ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วรรณคดีสไตล์เกรียน

    ลำดับตอนที่ #151 : กำเนิดมนุษย์ตามไตรภูมิสไตล์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.79K
      17
      18 พ.ย. 61

    ในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง (Traibhumikathaได้กล่าวเอาไว้ว่า 


    เมื่อสัตว์ที่ปฏิสนธิในครรภ์มารดาเมื่อแรกจะก่อตัวมีเป็น กลละ มีขนาดเล็กมาก เปรียบได้กับการนำเส้นผมของชาวอุตตรกุรุทวีป ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมชาวชมพูทวีปถึง 8 เท่า (หรือเท่ากับ 1/256 ของเส้นผม) มาชุบน้ำมันงาแล้วสลัด 7 ครั้ง น้ำมันที่ติดอยู่นี้แลคือ กลละ 


    ต่อจากนี้กลละก็จะเจริญเติบโตขึ้น ด้วยอาศัยมีธาตุทั้งสี่ เมื่อครบ 7 วัน จะเป็นน้ำล้างเนื้อเรียกว่า อมพุกะ ต่อมาอีก 7 วัน ก็จะข้นเป็นชิ้นเนื้อเรียกว่า เปสิ ต่อมา 7 วัน ก็จะแข็งเป็นก้อนดังไข่ไก่เรียกว่า ฆนะ อีก 7 วันก็เป็นตุ่มราวหัวหูดขึ้นห้าแห่ง เรียกว่า ปัญจสาขา หรือ เบญจสาขาหูด ( หัว มือ ตีน) อีก 7 วันเป็นฝ่ามือ นิ้วมือ อีก 7 วัน ครบสี่สิบสองวัน จึงเป็นขนเป็นเล็บ เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ถ้าพูดเฉยๆอาจจะไม่เคลียร์ สรุปอย่างนี้ดีกว่า


    ปฏิสนธิ     = กัลละ 
    7 วัน          = อัมพุทะ
    14 วัน        = เปสิ
    21 วัน        = ฆนะ
    28 วัน       = เบญจสาขาหูด
    35 วัน       = มีฝ่ามือ นิ้วมือ ลายนิ้วมือ
    42 วัน       = มีขน เล็บมือ เล็บเท้า
    50 วัน       = ท่อนล่างสมบูรณ์
    84 วัน       =  ท่อนบนสมบูรณ์
    184 วัน     = เป็นเด็กสมบูรณ์ (ไม่ใช่ซีอิ๋ว!!)

    (ถ้าเปรียบเป็นวิชาชีวะ ก็จะเป็นเซลล์ -> ไซโกต -> เอ็มบริโอ -> ฟีตัส)

    เด็กจะนั่งอยู่กลางท้องแม่ เอาหลังมาต่อกับหนังท้องแม่ อาหารที่แม่กินเข้าไปก่อนจะอยู่ใต้ตัวเด็ก อาหารที่แม่กินเข้าไปทีหลังจะอยู่เหนือตัวเด็ก เด็กจะได้รับความลำบากยิ่งนักเพราะในท้องแม่เป็นที่ชื้น เหม็นกลิ่นเน่าอันเกิดจากอาหาร และกลิ่นพยาธิที่อยู่ในท้องแม่มา 80 ครอก  


    ตัวเด็กจะนั่งยองๆ คุดคู้เหมือนลิงเปียกฝน ท้องของแม่นั้นร้อนดั่งหม้อต้ม แม้ว่าอาหารที่กินเข้าไปจะถูกเผาผลาญด้วยอำนาจแห่งธาตุไฟ แต่ตัวเด็กก็จะไม่เป็นอะไร ก็เพราะด้วยบุญที่จะเกิดมาเป็นคนนั่นเอง เด็กอยู่ในท้องนั้น หายใจไม่ค่อยได้ เหยียดมือ เหยียดเท้าก็ไม่ได้ ยามแม่เปลี่ยนอิริยาบถแต่ละครั้ง เด็กนั้นก็จะเจ็บราวจะตาย 


    สายสะดือของกุมารนั้นกลวง ปลายติดเกาะที่หลังท้องแม่ อาหารอันใดที่แม่กินก็จะเป็นน้ำชุ่มเข้าไปในสะดือ แล้วเข้าไปในท้องเด็กเพื่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตต่อไป


    คัมภีร์พรหมจินดา กล่าวถึงอาหารแพ้ท้องว่า

    - ถ้ามารดาอยากกินเนื้อและสิ่งของสดคาว ท่านว่าสัตว์นรกมาปฏิสนธิ

    - ถ้ามารดาอยากกินน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล ท่านว่ามาแต่สวรรค์มาเกิด

    - ถ้ามารดาอยากกินผลไม้ ท่านว่าดิรัจฉานมาปฏิสนธิ

    - ถ้ามารดาอยากกินดิน ท่านว่าพรหมลงมาปฏิสนธิ

     - ถ้ามารดาอยากกินสิ่งเผ็ดร้อน ท่านว่ามนุษย์มาปฏิสนธิ

    (นี้เป็นความเชื่อสมัยก่อนนะจ๊ะ!! ย้ำ! ความเชื่อ!!)


    ตัวเด็กต้องทนทุกข์อยู่ในท้องแม่เป็นเวลานาน บ้างก็ 7 เดือน 8 เดือน  9 เดือน 10 เดือน หรือครบขวบปี จึงจะคลอดออกมา เด็กคนใดอยู่ในท้องแม่พียง 6 เดือน เมื่อคลอดแล้วก็อาจจะไม่รอดชีวิต เด็กคนที่อยู่ในท้องแม่ 7 เดือน จะเป็นคนอ่อนแอ ไม่ทนแดดทนฝน 


    ฝูงคนทั้งหลายเมื่อออกจากท้องแม่ จะเกิดเป็น ลมกรรมชวาต พัดให้ศีรษะคล้อยต่ำลงสู่ที่จะออกอันคับแคบนักหนา


    ถ้าเด็กมาจากนรก เมื่อคลอดออกมาตัวเด็กจะร้อน ถ้าเด็กมาจากสวรรค์ เมื่อคลอดออกมาตัวเด็กจะเย็น ถ้ามาจากนรก คลอดแล้วเด็กจะร้องไห้ ถ้ามาจากสวรรค์ คลอดแล้วเด็กจะก็หัวเราะ


    คนเราเมื่อออกมาจากท้องแม่ ก็จะไม่รู้เดียงสา ไม่รู้อะไร จำอะไรไม่ได้ทั้งหมด ส่วนผู้ที่จะมาเกิดเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้า ก็จะรู้อะไรทุกอย่างตั้งแต่ถือปฏิสนธิ แต่เมื่อออกจากท้องแม่แล้วก็ย่อมหลงลืมไปเช่นคนทั้งหลาย 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×