ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crow of Darkcrine

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 55


    Crow of Darkcrine อีกาแห่งดาร์คไครน

    บทที่ 1:

      ผู้กล้าทั้งสามเดินลึกเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ  มีเสียงน้ำหยดลงมาจากหินย้อยเรื่อยๆ  เสียงร้องเท้าของคนทั้งสามขูดกับหินบนพื้นคล้ายเสียงฟันแหลมกำลังขบกัน

      แม้ในที่มืดมิด ทั้งสามไม่มีความกลัวอยู่เลยแม้แต่น้อย พวกเขาเดินอย่างสง่าผาเผยลึกเข้าไปในถ้ำ แหล่งของแสงอันเดี่ยวที่พวกเขามีอยู่คือคบเพลิงใกล้ดับที่ชายตรงกลางกำลังถืออยู่

       “เดี่ยว ….” เสียงทุ้มของชายผู้หน้าเกรงคร่ามทางด้านขวาดังขึ้น เป็นสัณญาณให้สองคนที่เหลือเตรียมพร้อมและจับอาวุธของตัวเอง    สี่ห้าวินาทีผ่านไป ทุกคนเริ่มคิดว่าไม่มีอะไรและปล่อยมือออกจากอาวุธแต่ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของตัวปริศนาก็ดังมาจากด้านหน้าของคนทั้งสาม

    ในเวลานี้ไม่ต้องจับอาวุธแล้ว ชายตรงกลางหลับตาลงข้างหนึ่งและขว้างคบเพลิงปักตรงผนังถ้ำด้านซ้ายอย่างแม่นยำ หญิงสาวข้างซ้ายของชายคนนั้นก้าวท้าวซ้ายมาข้างหน้า ดึงลูกธนูจากหลังมาสามลูก และยิงออกไป

    ปลายธนูเชี่ยวโดนคบเพลิงทำให้ปลายลูกธนูติดไฟ ด้วยความรวดเร็วเหนือคำบรรยาย ลูกธนูทั้งสามพุ่งลึกเข้าไปในถ้ำและปักตรงผนัง ส่องให้ทั้งสามคนเห็นศัตรูปริศนาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อจัดการกับผู้รุกราน

     เสียงฝีเท้าเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดศัตรูของทั้งสามก็เผยโฉม  ร่างของมันเป็นสีเทา ดวงตาสีแดงเหลืองมองมาที่ผู้กล้า เดินด้วยสองขา กรงเล็บคมดังดาบที่เหล่ามาเป็นปีขูดกับผนังถ้ำ และฟันยาวถึงเอว

    พวกมันเรียกว่า ซิซด์ (sidz) เป็นสัตว์หายากที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่ไม่มีแสงส่องถึง ดวงตาของมันเป็นดวงตาที่ไว้มองอุณภูมิของสิ่งรอบตัว พวกมันกินหินและแมลงในถ้ำเป็นอาหาร กระเพาะที่มีความสามารถในการย่อยดีที่สุดในบรรดาสัตว์ทุกสายพันธุ์ทำให้มันสามารถย่อยหินและดูดสารอาหารออกมาได้ หูที่บานออกมากว้างกว่าหูกระต่ายทำให้มันแทบจะไม่ต้องใช้ตาเลยด้วยซ้ำ แม้เสียงจะอยู่เป็นกิโลเมตรห่างออกไป สำหรับซิซด์พวกนี้แล้ว มันชัดเหมือนกำลังใส่หูฟัง

    หลายๆคนอาจคิดว่าสัตว์ที่อาศัยและวิวัฒนาการในถ้ำจะโง่และสมองไม่ค่อยจะพัฒนา อาจเป็นข้อเท็จจริงสำหรับสัตว์บางสายพันธุ์แต่ไม่ใช่กับซิซด์พวกนี้  พวกมันมีความฉลาดพอๆกับปลาโลมา และฉลาดพอที่จะว่างแผนการง่ายๆ เพื่อคร่าชีวิตศัตรู

