คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : โอ้เอ้พิหารราย
‘โอ้เอ้วิหารราย’ (หรือ ‘โอ้เอ้พิหารราย’) เป็นสำนวนหมายถึง ยืดยาด อ้อยอิ่ง ล่าช้า
.
.
.
หลายท่านคงเคยเข้าไปในวัดพระศรีรัตนศาสดารามในระหว่างเข้าพรรษา ท่านคงจะสังเกตเห็นตามวิหารรายรอบพระอุโบสถจะมีเด็กนักเรียนนั่งอยู่บนศาลาราย บนศาลาตั้งโต๊ะหมู่บูชา มีม้ารองหนังสือวางไว้ และเมื่อถึงเวลาเด็กเหล่านี้ก็จะอ่านหนังสือเป็นทำนองอันไพเราะเวียนกันไปทีละศาลาจนครบหมด เรียกว่า “โอ้เอ้วิหารราย”
“การสวดโอ้เอ้” มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตรงกับสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ซึ่งทรงอุทิศพระราชวังส่วนหนึ่งเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์และให้ประชุมนักปราชญ์มาแต่งมหาชาติคำหลวง โดยมีพระสังฆราชเป็นประธานเพื่อใช้สวดในพระอุโบสถ
เมื่อแต่งเสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฝึกซ้อมนักสวดตามวิหารที่รายรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ และคัดเลือกผู้ที่สวดดี คล่องแคล่ว แม่นยำในอักขระและทำนองขึ้นไปอ่านที่วิหารใหญ่ ถวาย 3 ชุด ชุดละ 4 คน เพื่อสับเปลี่ยนกัน ส่วนที่เหลือก็ให้ฝึกหัดสวดกันต่อไปตามศาลารายเช่นเดิม จึงเกิดเป็นสำนวน “โอ้เอ้วิหารราย” ขึ้น
การสวดมหาชาติคำหลวงในสมัยอยุธยาสวดในระหว่างเข้าพรรษา 3 ครั้ง คือ ตอนเข้าพรรษาครั้งหนึ่ง กลางพรรษาครั้งหนึ่ง และออกพรรษาอีกครั้งหนึ่ง
กษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาฟังทุกนัด เมื่อสวดครบสามนัดแล้วจะพระราชทานเงินรางวัลให้แก่นักสวดทั้ง 3 ชุดๆ ละ 1 ชั่ง การสวดมหาชาติคำหลวงยังคงมีสวดเป็นประเพณีตลอดมา แต่ภายหลังเรียกว่า “สวดโอ้เอ้วิหารราย”
อาจเป็นเพราะคนรุ่นหลังไม่ทราบว่ามีการสวดมหาชาติคำหลวงในวิหารใหญ่เห็นแต่เพียงการสวดฝึกหัดตามศาลารายเท่านั้น จึงเข้าใจว่านั่นคือการสวดโอ้เอ้วิหารราย
.
.
.
เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า หนังสือมหาชาติคำหลวงกระจัดกระจายสูญหายไปเกือบหมด ในสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักปราชญ์แต่งมหาชาติคำหลวงซ่อมแซมกัณฑ์ที่สูญหาย 6 กัณฑ์ได้แก่ หิมพานต์ ทานกัณฑ์ จุลพน มัทรี สักบรรพ และฉกษัตริย์ ขึ้นใหม่
การสวดมหาชาติคำหลวงก็ยังสวดเป็นประเพณีสืบต่อกันมาเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสวดในพระอุโบสถ มีหัวหน้าสวดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ว่า “ขุนทิน” “ขุนทาน” และพระมหากษัตริย์เสด็จฟังการสวดทุกนัด
.
.
.
ในรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโรงเรียนสอนหนังสือไทยขึ้นที่โรงทานข้างประตูต้นสน เมื่อถึงเทศกาล จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดนักเรียนโรงทานมาสวดที่ศาลาราย
แต่แทนที่จะสวดมหาชาติคำหลวงเปลี่ยนเป็นสวดเทียบมูลบทแทน เมื่อขุนทิน ขุนทาน ถึงแก่อนิจกรรมแล้วการสวดมหาชาติ ก็เรียวลงเหลือแต่สวดกัณฑ์มหาพนเพียงกัณฑ์เดียว
.
.
.
ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริจะให้มีการสวด ตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งมีทั้งหมด 12 ศาลา แต่ข้าราชการในกรมธรรมการขณะนั้นมีจำนวนน้อย และผู้ฟังก็คงจะไม่ค่อยสนใจฟังสวดเทียบมูลบทนัก จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้นักเรียนโรงทานมาสวดตามหนังสือที่ตนเรียน คือ เรื่องกาพย์พระไชยสุริยา ของสุนทรภู่
การสวดโอ้เอ้วิหารรายเปลี่ยนจากการฝึกสวดมหาชาติคำหลวงมาเป็นสวดเรื่องกาพย์พระไชยสุริยามาจนทุกวันนี้
.
.
.
