ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เทพธิดาผู้มีปีกสีนิล (Angel with Dark Wing)
ทั้งคู่ได้เดินทางมาจนถึงโอเอซิสแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองท่าอัลเบอร์ท่า
"เอาละ เดี๋ยวเราพักที่โอเอซิสข้างหน้าก่อนแล้วกันข้านัดกับเพื่อนของข้าไว้ที่นั่น จากนั้นเราค่อยเดินทางกันต่อ" เซรอสพูดกับเอเลเทีีย
"ค่ะ"
เมื่อไปถึงยังโอเอซิสแห่งนั้น เอเลเทียจึงไปนั่งหลบแดดบริเวณริมน้ำ
อารอสยังยืนอยู่ตรงปากทางเข้าโอเอซิส สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับเซรอส ทั้ง 2 คุยกันอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงพากันเดินมาหาเอเลเทีีย
"เอเลเทีย ชั้นขอแนะนำให้เธอรู้จัก ฟาลันเซีย ถือซะว่าฟาลันเซียเป็นพี่สาวเธอก็ได้นะ" เซรอสบอกกับเอเลเทีย
"ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่ฟาลันเซีย" เอเลเทียทักท่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ เอเลเทีย" ฟาลันเซียยิ้มตอบอย่างเอ็นดู
จากนั้นทั้ง 3 ก็เดินทางไปยังเมืองแห่งการค้า อัลเบอร์ท่า ซึ่งเป็นจุดหมายของคนทั้ง 3............................
แต่เมื่อถึงชานเมืองกับปรากฎว่าเมืองแห่งการค้านี้ได้เปลี่ยนไปเป็นเมืองร้างเสียแล้ว
จากการสอบถามผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้นได้ความว่า เมื่อไม่นานมานี้มีทหารของจักรวรรดิ
กลุ่มหนึ่งได้พากันมาปล้นสะดมเมืองนี้ ใครขัดขืนพวกมันก็ฆ่าตายหมด หนำซ้ำมันยังเผาทำลายบ้านเรือนผู้คนในเมืองกันอย่างสนุกสนาน เพียงคืนเดียวเมืองการค้าแห่งนี้ก็กลายเป็นซากเหมือนเหมือนอย่างที่เห็นอยู่
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะคะ" เอเลเทียถาม
"เมืองเป็นอย่างนี้แล้วคงต้องเปลี่ยนแผนกันเสียแล้วล่ะค่ะ คงต้องให้เอเลเทียเดินทางไปกับพวกเราดูท่าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว หรือว่าอย่างไรค่ะท่านเซรอส" ฟาลันเซียถามความเห็นเซรอส
"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าเช่นกัน" เซรอสตอบ
"งั้นก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน เอเลเทีย คงต้องเปลี่ยนแผนกันหน่อยเพราะคนที่ข้าจะฝากเจ้าไว้ตอนนี้ไม่รู้ยอยู่ไหนแล้วคงต้องให้เจ้าเดินทางไปกับพวกเราก่อนสักระยะก็แล้วกัน" เซรอสกล่าวต่อ
"ค่ะ" เอเลเทีย กล่าวตอบอย่างเข้าใจในสถานการณ์
"เราคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายโดยมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าอีกเมืองที่ใกล้ที่สุดแทนก็แล้วกัน ถ้าหากเราออกทะเลไปยังเมืองโรมินอฟได้ก็จะไม่มีพวกทหารจักวรรดิกวนแล้วล่ะ"
เซรอสพูดจบก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อแต่ขณะกำลังจะออกเดินทางนั้นเอง พวกทหารจักวรรดิได้ย้อนกลับมายังเมืองนี้อีกครั้ง ทำให้พวกเซรอสเผชิญกับกองทัพจักวรรดิอย่างเลี่ยงไม่ได้
