ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ชีวิตอันเป็นหนึ่งเดียว (Unus Vita)
.......ในขณะที่เซรอสกำลังจะเสียท่าให้แก่แองเจิ้ลตนนั้น ฟาลันเซีย ได้เข้ามาช่วยเขาไว้ได้ทันพอดี จากนั้นทั้ง 2 จึงตกลงที่จะปลดผนึกแห่งพันธะสัญญาให้แก่ฟาลันเซีย...........
เซเรมิเอลพุ่งเข้าโจมตีเข้าใส่ฟาลันเทียและเซรอสอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วและพลังที่ถาโถมโจมตีเข้าใส่คนทั้งคู่นั้นกลับไม่เป็นผล แถมยังโดนโจมตีสวนกลับมาสร้างความประหลาดใจให้แก่เซเรมิเอลเป็นอันมาก
"นายท่านเซเรมิเอล" ทาเลสม่าวิ่งเข้ามาประคองเทพธิดาตนนั้นซึ่งเป็นนายของตน
"หลีกไป" เซเรมิเอลพลักทาเลสม่าให้พ้นทาง
"หนอยพวกแกทำแสบมากนะ เป็นแค่พวก เดวิล กระจอกๆ แต่คิดจะมารับมือกับคนอย่างชั้นงั้นหรือ มันจะมากเกินไปแล้วววว
คราวนี้พวกแกไม่รอดแน่ๆ ชั้นจะทุ่มพลังทั้งหมดจัดการกับพวกแกเดี๋ยวนี้ละ" เซเรมิเอลพูดด้วยอารมณ์เดือดจัด
"แต่ว่านายท่าน ขืนท่านใช้พลังนั่น ที่นี่จะกลายเป็นดินแดนร้างในทันทีนะครับ แถมยังพวกคนของข้าอีก" ทาเลสม่าเตือน เซเรมิเอล
"ช่างหัวมัน ใครจะตายก็ช่างชั้นไม่สน แค่กำจัดเจ้าพวกมดปลวกน่ันได้ก็พอแล้ว"
พูดจบเซเรมิเอลก็ทะยานตัวขึ้นไปบนฟ้า แล้วรวบรวมพลังไปที่มือทั้งสองข้างของหล่อน
มือทั้งสองข้างเกิดประกายแสงสีทองขึ้นและกำลังเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ
"เอาล่ะรับไปพลังทั้งหมดของชั้น ประกายแสงสีทอง"
เมื่อสิ้นเสียงประกายแสงที่เกิดบนมือทั้งสองข้างของ เซเรมิเอล ก็เคลื่อนไหว แสงนั้นได้ขยายวงกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนทั่วแถบนั้นกลายเป็นแสงสีทองไปจนหมด...
เมื่อประกายแสงนั้นจางหายไปดินแดนแถบนี้ทั้งหมดกลายเป็นที่เตียนโล่งไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลยนอกเสียจาก เทพธิดานามเซเรมิเอล กับ ทาเลสม่า
"ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็สามารถกำจัดพวกมันได้แล้ว ช่างน่ายินดีเสียนี่กระไร" เซเรมิเอลเอ่ยอย่างพึงพอใจ
"แต่ว่าเราก็สูญเสียทหารไป 1 กองเลยนะครับนายท่าน" ทาเลสม่าพูด
"ก็ช่างมันสิ ทหารชั้นเลวพวกนั้นจะหาอีกกี่กองก็ยังได้ ไม่เหมือนอย่างพวกเจ้าที่ได้รับเลือกโดยพวกข้า"
"ขอรับนายท่าน" แต่ยังไม่ทันขาดคำก็มีหอกพุ่งเข้ามาพุ่งทะลุท้องของเซเรมิเอลเข้าอย่างจัง
เซเรมิเอลหันไปมองที่มาของหอกก็ต้องพบกับความประหลาดใจเพราะเธอเห็น เซรอส กับ ฟาเลนเซีย ยังมีชีวิตอยู่แม้จะสะบักสะบอมพอสมควร
"นี่แกรอดมาได้ยังไงกันนี่ แต่ช่างเหอะ ยังไงแกก็จะตายอยู่ดีนั่นล่ะ สภาพพวกแกเช่นนี้มีหรือจะสามารถเอาชนะข้าได้" ว่าแล้วเซเรมิเอลจึงดึงหอกออกจากท้องแล้วขว้างทิ้งไป
"ลองรับพลังของข้าอีกสักครั้งจะเป็นไรไป รับไป ประกายแสง............."
