ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กุญแจ
� �สำนักงานมหาวิทยาลัยสหสายพันธุ์ราล์โอมแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มี ห้องแล็ป ห้องสมุด ห้องเก็บอุปกรสำหรับเวทย์มนตร์ และห้องต่างๆที่ใช้สำหรับ
เรียนอย่างที่มหาวิทยาลัยจะมีและอยู่เยื้องไปทางทิศตะวันออก ส่วนที่สองเป็นสำนักงาน ประกอบด้วยคลังเอกสาร ห้องมิติ น้ำพุวิญญาณภูต และอื่นๆอย่างที่สำนักงานทั่วไปมีและ
อยู่เยื้องไปทางทิศตะวันตก โดยมีหอพักคั้นกลาง ที่ราล์โอมจะมีหัวหน้าอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าของส่วนมหาวิทยาลัยรับผิดชอบเรื่องการรับตัวภูตกลับมายังมิติและสอนรวม
ถึงจัดการเรื่องเอกสารสายพันธุ์และอื่นๆแล้วแต่บัญชา อีกคนเป็นหัวหน้าของส่วนสำนักงานทำหน้าที่เรื่องการส่งตัวภูตเป็นด่านตรวจคอยค้นหาภูตที่ยังหลงเหลืออยู่ในมิติมนุษย์
และมิติใกล้เคียงและอื่นๆแล้วแต่บัญชาเช่นกัน หัวหน้าของส่วนสำนักงานชื่อ ทีร์ล ส่วนหัวหน้าของส่วนมหา'ลัยชื่อ นิกส์ ที่ราล์โอมเป็นสำนักงานมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้มิติมนุษย์
มากที่สุดตั้งอยู่บนช่องว่างระหว่างมิติที่อดีตเคยเป็นอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองแต่แล้วกลับถูกทะเลกลืนกินเหลือเพียงหมู่เกาะเล็กๆหมู่เดียวโดดๆและขึ้นชื่อว่าหัวหน้าทั้งสองไม่ค่อย
จะถูกกัน
�
� � �ซีลและนอสเดินเข้าสู่ตัวอาคารทันทีที่ผ่านเข้าไปยังประตูไม้สักขนาดใหญ่ก็ราวกับเขามายังอีกโลก ชั้นแรกของส่วนสำนักงานเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ตัวพื้นเป็นผืนหญ้านุ่มๆ
แซมด้วยดอกไม้เล็กๆตรงกลางเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่มีปลาหนาตาประหลาดอยู่เต็มไปหมดพอเด็กหนุ่มชะโงกหน้าไปดูก็พบว่ามีเมืองใต้น้ำขนาดใหญ่อยู่แต่นั้นก็ไม่น่าตกใจเท่ากับ
ปลาขนาดใหญ่(หัวเหมือนจระเข้และหางเหมือนแมงป่องแต่มีครีบขนาดใหญ่งอกออกมากลางลำตัว)ว่ายอ่าปากอวดฟันคมๆเรียงเป็นตับพุ่งตรงมายังเด็กหนุ่มจนเขาผงะถอยห่าง
จากบ่อน้ำไปสองสามก้าวและเห็นลูกคุณหนูมาเฟียแอบหัวเราะออกมานิดๆ ตรงกลางของบ่อน้ำเป็นแท่งดินปกคลุมด้วยมอสนุ่มๆสีเขียวและมีน้ำตกไหลเอื่อยๆลงมาข้างบนมีรูป
ปั้นของชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมมิดชิดปิดหน้าปิดตาเห็นเพียงริบฝีบากที่ปิดสนิดไม่แสดงอารมณ์ใดๆสองมือประคองลูกแก้วเอวไว้ในมือลูกแก้วสีประหลาดที่เต็มไปด้วยรอยแกะ
สลักอีกเช่นเคย หนุ่มผมยาวเดินกลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปสักพัก"นิกส์!!!"เสียงตวาดดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งคู่เด็กหนุ่มเห็นนิกส์สดุ่งสุดตัวและหน้าถอดสีทันทีก่อนจะ
ค่อยๆถอยหลังไปสองสามก้าว"ฟีเลนท์...ใจเย็นๆก่อนสิ"หนุ่มผมยาวพยายามใจดีสู้เสือแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ใจเย็นขึ้นเลย"จะให้ฉันใจเย็นได้ไงอยู่ๆก็แกล้งเนียนไปรับภูตแล้ว
ทิ้งงานกองโตให้ฉันจัดการยังจะมีหน้ามาให้ฉันใจเย็นอีกเรอะ!!!"หญิงสาวร่างระหงส์ที่ชื่อฟีเลนท์ตรงปรี่มายังหนุ่มผมยาวกำลังเดือดได้ที่ทีเดียว"ถ้ารักกันจริงก็ต้องช่วยกันสิ"เด็ก
หนุ่มเห็นบางอย่างผ่านหางตาไปแวบๆดูเหมือนนิกส์จะรู้ตัวเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว มีดบินสีเงินวาวคมกริบพุ่งเฉียดคิ้วของหนุ่มผมยาวไม่กี่เซนต์ไปปักบนผนังที่อยู่ข้างหลัง
ก่อนจะตามมาอีกแบบไม่หยุด ซีลและนอสเดินไปหลบอยู่ห่างๆภูตหลายตนที่อยู่แถวนั้น แรกๆดูตกใจแต่พอเห็นว่าเป็นใครพวกเขาก็หันหลังไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อบางตนก็
คุยกัน นิกส์ทนไม่ไหวซีลเห็นเข้าหายวับไปจากที่เดิมก่อนจะไปโผล่ที่ข้างหลังของหญิงสาวที่ชื่อฟีเลนท์ก่อนจะใช้สองแข็นล็อกตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง"เดี๋ยวค่อยเคลียกันทีหลังนะ
ตอนนี้งานผมยุ่ง"นิกส์กัดฟันพูดแบบยิ้มๆเพราะตอนนี้หญิงสาวเริ่มดิ้นแรงขึ้นทุกที
� �"ปล่อย!!!"
� "ผมไม่ปล่อย"นิกส์พูดด้วยน้ำเสียงกวนๆจนกระทั้งเขาปล่อยหญิงสาวออกมาจากอ้อมแขนของเขา ทันทีที่เธอหลุดออกมาได้ฟีเลนท์ก็กลับหลังเหยียบเท้าของนิกส์อย่างแรกก่อน
จะสะบัดผมเดินหนีไปเหมือนอย่างที่เธอมาปล่อยให้หนุ่มผมยาวร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ"ท่าจะเป็นเอามากนะนั้น"ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินส่วนกันฟีเลนท์พูดขึ้นกับหนุ่ม
ผมยาว เขาสวมเสือสีเขี้ยวเข้มผ้าพันคอผืนใหญ่สีน้ำตาลปักลวดลายสวยงามใส่กางเกงสีดำและรองเท้าหนังครึ่งแข้งผมยุ่งๆสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำและมีเขาแพะภูเขากลมๆคู่
หนึ่งอยู่บนหัวอายุน่าจะพอๆกับนกสาวที่เด็กหนุ่มเจอมาก่อนหน้านี้ "น้อยๆหน่อยนั้นแฟนฉันนะ" นิกส์ทำเสียงดุใส่แพะหนุ่มพลางเดินไปหาซีลและนอส "ไม่มีงานรึไงฉันเห็นเลอา
ทำงานจนหัวยุ่งเชียว"นิกส์หันไปถามแพะหนุ่มแต่ดูเหมือนคำถามนี้จะไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของเขา"ก็ยุ่งพอกับยัยงูพิษนั้นเหละแค่เข้ามาเอาของนิดหน่อย"แพะหนุ่มยกมือขึ้น
กอดอกในตามีแววดุร้ายขึ้นมาทันที แต่หากเด็กหนุ่มไม่ได้ตาฝาดเขาแน่ใจว่าในดวงตาทีดุร้ายนั้นมีแววของความสูญเสียอยู่ลึกๆแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแพะหนุ่มชะงักก่อน
จะฉีกยิ้มปกติ"ช่างมันเถอะฉันไปละทิ้งเวรนานไม่ได้นายเองก็ด้วยช่วงที่หายไปงานเข้ามาแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย" นิกส์เลิกคิ้วให้แบบสบายๆแต่หลังจากนั้นเขาก็ถอนห้ายใจเฮือก
ใหญ่ออกมาราวกับมีอะไรทับอกอยู่"นิกส์เราจะไปไหนกันต่อ"เด็กสาวเร่งหลังจากที่เห็นหนุ่มผมยาวนิ่งไปนาน"จริงสิเกือบลืมมัวแต่คิดเรื่องงานอีกอย่างอยู่ตรงสำนักงานนานๆมัน