    ซิซด์ตัวที่กำลังวิ่งมาข้างหน้าสุดและดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูง ส่งเสียงร้องในภาษาของมันแก่ลูกน้องที่กำลังตามหลังมา ลูกน้องดูเหมือนรู้เรื่อง พวกมันวิ่งไปและหยุดอยู่ตรงลูกธนูติดไฟที่หญิงสาวยิ่งไปเพื่อเป็นแสงสว่าง

    พวกลูกกระจ๊อกเริ่มพ่นน้ำลายใส่ปลายลูกธนูเพื่อดับไฟ แต่ทั้นใดนั้นลูกธนูที่มีปลายหัวเป็นสามง่ามก็ปักหัวหนึ่งในพวกลูกสมุน เลือดสีเงินกระจายติดผนังถ้ำไปหมด  ซิซด์ที่เหลือหันไปดูว่าใครฆ่าเพื่อนของมัน แต่ก่อนที่พวกมันจะได้เห็นผู้สังหาร ธนูอีกสี่ห้าลูกก็พุ่งมาและปลิดชีพซิซด์ที่เหลือ

    หญิงสาวผู้แม่นยำแอบยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนที่จะง่างลูกธนูอันต่อไป

    “ยิ้มอะไร ลิลลี่?” ชายหนุ่มที่ถือดาบยักษ์ตรงกลางพูดล้อเล่นกับหญิงสาว

    “ไม่มีอะไรย่ะอีบ้า” เธอสวนกลับ “หันไปจัดการส่วนของตัวเองได้แล้ว เบลด”

    ชายหนุ่มที่ชื่อเบลดสะบัดผมทำเท่ครั้งหนึ่งก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาจ่าฝูง เขาเหวี่ยงดาบยักษ์ไปฟันเขาสีแดงของตัวจ่าฝูง  เขานั่นเป็นสัญลักษณ์ของตัวจ่าฝูง  ซิซด์โกรธมาก ตาของมันเริ่มเปลี่ยนสีเป็นเหลือง เขม่งมองไปที่เบลด ชายหนุ่มไม่สนใจ เขายกดาบขึ้น ฟันไปที่ลำตัวขอซิซด์จ่าฝูง มันร้องเสียงหลงอย่างทรมาน 

    ความโกรธของมันถึงขีดสุดแล้ว หนามทั้งตัวของมันตั้งขึ้น พิษสีดำเริ่มไหลออกมาจากรูตรงหนาม มันพยายามปัดดาบของเบลดพร้อมพยายามกัดคอและข่วนร่างกายของชายหนุ่ม  เขาไม่สนใจสิ่งที่พวกซิซด์ เขาพยายามจัดการพวกมันแข่งกับเวลา

    ซิซด์พ่นพิษด้วยแรงดันน้ำสูงใส่เบลด เบลดก้มหลบมันอย่างเชี่ยดชิ่ว เขาบักดาบลงบนพื้น ใบมีดของดาบยักษ์สีดำปักลงบนพื้น กลายเป็นเสาแข่งแรงต้นหนึ่ง  เบลดจับด้ามดาบไว้แน่น และกระโดดถีบขาของซิซด์ตัวจ่าฝูง มันเซไปเซมา และในที่สุดก็พลาดท่าและล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นถ้ำ

    เบลดดึงดาบออกมาจากพื้น สบตาและจ่องไปที่ซิซด์จ่าฝูง สายตาของมันเปลี่ยนจากความโกรธมาเป็นความกลัว เพื่อให้มันหยุดกลัว เบลดยกดาบขึ้นและทำให้ซิซด์จ่าฝูงสงบชั่วนิรันด์

    ทางชายผู้หน้าเกร่งขร่ามก็มันส์ไม่แพ้กัน เขาควงหอกอย่างชำนาญ ปลายหอกสองด้านฟันพวกลูกสมุนกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง เมื่อเขาสังหารเกินสิบตัว ชายหนุ่มก็รู้สึกเริ่มเบื่อและอยากพัก เขาหยุดหอกกลางอากาศและปะกมันลงบนพื้น  หอกด้านที่ปักลงบนเริ่มสั่น ทั้นใดนั้นด้านหน้าของชายหนุ่มก็เกิดหนุ่มยักษ์ พวกซิซด์ตกลงไป ส่งเสียงร้องอยู่กลางอากาศก่อนที่จะโดนหินแหลมที่อยู่ด้านล่างแท่งตายคาที่ทุกตัว

