คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : พระลิ้นทอง : ฮาเร็มทั้งเจ็ดของโพธิสัตว์
ลิ้นทองเป็นนิทานพื้นบ้านที่เล่าขานกันอย่างแพร่หลายในท้องถิ่น ทั้งในสระบุรี เพชรบูรณ์ เป็นต้น เนื้อเรื่องมาจากชาดกนอกนิบาตที่มีเค้าโครงเหมือนกับละครจักรๆวงศ์ๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า
.
.
.
ที่กรุงโสฬศนั้น ท้าวปัศวะดี เป็นผู้ปกครอง ท้าวเธอมีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ลิ้นทอง
ทางด้านหนึ่งมีลูกเศรษฐีคนหนึ่ง บิดามารดาได้ให้คำสอนอินดี้เอาไว้ว่าห้ามคบคนรวยกว่าเรา ห้ามคบคนจนกว่าเรา ลูกเศรษฐีไม่ฟังคำสอน วันหนึ่งเจอลิ้นทอง ทั้งสองจึงมาเป็นเพื่อนกัน
คืนนั้นลิ้นทองดันฝันไปว่าบ้านเมืองถูกพวกข้าศึกลอบทำร้ายจนราบคาบ โหรจึงทำนายว่าบ้านเมืองจะเกิดกลียุค ควรจะประกาศชัตดาวน์เมืองโสฬศ ณ.บัดนาว
เมื่อลูกเศรษฐีกลับมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องพระลิ้นทองให้พ่อแม่ฟัง ซึ่งก็ถูกบิดามารดาเนรเทศออกจากบ้านเพราะไม่เชื่อฟังปรัชญาแนวๆของครอบครัว เมื่อมาหาลิ้นทอง ลิ้นทองก็ขอผัดว่าให้พ้น 3 วัน 7 วันก่อนค่อยมาหาใหม่ ลูกชายเศรษฐีก็งอนลิ้นทองจึงวิ่งหนีเข้าป่าไปพบกับฤษีตนหนึ่ง
พระฤษีเมตตาจึงสอนวิชาให้จนจบคอร์สพลางมอบนามให้ใหม่ว่า กาละยักษ์ และได้มองกระบองแก้วแก่ลูกศิษย์ที่สามารถแกว่งเรียกไพร่พลออกมาได้ วันหนึ่งเจอยักษ์ตนหนึ่งชื่อ วิชาธร เจ้าเมืองทานตะวันก็ได้สู้กัน รบกันไปมาก็รู้ว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน จึงเลิกราต่อกันไป
ต่อมากาละยักษ์แปลงเป็นยักษ์ไปตีเมืองโสฬส ฆ่าเด็จพ่อลิ้นทองตาย เสด็จแม่ จึงต้องลอบหลบหนีออกไป ส่วนลิ้นทองนั้น พระอินทร์ แอบเข้ามาอุ้มออกไปนอกเมืองก่อนหน้านี้แล้ว กาละยักษ์จึงได้ครองเมืองอย่างสบายๆ
ลิ้นทองเข้าป่าไปพบกับฤษีและได้ร่ำเรียนวิชาอย่างแตกชานและได้ นางสุวรรณมาลา ธิดาเลี้ยงของพระฤษีที่เก็บมาจากดอกไม้มาเป็นเมีย
ต่อมา นางเทพกินร ธิดาของ ท้าวศิลยน สวมใส่ปีกหางแบบกินรีมากับ นางแก้วขนิษฐา น้องสาวมาเที่ยวป่าแล้วพบลิ้นทอง ผู้ชายอารายหล่อหล่อ! นางจึงอุ้มลิ้นทองไปเป็นสวามีทั้งพี่ทั้งน้อง