จะไม่ดี"นิกส์พูดพลางออกเดินไปที่ประตูบานหนึ่งก่อนจะเปิดมันเข้าไป หลังประตูนั้นปรากฎให้เห็นภาพที่น่าตะลึงไม่แพ้กับโดมใหญ่ของสำนักงาน ทางเดินลาดยาวประปรายไป
ด้วยภูตสองสามตนพื้นห้องเป็นผืนหญ้าตัดด้วยสายน้ำสายเล็กๆราวแม่น้ำย่อส่วน พนังทำจากหินสีเทาสวยสะท้องเงาน้ำดูน่าหลงไหลประหลาด นิกส์เดินไปจนสุดทางเดินมีบันได
วนทำจากหินเหมือนกับสะพานเชื่อมมิติ "ชั้นนี้สำหรับภูตธาตุน้ำเดียวเราจะพักกันที่ชั้นต่อไป"หนุ่มผมยาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินช้าลง ทุกคนเดินขึ้นบันไดวนไปเรื่อยๆค่อนค่าง
สูงทีเดียว ชั้นที่สองนั้นไม่ต่างจากห้องโถงใหญ่นักตั่งแต่ผืนหญ้านุ่มๆแซมดอกไม้เล็กๆและต้นไม้อุดมเถาวัล นิกส์หยุดที่หน้าประตูหนึ่งเกิดจากเถาไม้สีน้ำตาลกำลังสวยเกาะเกี่ยว
ไปตามขอบประตูและตรงกลอนประตูที่ไม่มีช่องกุญแจ หนุ่มผมยาวใช้แหวนของเขาแนบไปกับกลอนประตูก่อนที่มันจะเปิดเข้าไปเอง ในห้องนั้นมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ต่างไปจากห้องพัก
ทั่วไป ตรงกลางห้องเป็นหลุมลึกลงไปเล็กน้อยมีชุดโต๊ะรับแขกชั้นดีหนึ่งชุด ตรงพนังมีตู้หนังสือขนาดใหญ่สูงจนติดกับเพดาน ถัดไปมีโต๊ะตัวยาวมีตระกร้าใส่ผลไม้และขนมปังนิด
หน่อยที่เหลือในห้องมีประตูอีกสองบานที่ยังไม่ได้เปิด "นายพักห้องนี้ไปก่อนพรุ่งนี้ถึงจะเริ่มเรียนวันนี้พักให้เต็มที่โชกดีที่มิตินี้กลางคืนยาวกว่ากลางวันสองสามชั่วโมงเดี๋ยวฉันจะ
มาเรียกไปกินข้าวเย็นอีกที"นิกส์อธิบายอย่างรวดเร็วก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับเด็กสาวปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในห้อง ซีลทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องในหัวรู้สึกราวกำลัง
ฝันอยู่ แทบทุกอย่างในนิทานก่อนนอนที่เขาเคยได้ยินมีชีวิตจริงอยู่ตรงหน้าเขา เด็กหนุ่มนึกขำหากเขาเป็นภูตเขาจะเป็นตัวอะไร ยิ่งนอส เขารู้ประวัตเธอเกือบทุกอย่างอันที่จริงรู้
ลามไปยังพี่น้องเพื่อนญาติคนอืนๆด้วยไม่น่าแปลกหากต้องการเป็นที่กล่าวขานในสังคมใต้ดินการจดจำประวัติของพวกมาเฟียหรือนักธุรกิจใต้ดินเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนลีน่าเขาคิด
ว่าถ้าตัวเองได้ไปอยู่โลกภูตแล้วคงจะหาเวลาที่จะไปหาเธอ จริงสิ หากเขาเป็นภูต ทำไม่ลีน่าจะไม่ใช่ภูตละ เธอน่าจะเป็นภูตเหมือนกันเธอเป็นถึงน้องสาวแท้ๆ เด็กหนุ่มนึกในหัวมี
คำถามผุดขึ้นมาอีกมากมายเด็กหนุ่มล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม มีดพกของเขายังคงอยู่มันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายก่อนพ่อจะตายจากเขาไป เด็กหนุ่มสะบัดหัวนึกไปก็
มีแต่จะทำให้รู้สึกไม่ดีเขาลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดสีดำตัวโปรดออกและกองมันไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างใกล้ๆ ดูเหมือนห้องของเขาจะอยู่ติดกับสวนหย่อมเพราะ
ทันทีที่เปิดไปเขาก็พบกับสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าบ่อน้ำขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยดอกบัว เด็กหนุ่มแทบหยุดหายใจสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นคือ เหล่าภูตกลุ่มหนึ่งที่กำลังร้อง
เพลงและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ท่วงท่าที่รวดเร็วอ่อนช้อยชวนหลงไหลเด็กหนุ่มจ้องมองไม่ยอมกระพริบตาเขาคงจะจ้องไปอย่างนั้นหากไม่มีมือของใครบางคนวางลงบนไหล่
ของเขาดึงให้เด็กหนุ่มสะดุ้งตืนจากมนตร์สะกด "เป็นอะไรรึเปล่าฉันเรียกกี่ครั้งไม่เห็นตอบเลย"นกสาวถามขึ้นดวงตาขอเธอมีแววสงสัยทำให้เธอเหมือนนกเข้าไปใหญ่ก่อนมอง
ออกไปนอกหน้าต่างจึงพบคำตอบ"เเฟรี่นี้เอง"เธอพึมพำออกมาราวกับบอกตัวเอง เด็กหนุ่มมอกหน้าแขกที่อยู่ดีๆก็โผล่เขามาในห้องของเขาก่อนจะพูดขึ้น�
� "เลอา?"
� "ทำไมมีอะไร แล้วนายรู้ชื่อฉันได้ไง?"นกสาวขมวดคิ้ว"ไม่รู้สิคือ...ผมลองปะติกปะต่อเรื่องราวดูเลยคิดว่าคุณน่าจะเป็นภูตที่ชื่อเลอา"นกสาวเลิกคิ้วยิ้มๆและเอียงคอมองเขา
เหมือนนกเหยี่ยวซนๆตัวหนึ่ง เด็กหนุ่มพึ่งสังเกตุว่าขาของเธอกลายเป็นขาคนปกติแล้ว เมื่อเธออยู่ในสภาพแบบคนปกติแบบนี้แล้วตัวเธอก็สูงพอๆกับเขาความจริงแล้วสูงกว่าด้วย
ซ้ำแต่ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ยังเหมือนนกอยู่ดี "ไปเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมดนิกส์ให้ฉันมาตามนายนะ"เลอาพูดพลางปิดหน้าต่าง"วันหลังอย่าเปิดหน้าต่างบานนี้อีกแล้วกันใน
สวนหย่อมพวกแฟรี่ชอบมาจัดปาตี้กันประจำแล้วเวลาพวกนี้เต้นรำกันภูตตนอืนๆก็จะถูกมนตร์สะกดของเจ้าพวกนี้กันเป็นแถว"เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูพลางฟังนกสาวพูดก่อนทั้ง
คู่จะออกมาจากห้อง ซีลคิดขณะเดินตามนกสาวไปเขาสงสัยในคำพูดของแพะหนุ่มที่เกือทำให้เขาไม่รู้ว่านกสาวชื่ออะไร 'ทำไมถึงเรียกเลอาว่างูพิษ' เด็กหนุ่มคิดหาเหตุผลดูจากที่
เธอเป็นนกน่าจะเรียกเป็นอย่างอื่นมากกว่าไม่น่าจะเรียกงูพิษ"เลอาคุณรู้จักผู้ชายที่มีเขาแพะอยู่บนหัวไหมที่ใส่ผ้าพันคอสีน้ำตาลด้วยรึเปล่า"
"ไอ้แพะหน้าม่อนั้นนะเรอะ!"เลอาขึ้นเสียงแทบจะทันที เพียงแค่นี้เด็กหนุ่มก็พอจะรู้แล้วว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันซีลจึงล้มเลิกความคิดที่จะถามอะไรต่อเกี่ยวกับแพะหนุ่มหันไปถามอย่างอื่น
แทน"แล้วคุณเป็นตัวอะไร"นกสาวเลิกคิ้วก่อนจะตอบ"ดูไม่ออกเหรอในมิติมนุษย์ก็พอมีเรื่องของพวกฉันอยู่นะ"ซีลส่ายหน้าอันที่จริงเขาแทบไม่มีหัวทางด้านนี้เลยรู้จักก็แค่ตัวสอง
ตัวและบางตัวเขาก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเรียกภูตรึเปล่า�"ฉันเป็นไซเรนแต่ไม่แท้หรอกนะมีเชื้อผสมของ..."
