเล๊ย)

    ~ฉันชื่อ ‘ฟิสิกส์ อายุ 16 ย่าง 17 (กำลังอยู่ในช่วงวัยสะรุ่นเลย)ฉันมีพี่สาวฝาแฝดชื่อ ‘เคมีฉันเคยถามแม่นะว่าทำไมถึงตั้งชื่อเรา 2 คนอย่างนี้ รู้มั้ยแม่ตอบว่าไง แม่บอกว่าอยากให้เรา 2 คนฉลาดๆ(มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย)ถ้าให้ฉันเดานะถ้าแม่มีลูกอีกล่ะก็ต้องชื่อชีวะ ไทย คณิต สังคม อังกฤษ แน่นอน แต่ช่างเถอะเพราะฉันกับเคมีเป็นแฝดหน้าเหมือนที่สวยที่สุดในโรงเรียน^-^(มันมีอยู่คู่เดียวน่ะ)~

    อายุ 16 ย่าง 17 (กำลังอยู่ในช่วงวัยสะรุ่นเลย)ฉันมีพี่สาวฝาแฝดชื่อ ‘เคมีฉันเคยถามแม่นะว่าทำไมถึงตั้งชื่อเรา 2 คนอย่างนี้ รู้มั้ยแม่ตอบว่าไง แม่บอกว่าอยากให้เรา 2 คนฉลาดๆ(มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย)ถ้าให้ฉันเดานะถ้าแม่มีลูกอีกล่ะก็ต้องชื่อชีวะ ไทย คณิต สังคม อังกฤษ แน่นอน แต่ช่างเถอะเพราะฉันกับเคมีเป็นแฝดหน้าเหมือนที่สวยที่สุดในโรงเรียน^-^(มันมีอยู่คู่เดียวน่ะ)~

    แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

    ฉันวิ่งมาถึงป้ายรถเมล์จนได้ แต่ไอ้รถเมล์บ้าก็ไม่มาสักที จนเกือบครึ่งชั่วโมงถึงมา สงสัยล้อตกท่อระบายอยู่น้ำมั้ง

    “ว้ายยยยยยย”

    ฉันแหกปากโวยวายเพราะอยู่ดีๆก็มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาตัดหน้าฉันขึ้นรถเมล์ แถมมันยังชนฉันจนตกลงมาก้นกระแทกพื้น

    “นี่นายทำไมไม่มีมารยาทเอาซะเลยล่ะ”

    ฉันตะโกนด่าขณะที่กำลังพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาของคนอื่น

    “ขอโทษ”

    นายนั่นตอบห้วนๆพร้อมกับส่งมือมาให้ฉัน

    “ขอโทษแล้วมันห……OoO

    แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

    ฉันวิ่งมาถึงป้ายรถเมล์จนได้ แต่ไอ้รถเมล์บ้าก็ไม่มาสักที จนเกือบครึ่งชั่วโมงถึงมา สงสัยล้อตกท่อระบายอยู่น้ำมั้ง

    “ว้ายยยยยยย”

    ฉันแหกปากโวยวายเพราะอยู่ดีๆก็มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาตัดหน้าฉันขึ้นรถเมล์ แถมมันยังชนฉันจนตกลงมาก้นกระแทกพื้น

    “นี่นายทำไมไม่มีมารยาทเอาซะเลยล่ะ”

    ฉันตะโกนด่าขณะที่กำลังพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นเป้าสายตาของคนอื่น

    “ขอโทษ”

    นายนั่นตอบห้วนๆพร้อมกับส่งมือมาให้ฉัน

    “ขอโทษแล้วมันห……OoO

    เสียงฉันหายไปในลำคอทันทีที่เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของมือ

    ผู้ชายบ้าอะไรหล่อปานนี้โครงหน้ารูปไข่ คิ้วหนาเข้า ตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังจ้องมาทางฉันทำเอาฉันเกือบละลาย ขนตายาวงอนเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสีแดงรูปกระจับ ผิวขาวอมชมพูสวยยิ่งกว่าผู้หญิงอย่างฉันซะอีก ผมยาวสีทองเคลียบ่า น่าจะสูงประมาณ 180 หน้าตาออกแนวลูกครึ่ง แต่ฉันรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆแฮะ (แหมเจอคนหล่อเข้าหน่อยคุ้นเชียวนะ – ผู้แต่ง)

    “นี่เธอจะจ้องหน้าฉันทำไม?หน้าฉันไปเหมือนญาติเธอรึไง -_-

    ไอ้ที่ชมไปเมื่อกี้ลูกช้างสาบานได้เลยว่าไม่ได้พูด

    “นี่นาย คำว่าสุภาพบุรุษน่ะสะกดเป็นไหม แต่ดูจากหน้าตาแล้วนะคำว่า มารยาท ยังไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่า”

    “นี่เธอ คิดว่าตัวเองเป็นลูกนายกรึไงถึงได้มาเที่ยวว่าคนอื่นเขาอย่างเนี่ย”

    ประโยคนั้นฉันต้องเป็นคนพูดไม่ใช่เหรอ

    “นี่คุณ 2 คนจะขึ้นไหมรถน่ะ คนอื่นเขารีบกัน”

    เสียงคนขับรถเมล์ตะโกนขัดการเกิดสงคราม

    “ขึ้นค่ะ/ขึ้นครับ”

    ฉันกับนายปีศาจหน้าหล่อพูดขึ้นพร้อมกัน

    “รีบขึ้นมาสิยัยบ๊อง”

    ไอ้ปีศาจหน้าหล่อทำหน้าทะเล้น อยากจะตะบันหน้าด้วยอีโต้จริงๆ

    “เชอะ”

    ฉันขว้างค้อนวงใหญ่ให้ไอ้ปีศาจ แล้วเดินขึ้นรถเมล์ไปอย่างไม่เต็มใจ

    วันนี้มันวันซวยอะไรก็ไม่รู้ วันเปิดเทอม 2 วันแรกก็ไปสาย แล้วยังมาเจอกับโรคจิต แถมรถเมล์สายนี้ที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคน กลับแน่นเอียด

    ฉันตัดสินใจยืนเพราะที่นั่งที่เหลือเพียงที่เดียวได้ถูกมารผจญแย่งเอาไปครอง TOTแม่จ๋าช่วยลูกสาวที่หน้าตาแสนสวยคนนี้ด้วยเถิด (ไอ้นิสัยหลงตัวเองนี่ท่าจะติดเป็นนิสัยนะเนี่ย)

    รถเมล์แล่นด้วยความเร็วมากชนิดว่าเต่ากัดล้อได้สบาย และแล้วมันก็คลานมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน (^/\^)ขอบคุณพระเจ้า

    “นี่ยัยบ๊อง”

    ไอ้ปีศาจเรียกฉันไว้ สงสัยคงปิ๊งฉันมั้ง เหมือนละครน้ำเน่าที่พระเอกรั้งนางเอกไว้ไม่ให้จากไป (ฝันกลางวันชัดๆ – ผู้แต่ง)

    “อะไร”

    ฉันหันไปถามอย่างมีฟอร์ม

    ไอ้ปีศาจไม่ตอบแต่แกว่งพวงกุญแจรูปรองเท้าของฉันแทนคำตอบ ดูๆไปหน้าตากับพวงกุญแจก็เข้ากันได้นะเนี่ย

    “เอาของฉันคืนมา”

    ฉันเอ่ยเสียงเฉียบขาด

    “ของเธอ?มันอยู่ที่ฉันมันจะเป็นของเธอได้ไง”

    “ไอ้ปีศาจขี้ตู่…..อุ๊บ”

    ฉันเผลอด่าตามความคิดไปหน่อย

    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”