ยังไม่ทันที่เซเรมิเอลจะร่ายมนต์ได้จบ อยู่ๆก็หมดพลังกระทันหัน
"เกิดอะไรขึ้นนี่ ทำไมอยู่ๆข้าถึงไม่มีแรงเลย ทำไมกัน แล้วแสงนี่มันอะไรกัน"
"เซเรมิเอล เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า การที่พวกเจ้าคงอยู่บนโลกนี้ได้นั้นจำเป็นต้องมี สลาฟ เพื่อเป็นคู่พันธะสัญญาให้แก่พวกเจ้ามิใช่หรือ แล้วตอนนี้สลาฟของเจ้าเป็นเช่นไรล่ะ" ฟาลันเซียพูดขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้นเซเรมิเอลก็หันไปมองทาเลสม่า ซึ่งอยู่ด้านหลังของหล่อนอย่างรวดเร็ว
แต่ภาพที่ปรากฎให้เธอเห็นคือ ร่างของทาเลสม่าที่ถูกหอกที่พุ่งเข้าใส่เมื่อกี้ปักเข้าที่หัวใจพอดี
"เมื่อกี้หอกปักอยู่ที่ตัวข้า แล้วทำไม........."
"ใช่หอกปักที่ตัวเจ้าจริง แต่ว่าหอกข้ามันมี 2 ด้ามต่างหากล่ะ และก็ต้องโทษเจ้าเองที่ดันทำสัญญากับเจ้าคนไม่ได้เรื่องเช่นมัน" เซรอสพูดขึ้น
"ไม่นะเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้ารู้เรื่องนี้ เรื่องนี้น่าจะมีแต่พวกระดับสูงเท่านั้นที่จะรู้นี่ แต่ทำไมเจ้าถึงรู้........กรี๊ดดดดด"
สิ้นเสียงร้องร่างของเซเรมิเอลก็กลายเป็นแสงสว่างและเลือนหายไปในที่สุด
"แฮ่ก แฮ่ก" ชายหนุ่มนั่งลงอย่างคนเหนื่อยอ่อน
"เกือบไปแล้วสิดีที่เจ้า บังตัวข้าไว้ไม่งั้นข้าก็เสร็จไปกับแล้ว"
"ว่าแต่ว่า ฟาเลนเซีย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของแองเจิ้ลตนนั้นอยู่ที่ทาเลสม่า"
"นายท่านลืมไปแล้วหรือค่ะ ว่าตัวฉันกับเทพธิดาเหล่านั้นมีรูปแบบการดำรงอยู่ของชีวิตที่คล้ายกัน"
นางเว้นจังหวะสักครู่จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ
"เทพธิดานั้นไม่ต่างกับ A2 อย่างพวกข้าหรอกค่ะ จำเป็นต้องมีมนุษย์เป็นคู่พันธะสัญญา จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ แต่การได้มาซึ่งพลังก็ต้องแลกกับการมีชีวิตเป็นอันหนึ่งเดียวกันหากมนุษย์ซึ่งเป็นคู่พันธะสัญญาตายไป เทพธิดาเหล่านั้นก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือพูดง่ายๆก็คือ เทพธิดากับมนุษย์ ที่เป็นคู่พันธะสัญญากันนั้นหากใครตายขึ้นมาอีกคนก็ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้ การทำสัญญาเช่นนี้เรียกกันในหมู่เทพธิดาว่า อูนัส วิต้า (การรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียว)
เหมือนกับที่นายท่านได้ทำสัญญากับดิฉันไงล่ะคะ"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง การที่จะเอาชนะพวกเทพธิดาเหล่านั้นได้ก็จำเป็นที่จะต้องค้นหาคู่พันธะสัญญาให้เจอแล้วกำจัดซะ"
"เฮ้อ มันช่างยุ่งยากเสียจริงเลยยย"
เซรอสถอนหายใจแล้วเอนตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ฟาเลนเซียยิ้มให้กลับเซรอส แล้วจึงพูดขึ้นว่า
"มันคงไม่ง่ายอย่างนี้เสมอไปหรอกค่ะ ที่ตายไปนั้นเป็นเพียงแค่ เทพธิดาระดับล่างสุดเท่านั้น ถ้าหากเป็น เทพธิดาระดับสูงจะรับมือได้ยากยิ่งกว่านี้ ยิ่งระดับสูงมากมนุษย์ที่เป็นคู่พันธะสัญญาก็จะร้ายกาจมากขึ้นไปด้วย"
"เฮ้อ ไม่นึกเลยว่าเทพธิดาจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางเก่งให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ ไม่งั้นคงรับมือพวกเทพธิดาระดับสูงๆไม่ได้แน่ๆ" เซรอสถอนหายใจ
เซรอสนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ฟาลันเซีย แล้ว เอเลเทีย ล่ะ ก่อนที่เจ้าจะมาช่วยข้าเจ้าอยู่กับนางไม่ใช่หรือ"
"คิก คิก คิก" ฟาลันเซียหัวเราะ
"ดูท่านายท่านจะเป็นห่วงน้องสาวแสนสวยคนนั้นเหลือเกินนะคะ"
เซรอสรีบปฏิเสธอย่างทันทีทันใด
"ขะะ ข้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรนางหรอก กลัวนางจะมีอันตรายเท่านั้นเอง..."
เซรอสนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงเริ่มพูดต่อ
"เจ้าก็รู้นี่ นับตั้งแต่ข้าได้พบเจ้า นับแต่นั้นข้าหาได้มองหญิงอื่นอีกเลย"
"คิก คิก คิก" ฟาลันเซียขำอีกครั้ง กับท่าทางเก้ๆกังๆและสีหน้าเซรอสที่แดงก่ำ
"คิก คิก คิก ดิฉันเพียงหยอกท่านเล่นเท่านั้น ส่วนเรื่องเอเลเทียไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ หลังจากที่ดิฉันไล่ภูติเหล่านั้นไปแล้ว ก็ได้พา เอเลเทีย ไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงวกกลับมาช่วยนายท่านนี่ล่ะคะ"
"งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะจะได้เดินทางกันต่อ"
เซรอสรีบกลบเกลื่อนความอายของตน รีบหยิบหอกทั้ง 2 ด้ามของตนขึ้นมา แล้วจึงรวมกลับเข้ามาเป็นด้ามเดียว จากนั้นจึงรีบเดินไปยังถ้ำที่ฟาเลนเซียได้บอกไว้ โดยมีฟาเลนเซียเดินตามไปห่าง....
เซเรมิเอลพุ่งเข้าโจมตีเข้าใส่ฟาลันเทียและเซรอสอย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วและพลังที่ถาโถมโจมตีเข้าใส่คนทั้งคู่นั้นกลับไม่เป็นผล แถมยังโดนโจมตีสวนกลับมาสร้างความประหลาดใจให้แก่เซเรมิเอลเป็นอันมาก
"นายท่านเซเรมิเอล" ทาเลสม่าวิ่งเข้ามาประคองเทพธิดาตนนั้นซึ่งเป็นนายของตน
"หลีกไป" เซเรมิเอลพลักทาเลสม่าให้พ้นทาง
"หนอยพวกแกทำแสบมากนะ เป็นแค่พวก เดวิล กระจอกๆ แต่คิดจะมารับมือกับคนอย่างชั้นงั้นหรือ มันจะมากเกินไปแล้วววว
คราวนี้พวกแกไม่รอดแน่ๆ ชั้นจะทุ่มพลังทั้งหมดจัดการกับพวกแกเดี๋ยวนี้ละ" เซเรมิเอลพูดด้วยอารมณ์เดือดจัด
"แต่ว่านายท่าน ขืนท่านใช้พลังนั่น ที่นี่จะกลายเป็นดินแดนร้างในทันทีนะครับ แถมยังพวกคนของข้าอีก" ทาเลสม่าเตือน เซเรมิเอล
"ช่างหัวมัน ใครจะตายก็ช่างชั้นไม่สน แค่กำจัดเจ้าพวกมดปลวกน่ันได้ก็พอแล้ว"
พูดจบเซเรมิเอลก็ทะยานตัวขึ้นไปบนฟ้า แล้วรวบรวมพลังไปที่มือทั้งสองข้างของหล่อน
มือทั้งสองข้างเกิดประกายแสงสีทองขึ้นและกำลังเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ
"เอาล่ะรับไปพลังทั้งหมดของชั้น ประกายแสงสีทอง"
เมื่อสิ้นเสียงประกายแสงที่เกิดบนมือทั้งสองข้างของ เซเรมิเอล ก็เคลื่อนไหว แสงนั้นได้ขยายวงกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนทั่วแถบนั้นกลายเป็นแสงสีทองไปจนหมด...