"ไซเรนเป็นภูตด้วยเหรอ"เด็กหนุ่มถามตัดทั้งๆที่นกสาวยังพูดไม่จบ"นิกส์ยังไม่อธิบายให้ฟังอีกหรอ"ซีลเลิกคิ้วให้แทนคำตอบ"เดี๋ยวก็ได้เรียนแล้วนี้ฉันยังไม่ตอบแล้วกัน"
ตอนนี้ทั้งคู่เดินมาจนถึงห้องโถงใหญ่เหมือตรงสำนักงานแต่ที่แปลกไปคือสุดทางเดินของห้องโถงนี้มีบันไดวนขนาดใหญ่อยู่และข้างๆก็มีตู้หนังสือเรียงรายอยู่สี่ห้าตู้เด็กหนุ่มเดาว่า
นี้น่าจะเป็นส่วนของมหาวิทยาลัย เลอาเดินขึ้นบันไดวนไปจนมันถึงชั้นบนสุดหน้าแปลกที่เด็กหนุ่มไมรู้สึกเหนือยเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ชั้นบนสุดของมหา'ลัยเป็นทางเดินลาดยาว
ตกแต่งเรียบๆด้วยเชิงเทียนที่ยื่นออกมาจากผนังปูนสีขาวตกแต่งลวดลายด้วยสีครีมพื้นไม้มันเงาและพรมสีแดงเด็กหนุ่มเดินผ่านห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องพักครูถัดมาน่าจะเป็น
ห้องของผ.อ. ซีลแปลกใจว่าทำไมหากจะมาทานข้าวเย็นทำไมถึงไม่ไปโรงอาหารมาที่ห้องพักครูทำไม ที่สุดทางเดินมีประตูอยู่บานเดียวดูจากความห่างจากห้องอื่นแล้วคงเป็นห้อง
ใหญ่ทีเดียวเมื่อเลอาเปิดเข้าไปเด็กหนุ่มก็เห็นว่านอสอยู่ที่นั่นอยู่แล้วรวมถึงฟีเลนท์ด้วยทั้งคู่นั่งอยู่บนโฟาตัวหรูสีเขียวแก่เดินขอบด้วยเชือกสีหลืองทองบนตักมีหมอนอิงผ้ากำมะหยี
สีเขียวแก่ประดับพู่ แต่ที่รอบๆห้องกับมีตู้ยาประหลาดเต็มไปหมดดูแล้วหน้าขนลุกประหลาดบางขวดมีลูกตาใส่อยู่ แล้วกำลังจ้องมองมาในห้อง แต่มันก็ไม่น่าขนลุกเท่ากับโหลดอง
ที่มีตัวอ่อนของตัวอะไรสักอย่างอยู่ในขวด(ตาเหลือกข้างหนึ่งอีกข้างเหมือนจะหลุดออกมา)และดูเหมือนผิวหนังของมันจะหลุดออกมาเป็นขุยๆผสมกับน้ำยาดองสีเหลืองแก่ ถัดไป
เป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีหลอดทดลอง หม้อต้ม ดูๆแล้วชุดรับแขกที่อยู่กลางห้องช่างไม่เข้าพวกกับสิ่งอืนๆที่อยู่ในห้องอย่ารุนแรง"นิกส์บอกว่าจะเอากุญแจให้พวกเธอก่อนแล้วถึงจะ
ไปทานข้าวเย็นกัน"ฟีเลนท์พูดขึ้นเมือนเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามา ส่วนนกสาวก็เดินเข้าไปวุ่นวายกับโหลดองและขวดใส่น้ำสีแปลกๆภายในห้องบ่นอุบอิบประมาณว่า 'ทำไมไม่มีใคร
ดูแลให้พวกเธออยู่กันดีกว่านี้' และ'พวกเธอ'ในที่นี้คือเหล่าโหลดองและน้ำยาสีประหลาด นิกส์เดินออกมาจากหลังประตูไม้บานสวยภายในห้องที่ไม่เข้าพวกพอๆกับชุดรับแขกที่อยู่
ท้ามกลางตู้หนังสือโหลดองและหลอดทดลอง เด็กหนุ่มเห็นเขาเดินมาพร้อมกล่องไม้กำลังหน้ารักสองกล่องที่ไม่ได้มีรอยแกะสลักอะไรเลย หนุ่มผมยาวนั้งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆก่อน
จะว่างกลองสองใบนั้นลงบนโต๊ะรับแขก "ฉันอธิบายเรื่องกุญแจภูตให้พวกเธอฟังไปคร่าวๆแล้วที่สะพานเชื่อมมิติมนุษย์ อย่างที่เคยบอก มันมีแค่ดอกเดียวเท่านั้นต่อภูตหนึ่งตน
ส่วนกุญแจสำรองจะใช้ได้ครั้งเดียวซึ่งพวกเธอใช้ไปแล้วตอนข้ามมิติ ปกติแล้วกุญแจภูตเราจะให้ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอตกลงจะกลับแดนภูตแต่ฉันลืม นี้...อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ
กุญแจภูนั้นมีความหมายกับพวกเธอมากห้ามหายแต่พังได้ มันจะเป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้ใช้เวทย์มนตร์คล่องขึ้น ใช้ในการข้ามมิติต่อให้ไม่มีตัวเชื่อมอย่าง สะพาน หรือ ประตู
หน้าต่าง ตู้เสื้อผ้า บ่อน้ำ ทางเดิน เสาไฟ หนังสือ สมุด ดินสอ เก้าอี้ รูปปั้น หลุมศพ กระจก แม่น้ำ ถ้ำ อุโมง นก ม้า พรม ลิ้นชัก เตาผิง ปล่องไฟ ทางน้ำเก่า ท้อน้ำทิ้ง รถไฟปริศนา
เรือผี และอีกมากมาย ก็จะสามารถข้ามมิติได้แต่ไม่รับประกันว่าจะแม่นยำรึเปล่าเพราะตัวเชื่อมนั้นจะทำให้เราเดินทางไปยังมิติต่างๆโดยไม่หลงไปแดนพิศวงหรือช่องว่างมิติ
นอกจากนั้นยังใช้เป็นกุญแจของห้องพักตัวเองด้วย และมันจะเป็นเหมือนบัตประชาชนในโลกมนุษย์ มันไม่บอกหรอกนะว่าชื่ออะไรเกิดที่ไหนวันอะไร แต่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าพวก
เธอเป็นมิตร์หรือศัตรูมีเชื้อสายขอภูตเผ่าพันธุ์ไหนและยืนยันความเป็นตัวนาย" นิกส์อธิบายยาวเหยียดก่อนจะส่งกล่องใบหนึ่งให้นอส และโยนอีกกล่องให้ซีล(ที่ดูเหมือนยังงงเรื่อง
ตัวเชื่อมมิติ)เมื่อทั้งคู่เปิดมันออกก็พบว่ามีลูกแก้วสีประหลาดบรรจุอยู่ภายใน เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมา แต่แล้วลูกแก้วสีประหลาดก็ค่อยๆละลายกลายเป็นน้ำสีใสเต็มอุ่งของเขาและ
ซึ่มหายไปในฝ่ามือเหลือเพียง แหวนสีเงินเต็มไปด้วยลวดลายแปลกๆประดับรัดรอบนิลสีดำวาวเม็ดขนาดกำลังดีจนแทบจะกลืนไปกับตัวแหวน ส่วนกล่องไม้ก็หายวับไปตั้งแต่ตอน
ที่เด็กหนุ่มเผลอทำมันตกไปก่อนหน้านี้"อย่างที่เคยบอกไปนายจะสามารถเปลียนกุญแจภูตของนายเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิดแต่บางครั้งมันก็อยากจะเปลี่ยนตัวมันเอง"เด็กหนุ่ม
มองแหวนบนนิ้วชี้ของเขามันไม่ได้แย่อะไร ทั้งขนาดวงกำลังดีไม่ใหญ่เกินไปจนเต็มข้อนิ้ว หรือหวานเกินไปเหมือแหวนที่พวกผู้หญิงชอบใส่กัน �แต่มันรัดนิ้วเข้าแน่จนคิดไม่ออกเลย
ว่าจะถอดออกยังไง สวนเด็กสาวก็นั้งมองเหตุการเงียบๆไม่พูดอะไร"เป็นอะไรรึเปล่า"ฟีเลนท์ถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวเงียบผิดปกติ นอสสดุ่งตัวเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ให้ฟีเลนท์ก่อนจะเปิดกล่องไม้ที่วางนิ้งอยู่บนตักออก ข้างในนั้นมีลูกแล้วเหมือนของเด็กหนุ่มไปผิด แต่กลับมีขนาดเล็กกว่ามากเล็กจนเหมือนลูกแก้วสำหรับเด็กเล่น นอสเทมันออก
จากกล่องไม้ ทันทีที่ผิวลื่นใสของลูกแก้วสีประหลาดสัมผัสถูกผิวขาวเนียนบนมือของเด็กสาว ความเจ็บแล่นสู่ตัวมือของเธออย่งรวดเร็วเจ็บจนเด็กสาวชักมือออกทันที กล่องไม้ที่อยู่
บนตักของเธอตกลงพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวไม้นั้นเป็นแก้วที่บอบบางก่อนจะค่อยๆสะลายเป็นผุยผง ทุกคนในห้องตกใจหันไปมองเด็กสาวเป็นตาเดียวกัน นอสยกมือของตัวเอง
ขึ้นดูมันยังเจ็บระบมไม่หาย ตั่งแต่ขอมือไปจนถึงไหล่เจ็บและปวดราวแขนจะหลุด ที่กลางฝ่ามือมีอัญมณีสีน้ำเงนเข้มจนเกือบดำฝังอยู่ขนาดเท่าเหรียญเงิน ส่วนรอบๆปรากฎเป็น
รอยคล้ายรอยสักสีเงินเข้มอมเขียวม้วนรัดพันเกียวคล้ายดงหนามล้อมอยู่รอบๆอัญมณีเม็ดงาม แต่ซีลรู้สึกว่ามันน่าขนลุกประหลาด เลอาเดินมาดูหลังจากหายไปวุ่นวายกับ