"เจ้าหลบไปก่อนเอเลเทียดูท่าพวกนี้จะไม่ใช่ทหารกลุ่มเดียวกับพวกเมื่อวานซืนนะ คงคุยกันดีๆไม่ได้แน่" เซรอสพูด
จากนั้นเขาหันมาเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารเหล่านั้น
ชายระดับหัวหน้าเดินออกมาจากกลุ่ม
"นึกว่าใครที่ไหนที่แท้เจ้าเซรอสคนทรยศ นั่นเอง วันนี้แกไม่รอดแน่ๆ ความแค้นที่แกฝากรอยแผลไว้ที่หน้าข้าเมื่อ 3 ปีก่อน ข้าจะเอาคืนวันนี้นี่ล่ะ"
"คิดจะเอาชีวิตข้าน่ะ ว่าแต่แกมีฝีมือพอที่จะเอาชีวิตข้าได้หรือไงหา หัวหน้าหน่วย 5 ทาเลสม่า” เซรอส ตอบโต้
“ถ้าสู้กันตรงๆข้าคงเอาชีวิตแกไม่ได้หรอก แต่ว่าถ้าเป็นท่านผู้นี้ละก็ เพียงพริบตาก็สามารถฆ่าเจ้าได้สบายๆ” ทาเลสม่าพูดจบ หญิงสาวผู้หนึ่งก็ได้ก้าวออกมาจากหมู่ทหาร เธอผู้นี้งดงามกว่าหญิงใดในพื้นพิภพ แต่กลับมีสีหน้าที่เย็นชา
“พอได้แล้ว... เจ้าพวกนี้คือคนที่พวกเจ้ากำลังตามหาใช่หรือไม่” หญิงสาวผู้นั้นพูดขึ้น
“ใช่ ขอรับนายท่าน” ทาเลสม่าตอบ
“งั้นก็ดีเก็บกวาดให้สิ้นซากเสียที่นี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามล่าให้เมื่อย” หญิงสาวพูดเสร็จก็สะบัดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นปีกสีขาวที่อยู่ด้านหลังของเธอ
“หึหึหึ นึกแล้วว่าเจ้าคงไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ เจ้างามเกินกว่าที่มนุษย์จะงามเทียบได้ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเผชิญกับเทพธิดาในเวลาเช่นนี้ เห็นทีงานนี้จะลำบากเสียแล้วสิเรา”
“ฟาลันเซีย เจ้าพาเอเลเทีย ไปหลบในที่ปลอดภัยก่อนทางนี้ข้าจัดการเอง” เซรอสพูดจบก็จับหอกขึ้นมาพุ่งเข้าไปปะทะกับ เทพธิดา ตนนั้นที่กำลังโถมเข้าใส่เซรอสเช่นกัน
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” เสียงอาวุธปะทะกันของทั้งคู่อย่างดุเดือด
“ไม่เลวเลยนี่สำหรับมนุษย์อย่างเจ้า ที่สามารถรับมือกับข้าได้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้ข้าสนุกสนานได้ถึงเพียงนี้” เทพธิดาตนนั้นพูดขึ้น
“แค่นี้ยังเล็กน้อยพี่สาวคนสวย ข้ายังมีดีกว่านี้อีก” เซรอสพูดไปขณะเหวี่ยงหอกเข้าปะทะกับดาบของเทพธิดาตนนั้น
“กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่นะ ท่านพ่อ” เสียงเอเลเทียดังขึ้น ทำให้เซรอสเสียสมาธิ
ฉับพลันนั้นเองเทพธิดาตนนั้นได้จังหวะพุ่งดาบเสียบเข้าที่อกของเซรอสเข้าอย่างจังทำให้เซรอสทรุดตัวลงไปกับพื้น
“โอ๊ะ โอ ข้าลืมบอกไปอย่างว่า ข้าได้พาสัตว์เลี้ยงของข้ามาด้วย สงสัยเพื่อนของเจ้าคงเจอเข้าแล้วล่ะ” เสียงเทพธิดาผู้นั้นพูดอย่างมีชัยขณะที่แทงดาบฝังเข้าไปในอกเซรอสให้ลึกขึ้นอีก
“อ๊ากกกกกก ”
“อึก อึก เจ้าหมายความว่ายังไงกัน สัตว์เลี้ยงของเจ้า”
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ฉลาดๆอย่างเจ้าน่าจะเดาได้อยู่แล้วนี่ สัตว์เลี้ยงของเหล่าเทพธิดา คืออะไร”
“หรือว่าจะเป็น.........”