    “ท่าเท่ขึ้นเลยนิ กริโม” เบลดแหกปากจากด้านในเละวิ่งเข้ามาตบบ่าชายที่ชื่อกริโม

    “เออ เอาเหอะ” กริโมพูด และหัวเราะเบาๆ

       ทั้งสามเดินต่อไปที่ปากถ้ำ  ข้างหน้าของพวกเขาคือน้ำตกสูงประมาณตึกหกชั้น ต้นไม้นานาชนิดโตขึ้นข้างๆน้ำตกถ้ำให้ตรงนั้นดูร่มรื่นและเป็นที่พักผ่อนชั้นดี นกต่างๆบินไปและมาเพื่อหาอาหารให้ลูกของมัน ปลาชนิดต่างๆสีสันสดใสพาว่ายอย่างมีความสุขอยู่หน้าน้ำตก

        นักเดินทางทั้งสามรู้สึกสบายและผ่อนคลาย พวกเขาว่างสัมภาระต่างๆลง และเริ่มถอดเสื้อผ้า

       “เดี่ยวเบลด!”  กริโมตะโกนก่อนที่เบลดจะกระโดดลงบ่อน้ำ

        “มีไร”

        “เราต้องกางที่อาบน้ำของลิลี่ก่อนไม่ใช่หรือ?” กริโมตอบกลับ

         เบลดหันไปทางลิลี่ และถามว่า” ต้องด้วยเหรอ”

         “แน่นอนสิ นี่เป็นข้อตกลงเล็กๆของเราก่อนเดินทางไง  ฉันทำอาหารให้พวกนายกิน ส่วนพวกนายตอบแทนฉันด้วยการกางเต็นส่วนตัวและแบกมันไปทุกที่ที่จะไป” ลิลี่พูด ยิ้มแย้มแจ่มใส และสะใจกับข้อตกลงอันนี้

           หนุ่มนักเดินทางทั้งสองไม่รู้ว่าพวกเขาคิดผิดหรือเปล่าที่บอกตกลงไปเมื่ออาทิตย์ก่อน  ในตอนนั้นพวกเขาอาจจะขี้เกียจและคิดว่าหน้าที่ทำอาหารโยนๆให้ใครทำให้ก็ดี แลกกับการแบกเต็นท์เบาๆและกางมันเฉยๆ   ดูท่าพวกเขาจะคิดผิด อาหารของลิลี่รสชาติค่อนข้างแย่ แต่ก็ไม่ถึงทำให้ท้องเสีย ยังไงก็ตามไม่มีอะไรที่พวกเขาจะแก้ได้อีกแล้วเพราะตอบตกลงไปเรียบร้อย

             เบลดและกริโมปักเสาที่หินใกล้น้ำตกพร้อมกัน พวกเขากางผ้าสีเขียวแก่ออกมาและทำให้มันเป็นที่บัง  เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น มันดูเหมือนเป็นที่อาบน้ำและที่แช่น้ำส่วนตัวขนาดย่อม

              ใต้บ่อตก เบลดไล่จับปลาใต้อย่างมีความสุข เขาว่ายไปว่ายมาพร้อมเหวี่ยงตาข่ายไปมาในน้ำ ส่วนกริโมก็นั่งตกปลาอยู่อีกฝากของบ่อ เมื่อเขาเบื่อหรือระหว่างรอปลามากินเบ็ด เขาก็จะเดินไปหาผลไม้หรือไม่ก็กระโดดลงไปเล่นกับเบลดเพื่อความเพลิดเพลิน

             พวกเขาฆ่าเวลา เล่นไปเล่นมาอยู่ในบริเวณน้ำตกจนถึงพลบค่ำ  เมื่อเวลาใกล้มื้อเย็นมาถึง เบลดและกริโมจึงรวบรวมสิ่งที่พวกเขาหามาได้ช่วงบ่ายไปให้ลิลี่เพื่อให้เธอเตรียมอาหารค่ำให้ ระหว่างที่รออาหาร ชายหนุ่มก็จะเหลาดาบและคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย ในบางครั้ง เมื่อเวลาที่ต้องรออาหารสุขนาน ลิลี่ก็จะเข้ามาร่วมวงกับพวกเขา