โหลดองและขวดยาในห้อง พอดีกับประตูที่เปิดออกพร้อมแพะหนุ่มที่เดินเข้ามา "นิกส์ฉันเอาเอกสารมาให้..."เลอาชะงักส่วนแพะหนุ่มหยุดพูดทันทีที่ทั้งคู่เห็นหน้ากัน ฟีเลนท์หน้า
ถอดสีนิกส์ยกมือขึ้นกุมขมับรู้สึกหัวเสียประหลาด ส่วนซีลกับนอสรู้สึกเหมือนตัวเองนั้งอยู่ในจุดที่รังสีบางอย่างเข้าปะทะกัน "ขอบใจนายมากซอน อันที่จริงนายไม่ต้องเอามาให้
ก็ได้นะฉันกำลังจะไปเอาพอดี" นิกส์พูดพลางเอื้อมมือไปรับเอกสารจากซอน รู้สึกระดากปากแปลกๆกับคำพูดที่ฟังดูเหมือนกับไล่ "ไม่เป็นไรฉันแวะมาเอาของด้วยเลยอาสาเอา
เอกสารมาให้คนที่นี้ด้วย" ซอนกดเสียงต่ำตอบทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าหนุ่มผมยาวแต่กลับจ้องนกสาวแบบไม่วางตา ส่วนเลอานั้นยกมือขึ้นกอดอกเชิกหน้าใส่และจ้องหน้าตอบแบบ
ไม่มีใครกลัวใคร "ฉันว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าหิวแล้ว เออนอสที่มือเธอมันก็เป็นรูปแบบของกุญแจแบบหนึ่งนะไม่ต้องตกใจไปหรอกเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนรูปของกุญแจก็ได้ถ้าไม่
ชอบ"ฟีเลนท์ตัดบท"งันฉันคงต้องไปแล้วเหละไม่ค่อยไว้ใจพวกทหารภูตที่มาเข้าเวรแทน"นกสาวพูดพร้อมฉีกยิ้มไม่เต็มใจออกมาแต่ยังไม่หยุดสาดรังสีใส่แพะหนุ่ม "ไปกันเถอะหิว
แล้ว"ฟีเลนท์กระตุ้นเมื่อเห็นทุกคนยังนิ่งอยู่ ซีลเดินออกไปจากห้องคนแรก ต่ามด้วยฟีเลนท์ที่คว้าคอเสื้อของนิกส์และลากเขาออกมา ซอนออกจากห้องไปก่อนหน้าเด็กหนุ่มแล้ว
ส่วนเลอาอยู่ๆก็หายไปจากตรงนั้นเด็กสาวคิดว่าเธอคงจะบินออกไปทางหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ นอสหงายมือซ้ายของเธอขึ้นมอง มันยังปวดระบมไม่หยุด นึกสงสัยว่าภูตตนอื่นๆที่มี
กุญแจอย่างเธอจะรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกันรึเปล่า "คุณหนูครับไปกันได้แล้วนะครับ"นอสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงตอนแรกเธอคิดว่าเป็นนิกส์แต่เป็นซีล เด็กสาวนิ้วหน้า
เล็กน้อยแล้วพูดขึ้น"ไม่ต้องเรียกว่าคุณหนูหรอก ฉันกำลังจะไปแล้ว" นอสยังคงใบหน้าที่เฉยชาเอาไว้แต่น้ำเสียงแสดงถึงความขุ่นเคืองเล็กน้อย ซีลได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่แล้ว
เหยียดยิ้มกวน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาทิ้งห้องว่างเปล่าเอาไว้เบื่องหลัง
�
� � �"นิกส์ทำไมเราถึงไม่ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร"ซีลถามขึ้นหลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าเสร็จแล้วตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่ศาลาในสวนหย่อมซึ่งตอนมาถึงก็พบว่ามีอาหารรอ
อยู่แล้ว "ฉันกลัวว่าถ้าพวกเธอไปกินอาหารกันที่นั้นจะพาลกินไม่ลงกันไปตามระเบียบขนาดฉันยังไม่ค่อยจะชินเลย" ฟีเลนท์ตอบแทน แต่นั้นก็ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้นว่าเพราะ
อะไร "ภูตบางตนไม่ค่อยจะ'แปรรูปอาหาร'เวลาเอามากินแต่ความจริงมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะแค่ใครบางคนแถวนี้'ใจเสาะ'จนไม่น่าเชื่อ" นิกส์พูดขึ้นหลังจากจัดการกับกอง
กระดาษเอกสารที่แทบจะเป็นปรสิตติดตามตัวเขาไปทุกที่ เมื่อพูดจบมือหนักๆของฟีเลนท์ก็ตบเข้าที่หลังของเขาดังปั้ก เด็กหนุ่มยกมือขึ้นท้าวคางกับโต๊ะ บริเวนนี้มีภูตอยู่ไม่กี่ตน
พวกพิกซี่เดินเล่นไปมาและบินว้อนกันอยู่สองสามตน เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเขาเห็นสิงโตตัวหนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไป(หน้าเป็นคนและมีหางเป็นแมงป่อง)นิกส์กับฟีเลนท์มีใบหูเรียว
แหลมตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตุเพราะทังคู่ไว้ผมยาวจนมันปิดหูของเขามิด ที่เขาเห็นเพราะฟีเลนท์เสยผมขึ้นทัดหลังใบหูส่วนนิกส์ก็ปล่อยผมยุ่งๆออกและรวบมัดเอาไว้หลวมๆตาม
เดิม เลอาบอกเขาแล้วว่าเป็นไซเรนแถมยังได้เห็นตอนเธอกลายเป็นครึ่งคนครึ่งนกเห็นว่ามีเชื้อขอภูตชนิดอื่นด้วยแต่เขาไม่ได้ฟัง ส่วนซอนเขาเห็นเขาแพะกลมๆอยู่บนหัวคู่หนึ่งยัง
ดีที่ไม่มีเคราแพะด้วยเด็กหนุ่มจึงเดาว่าเขาน่าจะเป็นเซเทอร์ และตัวเขาละเป็นอะไร "นิกส์คุณพอจะรู้ไหมว่าผมเป็นตัว...เป็นภูตเผ่าพันธุ์ไหน" นิกส์เงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะ
บ่นออกมา "ขี้สงสัยจังนะนาย" ฟีเลนท์เหลือบตาขึ้นฟ้าก่อนจะตอบทุกอย่างแทนหนุ่มผมยาว"ซีลนายเป็นภูตเลือดผสมบริสุทธิ์นอสด้วย ซึงเราจะแบ่งประเภทของภูตเป็นสามแบบ
คือเลือดบริสุทธิ์พวกนี้จะมีแค่สายพันธุ์เดียวส่วนใหญ่จะเป็นพวกมังกร เพราะพวกนี้หยิ่งที่จะมีสายเลือดสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์อื่น แบบที่สองคือเลือด
ผสมบริสุทธิ์ แบบนี้จะมีค่อนค่างเยอะอย่างน้อยก็เยอะกว่าพวกเลือดบริสุทธิ์ ฉัน เลอา ซอน ทีร์ลหนัวหน้าส่วนสำนักงาน พวกเธอก็ใช่ แบบนี้จะมีสายเลือดของภูตตั้งแต่สอง
สายพันธุ์อยู่แต่ไม่มีสายเลือดของเผ่ามนุษย์ แบบที่สามเรียกง่ายๆว่าภูตผสม จะมีสายเลือของกี่สายพันธุ์ก็แล้วแต่หากมีสายเลือดมนุษย์เราก็จะนับว่าเป็นภูตผสม"ฟีเลนท์ยิ้มย่น
จมุกน่ารักให้แล้วพูดต่อ"ส่วนเรื่อที่เธอเป็นตัวอะไร ซีลนายเป็นลูกครึ่งของไลเคนกับเฟเบิล ส่วนนอสเป็นลูครึ่ง พิกซี่กับลีโอริก"นอสชันตัวขึ้นหลังจากที่กินข้าวไปราวกับแมวดม
แล้วเอนหลังพักนั่งเหม่อไม่พูดอะไรมานาน"ลีโอริก?"เด็กสาวถามถึงชื่อของเชื้อสายภูตที่เธอเป็น "เป็นภูตรัตติกาล มักปรากฎตัวในยามค่ำคืนหรือในความมืด"เมื่อฟีเลนท์พูดจบ
เด็กสาวก็ได้แต่พยักหน้านิดๆให้ก่อนจะเอนหลังและนั่งเงียบเหมือนเดิม�"แล้วเฟเบิลละ"เด็กหนุ่มถาม"เป็นภูตไม้ป่าลึก "นิกส์ตอบตัดหน้าแฟนสาวก่อนจะหันมาพูดกับทุกคน"ฉัน
บอกไปแล้วใช่ไหมที่เธอสองตนต้องเรียนอยู่ที่นี้พักหนึ่งก่อนจะส่งไปอยู่มิติภูต ตอนนี้นายตามหลังภูตรุ่นเดียวกันอยู่ไกลมาก ฉันกับฟีเลนท์จึงอาสาเป็นครูให้พวกเธอเอง"นิกส์ฉีก
ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมโอบไหลฟีเลนท์ที่แทบจะปัดแขนเขาออกทันที"ฉันพูดตั่งแต่เมื่อไหร่ว่าจะเป็นครูนายเองงานก็เยอะจนจะท่วมมิดหัวอยู่แล้วยังจะหางานเพิ่มอีก"
เรียนอย่างที่มหาวิทยาลัยจะมีและอยู่เยื้องไปทางทิศตะวันออก ส่วนที่สองเป็นสำนักงาน ประกอบด้วยคลังเอกสาร ห้องมิติ น้ำพุวิญญาณภูต และอื่นๆอย่างที่สำนักงานทั่วไปมีและ
