ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วรรณคดีสไตล์เกรียน

    ลำดับตอนที่ #51 : พระลิ้นทอง : ฮาเร็มทั้งเจ็ดของโพธิสัตว์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      16
      28 ก.ค. 64

    ลิ้นทองเป็นนิทานพื้นบ้านที่เล่าขานกันอย่างแพร่หลายในท้องถิ่น ทั้งในสระบุรี เพชรบูรณ์ เป็นต้น เนื้อเรื่องมาจากชาดกนอกนิบาตที่มีเค้าโครงเหมือนกับละครจักรๆวงศ์ๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า

    .
    .
    .

    ที่กรุงโสฬศนั้น ท้าวปัศวะดี เป็นผู้ปกครอง ท้าวเธอมีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ลิ้นทอง 

    ทางด้านหนึ่งมีลูกเศรษฐีคนหนึ่ง บิดามารดาได้ให้คำสอนอินดี้เอาไว้ว่าห้ามคบคนรวยกว่าเรา ห้ามคบคนจนกว่าเรา ลูกเศรษฐีไม่ฟังคำสอน วันหนึ่งเจอลิ้นทอง ทั้งสองจึงมาเป็นเพื่อนกัน

    คืนนั้นลิ้นทองดันฝันไปว่าบ้านเมืองถูกพวกข้าศึกลอบทำร้ายจนราบคาบ โหรจึงทำนายว่าบ้านเมืองจะเกิดกลียุค ควรจะประกาศชัตดาวน์เมืองโสฬศ ณ.บัดนาว 

    เมื่อลูกเศรษฐีกลับมาถึงบ้านก็เล่าเรื่องพระลิ้นทองให้พ่อแม่ฟัง ซึ่งก็ถูกบิดามารดาเนรเทศออกจากบ้านเพราะไม่เชื่อฟังปรัชญาแนวๆของครอบครัว เมื่อมาหาลิ้นทอง ลิ้นทองก็ขอผัดว่าให้พ้น 3 วัน 7 วันก่อนค่อยมาหาใหม่ ลูกชายเศรษฐีก็งอนลิ้นทองจึงวิ่งหนีเข้าป่าไปพบกับฤษีตนหนึ่ง

    พระฤษีเมตตาจึงสอนวิชาให้จนจบคอร์สพลางมอบนามให้ใหม่ว่า กาละยักษ์ และได้มองกระบองแก้วแก่ลูกศิษย์ที่สามารถแกว่งเรียกไพร่พลออกมาได้ วันหนึ่งเจอยักษ์ตนหนึ่งชื่อ วิชาธร เจ้าเมืองทานตะวันก็ได้สู้กัน รบกันไปมาก็รู้ว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน จึงเลิกราต่อกันไป

    ต่อมากาละยักษ์แปลงเป็นยักษ์ไปตีเมืองโสฬส ฆ่าเด็จพ่อลิ้นทองตาย เสด็จแม่ จึงต้องลอบหลบหนีออกไป ส่วนลิ้นทองนั้น พระอินทร์ แอบเข้ามาอุ้มออกไปนอกเมืองก่อนหน้านี้แล้ว กาละยักษ์จึงได้ครองเมืองอย่างสบายๆ 

    ลิ้นทองเข้าป่าไปพบกับฤษีและได้ร่ำเรียนวิชาอย่างแตกชานและได้ นางสุวรรณมาลา ธิดาเลี้ยงของพระฤษีที่เก็บมาจากดอกไม้มาเป็นเมีย 

    ต่อมา นางเทพกินร ธิดาของ ท้าวศิลยน สวมใส่ปีกหางแบบกินรีมากับ นางแก้วขนิษฐา น้องสาวมาเที่ยวป่าแล้วพบลิ้นทอง ผู้ชายอารายหล่อหล่อ! นางจึงอุ้มลิ้นทองไปเป็นสวามีทั้งพี่ทั้งน้อง 