    นายปีศาจจ้องฉันเขม็ง

    “เปล๊า”

    ฉันขึ้นเสียงสูง

    “ถ้าอยากได้ก็กระโดดให้ถึงแล้วกัน ยัยเตี้ย”

    นายปีศาจทำหน้าตาท้าทาย พร้อมกับชูพวงกุญแจขึ้นจนสุดแขน

    “ฉันสูง 167 มาตรฐานหญิงไทยย่ะ”

    แล้วฉันก็ต้องกระโดดเพราะว่ามันสูงมาก

    “ว๊ายยยยยยยย!!!!!!!!!! จุ๊บ……….OoO

    ไอ้ที่ชมไปเมื่อกี้ลูกช้างสาบานได้เลยว่าไม่ได้พูด

    “นี่นาย คำว่าสุภาพบุรุษน่ะสะกดเป็นไหม แต่ดูจากหน้าตาแล้วนะคำว่า มารยาท ยังไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่า”

    “นี่เธอ คิดว่าตัวเองเป็นลูกนายกรึไงถึงได้มาเที่ยวว่าคนอื่นเขาอย่างเนี่ย”

    ประโยคนั้นฉันต้องเป็นคนพูดไม่ใช่เหรอ

    “นี่คุณ 2 คนจะขึ้นไหมรถน่ะ คนอื่นเขารีบกัน”

    เสียงคนขับรถเมล์ตะโกนขัดการเกิดสงคราม

    “ขึ้นค่ะ/ขึ้นครับ”

    ฉันกับนายปีศาจหน้าหล่อพูดขึ้นพร้อมกัน

    “รีบขึ้นมาสิยัยบ๊อง”

    ไอ้ปีศาจหน้าหล่อทำหน้าทะเล้น อยากจะตะบันหน้าด้วยอีโต้จริงๆ

    “เชอะ”

    ฉันขว้างค้อนวงใหญ่ให้ไอ้ปีศาจ แล้วเดินขึ้นรถเมล์ไปอย่างไม่เต็มใจ

    วันนี้มันวันซวยอะไรก็ไม่รู้ วันเปิดเทอม 2 วันแรกก็ไปสาย แล้วยังมาเจอกับโรคจิต แถมรถเมล์สายนี้ที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคน กลับแน่นเอียด

    ฉันตัดสินใจยืนเพราะที่นั่งที่เหลือเพียงที่เดียวได้ถูกมารผจญแย่งเอาไปครอง TOTแม่จ๋าช่วยลูกสาวที่หน้าตาแสนสวยคนนี้ด้วยเถิด (ไอ้นิสัยหลงตัวเองนี่ท่าจะติดเป็นนิสัยนะเนี่ย)

    รถเมล์แล่นด้วยความเร็วมากชนิดว่าเต่ากัดล้อได้สบาย และแล้วมันก็คลานมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน (^/\^)ขอบคุณพระเจ้า

    “นี่ยัยบ๊อง”

    ไอ้ปีศาจเรียกฉันไว้ สงสัยคงปิ๊งฉันมั้ง เหมือนละครน้ำเน่าที่พระเอกรั้งนางเอกไว้ไม่ให้จากไป (ฝันกลางวันชัดๆ – ผู้แต่ง)

    “อะไร”

    ฉันหันไปถามอย่างมีฟอร์ม

    ไอ้ปีศาจไม่ตอบแต่แกว่งพวงกุญแจรูปรองเท้าของฉันแทนคำตอบ ดูๆไปหน้าตากับพวงกุญแจก็เข้ากันได้นะเนี่ย

    “เอาของฉันคืนมา”

    ฉันเอ่ยเสียงเฉียบขาด

    “ของเธอ?มันอยู่ที่ฉันมันจะเป็นของเธอได้ไง”

    “ไอ้ปีศาจขี้ตู่…..อุ๊บ”

    ฉันเผลอด่าตามความคิดไปหน่อย

    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”