เมื่อประกายแสงนั้นจางหายไปดินแดนแถบนี้ทั้งหมดกลายเป็นที่เตียนโล่งไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลยนอกเสียจาก เทพธิดานามเซเรมิเอล กับ ทาเลสม่า
"ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็สามารถกำจัดพวกมันได้แล้ว ช่างน่ายินดีเสียนี่กระไร" เซเรมิเอลเอ่ยอย่างพึงพอใจ
"แต่ว่าเราก็สูญเสียทหารไป 1 กองเลยนะครับนายท่าน" ทาเลสม่าพูด
"ก็ช่างมันสิ ทหารชั้นเลวพวกนั้นจะหาอีกกี่กองก็ยังได้ ไม่เหมือนอย่างพวกเจ้าที่ได้รับเลือกโดยพวกข้า"
"ขอรับนายท่าน" แต่ยังไม่ทันขาดคำก็มีหอกพุ่งเข้ามาพุ่งทะลุท้องของเซเรมิเอลเข้าอย่างจัง
เซเรมิเอลหันไปมองที่มาของหอกก็ต้องพบกับความประหลาดใจเพราะเธอเห็น เซรอส กับ ฟาเลนเซีย ยังมีชีวิตอยู่แม้จะสะบักสะบอมพอสมควร
"นี่แกรอดมาได้ยังไงกันนี่ แต่ช่างเหอะ ยังไงแกก็จะตายอยู่ดีนั่นล่ะ สภาพพวกแกเช่นนี้มีหรือจะสามารถเอาชนะข้าได้" ว่าแล้วเซเรมิเอลจึงดึงหอกออกจากท้องแล้วขว้างทิ้งไป
"ลองรับพลังของข้าอีกสักครั้งจะเป็นไรไป รับไป ประกายแสง............."
ยังไม่ทันที่เซเรมิเอลจะร่ายมนต์ได้จบ อยู่ๆก็หมดพลังกระทันหัน
"เกิดอะไรขึ้นนี่ ทำไมอยู่ๆข้าถึงไม่มีแรงเลย ทำไมกัน แล้วแสงนี่มันอะไรกัน"
"เซเรมิเอล เจ้าลืมไปแล้วหรือว่า การที่พวกเจ้าคงอยู่บนโลกนี้ได้นั้นจำเป็นต้องมี สลาฟ เพื่อเป็นคู่พันธะสัญญาให้แก่พวกเจ้ามิใช่หรือ แล้วตอนนี้สลาฟของเจ้าเป็นเช่นไรล่ะ" ฟาลันเซียพูดขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้นเซเรมิเอลก็หันไปมองทาเลสม่า ซึ่งอยู่ด้านหลังของหล่อนอย่างรวดเร็ว
แต่ภาพที่ปรากฎให้เธอเห็นคือ ร่างของทาเลสม่าที่ถูกหอกที่พุ่งเข้าใส่เมื่อกี้ปักเข้าที่หัวใจพอดี
"เมื่อกี้หอกปักอยู่ที่ตัวข้า แล้วทำไม........."