พระไชยสุริยา เป็นวรรณคดีที่ประพันธ์โดย สุนทรภู่ เป็นนิทานสำหรับสอนการเขียนอ่าน โดยมีบทอ่านเรียงลำดับการสะกดคำตั้งแต่ แม่ ก กา ตามด้วย แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม จนถึงแม่เกยตามลำดับ
ลักษณะการประพันธ์แบบกาพย์ประเภทต่างๆ คือ กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28 สำหรับใช้เป็นบทเรียนเขียนอ่านของหม่อมเจ้าพระองค์น้อยๆ
กาพย์พระไชยสุริยา ได้บรรจุอยู่ในหนังสือ มูลบทบรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรียนของไทยที่จัดทำโดยพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 อีกด้วย
.
.
.
ปัจจุบันมี 3 ทำนองไม่เปลี่ยนแปลง ดังนี้
1. ทำนองยานี
ทำนองยานีหรือที่เรียกตามชนิดของคำประพันธ์ว่าสทำนองกาพย์ยานี เป็นทำนองที่เร็วว่องไวฟังดูแล้วสนุกสนานมี
- สะ ธุ สะ (ล่ะ เออ ฮะ เออ ฮะ เอย)
- จะ (เฮิง เฮิง เอย)
- ขอไหว้ (เฮิง เงิง เฮย หึ เอ้ย)
- พระ (เฮิง เฮิง เอย)
- ศรีไตร (เอ่อ หึ เออ หึ เอ้ย)
- สะ (เอ๊ย)
- รนา (เอ่อ เออ หะ เฮิง เงิง เอย)
- พ่อแม่ (ล่ะ เออ ฮะ เออ ฮะ เอย)
- แล (เฮิง เฮิง เอย)
- ครูบา (เอิง เออ หึ เอ้ย)
- เท (เฮิง เฮิง เอย)
- วดา (เอ่อ หะ เออ หะ เอ้ย)
- ใน (เออ เอ๊ย)
- ราศี (เออ เออ ชะ เอิง เอิง เอย เอ้ย)
ตัวอย่างบทสวดโอ้เอ้วิหารรายทำนองยานี 11
.
- ข้าเจ้าเอา ก ข……………เข้ามาต่อ ก กา มี
- แก้ไขในเท่านี้ดี……………มิดีอย่าตรีชาฯ
- จะร่ำคำต่อไป……………..พอฬ่อในกุมารา
- ธระณีมีราชา……………….เจ้าภาราสาวะถีฯ
.
2. ทำนองสุรางคนางค์
การสวดโอ้เอ้วิหารรายในทำนองสุรางคนางค์หรือที่เรียกตามชนิดของคำประพันธ์ว่าทำนองกาพย์สุรางคนางค์ 28 นั้นเป็นท่วงทำนองที่เนิบช้าที่สุด ซึ่งสร้างความไพเราะ ฟังแล้วรู้สึกสบายและให้อารมณ์เศร้า
- ขึ้นใหม่ (เอ่อ เอิง เอย..เฮ่อ เอ่อ เออ เอ่อ เออ เอ๊ย)
- ในกน (เฮอ)
- ก กา (เออ เอ่อ เอ๋ย)
- ว่าปน (เอย)
- ระคน (เออ เอ่อ เอ๋ย)
- กันไป (เฮอ)
- เอ็นดู (เอิง เอย เอ๋ย)
- ภูธร (เอย)
ตัวอย่างโอ้เอ้วิหารรายทำนองสุรางคนางค์ 28
.
- วันนั้นจันทร…….มีดารากร………เป็นบริวาร
- เห็นสิ้นดินฟ้า……ในป่าท่าธาร….มาลีคลี่บาน…………ใบก้านอรชรฯ
- เย็นฉ่ำน้ำฟ้า…….ชื่นชะผกา……..วายุพาขจร
- สาระพันจันอิน….รื่นกลิ่นเกสร…..แตนต่อคล้อร่อน….ว้าว่อนเวียนระวันฯ
.
3. ทำนองฉบัง
การสวดโอ้เอ้วิหารรายในทำนองฉบังหรือที่เรียกตามชนิดของคำประพันธ์ว่าทำนองกาพย์ฉบัง นั้นเป็นท่วงทำนองที่เนิบช้าลงมาอีก ซึ่งทำนองยานีจะเร็วสุด
ทำนองฉบังจะเป็นทำนองกลางที่ไม่ช้าและเร็วเกินไป
- ขึ้นเกย เลยกล่าว (เออ หึ เอ่อ เอ้อ เอ๊ย)
- ท้าวไทย ฟังธรรม (เอิ๊ง เอย)
- น้ำใจ เลื่อมใส (ฮะ เออ)
- ศรัทธา (เอย เออ เอ่อ เอ้อ เอ๊ย)
- กล้าหาญ (เอ่ย)
ตัวอย่างบทสวดโอ้เอ้วิหารรายทำนองฉบัง 16
.
- จริงนะประสกสีกา…………….สวดมนต์ภาวนา
- เบื้องน่าจะได้ไปสวรรค์
- จบเทศน์เสร็จคำรำพัน……….พระองค์ทรงธรรม
- ดันดั้นเมฆาคลาไคล
.
ผมก็เคยไปสวดกับโรงเรียนเหมือนกันขอรับ ฟังแล้วรู้สึกขนลุกเลยล่ะครับ
เรื่องตอนหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ติดตามกันได้เลยนะขอรับ
ความคิดเห็น