    นายปีศาจจ้องฉันเขม็ง

    “เปล๊า”

    ฉันขึ้นเสียงสูง

    “ถ้าอยากได้ก็กระโดดให้ถึงแล้วกัน ยัยเตี้ย”

    นายปีศาจทำหน้าตาท้าทาย พร้อมกับชูพวงกุญแจขึ้นจนสุดแขน

    “ฉันสูง 167 มาตรฐานหญิงไทยย่ะ”

    แล้วฉันก็ต้องกระโดดเพราะว่ามันสูงมาก

    “ว๊ายยยยยยยย!!!!!!!!!! จุ๊บ……….OoO

    ฉันกรีดร้องสุดชีวิต

    เหตุผลเหรอ ก็ตอนที่ฉันกำลังกระโดด มันเกิดเสียหลักจะล้มเลยคว้าคอเสื้อไอ้ปีศาจเอาไว้แต่ผลที่ออกมาคือ ฉันและไอ้ปีศาจล้มลงทั้งคู่ แล้วปากไอ้ปีศาจมันถูกแก้มฉันอ่ะ (เค้าเรียกว่าหอมแก้มไม่ใช่เหรอ)

    ตอนนี้หน้าฉันอยู่ห่างจากไอ้ปีศาจไม่กี่เซนต์ เมื่อฉันหันไปมองหน้าเขาดวงตาคู่สวยคู่นั้นกำลังจ้องฉันอยู่ จนฉันต้องหลบตา ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก!อยู่ๆหัวใจของฉันก็เต้นรัวราวกับว่ามีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน ฉันรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดที่มีผลักนายปีศาจออกไป แล้ววิ่งเข้าโรงเรียนไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมาเลย -////-อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนผ่าว ถ้าให้เดาฉันว่าหน้าฉันต้องแดงแน่ๆเลย

    ณ โรงเรียนศิริทราปัญญาณุวัฒน์

    พรืด ~ เสียงประตูถูกเลื่อนพร้อมกับการปรากฎโฉมของนางมาร เฮ้ย ฉันเอง

    “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

    ฉันหายใจหอบ เพราะต้องวิ่งหลบอาจารย์ฝ่ายปกครอง และห้องของฉันก็อยู่ตั้งชั้น 3

    ฉันกวาดสายตาไปทั่วห้องก็ไม่เจออาจารย์สักคน จนสายตาของฉันไปหยุดที่ใครคนหนึ่ง ฉันจ้องคนๆนั้นแล้วค่อยเดินไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ตัวแล้วนะ

    “หวัดดีฟิสิกส์^-^;;;;

    -_-^^

    -_-^^

    -_-^^

    ฉันไม่ตอบแต่จ้องหน้าเธอไม่ลดละ

    “วันนี้สวยเนอะ^-^;;;;

    ขอบใจมาก”

    ฉันเอ่ยอย่างเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว

    “แหม ฟิสิกส์สวยอยู่ทุกวันแล้วนี่เนอะ^-^;;;;;

    เคมี ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน”

    ฉันตะโกนอย่างเหลืออดจนเพื่อนหันมามอง

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอน่ะ”

    เคมีพูดเสียงละห้อย

    ขอบใจมาก”

    ฉันเอ่ยอย่างเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว

    “แหม ฟิสิกส์สวยอยู่ทุกวันแล้วนี่เนอะ^-^;;;;;

    เคมี ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน”

    ฉันตะโกนอย่างเหลืออดจนเพื่อนหันมามอง

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอน่ะ”

    เคมีพูดเสียงละห้อย

    ขอบใจมาก”

    ฉันเอ่ยอย่างเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว

    “แหม ฟิสิกส์สวยอยู่ทุกวันแล้วนี่เนอะ^-^;;;;;

    เคมี ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน”

    ฉันตะโกนอย่างเหลืออดจนเพื่อนหันมามอง

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอน่ะ”