อยู่เยื้องไปทางทิศตะวันตก โดยมีหอพักคั้นกลาง ที่ราล์โอมจะมีหัวหน้าอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าของส่วนมหาวิทยาลัยรับผิดชอบเรื่องการรับตัวภูตกลับมายังมิติและสอนรวม
ถึงจัดการเรื่องเอกสารสายพันธุ์และอื่นๆแล้วแต่บัญชา อีกคนเป็นหัวหน้าของส่วนสำนักงานทำหน้าที่เรื่องการส่งตัวภูตเป็นด่านตรวจคอยค้นหาภูตที่ยังหลงเหลืออยู่ในมิติมนุษย์
และมิติใกล้เคียงและอื่นๆแล้วแต่บัญชาเช่นกัน หัวหน้าของส่วนสำนักงานชื่อ ทีร์ล ส่วนหัวหน้าของส่วนมหา'ลัยชื่อ นิกส์ ที่ราล์โอมเป็นสำนักงานมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้มิติมนุษย์
มากที่สุดตั้งอยู่บนช่องว่างระหว่างมิติที่อดีตเคยเป็นอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองแต่แล้วกลับถูกทะเลกลืนกินเหลือเพียงหมู่เกาะเล็กๆหมู่เดียวโดดๆและขึ้นชื่อว่าหัวหน้าทั้งสองไม่ค่อย
จะถูกกัน
�
� � �ซีลและนอสเดินเข้าสู่ตัวอาคารทันทีที่ผ่านเข้าไปยังประตูไม้สักขนาดใหญ่ก็ราวกับเขามายังอีกโลก ชั้นแรกของส่วนสำนักงานเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ตัวพื้นเป็นผืนหญ้านุ่มๆ
แซมด้วยดอกไม้เล็กๆตรงกลางเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่มีปลาหนาตาประหลาดอยู่เต็มไปหมดพอเด็กหนุ่มชะโงกหน้าไปดูก็พบว่ามีเมืองใต้น้ำขนาดใหญ่อยู่แต่นั้นก็ไม่น่าตกใจเท่ากับ
ปลาขนาดใหญ่(หัวเหมือนจระเข้และหางเหมือนแมงป่องแต่มีครีบขนาดใหญ่งอกออกมากลางลำตัว)ว่ายอ่าปากอวดฟันคมๆเรียงเป็นตับพุ่งตรงมายังเด็กหนุ่มจนเขาผงะถอยห่าง
จากบ่อน้ำไปสองสามก้าวและเห็นลูกคุณหนูมาเฟียแอบหัวเราะออกมานิดๆ ตรงกลางของบ่อน้ำเป็นแท่งดินปกคลุมด้วยมอสนุ่มๆสีเขียวและมีน้ำตกไหลเอื่อยๆลงมาข้างบนมีรูป
ปั้นของชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมมิดชิดปิดหน้าปิดตาเห็นเพียงริบฝีบากที่ปิดสนิดไม่แสดงอารมณ์ใดๆสองมือประคองลูกแก้วเอวไว้ในมือลูกแก้วสีประหลาดที่เต็มไปด้วยรอยแกะ
สลักอีกเช่นเคย หนุ่มผมยาวเดินกลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปสักพัก"นิกส์!!!"เสียงตวาดดังขึ้นจากด้านหลังของทั้งคู่เด็กหนุ่มเห็นนิกส์สดุ่งสุดตัวและหน้าถอดสีทันทีก่อนจะ
ค่อยๆถอยหลังไปสองสามก้าว"ฟีเลนท์...ใจเย็นๆก่อนสิ"หนุ่มผมยาวพยายามใจดีสู้เสือแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ใจเย็นขึ้นเลย"จะให้ฉันใจเย็นได้ไงอยู่ๆก็แกล้งเนียนไปรับภูตแล้ว
ทิ้งงานกองโตให้ฉันจัดการยังจะมีหน้ามาให้ฉันใจเย็นอีกเรอะ!!!"หญิงสาวร่างระหงส์ที่ชื่อฟีเลนท์ตรงปรี่มายังหนุ่มผมยาวกำลังเดือดได้ที่ทีเดียว"ถ้ารักกันจริงก็ต้องช่วยกันสิ"เด็ก
หนุ่มเห็นบางอย่างผ่านหางตาไปแวบๆดูเหมือนนิกส์จะรู้ตัวเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดฉิว มีดบินสีเงินวาวคมกริบพุ่งเฉียดคิ้วของหนุ่มผมยาวไม่กี่เซนต์ไปปักบนผนังที่อยู่ข้างหลัง
ก่อนจะตามมาอีกแบบไม่หยุด ซีลและนอสเดินไปหลบอยู่ห่างๆภูตหลายตนที่อยู่แถวนั้น แรกๆดูตกใจแต่พอเห็นว่าเป็นใครพวกเขาก็หันหลังไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อบางตนก็
คุยกัน นิกส์ทนไม่ไหวซีลเห็นเข้าหายวับไปจากที่เดิมก่อนจะไปโผล่ที่ข้างหลังของหญิงสาวที่ชื่อฟีเลนท์ก่อนจะใช้สองแข็นล็อกตัวเธอเอาไว้จากด้านหลัง"เดี๋ยวค่อยเคลียกันทีหลังนะ
ตอนนี้งานผมยุ่ง"นิกส์กัดฟันพูดแบบยิ้มๆเพราะตอนนี้หญิงสาวเริ่มดิ้นแรงขึ้นทุกที
� �"ปล่อย!!!"
� "ผมไม่ปล่อย"นิกส์พูดด้วยน้ำเสียงกวนๆจนกระทั้งเขาปล่อยหญิงสาวออกมาจากอ้อมแขนของเขา ทันทีที่เธอหลุดออกมาได้ฟีเลนท์ก็กลับหลังเหยียบเท้าของนิกส์อย่างแรกก่อน
จะสะบัดผมเดินหนีไปเหมือนอย่างที่เธอมาปล่อยให้หนุ่มผมยาวร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ"ท่าจะเป็นเอามากนะนั้น"ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินส่วนกันฟีเลนท์พูดขึ้นกับหนุ่ม
ผมยาว เขาสวมเสือสีเขี้ยวเข้มผ้าพันคอผืนใหญ่สีน้ำตาลปักลวดลายสวยงามใส่กางเกงสีดำและรองเท้าหนังครึ่งแข้งผมยุ่งๆสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำและมีเขาแพะภูเขากลมๆคู่
หนึ่งอยู่บนหัวอายุน่าจะพอๆกับนกสาวที่เด็กหนุ่มเจอมาก่อนหน้านี้ "น้อยๆหน่อยนั้นแฟนฉันนะ" นิกส์ทำเสียงดุใส่แพะหนุ่มพลางเดินไปหาซีลและนอส "ไม่มีงานรึไงฉันเห็นเลอา
ทำงานจนหัวยุ่งเชียว"นิกส์หันไปถามแพะหนุ่มแต่ดูเหมือนคำถามนี้จะไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของเขา"ก็ยุ่งพอกับยัยงูพิษนั้นเหละแค่เข้ามาเอาของนิดหน่อย"แพะหนุ่มยกมือขึ้น
กอดอกในตามีแววดุร้ายขึ้นมาทันที แต่หากเด็กหนุ่มไม่ได้ตาฝาดเขาแน่ใจว่าในดวงตาทีดุร้ายนั้นมีแววของความสูญเสียอยู่ลึกๆแต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นแพะหนุ่มชะงักก่อน
จะฉีกยิ้มปกติ"ช่างมันเถอะฉันไปละทิ้งเวรนานไม่ได้นายเองก็ด้วยช่วงที่หายไปงานเข้ามาแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย" นิกส์เลิกคิ้วให้แบบสบายๆแต่หลังจากนั้นเขาก็ถอนห้ายใจเฮือก
ใหญ่ออกมาราวกับมีอะไรทับอกอยู่"นิกส์เราจะไปไหนกันต่อ"เด็กสาวเร่งหลังจากที่เห็นหนุ่มผมยาวนิ่งไปนาน"จริงสิเกือบลืมมัวแต่คิดเรื่องงานอีกอย่างอยู่ตรงสำนักงานนานๆมัน
จะไม่ดี"นิกส์พูดพลางออกเดินไปที่ประตูบานหนึ่งก่อนจะเปิดมันเข้าไป หลังประตูนั้นปรากฎให้เห็นภาพที่น่าตะลึงไม่แพ้กับโดมใหญ่ของสำนักงาน ทางเดินลาดยาวประปรายไป
ด้วยภูตสองสามตนพื้นห้องเป็นผืนหญ้าตัดด้วยสายน้ำสายเล็กๆราวแม่น้ำย่อส่วน พนังทำจากหินสีเทาสวยสะท้องเงาน้ำดูน่าหลงไหลประหลาด นิกส์เดินไปจนสุดทางเดินมีบันได
วนทำจากหินเหมือนกับสะพานเชื่อมมิติ "ชั้นนี้สำหรับภูตธาตุน้ำเดียวเราจะพักกันที่ชั้นต่อไป"หนุ่มผมยาวพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินช้าลง ทุกคนเดินขึ้นบันไดวนไปเรื่อยๆค่อนค่าง
สูงทีเดียว ชั้นที่สองนั้นไม่ต่างจากห้องโถงใหญ่นักตั่งแต่ผืนหญ้านุ่มๆแซมดอกไม้เล็กๆและต้นไม้อุดมเถาวัล นิกส์หยุดที่หน้าประตูหนึ่งเกิดจากเถาไม้สีน้ำตาลกำลังสวยเกาะเกี่ยว