“ถูกต้อง ภูติอมตะไงล่ะ ป่านนี้มันคงจัดการเพื่อนเจ้าทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้วมั้ง แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเจ้าจะได้ตามพวกมันไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เทพธิดาตนนั้น ดึงดาบออกจากอกของเซรอส แล้วเตรียมที่จะแทงซ้ำเข้าไปอีกทีคราวนี้เล็งไปที่หัวใจของเซรอส
“ตายเสียเถอะ เจ้ามนุษย์”
“ฉึก”
ดาบเล่มนั้นหาได้แทงเข้าที่หัวใจของเซรอสไม่ แต่กลับเบี่ยงออกไปแทงเข้ากับพื้นดิน
ก่อนที่เทพธิดาจะทันรู้ตัว เซรอส ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่เสียแล้ว
ผู้ที่ช่วยชีวิตเซรอสไว้ก็คือ ฟาลันเซีย นั่นเอง
“แกบังอาจมากนักนะ ดันมาสอดเสียได้ ดี งั้นเดี๋ยวชั้นจะกำจัดแกก่อน แล้วค่อยจัดการเจ้าหนุ่มนั่นตาม”
ฟาลันเซียหันไปพูดกับเซรอส “นายท่านเซรอสอยู่นิ่งๆซักพัก เดี๋ยวแผลที่ข้ารักษาให้ท่านก็จะหายไปเอง ส่วนเรื่องเอเลเทีย นางอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ ส่วนเทพธิดาตนนั้นเดี๋ยวข้าจะจัดการกับมันเอง”
“ฟาลันเซีีย เจ้าสู้นางไม่ได้หรอก ในสภาพนี้เจ้าไม่มีทางสู้นางได้เลย” เซรอสเตือนฟารันเซีย
“ดิฉันรู้ดีค่ะนายท่าน ถ้าเป็นดิฉันตอนนี้คงสู้ไม่ได้แน่ๆ แต่มันไม่มีทางเลือกนี่คะ”
"ไม่สิยังมีอีกวิธีหนึ่ง......" เซรอสพูดขึ้น
"แต่นายท่านคะ ถ้าทำแบบนั้นชีวิตของนายท่านจะกลับมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้วนะคะ"
"ไม่เป็นไรข้าพร้อมนับตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าเจ้าคืออะไรแล้ว"
“แต่ว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือ หากใช้วิธีนั้นแล้วเจ้าจะหนีชะตากรรมของตนไม่พ้นนะ” เซรอสพูดด้วยความเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะนายท่าน ไม่ว่าอยู่ในร่างนี้หรือร่างไหน ก็คงไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมนี้ไปได้”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าพร้อมนะ”
พูดจบเซรอส ก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าฟาลันเซีย
“ด้วยนามแห่งเทวีนีเก้ ข้า เซรอส แวน อาวน์เซ่น ขอปลดผนึกแห่งพันธะสัญญาแก่ Artifact Angel นามฟาลันเซีย ณ บัดนี้”
พูดจบเซรอสก็ใช้หอกแทงเข้าหัวใจตัวเอง ฉับพลันได้บังเกิดแสงสว่างขึ้นล้อมรอบคนทั้ง 2 ไว้
เมื่อแสงสว่างเริ่มจางลงก็ปรากฏร่างของฟาลันเซียที่มีปีกสีดำ พร้อมกับเซรอสที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่น่าเชื่อ เดวิล อย่างพวกเจ้าน่าจะสูญสลายไปเมื่อ 100 ปีก่อนแล้วนี่นา ทำไมพวกเจ้าถึงเหลือรอดมาได้อีก” เทพธิดาตนนั้นถึงกับตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงของฟาลันเซีีย
แต่ช่างมันเถอะถึงยังไงเจ้าก็จะต้องถูกทำลายลงที่นี่เหมือนกับเดวิลตนอื่นๆ ที่ถูกทำลายลงเมื่อสงครามครั้งก่อน”
“เอา ล่ะเตรียมตัวตายได้แล้วทั้งคู่.....” สิ้นประโยคเทพธิดาตนนั้นก็พุ่งเข้าใส่คนทั้งสองอย่างรวดเร็วหมายกำจัดทั้งคู่ให้สิ้นซาก...