    เคมีพูดเสียงละห้อย

    เคมี ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน”

    ฉันตะโกนอย่างเหลืออดจนเพื่อนหันมามอง

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอน่ะ”

    เคมีพูดเสียงละห้อย

    เคมี ทำไมเธอไม่ปลุกฉัน”

    ฉันตะโกนอย่างเหลืออดจนเพื่อนหันมามอง

    “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอน่ะ”

    เคมีพูดเสียงละห้อย

    ช่างมันเถอะ”

    ฉันพูดอย่างอ่อนใจ”แล้วอาจารย์ล่ะ”

    “อาจารย์ไม่เข้าน่ะ เห็นเพื่อนบอกว่าติดธุระ”

    “เฮ้อ….”

    ฉันถอนหายใจอย่างอก

    ”ฉันนั่งไหนเหรอ”

    “นั่งข้างหลังฉันก็แล้วกัน”

    “ขอบใจ”

    “นี่ๆๆ”

    เคมีสะกิดที่แขนฉัน

    “อะไร”

    ฉันเอ่ยอย่างรำคาญ ขณะที่กำลังยกเท้าวางบนเก้าอี้ของตัวเอง เพื่อจัดถุงเท้า

    “ประภัสสร”

    ชื่อฉันเอง ซึ่งมันถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแหลมสูง ฉันค่อยๆลดเท้าลงแล้วเงยหน้ามองอาจารย์นงลักษณ์

    “เธอสมควรยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้เหรอ”

    อาจารย์ถามเสียงดัง อาจารย์คะหนูอายค่ะ

    “ไม่สมควรค่ะ”

    ฉันตอบเสียงเบาหวิว

    “ไม่สมควรแล้วยังจะทำอีก วันนี้ฉันให้อภัยเธอนั่งลงได้แล้ว”

    “ค่ะ”

    ฉันค่อยๆนั่งลงอย่างเกร็ง

    “เคมีไหนบอกอาจารย์ไม่เข้าไง?”

    ฉันกระซิบเบาๆกับเคมี

    “ชั่วโมงแรกไม่เข้า แต่นี้มันชั่วโมงที่ 2 แล้วนะ”

    เคมีไขข้อข้องใจของฉัน

    “ต๊าย ตายมาเรียนวันแรกก็ก่อเรื่องซะแล้วเนอะกิ่งกานต์”

    เสียงไพรินดังมาจากข้างหลัง

    ยัยไพรินเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับฉันมาตั้งแต่ม. 1 แล้ว ยัยนี่เนี่ยนะชอบแกล้งฉันกับเคมีบ่อยๆ แต่คนอย่างฉันก็ไม่เคยยอมหรอก ส่วนยัยกิ่งกานต์ แม่เนี่ยร้ายลึก ดูข้างนอกติ๋มๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ โคตรร้ายเลยล่ะ แถมเยือกเย็นยิ่งนัก แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากเพราะหล่อนเพิ่งย้ายมาเมื่อตอนเทอมแรก

    “เคมีว่าไหมว่ามันมีกลิ่นตุๆนะตรงเนี่ยเธอได้กลิ่นมั้ย”

    ฉันพูดกับเคมีเบาๆแต่ให้ยัย 2 คนนั้นได้ยิน

    “นั้นซิ ถังขยะอยู่ตั้งมุมนู่นทำไมกลิ่นมันแรงจังเลย”

    แล้วเคมีก็ทำท่าทางเหมือนกับว่ามีซากช้างเน่าอยู่ใกล้

    “อ้อ ฉันรู้แล้วล่ะว่ากลิ่นอะไร”

    “กลิ่นอะไรเหรอ”

    เคมีถามอย่างอยากรู้

    “กลิ่นชะนีเน่าฮ่า ฮ่า^O^

    ช่างมันเถอะ”

    ฉันพูดอย่างอ่อนใจ”แล้วอาจารย์ล่ะ”

    “อาจารย์ไม่เข้าน่ะ เห็นเพื่อนบอกว่าติดธุระ”

    “เฮ้อ….”