ไปตามขอบประตูและตรงกลอนประตูที่ไม่มีช่องกุญแจ หนุ่มผมยาวใช้แหวนของเขาแนบไปกับกลอนประตูก่อนที่มันจะเปิดเข้าไปเอง ในห้องนั้นมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ต่างไปจากห้องพัก
ทั่วไป ตรงกลางห้องเป็นหลุมลึกลงไปเล็กน้อยมีชุดโต๊ะรับแขกชั้นดีหนึ่งชุด ตรงพนังมีตู้หนังสือขนาดใหญ่สูงจนติดกับเพดาน ถัดไปมีโต๊ะตัวยาวมีตระกร้าใส่ผลไม้และขนมปังนิด
หน่อยที่เหลือในห้องมีประตูอีกสองบานที่ยังไม่ได้เปิด "นายพักห้องนี้ไปก่อนพรุ่งนี้ถึงจะเริ่มเรียนวันนี้พักให้เต็มที่โชกดีที่มิตินี้กลางคืนยาวกว่ากลางวันสองสามชั่วโมงเดี๋ยวฉันจะ
มาเรียกไปกินข้าวเย็นอีกที"นิกส์อธิบายอย่างรวดเร็วก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับเด็กสาวปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวในห้อง ซีลทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องในหัวรู้สึกราวกำลัง
ฝันอยู่ แทบทุกอย่างในนิทานก่อนนอนที่เขาเคยได้ยินมีชีวิตจริงอยู่ตรงหน้าเขา เด็กหนุ่มนึกขำหากเขาเป็นภูตเขาจะเป็นตัวอะไร ยิ่งนอส เขารู้ประวัตเธอเกือบทุกอย่างอันที่จริงรู้
ลามไปยังพี่น้องเพื่อนญาติคนอืนๆด้วยไม่น่าแปลกหากต้องการเป็นที่กล่าวขานในสังคมใต้ดินการจดจำประวัติของพวกมาเฟียหรือนักธุรกิจใต้ดินเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนลีน่าเขาคิด
ว่าถ้าตัวเองได้ไปอยู่โลกภูตแล้วคงจะหาเวลาที่จะไปหาเธอ จริงสิ หากเขาเป็นภูต ทำไม่ลีน่าจะไม่ใช่ภูตละ เธอน่าจะเป็นภูตเหมือนกันเธอเป็นถึงน้องสาวแท้ๆ เด็กหนุ่มนึกในหัวมี
คำถามผุดขึ้นมาอีกมากมายเด็กหนุ่มล่วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม มีดพกของเขายังคงอยู่มันเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายก่อนพ่อจะตายจากเขาไป เด็กหนุ่มสะบัดหัวนึกไปก็
มีแต่จะทำให้รู้สึกไม่ดีเขาลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดสีดำตัวโปรดออกและกองมันไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างใกล้ๆ ดูเหมือนห้องของเขาจะอยู่ติดกับสวนหย่อมเพราะ
ทันทีที่เปิดไปเขาก็พบกับสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าบ่อน้ำขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยดอกบัว เด็กหนุ่มแทบหยุดหายใจสิ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นคือ เหล่าภูตกลุ่มหนึ่งที่กำลังร้อง
เพลงและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ท่วงท่าที่รวดเร็วอ่อนช้อยชวนหลงไหลเด็กหนุ่มจ้องมองไม่ยอมกระพริบตาเขาคงจะจ้องไปอย่างนั้นหากไม่มีมือของใครบางคนวางลงบนไหล่
ของเขาดึงให้เด็กหนุ่มสะดุ้งตืนจากมนตร์สะกด "เป็นอะไรรึเปล่าฉันเรียกกี่ครั้งไม่เห็นตอบเลย"นกสาวถามขึ้นดวงตาขอเธอมีแววสงสัยทำให้เธอเหมือนนกเข้าไปใหญ่ก่อนมอง
ออกไปนอกหน้าต่างจึงพบคำตอบ"เเฟรี่นี้เอง"เธอพึมพำออกมาราวกับบอกตัวเอง เด็กหนุ่มมอกหน้าแขกที่อยู่ดีๆก็โผล่เขามาในห้องของเขาก่อนจะพูดขึ้น�
� "เลอา?"
� "ทำไมมีอะไร แล้วนายรู้ชื่อฉันได้ไง?"นกสาวขมวดคิ้ว"ไม่รู้สิคือ...ผมลองปะติกปะต่อเรื่องราวดูเลยคิดว่าคุณน่าจะเป็นภูตที่ชื่อเลอา"นกสาวเลิกคิ้วยิ้มๆและเอียงคอมองเขา
เหมือนนกเหยี่ยวซนๆตัวหนึ่ง เด็กหนุ่มพึ่งสังเกตุว่าขาของเธอกลายเป็นขาคนปกติแล้ว เมื่อเธออยู่ในสภาพแบบคนปกติแบบนี้แล้วตัวเธอก็สูงพอๆกับเขาความจริงแล้วสูงกว่าด้วย
ซ้ำแต่ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ยังเหมือนนกอยู่ดี "ไปเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมดนิกส์ให้ฉันมาตามนายนะ"เลอาพูดพลางปิดหน้าต่าง"วันหลังอย่าเปิดหน้าต่างบานนี้อีกแล้วกันใน
สวนหย่อมพวกแฟรี่ชอบมาจัดปาตี้กันประจำแล้วเวลาพวกนี้เต้นรำกันภูตตนอืนๆก็จะถูกมนตร์สะกดของเจ้าพวกนี้กันเป็นแถว"เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูพลางฟังนกสาวพูดก่อนทั้ง
คู่จะออกมาจากห้อง ซีลคิดขณะเดินตามนกสาวไปเขาสงสัยในคำพูดของแพะหนุ่มที่เกือทำให้เขาไม่รู้ว่านกสาวชื่ออะไร 'ทำไมถึงเรียกเลอาว่างูพิษ' เด็กหนุ่มคิดหาเหตุผลดูจากที่
เธอเป็นนกน่าจะเรียกเป็นอย่างอื่นมากกว่าไม่น่าจะเรียกงูพิษ"เลอาคุณรู้จักผู้ชายที่มีเขาแพะอยู่บนหัวไหมที่ใส่ผ้าพันคอสีน้ำตาลด้วยรึเปล่า"
"ไอ้แพะหน้าม่อนั้นนะเรอะ!"เลอาขึ้นเสียงแทบจะทันที เพียงแค่นี้เด็กหนุ่มก็พอจะรู้แล้วว่าทั้งคู่ไม่ถูกกันซีลจึงล้มเลิกความคิดที่จะถามอะไรต่อเกี่ยวกับแพะหนุ่มหันไปถามอย่างอื่น
แทน"แล้วคุณเป็นตัวอะไร"นกสาวเลิกคิ้วก่อนจะตอบ"ดูไม่ออกเหรอในมิติมนุษย์ก็พอมีเรื่องของพวกฉันอยู่นะ"ซีลส่ายหน้าอันที่จริงเขาแทบไม่มีหัวทางด้านนี้เลยรู้จักก็แค่ตัวสอง
ตัวและบางตัวเขาก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเรียกภูตรึเปล่า�"ฉันเป็นไซเรนแต่ไม่แท้หรอกนะมีเชื้อผสมของ..."
"ไซเรนเป็นภูตด้วยเหรอ"เด็กหนุ่มถามตัดทั้งๆที่นกสาวยังพูดไม่จบ"นิกส์ยังไม่อธิบายให้ฟังอีกหรอ"ซีลเลิกคิ้วให้แทนคำตอบ"เดี๋ยวก็ได้เรียนแล้วนี้ฉันยังไม่ตอบแล้วกัน"
ตอนนี้ทั้งคู่เดินมาจนถึงห้องโถงใหญ่เหมือตรงสำนักงานแต่ที่แปลกไปคือสุดทางเดินของห้องโถงนี้มีบันไดวนขนาดใหญ่อยู่และข้างๆก็มีตู้หนังสือเรียงรายอยู่สี่ห้าตู้เด็กหนุ่มเดาว่า
นี้น่าจะเป็นส่วนของมหาวิทยาลัย เลอาเดินขึ้นบันไดวนไปจนมันถึงชั้นบนสุดหน้าแปลกที่เด็กหนุ่มไมรู้สึกเหนือยเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ชั้นบนสุดของมหา'ลัยเป็นทางเดินลาดยาว
ตกแต่งเรียบๆด้วยเชิงเทียนที่ยื่นออกมาจากผนังปูนสีขาวตกแต่งลวดลายด้วยสีครีมพื้นไม้มันเงาและพรมสีแดงเด็กหนุ่มเดินผ่านห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องพักครูถัดมาน่าจะเป็น
ห้องของผ.อ. ซีลแปลกใจว่าทำไมหากจะมาทานข้าวเย็นทำไมถึงไม่ไปโรงอาหารมาที่ห้องพักครูทำไม ที่สุดทางเดินมีประตูอยู่บานเดียวดูจากความห่างจากห้องอื่นแล้วคงเป็นห้อง
ใหญ่ทีเดียวเมื่อเลอาเปิดเข้าไปเด็กหนุ่มก็เห็นว่านอสอยู่ที่นั่นอยู่แล้วรวมถึงฟีเลนท์ด้วยทั้งคู่นั่งอยู่บนโฟาตัวหรูสีเขียวแก่เดินขอบด้วยเชือกสีหลืองทองบนตักมีหมอนอิงผ้ากำมะหยี
สีเขียวแก่ประดับพู่ แต่ที่รอบๆห้องกับมีตู้ยาประหลาดเต็มไปหมดดูแล้วหน้าขนลุกประหลาดบางขวดมีลูกตาใส่อยู่ แล้วกำลังจ้องมองมาในห้อง แต่มันก็ไม่น่าขนลุกเท่ากับโหลดอง