    ซึ่งต่อมาลิ้นทองก็ได้แอบหนีนางทั้งสองออกมาได้ และได้พบกับแม่ที่มาขออาศัยอยู่กับตายายที่กระท่อมปลายนาแห่งหนึ่ง ลิ้นทองได้ทราบความจริงเรื่องเสด็จพ่อจึงแอบเข้าไปในเมืองเพื่อขโมยศพเด็จพ่ออกมาเพื่อชุบชีวิต

    กล่าวถึงนางสุววรณมาลาตามหาลิ้นทองจนมาป่ะกับนางเทพกินรที่มาตามหาสามี (คือลิ้นทอง) อย่างบังเอิญ! ทั้งสองได้รู้เรื่องราวของสองฝ่าย นางเทพกินรจึงชวนนางไปพักที่เมืองอินธพาศของพ่อนางก่อน

    ส่วนทางด้านลิ้นทองเมื่อเห็นความขัดสนของพ่อแม่จึงแปลงกายเป็นไก่ทองแล้วให้แม่นำไปขายให้กับเศรษฐีจนลิ้นทองได้ นางน้องนาฎ ลูกสาวเศรษฐีมาเป็นเมียอีกคน 

    ต่อมาก็แปลงเป็นนกสาลิกาช่างจ้อแจ้วช่างเจรจาชวนให้ผู้ฟังเกิดความหลงใหล ได้นางกลีบสมุทร มาเป็นเมียอีกคน (สงสัยนี้คงจะเป็นที่มาของคำว่า สาลิกาลิ้นทองแล้วล่ะครับ) 

    ต่อมาลิ้นทองอยากแก้แค้นให้กับพ่อจึงแปลงเป็นม้าแต่ถอดหัวใจไว้ที่สายบังเหียนและให้แม่จูงไปขายให้กาละยักษ์ กาละยักษ์รู้ทันจึงแกล้งควบไปโดยไม่ปรานีฝีเท้า แต่กลับม้าไม่เหน็ดเหนื่อย กาละยักษ์จึงจับม้ากินเสีย แต่ลิ้นทองก็ได้ถอดหัวใจแทรกตามไรขนของม้าไว้ก่อนแล้ว 

    เมื่อกาละยักษ์ไปล้างปาก ลิ้นทองจึงรีบแปลงเป็นปลาตะเทียนทองว่ายหนีไป

    ปลาตะเพียนว่ายมาถึงสระน้ำของ นางสุวรรณกำภู ธิดาของท้าวบุรีรักษ์แห่งเมืองโกฎิ นางจึงเก็บปลามาเลี้ยงไว้ที่ห้องนอน (อย่าลืมว่าปลาตะเพียนคือชายที่ชื่อลิ้นทอง เมื่อชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วไซร้ คงไม่ต้องบอกทุกท่านก็คงจะทราบเรื่องราวต่อจากนี้กันดีนะครับ) 

    จนต่อมานางสุวรรณกำภูเริ่มตั้งครรภ์ขึ้นมา ท่านพ่อก็ได้ตามคนมาจับชายชู้นี้ให้ได้ กาละยักษ์จึงขออาสา ลิ้นทองรู้ทันจึงแปลงกายไปซ่อนอยู่บนชฎาของนางสุวรรณกำภู

    กาละยักษ์รู้ทันจึงขอให้นางทุ่มชฎาลงกับพื้นจนเพชรพลอยกระจัดกระจายไป กาละยักษ์จึงแปลงเป็นนกพิราบมาจิกเหล่าเพชรพลอยนั้น ลิ้นทองแปลงเป็นแมว กาละยักษ์แปลงเป็นนาค ลิ้นทอง แปลงเป็นครุฑแล้วก็สู้รบกันในที่สุด กาละยักษ์เชิญวิชาธรมาร่วมรบด้วย แต่กาละยักษ์และวิชาธรได้ถูกลิ้นทองฆ่าตายในที่สุด ลิ้นทองจึงไปรับเด็จแม่กลับมาครองเมืองอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง 