               ในระหว่างการรับประทานอาหารก็เช่นกัน พวกเขาก็จะพูดคุย หยอกล้อกันไปอย่างเพลิดเพลินและสนุกสนาน การแย่งอาหารในจานคนอื่นก็ที่เป็นสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อแกล้งอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ไม่มีใครโมโหอย่างจริงจังเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าแค่เล่นๆกันเท่านั้นเอง

               “ลิลี่ ทำไมปลาเค็มจังอะ ทำเกลือหกหรือ?” เบลดพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เขาทำแบบนี้เป็นประจำเพื่อแซ่วลิลี่เล่น

              “ หนอย แค่นี้ก็อร่อยแล้วยะ จะเอาไรอีก” พูดจบ ลิลี่ก็หยิบผลสวีทมะมะรุและโยนให้กับเปลดและกริโม

               “เอ้า! เอาไปหั่นแล้วบีบใส่ชามสะ รับรองหายเค็ม” ลิลี่พูด ด้วยความหวังดี

                “โอ๊ย ฉันแค่เล่นๆกับเธอลิลี่ไม่เป็นไรหรอก ฮ่าๆๆๆ” เบลดพูดและหัวเราะ

                การแกล้งของเบลดไม่ได้จบแค่นั้ เขาหันไปทางกริโม เอามือบังปากข้างหนึ่งเพื่อให้ลิลี่ไม่เห็นและพูดแซ่วลิลี่ให้กริโมแบบเบาๆ พร้อมทำท่าทางต่างๆนาๆ กริโมตอบกลับด้วยการทำท่าอาหารติดคอ และบ้วนทิ้ง ส่วนเบลดก็นั่งหัวเราะจนจุก

                 อีกฝาก ลิลี่ลุกขึ้นและเดินไปที่กระเป๋า สักพักเธอกลับมาพร้อมกันแซ่ส่วนตัวที่ไว้ฟาดสองคนนี้โดยเฉพาะ ตาของเธอลุกเป็นไฟ ออร่าสีดำเริ่มแพ่ออกมา จากนั้นเธอก็ตะโกนขึ้น “ไอ้หมาสองตัว”

                ทั้งสองรู้หน้าที่ของตัวเอง พวกเขาลุกขึ้นมา ว่างชามข้าวลงบนหินที่ตัวเองนั่ง ปัดฝุ่นที่เวื้อและกางเกงของตัวเอง จากนั้นก็วิ่งโดยที่มีลิลี่ไล่ฟาดด้วยแซ่สีดำซึ่งทำมาจากวัตถุนำไฟชั้นดีอย่างสนุกสนาน พวกเขาวิ่งเล่นกันอย่างนี้เหมือนเป็นกิจวัฒประจำวันก่อนเข้านอน

               เมื่อทุกคนเหนื่อยหมดแล้ว แต่ละคนก็จะนั่งดื่มน้ำและคุยกัน จากนั้นก็หยิบถุงนอนออกมา เบลดและกริโมก็จะกางเต็นท์ให้ลิลี่ ส่วนลิลี่ก็จะเดินไปเก็บและทำตวามสะอาดเครื่องครัวในการทำอาหารของเธอ ถ้าเบลดและกริโมกางเต็นท์เสร็จเร็ว พวกเขาก็จะไปนอนดูดาว และพูดคุยกันตามประสาเพื่อน

               “ คิดว่าเราจะหามันเจอไหม อีกาทองแห่งดาร์คไครน ?” เบลดพูด และพลิกตัวไปด้านกริโม

                กริโมเอาจุกผมของตัวเองออก เก็ยมันเข้าไปในกระเป๋า และมองขึ้นท้องฟ้า   “ถ้ามันมีอยู่จริง เราก็จะหามันเจอเองเหละ นายไม่ต้องห่วงหรอก” เขาพูดพร้อมหลับตา เบลดจึงพลิกไปอีกด้าน ดึงผ้าห่มขึ้น ทั้งสองก็หลับไปทามกลางแสงไฟอ่อนๆ

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×