"เอาละ เดี๋ยวเราพักที่โอเอซิสข้างหน้าก่อนแล้วกันข้านัดกับเพื่อนของข้าไว้ที่นั่น จากนั้นเราค่อยเดินทางกันต่อ" เซรอสพูดกับเอเลเทีีย
"ค่ะ"
เมื่อไปถึงยังโอเอซิสแห่งนั้น เอเลเทียจึงไปนั่งหลบแดดบริเวณริมน้ำ
อารอสยังยืนอยู่ตรงปากทางเข้าโอเอซิส สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยกับเซรอส ทั้ง 2 คุยกันอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงพากันเดินมาหาเอเลเทีีย
"เอเลเทีย ชั้นขอแนะนำให้เธอรู้จัก ฟาลันเซีย ถือซะว่าฟาลันเซียเป็นพี่สาวเธอก็ได้นะ" เซรอสบอกกับเอเลเทีย
"ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่ฟาลันเซีย" เอเลเทียทักท่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ เอเลเทีย" ฟาลันเซียยิ้มตอบอย่างเอ็นดู
จากนั้นทั้ง 3 ก็เดินทางไปยังเมืองแห่งการค้า อัลเบอร์ท่า ซึ่งเป็นจุดหมายของคนทั้ง 3............................
แต่เมื่อถึงชานเมืองกับปรากฎว่าเมืองแห่งการค้านี้ได้เปลี่ยนไปเป็นเมืองร้างเสียแล้ว
จากการสอบถามผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้นได้ความว่า เมื่อไม่นานมานี้มีทหารของจักรวรรดิ
กลุ่มหนึ่งได้พากันมาปล้นสะดมเมืองนี้ ใครขัดขืนพวกมันก็ฆ่าตายหมด หนำซ้ำมันยังเผาทำลายบ้านเรือนผู้คนในเมืองกันอย่างสนุกสนาน เพียงคืนเดียวเมืองการค้าแห่งนี้ก็กลายเป็นซากเหมือนเหมือนอย่างที่เห็นอยู่
"แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะคะ" เอเลเทียถาม
"เมืองเป็นอย่างนี้แล้วคงต้องเปลี่ยนแผนกันเสียแล้วล่ะค่ะ คงต้องให้เอเลเทียเดินทางไปกับพวกเราดูท่าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว หรือว่าอย่างไรค่ะท่านเซรอส" ฟาลันเซียถามความเห็นเซรอส
"ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้าเช่นกัน" เซรอสตอบ
"งั้นก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน เอเลเทีย คงต้องเปลี่ยนแผนกันหน่อยเพราะคนที่ข้าจะฝากเจ้าไว้ตอนนี้ไม่รู้ยอยู่ไหนแล้วคงต้องให้เจ้าเดินทางไปกับพวกเราก่อนสักระยะก็แล้วกัน" เซรอสกล่าวต่อ
"ค่ะ" เอเลเทีย กล่าวตอบอย่างเข้าใจในสถานการณ์
"เราคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายโดยมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าอีกเมืองที่ใกล้ที่สุดแทนก็แล้วกัน ถ้าหากเราออกทะเลไปยังเมืองโรมินอฟได้ก็จะไม่มีพวกทหารจักวรรดิกวนแล้วล่ะ"
เซรอสพูดจบก็เตรียมตัวเดินทางกันต่อแต่ขณะกำลังจะออกเดินทางนั้นเอง พวกทหารจักวรรดิได้ย้อนกลับมายังเมืองนี้อีกครั้ง ทำให้พวกเซรอสเผชิญกับกองทัพจักวรรดิอย่างเลี่ยงไม่ได้
"เจ้าหลบไปก่อนเอเลเทียดูท่าพวกนี้จะไม่ใช่ทหารกลุ่มเดียวกับพวกเมื่อวานซืนนะ คงคุยกันดีๆไม่ได้แน่" เซรอสพูด