ซึ่งต่อมาลิ้นทองก็ได้แอบหนีนางทั้งสองออกมาได้ และได้พบกับแม่ที่มาขออาศัยอยู่กับตายายที่กระท่อมปลายนาแห่งหนึ่ง ลิ้นทองได้ทราบความจริงเรื่องเสด็จพ่อจึงแอบเข้าไปในเมืองเพื่อขโมยศพเด็จพ่ออกมาเพื่อชุบชีวิต
กล่าวถึงนางสุววรณมาลาตามหาลิ้นทองจนมาป่ะกับนางเทพกินรที่มาตามหาสามี (คือลิ้นทอง) อย่างบังเอิญ! ทั้งสองได้รู้เรื่องราวของสองฝ่าย นางเทพกินรจึงชวนนางไปพักที่เมืองอินธพาศของพ่อนางก่อน
ส่วนทางด้านลิ้นทองเมื่อเห็นความขัดสนของพ่อแม่จึงแปลงกายเป็นไก่ทองแล้วให้แม่นำไปขายให้กับเศรษฐีจนลิ้นทองได้ นางน้องนาฎ ลูกสาวเศรษฐีมาเป็นเมียอีกคน
ต่อมาก็แปลงเป็นนกสาลิกาช่างจ้อแจ้วช่างเจรจาชวนให้ผู้ฟังเกิดความหลงใหล ได้นางกลีบสมุทร มาเป็นเมียอีกคน (สงสัยนี้คงจะเป็นที่มาของคำว่า สาลิกาลิ้นทองแล้วล่ะครับ)
ต่อมาลิ้นทองอยากแก้แค้นให้กับพ่อจึงแปลงเป็นม้าแต่ถอดหัวใจไว้ที่สายบังเหียนและให้แม่จูงไปขายให้กาละยักษ์ กาละยักษ์รู้ทันจึงแกล้งควบไปโดยไม่ปรานีฝีเท้า แต่กลับม้าไม่เหน็ดเหนื่อย กาละยักษ์จึงจับม้ากินเสีย แต่ลิ้นทองก็ได้ถอดหัวใจแทรกตามไรขนของม้าไว้ก่อนแล้ว
เมื่อกาละยักษ์ไปล้างปาก ลิ้นทองจึงรีบแปลงเป็นปลาตะเทียนทองว่ายหนีไป
ปลาตะเพียนว่ายมาถึงสระน้ำของ นางสุวรรณกำภู ธิดาของท้าวบุรีรักษ์แห่งเมืองโกฎิ นางจึงเก็บปลามาเลี้ยงไว้ที่ห้องนอน (อย่าลืมว่าปลาตะเพียนคือชายที่ชื่อลิ้นทอง เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วไซร้ คงไม่ต้องบอกทุกท่านก็คงจะทราบเรื่องราวต่อจากนี้กันดีนะครับ)
จนต่อมานางสุวรรณกำภูเริ่มตั้งครรภ์ขึ้นมา ท่านพ่อก็ได้ตามคนมาจับชายชู้นี้ให้ได้ กาละยักษ์จึงขออาสา ลิ้นทองรู้ทันจึงแปลงกายไปซ่อนอยู่บนชฎาของนางสุวรรณกำภู
กาละยักษ์รู้ทันจึงขอให้นางทุ่มชฎาลงกับพื้นจนเพชรพลอยกระจัดกระจายไป กาละยักษ์จึงแปลงเป็นนกพิราบมาจิกเหล่าเพชรพลอยนั้น ลิ้นทองแปลงเป็นแมว กาละยักษ์แปลงเป็นนาค ลิ้นทอง แปลงเป็นครุฑแล้วก็สู้รบกันในที่สุด กาละยักษ์เชิญวิชาธรมาร่วมรบด้วย แต่กาละยักษ์และวิชาธรได้ถูกลิ้นทองฆ่าตายในที่สุด ลิ้นทองจึงไปรับเด็จแม่กลับมาครองเมืองอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง
