ลำดับตอนที่ #307
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #307 : แหล่โพยมยานนาวา
แหล่โพยมยานนาวา รวมพิมพ์อยู่ในหนังสือชื่อ "ชุมนุมแหล่เครื่องเล่นมหาชาติ" รวมรวบโดย จ.เปรียญ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อำนวยสาส์น เมื่อปี 2523
เนื้อเรื่องกล่าวถึงเมื่อแรกมีเครื่องบินในสยาม และเหตุการณ์ที่มีเครื่องบินมาโชว์ในกรุงเทพมหานคร
.
.
.
ในวันที่ 17 ธันวาคม 2446 สองพี่น้องตระกูล ไรท์ (Orville-Wilbur Wright) นำยานพาหนะที่บินได้นาน 12 วินาที สูง 20 ฟุต ไกล 120 ฟุต ซึ่งถือว่ามีที่มนุษย์บินได้ตั้งแต่นั้นมา
ในวันที 6 กันยายน 2454 สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
แวนเดน บอร์น (Vanden Born) นักบินชาวเบลเยี่ยมนำเครื่องบินปีก 2 ชั้น แบบอังรีฟาร์มัง (Henry Farman) ของฝรั่งเศสบินจากไซ่ง่อน ผ่านน่านฟ้ากัมพูชา มาร่อนลงอย่างสง่างามที่สนามม้าสระปทุม
โดยมีกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน และกรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ ทรงให้การต้อนรับ ประชาชนในบางกอกมารอชมเครื่องบินลำแรกที่บินมาลงในแผ่นดินสยาม
.
.
.
กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินขึ้นประทับก่อน โดยกัปตันพาบินวนเป็นเวลา 3 นาที 45 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นเครื่องบิน
จากการทดลองบินในวันนั้น ทั้งสองพระองค์ทรงเห็นว่าเครื่องบินจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งกิจการทหารและพลเรือน ในปีนั้นเองจึงส่งนักเรียน 3 คนไปเรียนการบินที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศผู้นำการบินในขณะนั้น
นักเรียนทั้งสามต่อมาก็คือ
- พระยาเฉลิมอากาศ (สุณี สุวรรณประทีป)
- พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ (หลง สินศุข)
- พระยาทะยานพิฆาต (ทิพย์ เกตุทัต)
.
.
.
รูปจะร่ำสุนทเรศ..............ไปตามเหตุแถลงไข
เป็นเรื่องที่มีมาใหม่...........ไม่ศิวิไลซ์เอาแต่พอฟัง
ยังมีฝรั่งต่างประเทศ..........เป็นชาติเศษน้ำใจหวัง
ทำเรือเหาะเหมาะกำลัง.......ชื่อโด่งดังทุกธานี
มาสู่ประเทศเขตสยาม........บอกแจ้งความทั่วกรุงศรี
จะปล่อยเรือยนต์ขึ้นบนเมฆี...ตำบลที่สนามอาชา
กำหนดมีวันที่สามสิบเอ็ด.....เป็นวันสิ้นเขตเดือนมกรา
วันหนึ่งวันที่สองรองลงมา....แต่วันที่สามหนาหยุดปล่อยเรือยนต์
ต่ออีกวันที่สี่ที่ห้า.............เดือนกุมภาที่หกอีกหน
ชาวประชาในสากล..........อยากจะยลเป็นขวัญตา
เพราะว่าแปลกแรกจะมี......ที่กรุงศรีอยุธยา
ถึงเวไลได้เวลา..............ก็เคลื่อนคลาไปตามกัน
คนมั่งคนมีขี่รถจร...........ไม่ทุกข์ร้อนจะผายผัน
ที่คนจนต้องทนเบียดกัน.....ที่บนคันมอเตอร์เมล์
เสียยี่สิบสตางค์ถ้วน.........ไปโดยด่วนไม่หักเห
บ้างเช่ารถม้าดูทำเก๋.........ไปโชเดเล่นตามกัน
บ้างเช่ารถก๊าดสะอาดเอี่ยม...ม้าเทศเทียมดูคมสัน
ที่ขึ้นรถลากก็มากครัน........ใช้เทียมกันด้วยม้าผมเปีย
ผู้จนถึงขี่มอเตอร์ขา..........ดูแล่นล้าข้อเสือเสีย
ที่มีลูกเต้าเดินเคล้าเคลีย......ดูอั้วเอี้ยไปตามทาง
ถ้าแม้นผู้ใดจะใคร่เห็นดี......ต้องเสียค่าที่ห้าสิบสตางค์
เสียยี่สิบห้าค่าเช่าทาง........ต้องอยู่ข้างล่างนอกรั้วกั้น
ที่คนจนไม่มีจะให้............บางคนไซร้ก็ดูขัน
เงินก็มีขี้เหนียวครัน..........หลบหลีกกันเข้าไร่กง
ทั้งหนุ่มแก่แม่หม้ายสาว......เสียงเกรียวกราวอีกพระสงฆ์
ในใจตั้งหวังจำนง............คิดตกลงขโมยเขาดู
คอยดูอยู่จนสนธยา..........ลำนาวาไม่แลเห็น
ฝูงวินคนกโผเผ่น............บ้างแลเห็นนึกว่าเรือ
ร้องตะโกนว่ามาโน่นแหละหวา...บ้างแหงนหน้าเหมือนตื่นเสือ
ครั้นมองไปไม่เห็นเรือ...........ให้แค้นเหลือนึกด่าในใจ
ตื่นวัวพอรั้งอยู่...............ตื่นคนผู้เหนี่ยวไม่ไหว
ได้ดำริตริตรองใจ............เขาหลอกให้ก็เชื่อกัน
สู้สละการงาน................ทิ้งเรือนบ้านดูก็ขัน
ออกดาษดื่นตั้งหมื่นพัน.......แต่งตัวกันเสียออกฟรี
แต่งโก้ๆไปโชว์กันเล่น........เมื่อยามเย็นสิ้นแสงรวี
นึกว่าการมีงานปี.............พอเป็นที่ชื่นอุรา
ถึงตัวฉันก็ดันไปด้วย.........ไม่งงงวยนึกกังขา
ไม่เห็นโพยมยานนาวา........เห็นแต่สีกาที่หน้านวลๆ -นั้นแหล่.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น