จากนั้นเขาหันมาเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารเหล่านั้น
ชายระดับหัวหน้าเดินออกมาจากกลุ่ม
"นึกว่าใครที่ไหนที่แท้เจ้าเซรอสคนทรยศ นั่นเอง วันนี้แกไม่รอดแน่ๆ ความแค้นที่แกฝากรอยแผลไว้ที่หน้าข้าเมื่อ 3 ปีก่อน ข้าจะเอาคืนวันนี้นี่ล่ะ"
"คิดจะเอาชีวิตข้าน่ะ ว่าแต่แกมีฝีมือพอที่จะเอาชีวิตข้าได้หรือไงหา หัวหน้าหน่วย 5 ทาเลสม่า” เซรอส ตอบโต้
“ถ้าสู้กันตรงๆข้าคงเอาชีวิตแกไม่ได้หรอก แต่ว่าถ้าเป็นท่านผู้นี้ละก็ เพียงพริบตาก็สามารถฆ่าเจ้าได้สบายๆ” ทาเลสม่าพูดจบ หญิงสาวผู้หนึ่งก็ได้ก้าวออกมาจากหมู่ทหาร เธอผู้นี้งดงามกว่าหญิงใดในพื้นพิภพ แต่กลับมีสีหน้าที่เย็นชา
“พอได้แล้ว... เจ้าพวกนี้คือคนที่พวกเจ้ากำลังตามหาใช่หรือไม่” หญิงสาวผู้นั้นพูดขึ้น
“ใช่ ขอรับนายท่าน” ทาเลสม่าตอบ
“งั้นก็ดีเก็บกวาดให้สิ้นซากเสียที่นี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามล่าให้เมื่อย” หญิงสาวพูดเสร็จก็สะบัดผ้าคลุมไหล่ออกเผยให้เห็นปีกสีขาวที่อยู่ด้านหลังของเธอ
“หึหึหึ นึกแล้วว่าเจ้าคงไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ เจ้างามเกินกว่าที่มนุษย์จะงามเทียบได้ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเผชิญกับเทพธิดาในเวลาเช่นนี้ เห็นทีงานนี้จะลำบากเสียแล้วสิเรา”
“ฟาลันเซีย เจ้าพาเอเลเทีย ไปหลบในที่ปลอดภัยก่อนทางนี้ข้าจัดการเอง” เซรอสพูดจบก็จับหอกขึ้นมาพุ่งเข้าไปปะทะกับ เทพธิดา ตนนั้นที่กำลังโถมเข้าใส่เซรอสเช่นกัน
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง” เสียงอาวุธปะทะกันของทั้งคู่อย่างดุเดือด
“ไม่เลวเลยนี่สำหรับมนุษย์อย่างเจ้า ที่สามารถรับมือกับข้าได้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้ข้าสนุกสนานได้ถึงเพียงนี้” เทพธิดาตนนั้นพูดขึ้น
“แค่นี้ยังเล็กน้อยพี่สาวคนสวย ข้ายังมีดีกว่านี้อีก” เซรอสพูดไปขณะเหวี่ยงหอกเข้าปะทะกับดาบของเทพธิดาตนนั้น
“กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่นะ ท่านพ่อ” เสียงเอเลเทียดังขึ้น ทำให้เซรอสเสียสมาธิ
ฉับพลันนั้นเองเทพธิดาตนนั้นได้จังหวะพุ่งดาบเสียบเข้าที่อกของเซรอสเข้าอย่างจังทำให้เซรอสทรุดตัวลงไปกับพื้น
“โอ๊ะ โอ ข้าลืมบอกไปอย่างว่า ข้าได้พาสัตว์เลี้ยงของข้ามาด้วย สงสัยเพื่อนของเจ้าคงเจอเข้าแล้วล่ะ” เสียงเทพธิดาผู้นั้นพูดอย่างมีชัยขณะที่แทงดาบฝังเข้าไปในอกเซรอสให้ลึกขึ้นอีก
“อ๊ากกกกกก ”
“อึก อึก เจ้าหมายความว่ายังไงกัน สัตว์เลี้ยงของเจ้า”
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ ฉลาดๆอย่างเจ้าน่าจะเดาได้อยู่แล้วนี่ สัตว์เลี้ยงของเหล่าเทพธิดา คืออะไร”
“หรือว่าจะเป็น.........”