นางสุวรรณกำภูก็ได้คลอดลูกชายคนหนึ่งออกมาชื่อว่า ไชยแสง
ส่วนนางสุวรรณมาลาคลอดลูกชายออกมาชื่อว่า สุวรรณศิลป์
ต่อมาสุวรรณศิลป์พาแม่ นางเทพกินรและนางแก้วขนิษฐาไปตามหาพระลิ้นทองซึ่งต้องสู้กับ ยักษ์นพกรรจ์ ที่ได้มาระรานแต่สู้ไม่ได้ สุวรรณศิลป์จึงแผลงศรเป็นเมฆหมอกและพาทุกคนหนี
กระทั่งไปเจอกับวิทยาธรมากวนตีนตนหนึ่งจึงกระทืบวิทยาธรนั้นตายเสีย
ต่อมาทั้งหมดพบกับ ยักษ์จักระวาฬ ที่จะมาลักพาตัวสามนางไปเป็นฮาเร็มก็โรมรันพันตูจนยักษาหนีไปได้
ต่อมาผ่านเมืองๆหนึ่ง ท้าวลักษณาราช เจ้าเมืองก็กล่าววาจาหมาๆออกมาว่ามาเหยียบปราสาทแบบนี้มันกวนตีนกันนี่หว่าจึงเข้าต่อสู้กันซึ่งท้าวเธอก็แพ้เด็กน้อยไปตามประสาวรรณคดีไทย ท้าวลักษณาราชได้ขอยอมแพ้และยก นางวิมานลอย ให้เป็นชายา
ต่อมาทั้งสี่จะลาไปตามหาลิ้นทอง ซึ่งก็ได้ทราบข่าวมาว่าเมืองโสฬสถูกยักษ์กุมภัณฑ์ตีเมือง สุวรรณศิลป์ก็ได้สู้กับยักษ์กุมภัณฑ์จนชนะและได้พบกับลิ้นทอง ซึ่งสุวรรณศิลป์ได้ชุบชีวิตกาละยักษ์ขึ้นมาใหม่ ต่อมาลิ้นทองได้ยกทัพไปเคลียร์คดีกับท้าวจักระวาฬและยักษ์นพกรรจ์ซึ่งก็ได้ยกโทษให้กัยทั้งคู่ และทั้งครอบครัวก็ได้อยู่ด้วยกันกันอย่างแฮปปี้ดี๊ด๊า
.
.
.
จบไปแล้วนะครับ มหากาพย์ลิ้นทองที่เว็บไซด์หนังสือเก่าชาวสยามลงมาให้อ่านถึง 14 เล่มซึ่งไอ้กระผมได้นำมาย่อซะเหลือ2 หน้าแบบนี้ แต่ยังไม่จบไปนะครับ
สุดท้ายยังมีการกล่าวถึงการประชุมชาดกถึงการกลับมาชาติมาเกิด ดังนี้
- กาละยักษ์ = นายฉันนะสารถี
- วิชาธร = พระเทวทัต
- พระอินทร์ = พระอนุรุทธะ
- ท้าวศิลยนต์ = พระโมคคัลลนะ
- ท้าวลักษณา = พระมหานามะ
- นางแก้วขนิษฐา = นางเขมาภิกษุณี
- นางวิมานลอย = อุบลวรรณาภิกษุณี
- นางสุวรรณกำภู = นางมัลลิกาเทวี
- ไชยแสง = พระนันทะ
- สุวรรณศิลป์ = พระราหุล
- นางสุวรรณมาลา = พระนางยโสธราพิมพา
- ท้าวปัศวดีและมเหสี = พุทธบิดาและพุทธมาดา
- พระลิ้นทอง = พระสมณโคดมพุทธเจ้า
.
.
.
ลิ้นทองยังไปปรากฏในเรื่องอุณรุฑร้อยเรื่องดังคำกลอนต่อไปนี้
- ด้วยพระลิ้นทองผ่องพักตร์……..แค้นนักดังจะม้วยเป็นผี
- ไปสมสู่อยู่กินด้วยกากี……………นางเมรีร่ำไรแล้วไปตาม
ความคิดเห็น