คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -- 4--
-4-
ตลอดวันพฤหัสและวันศุกร์ทามากิไม่มาโรงเรียน และไม่ว่าเคียวยะจะถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าทามากิไปไหน
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ...”
“โธ่โว้ย” เคียวยะอยากจะขว้างโทรศัพท์ลงกับพื้น แต่แสงไฟที่กระพริบขึ้นมาทำให้เคียวยะรีบกดรับ แต่เสียงปลายสายที่ได้ยินกลับไม่ใช่ใครบางคนที่เขาคอย
(ว่าไง น้องชายที่รัก)
“มีไรมิสะ” ปลายสายหัวเราะคิกคักหลังจากฟังเสียงไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย พอจะเดาได้ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร
(แค่จะโทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้อย่าลืมละ)
“รู้แล้วน่า”
พูดจบเคียวยะก็วางสายลง
จะสามวันแล้ว ที่เขาไม่ได้เจอทามากิ
ไม่ได้เห็นหน้ากับรอยยิ้มใสๆนั่น
ทำไมนายถึงตั้งใจจะหนีหน้ากัน
ทั้งๆที่ฉันแสดงออกขนาดนั้นแล้ว
ทำไม
ทามากิ
“รุ่นพี่ทามากิ ดีขึ้นหรือยัง” ฮิคารุเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะส่งเสียงถาม สายตาเหลือบไปมองถาดอาหารที่ดูเหมือนไม่มีใครแตะต้องมัน และในเมื่อทามากิไม่กิน ถ้วยยาที่วางอยู่ข้างๆนั่นก็คงจะไม่ได้รับการเอาใจใส่เช่นกัน
“วันนี้พวกผมจะพารุ่นพี่ทามากิไปข้างนอก สูดอากาศมั่ง พอไปไหวมั้ย” ฮิคารุลองเชิง เพราะเท่าที่ดูจากสภาพภายนอกแล้ว เหมือนรุ่นพี่คนนี้จะไม่ไหว
สองสามวันมานี้ทามากินนอนซมอยู่ที่เตียงตลอดเวลา ถาดอาหารที่ถูกเปลี่ยนไปไม่เคยลกลงเลยซักมื้อ จะมีก็แต่น้ำที่ทามากิยอมกิน แต่มันจะช่วยได้นานเท่าไหร่กัน แม้ไข้จะลดลงมากจากตอนแรก แต่ตัวทามากิก็รุมๆตลอดเวลา แถมเวลาเดินก็ดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด แล้วไหนจะแผลที่มือนั่นอีก เมื่อไหร่จะหายซักทีถ้ายังไม่ยอมกินอะไรแบบนี้
ถึงอย่างนั้นวันนี้รุ่นพี่ทามากิคงได้รู้ความจริงซักที น่าสงสารชะมัด ถ้าไม่เป็นเพราะเคียวยะกับมิสะมีเรื่องทะเลาะกันตลอกเวลา มิสะก็คงแค่อยากแกล้งเคียวยะเท่านั้น แต่ดูเหมือนคราวนี้รุ่นพี่ทามากิจะน่าสงสารแล้วก็อาการหนักที่สุด
มิสะคงไม่คิดว่ารุ่นพี่ทามากิจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
“ไปไหนละ” ทามากิส่งเสียงถาม
“ไปงานเลี้ยงนะ ของรุ่นพี่ที่เพิ่งกลับจากอิตาลี พวกผมไม่อยากให้รุ่นพี่ทามากิอยู่บ้านคนเดียว” ฮิคารุพูด ก่อนบรรดาสาวใช้จะเดินขบวนเอาเสื้อผ้าตามหลังคาโอรุเข้ามาในห้อง