“ถูกต้อง ภูติอมตะไงล่ะ ป่านนี้มันคงจัดการเพื่อนเจ้าทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้วมั้ง แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเจ้าจะได้ตามพวกมันไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เทพธิดาตนนั้น ดึงดาบออกจากอกของเซรอส แล้วเตรียมที่จะแทงซ้ำเข้าไปอีกทีคราวนี้เล็งไปที่หัวใจของเซรอส
“ตายเสียเถอะ เจ้ามนุษย์”
“ฉึก”
ดาบเล่มนั้นหาได้แทงเข้าที่หัวใจของเซรอสไม่ แต่กลับเบี่ยงออกไปแทงเข้ากับพื้นดิน
ก่อนที่เทพธิดาจะทันรู้ตัว เซรอส ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่เสียแล้ว
ผู้ที่ช่วยชีวิตเซรอสไว้ก็คือ ฟาลันเซีย นั่นเอง
“แกบังอาจมากนักนะ ดันมาสอดเสียได้ ดี งั้นเดี๋ยวชั้นจะกำจัดแกก่อน แล้วค่อยจัดการเจ้าหนุ่มนั่นตาม”
ฟาลันเซียหันไปพูดกับเซรอส “นายท่านเซรอสอยู่นิ่งๆซักพัก เดี๋ยวแผลที่ข้ารักษาให้ท่านก็จะหายไปเอง ส่วนเรื่องเอเลเทีย นางอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ ส่วนเทพธิดาตนนั้นเดี๋ยวข้าจะจัดการกับมันเอง”
“ฟาลันเซีีย เจ้าสู้นางไม่ได้หรอก ในสภาพนี้เจ้าไม่มีทางสู้นางได้เลย” เซรอสเตือนฟารันเซีย
“ดิฉันรู้ดีค่ะนายท่าน ถ้าเป็นดิฉันตอนนี้คงสู้ไม่ได้แน่ๆ แต่มันไม่มีทางเลือกนี่คะ”
"ไม่สิยังมีอีกวิธีหนึ่ง......" เซรอสพูดขึ้น
"แต่นายท่านคะ ถ้าทำแบบนั้นชีวิตของนายท่านจะกลับมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้วนะคะ"
"ไม่เป็นไรข้าพร้อมนับตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าเจ้าคืออะไรแล้ว"
“แต่ว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือ หากใช้วิธีนั้นแล้วเจ้าจะหนีชะตากรรมของตนไม่พ้นนะ” เซรอสพูดด้วยความเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะนายท่าน ไม่ว่าอยู่ในร่างนี้หรือร่างไหน ก็คงไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมนี้ไปได้”
“เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าพร้อมนะ”
พูดจบเซรอส ก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าฟาลันเซีย
“ด้วยนามแห่งเทวีนีเก้ ข้า เซรอส แวน อาวน์เซ่น ขอปลดผนึกแห่งพันธะสัญญาแก่ Artifact Angel นามฟาลันเซีย ณ บัดนี้”
พูดจบเซรอสก็ใช้หอกแทงเข้าหัวใจตัวเอง ฉับพลันได้บังเกิดแสงสว่างขึ้นล้อมรอบคนทั้ง 2 ไว้
เมื่อแสงสว่างเริ่มจางลงก็ปรากฏร่างของฟาลันเซียที่มีปีกสีดำ พร้อมกับเซรอสที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่น่าเชื่อ เดวิล อย่างพวกเจ้าน่าจะสูญสลายไปเมื่อ 100 ปีก่อนแล้วนี่นา ทำไมพวกเจ้าถึงเหลือรอดมาได้อีก” เทพธิดาตนนั้นถึงกับตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงของฟาลันเซีีย
แต่ช่างมันเถอะถึงยังไงเจ้าก็จะต้องถูกทำลายลงที่นี่เหมือนกับเดวิลตนอื่นๆ ที่ถูกทำลายลงเมื่อสงครามครั้งก่อน”
“เอา ล่ะเตรียมตัวตายได้แล้วทั้งคู่.....” สิ้นประโยคเทพธิดาตนนั้นก็พุ่งเข้าใส่คนทั้งสองอย่างรวดเร็วหมายกำจัดทั้งคู่ให้สิ้นซาก...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น