    นางสุวรรณกำภูก็ได้คลอดลูกชายคนหนึ่งออกมาชื่อว่า ไชยแสง 

    ส่วนนางสุวรรณมาลาคลอดลูกชายออกมาชื่อว่า สุวรรณศิลป์ 

    ต่อมาสุวรรณศิลป์พาแม่ นางเทพกินรและนางแก้วขนิษฐาไปตามหาพระลิ้นทองซึ่งต้องสู้กับ ยักษ์นพกรรจ์ ที่ได้มาระรานแต่สู้ไม่ได้ สุวรรณศิลป์จึงแผลงศรเป็นเมฆหมอกและพาทุกคนหนี

    กระทั่งไปเจอกับวิทยาธรมากวนตีนตนหนึ่งจึงกระทืบวิทยาธรนั้นตายเสีย 

    ต่อมาทั้งหมดพบกับ ยักษ์จักระวาฬ ที่จะมาลักพาตัวสามนางไปเป็นฮาเร็มก็โรมรันพันตูจนยักษาหนีไปได้

    ต่อมาผ่านเมืองๆหนึ่ง ท้าวลักษณาราช เจ้าเมืองก็กล่าววาจาหมาๆออกมาว่ามาเหยียบปราสาทแบบนี้มันกวนตีนกันนี่หว่าจึงเข้าต่อสู้กันซึ่งท้าวเธอก็แพ้เด็กน้อยไปตามประสาวรรณคดีไทย ท้าวลักษณาราชได้ขอยอมแพ้และยก นางวิมานลอย ให้เป็นชายา

    ต่อมาทั้งสี่จะลาไปตามหาลิ้นทอง ซึ่งก็ได้ทราบข่าวมาว่าเมืองโสฬสถูกยักษ์กุมภัณฑ์ตีเมือง สุวรรณศิลป์ก็ได้สู้กับยักษ์กุมภัณฑ์จนชนะและได้พบกับลิ้นทอง ซึ่งสุวรรณศิลป์ได้ชุบชีวิตกาละยักษ์ขึ้นมาใหม่ ต่อมาลิ้นทองได้ยกทัพไปเคลียร์คดีกับท้าวจักระวาฬและยักษ์นพกรรจ์ซึ่งก็ได้ยกโทษให้กัยทั้งคู่  และทั้งครอบครัวก็ได้อยู่ด้วยกันกันอย่างแฮปปี้ดี๊ด๊า 

    .
    .
    .

    จบไปแล้วนะครับ มหากาพย์ลิ้นทองที่เว็บไซด์หนังสือเก่าชาวสยามลงมาให้อ่านถึง 14 เล่มซึ่งไอ้กระผมได้นำมาย่อซะเหลือ2 หน้าแบบนี้ แต่ยังไม่จบไปนะครับ 

     

    สุดท้ายยังมีการกล่าวถึงการประชุมชาดกถึงการกลับมาชาติมาเกิด ดังนี้

    • กาละยักษ์  นายฉันนะสารถี 
    • วิชาธร     พระเทวทัต
    • พระอินทร์  พระอนุรุทธะ
    • ท้าวศิลยนต์ พระโมคคัลลนะ
    • ท้าวลักษณา พระมหานามะ
    • นางแก้วขนิษฐา  นางเขมาภิกษุณี
    • นางวิมานลอย  อุบลวรรณาภิกษุณี
    • นางสุวรรณกำภู  นางมัลลิกาเทวี
    • ไชยแสง  พระนันทะ
    • สุวรรณศิลป์  พระราหุล 
    • นางสุวรรณมาลา  พระนางยโสธราพิมพา 
    • ท้าวปัศวดีและมเหสี  พุทธบิดาและพุทธมาดา
    • พระลิ้นทอง  พระสมณโคดมพุทธเจ้า

    .
    .
    .

    ลิ้นทองยังไปปรากฏในเรื่องอุณรุฑร้อยเรื่องดังคำกลอนต่อไปนี้

    • ด้วยพระลิ้นทองผ่องพักตร์……..แค้นนักดังจะม้วยเป็นผี
    • ไปสมสู่อยู่กินด้วยกากี……………นางเมรีร่ำไรแล้วไปตาม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×