ลำดับตอนที่ #166
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #166 : อิเหนาในพงศาวดาร
รู้หรือเปล่าว่า “อิเหนา” ที่เราเรียกกันทุกวันนี้นั้น มันไม่ใช่ชื่อจริง!! (อะอ้าว!)
.
.
แล้วชื่อของอิเหนาคืออะไรกันล่ะพี่?
ความจริงๆ แล้ว “อิเหนา” ไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นเพียง “ตำแหน่ง” ยุพราช หรือมกุฎราชกุมาร
ในตอนที่เฮียแกเกิดมานั้น องค์ปะตาระกาหลาก็ได้ลงมาประทานกริชให้ พร้อมกับสลักพระนามเอาไว้บนกริชว่า
ชื่อหยังหยังหนึ่งหรัดอินดรา
อุดากันสาหรีปาตี
อิเหนาเอ็งหยังตาหลา
เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี
ดาหยังอริราชไพรี
เอ็งกะนะกะหรีกุเรปัน
เอามารู้ความหมายกันดีกว่า
หยังหยัง (Yang-Yang) [อีสานแม่นบ่ ถุ้ยย!!] = เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
หนึ่ง (Ning) = แห่ง
หรัด (Rat) = รัฐ
อินดรา (Indera) = พระอินทร์
อุดากัน (Udakan) = พี่ชาย
สาหรี (Seri) = เกียรติศักดิ์
ปาตี (Pati) = บดี ผู้เป็นใหญ่
อิเหนา (Inu) = ยุพราช
เอ็ง (Ing) = [เจ้า ถุ้ยยx2!!] แห่ง ของ
หยัง (Yang) = เทพเจ้า
ตาหลา (Ta'ala) = สูงส่ง
เมาะตาริ (Metari) = ตะวัน
ยะกัด (Jagat) = โลก แผ่นดิน
ดาหยัง (Jayang) = ศัตรู ข้าศึก
กะ (Ka) = ไปสู่
นะกะหรี (Negeri) = นคร
กุเรปัน (Kahuripan) = เป็นชื่อเมืองของอิเหนา มีความหมายว่า ความรื่นรมย์
เมื่อแปลรวมกันชื่อของคุณอิเหนานั้นหมายถึง
“ มหาเทพแห่งอินทรพิภพ เชษฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเกียรติ ยุพราชแห่งเทพเจ้าผู้สูงส่ง ฤทธาเดชานุภาพดังสุริยเทพ เป็นที่ครั่นคร้ามแก่เหล่าผู้รุกรานกรุงกุเรปัน ”
อิเหนานั้น ในพงศาวดารชวาเรียกชื่อว่า ปันหยี อิเหนา กรัตปาตี (Panji Inu Kartapati) แต่พวกชวาเรียกกันเป็นโดยย่อว่า “ปันหยี”
ตัวจริงคือ พระเจ้ากาเมศวร (Kameshwara) แห่งกรุงดาหา (Kediri) (ในวรรณคดีบอกว่าเป็นกรุงกุเรปัน) ครองราชย์เมื่อพ.ศ. 1658 - 1673 มีมเหสีคือ จินตะหรา (Kirana) แห่งกรุงกุเรปัน (ในวรรณคดีว่าเป็นนางบุษบาอยู่กรุงดาหา) มหาราชของชาวชวา ผู้รวบดินแดนชวากลับเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง (เรื่องมันยาว เดี๋ยวเอาไว้เล่าตอนหน้า!)
เรื่องราวที่เล่ากันว่าเป็นเกียรติคุณของอิเหนานั้น ทางประวัติศาสตร์ปรากฏว่า เป็นเรื่องของพระอัยกาธิราช (ปู่) ซึ่งคือ พระเจ้าไอรลังคะ (Airlangga) เสียหลายเรื่อง
เจ้านายที่เชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจากอิเหนานั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ คือ
สุสุหุนันแห่งสุรเกษตร (Surakarta Sunanate) กับ
สุลต่านแห่งยกยาเกษตร (Yogyakarta Sultanate)
เมื่อชวาตกเป็นอาณานิคมของดัตช์ (ฮอลันดา) เจ้าผู้ครองนครทั้งสองยังคงครองนครในลักษณะรัฐในอารักขา (เจ้าประเทศราช)
เมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสแดนชวา ในปี 2439 สุลต่านได้ถวายหนังสือราชพงศาวดารชวาฉบับหลวงที่เขียนไว้สำรับหนึ่ง มีปรากฏว่า "ท้าวกุเรปันได้ราชธิดากรุงสยามไปเป็นมเหสีองค์หนึ่ง" แต่ความข้อนี้ เมื่อรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สอบดูหนังสือตรงนั้น ได้ความว่าได้ราชธิดาไปจากกรุงจาม หาใช่กรุงสยามไม่
ส่วนสุสุหุนันนั้นถวายกริชโบราณเล่มหนึ่ง ว่าเดิมเป็นกริชของอิเหนา ทำจากเหล็กขวานฟ้า ซึ่งตกลงมาจากบนสวรรค์เมื่อครั้งอิเหนาครองประเทศชวาอยู่นั้น
และเมื่ออินโดนีเซียได้รับเอกราชอย่างเด็ดขาดในปี ค.ศ. 1949 เจ้าผู้ครองนครทั้งสองก็ยังคงตำแหน่งอยู่ แต่ภายหลัง สุสุฮูนันนครสุรการ์ตา (และเจ้าผู้ครองนครอื่นๆ) ถูกถอนอำนาจทางการปกครองลงเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น
ส่วนสุลต่านแห่งยกยาเกษตรนั้นยังคงมีอำนาจปกครอง เพราะได้สนับสนุนการต่อสู้เพื่อเอกราชอย่างยิ่งยวด
สุลต่านฮาเมิงกูบูอนอที่ 10 แห่งยอกยาการ์ตา (Hamengkubuwono X)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น