ร่างบางที่อยู่ในชุดที่สองแฝดจับใส่ให้ เดินตามตามสองแฝดเข้าไปในงาน ทามากิในชุดโทนสีขาวที่ดูเหมือนจะยิ่งกลมกลืนไปกับสีผิวที่ขาวซีดของเขามากยิ่งขึ้น ดวงหน้าหวานถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีทองที่จัดทรงไว้อย่างดี ร่างบางพยายามฝืนยิ้มให้ผู้คนมากมายที่เดินเข้ามาทักมาย เพราะใครๆต่างก็รู้จักทามากิ
หากแต่ดวงตาสีม่วงคู่สวยกลับปกปิดร่องรอยของความเศร้าเอาไว้ไม่มิด
แม้จะดูเศร้า แต่มันกลับยิ่งขับให้แววตาคู่นั่นดูน่าค้นหา จึงไม่แปลกหากใครที่มองมาและสบแววตาคู่นั้น จะพากันหลงใหล
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเคียวยะ
ดวงตาที่มองผ่านเลนส์แว่นมองไปที่ทามากิตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวเดินเข้ามาภายในงาน เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าทุกท่วงท่า ทุกการกระทำล้วนถูกจับจ้องโดยใครบางคน ทั้งการแสร้งยิ้มนั่นที่ดูก็รู้ว่าพยายามฝืนมัน เพราะดวงตาสีม่วงคู่นั้นไม่เคยโกหก ไม่ว่าจะกับเขาหรือกับใคร
แววตาหวานปนโศก ที่ตรึงเขาไว้จนไม่สามารถถอนสายตาไปไหนได้อีก นับตั้งแต่ที่เห็นมัน ทามากิดูผอมลง ร่างบางนั่นทำท่าจะปลิวลม เหมือนร่างกายไม่มั่นคงพอจะทรงตัวได้ แล้วจู่ๆเหมือนโลกทั้งใบหยุดลง เมื่อทามากิเบนหน้ามาเห็นเขา
แววตาคู่นั้นเหมือนฉายรอยดีใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงแค่เขากระพริบตา ร่างบางตรงนั้นกลับมองเลยผ่านไปเหมือนเขาไม่มีตัวตน
เป็นอะไรไป
เขาอยากเดินไปถามให้รู้เรื่อง กอดร่างบางนั่นให้หายคิดถึง ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องยอมเดินเป็นคู่ควงให้กับเจ้าของงานนี้
แต่เขาลืมไปได้ยังไงว่าแขกต้องมาหาเจ้าของงาน
“ยินดีต้อนรับกลับครับ” ฮิคารุและคาโอรุเดินเข้ามาทักทายมิสะ ก่อนจะพากันดันร่างทามากิออกมาจากด้านหลัง
“สุโอ ทามากิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ทามากิแนะนำตัว ก่อนจะเหลือบมองมือของมิสะที่คล้องแขนเคียวยะอยู่
คงเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
“ลูกชายท่านผู้อำนวยการใช่มั้ย แหม น่ารักจัง ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ ฉันซาซานะ มิสะ เรียกมิสะเฉยๆก็ได้” มิสะพูดจบ ทามากิก็ขอตัวเดินแยกออกไปคนเดียวไม่สนใจเคียวยะที่ทำท่าว่าจะเข้ามาพูดด้วย
“ทามากิ เดี๋ยวสิ” เคียวยะหันมาแกะมือมิสะออกจากแขนตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งตามทามากิไป
“เคียวยะ ไปไหนของนายนะ” มิสะโวยวาย แต่ในใจก็อดอมยิ้มไม่ได้
เฮ้อ คู่นี้น่ารักจริงๆ
“แกล้งคนอื่นเขาอยู่นั่นแหละ ระวังเถอะจะโดนตัวเองมั่ง” คาโอรุพูด ก่อนจะรีบเดินไปทางอื่นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินตรงมาหามิสะ
“อะไรของพวกนาย” มิสะบ่นงึมงำ ก่อนจะเข้าใจเมื่อมีเสียงใครบางคนลอยมากระทบหู พร้อมๆกับที่เธอถูกลากออกไปทางระเบียงอย่างรวดเร็ว
“แสบจริงนะมิสะ”
“เอ๊ะ!... แซม” มิสะหันควับไปทางคนพูด ก่อนริมฝีปากบางจะถูกจูบอย่างรวดเร็ว ร่างบางประท้วงน้อยๆก่อนจะยอมอีกฝ่ายเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีแรงมากพอที่จะสู้ไหว
แซมถอนริมฝีปากออก ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ดูท่าจะทำเรื่องไว้มากโข
“นายมาได้ไง” มิสะแกล้งพูดหาเรื่อง ทั้งๆที่ตัวเองหน้าแดงอยู่ “ทำธุระอยู่ไม่ใช่รึไง”
แซมมองมิสะเหมือนจะจับผิดแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขามาทันจนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ดูท่าน้องชายของมิสะจะโดนแกล้งหนักพอดู
“ก็ใช่ แต่เสร็จแล้วละ”
*****
ทามากิเดินแยกออกมาจากทุกคน เดินเลยไปทางสวนด้านข้าง ก่อนจะนั่งลงตรงม้านั่งตรงหน้า เขาอยากอยู่คนเดียว บางทีอะไรๆอาจดีขึ้น
แกรบ
ใคร
ทามากิยืนขึ้นหันหลัง มองไปทางประตูเข้างานเผื่ออาจเห็นใครอยู่ตรงนั้น แต่เปล่า ไม่มีใครซักคนอยู่ตรงนั้น ทำไมเขาต้องคิดถึงเคียวยะด้วย หมอนั่นไม่มีทางตามเขามาแน่ๆ พอร่างบางหันหน้ากลับมา กลับพบใครบางคน ใครคนนั้นที่เขาคิดถึงแทบขาดใจ
“เคียว...ยะ” ทามากิพูดได้เพียงเท่านั้น ก่อนริมฝีปากบางจะถูกครอบครอง มือของเคียวยะล้วงเข้าไปในเสื้อด้านหลัง ขณะที่อีกมือกลับรั้งท้ายทอยของร่างบางไว้ไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน ไม่ให้หนีจากสัมผัสนี้
“อื้อ อื้อ” แต่ทามากิไม่ยอม เขาไม่อยากเป็นแค่ตัวแทน ตัวสำรองของใคร ร่างบางพยายามดิ้นรน แต่เพราะร่างกายอ่อนเพลีย จู่ๆร่างของทามากิก็ทรุดฮวบลง
เคียวยะรีบรับร่างบางได้ทัน เขาช้อนร่างบางมานั่งบนตัก ขณะที่ตัวเองก็นั่นอยู่บนม้านั่ง จับใบหน้าทามากิให้ซุกไว้ที่ไหล่ ก่อนจะกอดร่างบางไว้หลวมๆ เหมือนกลัวว่าร่างบ่างตรงหน้าจะเหมือนตุ๊กตาแก้วที่พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ทามากิที่ไม่มีแรงขัดขืนก็ได้แน่นอนนิ่งๆไป ร่างของทามากิที่เคียวยะกอดอยู่ดูเหมือนจะอุ่นมาก อุ่นจนเหมือนร้อน คิ้วของเคียวยะขมวดเข้าหากัน เขาจำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนทามากิเป็นไข้ มันสมควรจะหายแล้วด้วยซ้ำ แต่ไอร้อนจากร่างบางที่กอดอยู่ดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
“ทำไมนายไม่ห่วงตัวเองบ้าง หือ ทามากิ” ข้อสันนิษฐานอีกข้อของเคียวยะคือทามากิผอมลง ร่างบางซูบลงไปมาก