    ฉันถอนหายใจอย่างอก

    ”ฉันนั่งไหนเหรอ”

    “นั่งข้างหลังฉันก็แล้วกัน”

    “ขอบใจ”

    “นี่ๆๆ”

    เคมีสะกิดที่แขนฉัน

    “อะไร”

    ฉันเอ่ยอย่างรำคาญ ขณะที่กำลังยกเท้าวางบนเก้าอี้ของตัวเอง เพื่อจัดถุงเท้า

    “ประภัสสร”

    ชื่อฉันเอง ซึ่งมันถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแหลมสูง ฉันค่อยๆลดเท้าลงแล้วเงยหน้ามองอาจารย์นงลักษณ์

    “เธอสมควรยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้เหรอ”

    อาจารย์ถามเสียงดัง อาจารย์คะหนูอายค่ะ

    “ไม่สมควรค่ะ”

    ฉันตอบเสียงเบาหวิว

    “ไม่สมควรแล้วยังจะทำอีก วันนี้ฉันให้อภัยเธอนั่งลงได้แล้ว”

    “ค่ะ”

    ฉันค่อยๆนั่งลงอย่างเกร็ง

    “เคมีไหนบอกอาจารย์ไม่เข้าไง?”

    ฉันกระซิบเบาๆกับเคมี

    “ชั่วโมงแรกไม่เข้า แต่นี้มันชั่วโมงที่ 2 แล้วนะ”

    เคมีไขข้อข้องใจของฉัน

    “ต๊าย ตายมาเรียนวันแรกก็ก่อเรื่องซะแล้วเนอะกิ่งกานต์”

    เสียงไพรินดังมาจากข้างหลัง

    ยัยไพรินเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับฉันมาตั้งแต่ม. 1 แล้ว ยัยนี่เนี่ยนะชอบแกล้งฉันกับเคมีบ่อยๆ แต่คนอย่างฉันก็ไม่เคยยอมหรอก ส่วนยัยกิ่งกานต์ แม่เนี่ยร้ายลึก ดูข้างนอกติ๋มๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ โคตรร้ายเลยล่ะ แถมเยือกเย็นยิ่งนัก แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากเพราะหล่อนเพิ่งย้ายมาเมื่อตอนเทอมแรก

    “เคมีว่าไหมว่ามันมีกลิ่นตุๆนะตรงเนี่ยเธอได้กลิ่นมั้ย”

    ฉันพูดกับเคมีเบาๆแต่ให้ยัย 2 คนนั้นได้ยิน

    “นั้นซิ ถังขยะอยู่ตั้งมุมนู่นทำไมกลิ่นมันแรงจังเลย”

    แล้วเคมีก็ทำท่าทางเหมือนกับว่ามีซากช้างเน่าอยู่ใกล้

    “อ้อ ฉันรู้แล้วล่ะว่ากลิ่นอะไร”

    “กลิ่นอะไรเหรอ”

    เคมีถามอย่างอยากรู้

    “กลิ่นชะนีเน่าฮ่า ฮ่า^O^

    แล้วฉันกับเคมีก็หัวเราะร่วน

    “พวกแก”

    ยัยไพรินกล่าวอย่างเคียดแค้น

    “ทำไมเหรอ”

    ฉันถามอย่างใสซื่อ

    “แก…..”

    ถ้าใครเห็นหน้ายัย 2 คนตอนนี้นะจะต้องสะใจอย่างฉันแน่เลย

    “กลุ่มนั้นคุยอะไรกันน่ะ”

    อาจารย์หันมามองทางกลุ่มฉัน

    “เปล่าค่ะ”

    ฉัน เคมี ยัยพวกนั้นอีก 2 คนประสานเสียงกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×