"ใช่หอกปักที่ตัวเจ้าจริง แต่ว่าหอกข้ามันมี 2 ด้ามต่างหากล่ะ และก็ต้องโทษเจ้าเองที่ดันทำสัญญากับเจ้าคนไม่ได้เรื่องเช่นมัน" เซรอสพูดขึ้น
"ไม่นะเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้ารู้เรื่องนี้ เรื่องนี้น่าจะมีแต่พวกระดับสูงเท่านั้นที่จะรู้นี่ แต่ทำไมเจ้าถึงรู้........กรี๊ดดดดด"
สิ้นเสียงร้องร่างของเซเรมิเอลก็กลายเป็นแสงสว่างและเลือนหายไปในที่สุด
"แฮ่ก แฮ่ก" ชายหนุ่มนั่งลงอย่างคนเหนื่อยอ่อน
"เกือบไปแล้วสิดีที่เจ้า บังตัวข้าไว้ไม่งั้นข้าก็เสร็จไปกับแล้ว"
"ว่าแต่ว่า ฟาเลนเซีย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของแองเจิ้ลตนนั้นอยู่ที่ทาเลสม่า"
"นายท่านลืมไปแล้วหรือค่ะ ว่าตัวฉันกับเทพธิดาเหล่านั้นมีรูปแบบการดำรงอยู่ของชีวิตที่คล้ายกัน"
นางเว้นจังหวะสักครู่จากนั้นจึงเริ่มพูดต่อ
"เทพธิดานั้นไม่ต่างกับ A2 อย่างพวกข้าหรอกค่ะ จำเป็นต้องมีมนุษย์เป็นคู่พันธะสัญญา จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ แต่การได้มาซึ่งพลังก็ต้องแลกกับการมีชีวิตเป็นอันหนึ่งเดียวกันหากมนุษย์ซึ่งเป็นคู่พันธะสัญญาตายไป เทพธิดาเหล่านั้นก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือพูดง่ายๆก็คือ เทพธิดากับมนุษย์ ที่เป็นคู่พันธะสัญญากันนั้นหากใครตายขึ้นมาอีกคนก็ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้ การทำสัญญาเช่นนี้เรียกกันในหมู่เทพธิดาว่า อูนัส วิต้า (การรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียว)
เหมือนกับที่นายท่านได้ทำสัญญากับดิฉันไงล่ะคะ"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง การที่จะเอาชนะพวกเทพธิดาเหล่านั้นได้ก็จำเป็นที่จะต้องค้นหาคู่พันธะสัญญาให้เจอแล้วกำจัดซะ"
"เฮ้อ มันช่างยุ่งยากเสียจริงเลยยย"
เซรอสถอนหายใจแล้วเอนตัวลงไปนอนกับพื้นอย่างหมดสภาพ
ฟาเลนเซียยิ้มให้กลับเซรอส แล้วจึงพูดขึ้นว่า
"มันคงไม่ง่ายอย่างนี้เสมอไปหรอกค่ะ ที่ตายไปนั้นเป็นเพียงแค่ เทพธิดาระดับล่างสุดเท่านั้น ถ้าหากเป็น เทพธิดาระดับสูงจะรับมือได้ยากยิ่งกว่านี้ ยิ่งระดับสูงมากมนุษย์ที่เป็นคู่พันธะสัญญาก็จะร้ายกาจมากขึ้นไปด้วย"
"เฮ้อ ไม่นึกเลยว่าเทพธิดาจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ สงสัยพวกเราคงต้องหาทางเก่งให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้ ไม่งั้นคงรับมือพวกเทพธิดาระดับสูงๆไม่ได้แน่ๆ" เซรอสถอนหายใจ
เซรอสนึกอะไรขึ้นได้จึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ฟาลันเซีย แล้ว เอเลเทีย ล่ะ ก่อนที่เจ้าจะมาช่วยข้าเจ้าอยู่กับนางไม่ใช่หรือ"
"คิก คิก คิก" ฟาลันเซียหัวเราะ
"ดูท่านายท่านจะเป็นห่วงน้องสาวแสนสวยคนนั้นเหลือเกินนะคะ"
เซรอสรีบปฏิเสธอย่างทันทีทันใด
"ขะะ ข้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรนางหรอก กลัวนางจะมีอันตรายเท่านั้นเอง..."
เซรอสนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงเริ่มพูดต่อ
"เจ้าก็รู้นี่ นับตั้งแต่ข้าได้พบเจ้า นับแต่นั้นข้าหาได้มองหญิงอื่นอีกเลย"
"คิก คิก คิก" ฟาลันเซียขำอีกครั้ง กับท่าทางเก้ๆกังๆและสีหน้าเซรอสที่แดงก่ำ
"คิก คิก คิก ดิฉันเพียงหยอกท่านเล่นเท่านั้น ส่วนเรื่องเอเลเทียไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ หลังจากที่ดิฉันไล่ภูติเหล่านั้นไปแล้ว ก็ได้พา เอเลเทีย ไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้วจึงวกกลับมาช่วยนายท่านนี่ล่ะคะ"
"งั้นพวกเราก็รีบไปกันเถอะจะได้เดินทางกันต่อ"
เซรอสรีบกลบเกลื่อนความอายของตน รีบหยิบหอกทั้ง 2 ด้ามของตนขึ้นมา แล้วจึงรวมกลับเข้ามาเป็นด้ามเดียว จากนั้นจึงรีบเดินไปยังถ้ำที่ฟาเลนเซียได้บอกไว้ โดยมีฟาเลนเซียเดินตามไปห่าง....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น