ก่อนที่ความคิดของเคียวยะจะไปไกลมากกว่านี้ ร่างในอ้อมแขนก็เริ่มขยับ จนเคียวยะสังเกตเห็นแผลบนฝ่ามือ มือหนาจับมือบางมาดู เคียวยะถูมือนั้นเบาๆ ก่อนเสียงแผ่วเบาจะดังขึ้น
“ปล่อย” แต่เคียวยะทำเพียงเงียบ ทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน แถมยังจ้องตาทามากิพร้อมพูดว่า
“ฉันไม่มีเหตุผลจะปล่อยนายทามากิ”
“นายไม่ควรกอดฉันอย่างนี้ ถ้าคุณมิสะมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด ?” เคียวยะพูดทวนคำพูดของทามากิอย่างงงๆ ก่อนจะพูดขึ้น “นายหึง”
“ฉันไม่ได้หึงนาย ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนั้น” ทามากิเถียง ก่อนท้ายประโยคเสียงจะเบาลง
“เพราะอะไรนายถึงคิดอย่างนั้น” เคียวยะนึกสนุกที่เห็นคนตรงหน้าตอบคำถาม เพราะดูเหมือนคนตรงหน้ายิ่งตอบเสียงของคนตรงหน้าก็จะยิ่งเบาลงทุกที
“เพราะคุณมิสะเขาเป็นคนรักของนาย”
“อะไรนะ” ทามากิแทบจะหันควับขึ้นมามองหน้าเคียวยะแทบไม่ทัน ฟังจากเสียงเมื่อครู่เคียวยะต้องโกรธแน่ๆ ที่เขารู้เรื่องนี้แล้ว ดวงตาคู่สีม่วงนั้นถึงได้หวาดกลัวนักหนา
แต่สำหรับเคียวยะ เขาไม่ได้โกรธด้วยซ้ำ แค่อึ้ง ที่ดันคิดอะไรแบบนั้นออกมาได้ ถ้าบอกว่าหึงเขาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มัน ยิ่งเห็นสีหน้าตื่นๆของทามากิยิ่งอยากแกล้ง แต่แววตานั่นทำเอาเขาใจอ่อนไปกว่าครึ่ง
“ทำไมนายคิดว่ามิสะเป็นคนรักของฉัน”
“คุณมิสะ เขา เขาหอมแก้มนาย ตะ แต่ฉันไม่ได้แอบมองนะ ฉัน ฉันแค่ผ่านไปเห็น” ทามากิตอบ ก่อนจะรีบละล่ำละลักบอกว่าตัวเองแค่บังเอิญไปเห็นเข้า
“อ้อ มิน่าละ” เคียวยะอมยิ้มกับท่าทางของทามากิ ร่างบางพยายามจะลงจากตักเคียวยะ แต่เขากอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย สุดท้ายทามากิเลยเลือกที่จะก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าเคียวยะ
งั้นแปลว่าวันนั้นทามากิคงเห็นเข้า เลยหายออกไปจากบ้านเขาไม่บอกซักคำ แถมเจ้าแฝดนั่นยังรู้เห็นเรื่องนี้แต่ไม่บอกเขาอีก มันน่าจัดการนัก แต่ก่อนอื่นคงต้องลงโทษคนคิดอะไรไม่รู้เรื่องตรงหน้านี้ก่อน ที่ทำเอาเขาแทบบ้าทั้งอาทิตย์
“มิสะเป็นญาติฉัน แล้วจะมาเป็นคนรักฉันได้ยังไง” จบคำพูดของเคียวยะ ทามากิก็เงยหน้ามามองคนพูด เหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จนสุดท้ายเคียวยะเลยพิสูจน์ด้วยการจูบร่างบางตรงหน้าอีกรอบ ซึ่งดูเหมือนคราวนี้คนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ขัดขืน หรือว่าบางทีอาจจะอึ้งจนช็อคไปแล้วก็ไม่รู้
ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากคนตรงหน้าแผ่วเบา ก่อนจะเลยไปที่คาง ริมหู แล้วจบลงตรงต้นคอ เคียวยะค่อยๆถอนจูบออกมองผลงานของตัวเองอย่างชื่นชม รอยแดงตรงต้นคอนั่นดูเหมือนมันจะแข่งกับสีแดงบนใบหน้าของทามากิ ทามากิเสมองไปทางอื่นจนเคียวยะจับคางมนให้หันมาสบตาด้วย
“ทีนี้เชื่อหรือยัง หืม”
ร่างบางพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบซุกหน้าเข้ากับซอกคอของเคียวยะ สองมือบางก็กอดเอวเคียวยะแน่น เพราะจู่ๆก็มีคนอื่นโผล่หน้ามาทักทาย
“แหมๆ น้องชายที่รัก ไม่ประกาศให้คนเขารู้ไปเลยละว่าหนุ่มน้อยนั่นเป็นอะไรกับนาย ทำแบบนั้นทามากิเขาเสียหายรู้มั้ย” มิสะโผล่หน้ามาปุ๊บก็พูดปั๊ป จนเคียวยะสวนกลับแทบไม่ทัน
“ถ้าไม่เป็นเพราะฝีมือเธอ มิสะ” เคียวยะดันแว่นตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มด้านหลังมิสะ ที่คงจะเป็นแซดริก แซม ไทต์ คนรักตัวจริงเสียงจริงของมิสะ เคียวยะจึงโค้งให้
แซมมองหนุ่มน้อยบนตักของเคียวยะก่อนจะอมยิ้ม หนุ่มน้อยนั่นคงจะโดนลูกหลงไปมากพอดู เขาจึงเดินมาขนาบข้างมิสะแล้วกล่าวแนะนำตัว
“แซดริก แซม ไทต์ ยินดีที่ได้รู้จัก หนุ่มน้อย” ดูเหมือนแซมจงใจจะบอกทามากิ เมื่อมีคนมาแนะนำตัว ทามากิเลยค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ แล้วลุกออกจากตักของเคียวยะ ก่อนจะแนะนำตัวกลับบ้าง
“สุโอ ทามากิ” พูดจบก็มองหน้าแซมช้าๆ อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้ก่อนจะกล่าวขอโทษแทนมิสะ
“ฉันขอโทษแทนมิสะด้วยที่เล่นอะไรแบบนั้น” ฝ่ายมิสะก็ยิ้มก่อนจะขอโทษด้วยอีกคน
“ฉันก็ต้องขอโทษด้วย พอดีหมันไส้เคียวยะไปหน่อย เราทะเลาะกันบ่อยๆน่ะ อย่าโกรธเลยนะ”
ทามากิเผลอยิ้มออกมาก่อนจะตอบว่า
“ไม่เป็นไรครับ”
“เอ่อ นี่จ๊ะ ของขวัญขอโทษจากฉัน ตั๋วไปกลับฝรั่งเศส” มิสะยื่นซองตั๋วให้แต่ทามากิเพียงพูดขอบคุณแต่ไม่รับ
“ขอบคุณครับ แต่.. ผม คงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น” พูดจบทามากิก้ขอตัวเดินจากไป
“เป็นเด็กดีจริงๆเลยน้า” มิสะพูดขณะเปิดซองออกมา แทนที่ข้างในจะเป็นตั๋วเครื่องบินอย่างที่พูด กลับเป็นตั๋วรถไฟ 2 ที่แทน มิสะยกมันให้กับเคียวยะ
“บางทีที่นี่อาจจะเหมาะกับเด็กคนนั้นมากกว่าก็ได้นะ เคียวยะ” เคียวยะมองตั๋วรถไฟไป-กลับ คารุอซาว่าในมือ ก่อนจะถามมิสะว่า
“เธอรู้อยู่แล้วว่าทามากิจะไม่ไปที่นั้น”
“จริงๆแล้วเรื่องนี้นายก็น่าจะรู้ใช่มั้ยละ เพราะนายเข้าใกล้เด็กคนนั้นมากกว่าใคร หรือเป็นเพราะบางทีนายแค่อยากให้เด็กคนนั้นทำตามที่ใจตัวเองต้องการเลยตกลงจะช่วยฉัน ทั้งๆที่นายก็รู้ดีมากกว่าใครๆว่าไม่มีทางที่เด็กคนนั้นจะไปที่นั่นเด็ดขาด”
ความคิดเห็น