ที่มีตัวอ่อนของตัวอะไรสักอย่างอยู่ในขวด(ตาเหลือกข้างหนึ่งอีกข้างเหมือนจะหลุดออกมา)และดูเหมือนผิวหนังของมันจะหลุดออกมาเป็นขุยๆผสมกับน้ำยาดองสีเหลืองแก่ ถัดไป
เป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่มีหลอดทดลอง หม้อต้ม ดูๆแล้วชุดรับแขกที่อยู่กลางห้องช่างไม่เข้าพวกกับสิ่งอืนๆที่อยู่ในห้องอย่ารุนแรง"นิกส์บอกว่าจะเอากุญแจให้พวกเธอก่อนแล้วถึงจะ
ไปทานข้าวเย็นกัน"ฟีเลนท์พูดขึ้นเมือนเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้ามา ส่วนนกสาวก็เดินเข้าไปวุ่นวายกับโหลดองและขวดใส่น้ำสีแปลกๆภายในห้องบ่นอุบอิบประมาณว่า 'ทำไมไม่มีใคร
ดูแลให้พวกเธออยู่กันดีกว่านี้' และ'พวกเธอ'ในที่นี้คือเหล่าโหลดองและน้ำยาสีประหลาด นิกส์เดินออกมาจากหลังประตูไม้บานสวยภายในห้องที่ไม่เข้าพวกพอๆกับชุดรับแขกที่อยู่
ท้ามกลางตู้หนังสือโหลดองและหลอดทดลอง เด็กหนุ่มเห็นเขาเดินมาพร้อมกล่องไม้กำลังหน้ารักสองกล่องที่ไม่ได้มีรอยแกะสลักอะไรเลย หนุ่มผมยาวนั้งลงบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆก่อน
จะว่างกลองสองใบนั้นลงบนโต๊ะรับแขก "ฉันอธิบายเรื่องกุญแจภูตให้พวกเธอฟังไปคร่าวๆแล้วที่สะพานเชื่อมมิติมนุษย์ อย่างที่เคยบอก มันมีแค่ดอกเดียวเท่านั้นต่อภูตหนึ่งตน
ส่วนกุญแจสำรองจะใช้ได้ครั้งเดียวซึ่งพวกเธอใช้ไปแล้วตอนข้ามมิติ ปกติแล้วกุญแจภูตเราจะให้ตั้งแต่ตอนที่พวกเธอตกลงจะกลับแดนภูตแต่ฉันลืม นี้...อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ
กุญแจภูนั้นมีความหมายกับพวกเธอมากห้ามหายแต่พังได้ มันจะเป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้ใช้เวทย์มนตร์คล่องขึ้น ใช้ในการข้ามมิติต่อให้ไม่มีตัวเชื่อมอย่าง สะพาน หรือ ประตู
หน้าต่าง ตู้เสื้อผ้า บ่อน้ำ ทางเดิน เสาไฟ หนังสือ สมุด ดินสอ เก้าอี้ รูปปั้น หลุมศพ กระจก แม่น้ำ ถ้ำ อุโมง นก ม้า พรม ลิ้นชัก เตาผิง ปล่องไฟ ทางน้ำเก่า ท้อน้ำทิ้ง รถไฟปริศนา
เรือผี และอีกมากมาย ก็จะสามารถข้ามมิติได้แต่ไม่รับประกันว่าจะแม่นยำรึเปล่าเพราะตัวเชื่อมนั้นจะทำให้เราเดินทางไปยังมิติต่างๆโดยไม่หลงไปแดนพิศวงหรือช่องว่างมิติ
นอกจากนั้นยังใช้เป็นกุญแจของห้องพักตัวเองด้วย และมันจะเป็นเหมือนบัตประชาชนในโลกมนุษย์ มันไม่บอกหรอกนะว่าชื่ออะไรเกิดที่ไหนวันอะไร แต่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าพวก
เธอเป็นมิตร์หรือศัตรูมีเชื้อสายขอภูตเผ่าพันธุ์ไหนและยืนยันความเป็นตัวนาย" นิกส์อธิบายยาวเหยียดก่อนจะส่งกล่องใบหนึ่งให้นอส และโยนอีกกล่องให้ซีล(ที่ดูเหมือนยังงงเรื่อง
ตัวเชื่อมมิติ)เมื่อทั้งคู่เปิดมันออกก็พบว่ามีลูกแก้วสีประหลาดบรรจุอยู่ภายใน เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมา แต่แล้วลูกแก้วสีประหลาดก็ค่อยๆละลายกลายเป็นน้ำสีใสเต็มอุ่งของเขาและ
ซึ่มหายไปในฝ่ามือเหลือเพียง แหวนสีเงินเต็มไปด้วยลวดลายแปลกๆประดับรัดรอบนิลสีดำวาวเม็ดขนาดกำลังดีจนแทบจะกลืนไปกับตัวแหวน ส่วนกล่องไม้ก็หายวับไปตั้งแต่ตอน
ที่เด็กหนุ่มเผลอทำมันตกไปก่อนหน้านี้"อย่างที่เคยบอกไปนายจะสามารถเปลียนกุญแจภูตของนายเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิดแต่บางครั้งมันก็อยากจะเปลี่ยนตัวมันเอง"เด็กหนุ่ม
มองแหวนบนนิ้วชี้ของเขามันไม่ได้แย่อะไร ทั้งขนาดวงกำลังดีไม่ใหญ่เกินไปจนเต็มข้อนิ้ว หรือหวานเกินไปเหมือแหวนที่พวกผู้หญิงชอบใส่กัน �แต่มันรัดนิ้วเข้าแน่จนคิดไม่ออกเลย
ว่าจะถอดออกยังไง สวนเด็กสาวก็นั้งมองเหตุการเงียบๆไม่พูดอะไร"เป็นอะไรรึเปล่า"ฟีเลนท์ถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวเงียบผิดปกติ นอสสดุ่งตัวเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ให้ฟีเลนท์ก่อนจะเปิดกล่องไม้ที่วางนิ้งอยู่บนตักออก ข้างในนั้นมีลูกแล้วเหมือนของเด็กหนุ่มไปผิด แต่กลับมีขนาดเล็กกว่ามากเล็กจนเหมือนลูกแก้วสำหรับเด็กเล่น นอสเทมันออก
จากกล่องไม้ ทันทีที่ผิวลื่นใสของลูกแก้วสีประหลาดสัมผัสถูกผิวขาวเนียนบนมือของเด็กสาว ความเจ็บแล่นสู่ตัวมือของเธออย่งรวดเร็วเจ็บจนเด็กสาวชักมือออกทันที กล่องไม้ที่อยู่
บนตักของเธอตกลงพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆราวไม้นั้นเป็นแก้วที่บอบบางก่อนจะค่อยๆสะลายเป็นผุยผง ทุกคนในห้องตกใจหันไปมองเด็กสาวเป็นตาเดียวกัน นอสยกมือของตัวเอง
ขึ้นดูมันยังเจ็บระบมไม่หาย ตั่งแต่ขอมือไปจนถึงไหล่เจ็บและปวดราวแขนจะหลุด ที่กลางฝ่ามือมีอัญมณีสีน้ำเงนเข้มจนเกือบดำฝังอยู่ขนาดเท่าเหรียญเงิน ส่วนรอบๆปรากฎเป็น
รอยคล้ายรอยสักสีเงินเข้มอมเขียวม้วนรัดพันเกียวคล้ายดงหนามล้อมอยู่รอบๆอัญมณีเม็ดงาม แต่ซีลรู้สึกว่ามันน่าขนลุกประหลาด เลอาเดินมาดูหลังจากหายไปวุ่นวายกับ
โหลดองและขวดยาในห้อง พอดีกับประตูที่เปิดออกพร้อมแพะหนุ่มที่เดินเข้ามา "นิกส์ฉันเอาเอกสารมาให้..."เลอาชะงักส่วนแพะหนุ่มหยุดพูดทันทีที่ทั้งคู่เห็นหน้ากัน ฟีเลนท์หน้า
ถอดสีนิกส์ยกมือขึ้นกุมขมับรู้สึกหัวเสียประหลาด ส่วนซีลกับนอสรู้สึกเหมือนตัวเองนั้งอยู่ในจุดที่รังสีบางอย่างเข้าปะทะกัน "ขอบใจนายมากซอน อันที่จริงนายไม่ต้องเอามาให้
ก็ได้นะฉันกำลังจะไปเอาพอดี" นิกส์พูดพลางเอื้อมมือไปรับเอกสารจากซอน รู้สึกระดากปากแปลกๆกับคำพูดที่ฟังดูเหมือนกับไล่ "ไม่เป็นไรฉันแวะมาเอาของด้วยเลยอาสาเอา
เอกสารมาให้คนที่นี้ด้วย" ซอนกดเสียงต่ำตอบทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าหนุ่มผมยาวแต่กลับจ้องนกสาวแบบไม่วางตา ส่วนเลอานั้นยกมือขึ้นกอดอกเชิกหน้าใส่และจ้องหน้าตอบแบบ
ไม่มีใครกลัวใคร "ฉันว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าหิวแล้ว เออนอสที่มือเธอมันก็เป็นรูปแบบของกุญแจแบบหนึ่งนะไม่ต้องตกใจไปหรอกเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนรูปของกุญแจก็ได้ถ้าไม่
ชอบ"ฟีเลนท์ตัดบท"งันฉันคงต้องไปแล้วเหละไม่ค่อยไว้ใจพวกทหารภูตที่มาเข้าเวรแทน"นกสาวพูดพร้อมฉีกยิ้มไม่เต็มใจออกมาแต่ยังไม่หยุดสาดรังสีใส่แพะหนุ่ม "ไปกันเถอะหิว
แล้ว"ฟีเลนท์กระตุ้นเมื่อเห็นทุกคนยังนิ่งอยู่ ซีลเดินออกไปจากห้องคนแรก ต่ามด้วยฟีเลนท์ที่คว้าคอเสื้อของนิกส์และลากเขาออกมา ซอนออกจากห้องไปก่อนหน้าเด็กหนุ่มแล้ว
