คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : เล่นเพื่อน ตำนานฉิงฉับกรุงสยาม
ความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงนั้น เกิดขึ้นมาในสยามนานแล้ว ผู้ที่ทำการบุกเบิกก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ แต่หญิงชาววังจากราชสำนักที่เอง
ก่อนอื่นต้องขอทราบความก่อนว่าในวังสมัยก่อนนั้นมีแบ่งโซนออกเป็น 2 โซน
โซนนอกจะเป็นที่ว่าราชการ ส่วนโซนในก็จะที่ประทับของกษัตริย์และเจ้าพระวงศ์ซึ่งมีแต่ผู้หญิงและเจ้าที่ยังไม่ผ่านการโสกันต์ (โกนจุก) เท่านั้น
ดังนั้นผู้รับใช้ก็ต้องเป็นหญิงเท่านั้น เมื่อเจอหญิงเต็มไปหมด เหล่าคุณท้าวชาววังทั้งหลายก็เกิดความวังเวงจิตจึงได้ทำการฉิ่งฉับ หรือที่เรียกกันว่า เล่นเพื่อน ต่อกันและกันในบัดดล
(ปล. คำว่า ‘เพื่อน’ สมัยก่อนถือหยาบมากๆต้องถูกกะลาตบปากหลายยก เพราะมันมาจากคำว่าเล่นเพื่อนนี้แหละ)
ความประพฤติของการฉิงฉับของนางสนมกำนัลนั้น ท่านสุนทรภู่ได้บอกเอาไว้ในพระอภัยมณีเอาว่า
.
.
.
- ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมเมืองรมจักร………แต่ล้วนนักเลงเพื่อนเหมือนกันหมด
- ด้วยเมื่ออยู่บูรีภิรมย์รส……………………….เพราะท้าวทศวงศาไม่ว่าไร
- จนเคยเล่นเป็นธรรมเนียมนางรมจักร…….ทั้งร่วมรักร่วมชีวิตพิสมัย
- กลางคืนเที่ยวเกี้ยวเพื่อนออกเกลื่อนไป…..เป็นหัวไม้ผู้หญิงลอบทิ้งกัน
.
.
.
การฉิงฉับที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวรรณคดีไทยก็มาจากเรื่อง เพลงยาวเรื่องหม่อมเป็ดสวรรค์ ของคุณสุวรรณนี้แหละ
เพลงยาวเรื่องหม่อมเป็ดสวรรค์นี้คุณสุวรรณแต่งขึ้นเมื่อประมาณไม่ก่อนพศ.2384 เพื่อบันทึกเรื่องราวของเพื่อนๆ ในรั้ววัง และจำเพาะที่จะล้อ "หม่อมเป็ดสวรรค์" มากที่สุด
โดยจะกล่าวถึง หม่อมสุด และ หม่อมขำ เป็นหม่อมห้ามสองสาวของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ
สองหม่อมนี้มี ความสนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นพิเศษ เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ สวรรคตแล้ว หม่อมสุดเข้าไปรับราชการในพระบรมมหาราชวัง ประจำอยู่ที่ตำหนักกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ต่อมาไม่นาน หม่อมขำเพื่อนสาวก็ตามหม่อมสุด เข้าไปรับราชการอยู่กับกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพเช่นเดียวกัน
ตามประวัติกล่าวว่าหม่อมขำออกจะเป็นหญิงกรีดกรายไว้กริยา ซึ่งคุณสุวรรณได้เขียนเอาไว้ว่า
.
- เดินเหินโยกย้ายส่ายกริยา……จึงชื่อว่าหม่อมเป็ดเสด็จประทาน
.
ส่วนหม่อมสุดนั้น คุณสุวรรณบรรยายไว้ว่า
.
- ชื่อคุณโม่งโด่งดังฝีปากดี……….จะพาทีกลางสนามไม่ขามใคร
- พูดเล่นเฮฮาร่าเริงแรง…………..ถึงนายแฟงนายคงครูไม่สู้ได้
- แหลมฉลาดปรีชาปัญญาไว…..หนังสือไทยอ่านคล่องทำนองชาย
.
.
.
หม่อมสุดนั้นเป็นผู้ที่รู้หนังสือดี กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพจึงมักจะโปรดให้อ่านบทกลอนถวายเมื่อบรรทมเสมอ และที่เรียกว่าคุณโม่งแทนหม่อมสุดนี้ มีเหตุผลอยู่ว่า คืนหนึ่งเมื่ออ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ถวาย หม่อมสุด สำคัญว่ากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพบรรทมหลับ ก็ดับเทียนแล้วเอาผ้าคลุมโปงกอดจูบหม่อมขำ หรือหม่อมเป็ดซึ่ง นอนอยู่ปลายพระบาท
คุณสุวรรณเขียนเพลงยาวบรรยายฉากนี้ไว้ว่า
.
- ครั้นพระองค์ทรงพลิกพระกายกลับ….หมายว่าพระบรรทมหลับสนิทนิ่ง
ก็สมจิตคิดไว้ใจประวิง……………………ก็คลานชิงกันขยับดับเทียนชัย - เข้าชุลมุนวุ่นวายอยู่ปลายพระบาท….อุตลุตอุดจาดทำอาจโถง
- เอาเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง….จึงตรัสเรียกคุณโม่งแต่นั้นมา
.
.
แต่กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพบรรทมยังไม่หลับ ทรงเห็นหม่อมสุดทำเช่นนั้นจึงประทานชื่อให้ว่า คุณโม่ง เพราะชอบเอาผ้าคลุมโปงกอดสาวดังกลอนข้างต้นนั้นเอง
นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่กรมหมื่นฯ ไม่ได้เอาผิดกับสองหม่อม เพียงแต่เรียกชื่อประชดเล่นๆเท่านั้น ถ้าเป็นห้องของเจ้านายผู้ชาย หรือเจ้านายอื่น ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
.
.
.
โดยปกติแล้วพฤติกรรมเล่นเพื่อนจะกระทำกันอย่างซ่อนเร้นปิดบัง แต่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีพฤติกรรมเช่นนี้ในหมู่สาวๆ ชาววัง แม้พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงทราบ ดังปรากฏหลักฐานในพระบรมราโชวาทในพระเจ้าจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่โปรดพระราชทานพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ มีข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...
"...พ่อขอเสียเป็นอันขาดทีเดียว คิดถึงคำพ่อให้มากนักหนา อย่าเล่นเพื่อนกับใครเลย มีผัวมีเถิด แต่อย่าให้ปอกลอกเอาทรัพย์ของเจ้าไปได้..."
จึงมีการประกาศใช้กฎมณเฑียรบาลข้อที่ 124 ความว่า
"อนึ่งสนม กำนัลคบผู้หญิงหนึ่งกัน ทำดุจชายเป็นชู้เมียกัน ให้ลงโทษด้วยลวดหนัง 50 ที ศักคอประจานรอบพระราชวัง ที่หนึ่งให้เอาเป็นชาวสตึง ที่หนึ่งให้แก่พระเจ้าลูกเธอหลานเธอ"
ความคิดเห็น