ส่วนเลอาอยู่ๆก็หายไปจากตรงนั้นเด็กสาวคิดว่าเธอคงจะบินออกไปทางหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ นอสหงายมือซ้ายของเธอขึ้นมอง มันยังปวดระบมไม่หยุด นึกสงสัยว่าภูตตนอื่นๆที่มี
กุญแจอย่างเธอจะรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกันรึเปล่า "คุณหนูครับไปกันได้แล้วนะครับ"นอสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงตอนแรกเธอคิดว่าเป็นนิกส์แต่เป็นซีล เด็กสาวนิ้วหน้า
เล็กน้อยแล้วพูดขึ้น"ไม่ต้องเรียกว่าคุณหนูหรอก ฉันกำลังจะไปแล้ว" นอสยังคงใบหน้าที่เฉยชาเอาไว้แต่น้ำเสียงแสดงถึงความขุ่นเคืองเล็กน้อย ซีลได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่แล้ว
เหยียดยิ้มกวน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกมาทิ้งห้องว่างเปล่าเอาไว้เบื่องหลัง
�
� � �"นิกส์ทำไมเราถึงไม่ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร"ซีลถามขึ้นหลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าเสร็จแล้วตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่ศาลาในสวนหย่อมซึ่งตอนมาถึงก็พบว่ามีอาหารรอ
อยู่แล้ว "ฉันกลัวว่าถ้าพวกเธอไปกินอาหารกันที่นั้นจะพาลกินไม่ลงกันไปตามระเบียบขนาดฉันยังไม่ค่อยจะชินเลย" ฟีเลนท์ตอบแทน แต่นั้นก็ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้นว่าเพราะ
อะไร "ภูตบางตนไม่ค่อยจะ'แปรรูปอาหาร'เวลาเอามากินแต่ความจริงมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะแค่ใครบางคนแถวนี้'ใจเสาะ'จนไม่น่าเชื่อ" นิกส์พูดขึ้นหลังจากจัดการกับกอง
กระดาษเอกสารที่แทบจะเป็นปรสิตติดตามตัวเขาไปทุกที่ เมื่อพูดจบมือหนักๆของฟีเลนท์ก็ตบเข้าที่หลังของเขาดังปั้ก เด็กหนุ่มยกมือขึ้นท้าวคางกับโต๊ะ บริเวนนี้มีภูตอยู่ไม่กี่ตน
พวกพิกซี่เดินเล่นไปมาและบินว้อนกันอยู่สองสามตน เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเขาเห็นสิงโตตัวหนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไป(หน้าเป็นคนและมีหางเป็นแมงป่อง)นิกส์กับฟีเลนท์มีใบหูเรียว
แหลมตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตุเพราะทังคู่ไว้ผมยาวจนมันปิดหูของเขามิด ที่เขาเห็นเพราะฟีเลนท์เสยผมขึ้นทัดหลังใบหูส่วนนิกส์ก็ปล่อยผมยุ่งๆออกและรวบมัดเอาไว้หลวมๆตาม
เดิม เลอาบอกเขาแล้วว่าเป็นไซเรนแถมยังได้เห็นตอนเธอกลายเป็นครึ่งคนครึ่งนกเห็นว่ามีเชื้อขอภูตชนิดอื่นด้วยแต่เขาไม่ได้ฟัง ส่วนซอนเขาเห็นเขาแพะกลมๆอยู่บนหัวคู่หนึ่งยัง
ดีที่ไม่มีเคราแพะด้วยเด็กหนุ่มจึงเดาว่าเขาน่าจะเป็นเซเทอร์ และตัวเขาละเป็นอะไร "นิกส์คุณพอจะรู้ไหมว่าผมเป็นตัว...เป็นภูตเผ่าพันธุ์ไหน" นิกส์เงยหน้าจากกองเอกสารก่อนจะ
บ่นออกมา "ขี้สงสัยจังนะนาย" ฟีเลนท์เหลือบตาขึ้นฟ้าก่อนจะตอบทุกอย่างแทนหนุ่มผมยาว"ซีลนายเป็นภูตเลือดผสมบริสุทธิ์นอสด้วย ซึงเราจะแบ่งประเภทของภูตเป็นสามแบบ
คือเลือดบริสุทธิ์พวกนี้จะมีแค่สายพันธุ์เดียวส่วนใหญ่จะเป็นพวกมังกร เพราะพวกนี้หยิ่งที่จะมีสายเลือดสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์อื่น แบบที่สองคือเลือด
ผสมบริสุทธิ์ แบบนี้จะมีค่อนค่างเยอะอย่างน้อยก็เยอะกว่าพวกเลือดบริสุทธิ์ ฉัน เลอา ซอน ทีร์ลหนัวหน้าส่วนสำนักงาน พวกเธอก็ใช่ แบบนี้จะมีสายเลือดของภูตตั้งแต่สอง
สายพันธุ์อยู่แต่ไม่มีสายเลือดของเผ่ามนุษย์ แบบที่สามเรียกง่ายๆว่าภูตผสม จะมีสายเลือของกี่สายพันธุ์ก็แล้วแต่หากมีสายเลือดมนุษย์เราก็จะนับว่าเป็นภูตผสม"ฟีเลนท์ยิ้มย่น
จมุกน่ารักให้แล้วพูดต่อ"ส่วนเรื่อที่เธอเป็นตัวอะไร ซีลนายเป็นลูกครึ่งของไลเคนกับเฟเบิล ส่วนนอสเป็นลูครึ่ง พิกซี่กับลีโอริก"นอสชันตัวขึ้นหลังจากที่กินข้าวไปราวกับแมวดม
แล้วเอนหลังพักนั่งเหม่อไม่พูดอะไรมานาน"ลีโอริก?"เด็กสาวถามถึงชื่อของเชื้อสายภูตที่เธอเป็น "เป็นภูตรัตติกาล มักปรากฎตัวในยามค่ำคืนหรือในความมืด"เมื่อฟีเลนท์พูดจบ
เด็กสาวก็ได้แต่พยักหน้านิดๆให้ก่อนจะเอนหลังและนั่งเงียบเหมือนเดิม�"แล้วเฟเบิลละ"เด็กหนุ่มถาม"เป็นภูตไม้ป่าลึก "นิกส์ตอบตัดหน้าแฟนสาวก่อนจะหันมาพูดกับทุกคน"ฉัน
บอกไปแล้วใช่ไหมที่เธอสองตนต้องเรียนอยู่ที่นี้พักหนึ่งก่อนจะส่งไปอยู่มิติภูต ตอนนี้นายตามหลังภูตรุ่นเดียวกันอยู่ไกลมาก ฉันกับฟีเลนท์จึงอาสาเป็นครูให้พวกเธอเอง"นิกส์ฉีก
ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมโอบไหลฟีเลนท์ที่แทบจะปัดแขนเขาออกทันที"ฉันพูดตั่งแต่เมื่อไหร่ว่าจะเป็นครูนายเองงานก็เยอะจนจะท่วมมิดหัวอยู่แล้วยังจะหางานเพิ่มอีก"
� �
� �"ผมยกงานให้ผ.อ.ไปจัดการแล้วใช้เหตุผลที่ว่า 'คุณเป็นผู้ช่วยผมงานพวกนี้คุณเองก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยเพราะฉะนั้นคุณต้องแบ่งงานของผมไปทำสามในห้า' "นิกส์แสร่งดัดเสียง
ให้เป็นทางการ�
� �"ผมยกงานให้ผ.อ.ไปจัดการแล้วใช้เหตุผลที่ว่า 'คุณเป็นผู้ช่วยผมงานพวกนี้คุณเองก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยเพราะฉะนั้นคุณต้องแบ่งงานของผมไปทำสามในห้า' "นิกส์แสร่งดัดเสียง
ให้เป็นทางการ�
�
� �"เป็นหัวหน้าส่วนมหา'ลัยก็จะตายอยู่แล้วยังออกปากเป็นครูอีก"
� �"เป็นหัวหน้าส่วนมหา'ลัยก็จะตายอยู่แล้วยังออกปากเป็นครูอีก"
� �
� �"พูดยังกับฉันไม่เคยเป็นครูมาก่อน" ซีลเลิกคิ้วเข้าพึ่งจะรู้ว่านิกส์เป็นหัวหน้าของส่วนมหา'ลัยและเคยทำงานเป็นครูมาก่อน"เอาละฉันว่าพวกเธอกลับไปพักกันก่อนเถอะเริ่มเรียน
พรุ่งนี้ที่ห้องทำงานของฉันหรือห้องที่ฉันเอากุญแจให้เธอนั่นแหละ"นิกส์ลุกขึ้นจะเดินออกจากศาลาแต่ถูกฟีเลนท์คว้าคอเสื้อเอาไว้เสียก่อน ฟีเลนท์หันมายิ้มน่ารักแล้วพยักหน้าให้
ทั้งคู่กลับไปพัก ก่อนจะลากหนุ่มผมยาวไปจากตรงนั้น
� �"พูดยังกับฉันไม่เคยเป็นครูมาก่อน" ซีลเลิกคิ้วเข้าพึ่งจะรู้ว่านิกส์เป็นหัวหน้าของส่วนมหา'ลัยและเคยทำงานเป็นครูมาก่อน"เอาละฉันว่าพวกเธอกลับไปพักกันก่อนเถอะเริ่มเรียน
พรุ่งนี้ที่ห้องทำงานของฉันหรือห้องที่ฉันเอากุญแจให้เธอนั่นแหละ"นิกส์ลุกขึ้นจะเดินออกจากศาลาแต่ถูกฟีเลนท์คว้าคอเสื้อเอาไว้เสียก่อน ฟีเลนท์หันมายิ้มน่ารักแล้วพยักหน้าให้
ทั้งคู่กลับไปพัก ก่อนจะลากหนุ่มผมยาวไปจากตรงนั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น