ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Demon Hunter

    ลำดับตอนที่ #3 : สะพานหินสู่มิติภูต

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 56


          ภายในห้องหรูขนาดใหญ่ตกแต่งสไตล์ยุโรปยุคกลางแสงจากดวงจันทร์กระทบระเบียงขนาดใหญ่และร่างของเด็กสาวที่นั่งอยู่ริมระเบียง ผมยาวสีดำสนิดถูกรวบเอาไว้หลวมๆ

    ใบหน้าเรียวสวยใด้รูปนิ่งสนิดไม่แสดงอารมณ์ใดๆดวงตาสีน้ำเงินมองไปบนท้องฟ้าไร้ดาวมีเพียงดวงจันทร์เล็กๆประดับเอาไว้ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

    "มีคนมาขอพบครับคุณหนู"เสียงของคนใช้ดังขึ้นหลังจากที่เธอเงียบไปนานเลยถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไป เด็กสาวไม่พูดอะไรเธอลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปในห้องที่ไม่แม้แต่จะ

    เปิดไฟเธอพอใจที่จะอยู่ในที่มืดตังแต่เด็กไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรแถมเธอยังทำตัวเป็นสัตว์กลางคืนนอนตอนกลางวันตื่นตอนกลางคืนเด็กสาวรู้สึกเสียดายที่จะต้องออกจาก

    ห้องมืดๆแต่ก็ต้องออกไปนึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนมาหาตอนกลางคืนแบบนี้ เด็กสาวเดินลงไปที่ห้องรับแขกครอบครัวของเธอนั้นมีฐานะร่ำรวยจึงทำให้บ้านที่เธออยู่ใหญ่อย่าง

    กับวังแต่เธอไม่ค่อยจะชอบเสียเท่าไหร่ครอบครัวเธอนั้นทำอาชีพเปิดธุรกิจของตัวเองมากมายทั้ง โรงแรมหรู ร้านอาหารรวมถึงสายการบินแต่ทั้งหมดเพื่อเป็นการบังหน้าธุรกิจ

    มาเฟียของครอบครัว พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตนานแล้วธุรกิจนี้จึงตกเป็นของคุณน้าของเธอแต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือน้าของเธอต้องการให้ลูกชายคนโตของเขาสืบทอดธุรกิจต่อแทน

    จึงพยายามลอบฆ่าเธอหลายครั้ง แต่เมื่อไม่สำเร็จจึงปฏิบัติกับเธอราวอากาศธาตุ เด็กสาวเดินลงบันไดวนหินอ่อนหรูภายในบ้านได้ยินเสียงเปียนโนจากข้างล่างลูกชายคนเล็กของ

    น้าเธอคงอยู่ข้างล่างเด็กสาวเดินผ่านห้องต่างๆไปเงียบๆมือหนึ่งลูบไปบนแขนเสื้อนอนหนาๆของเธอแต่แล้วกลับไปเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุด ลูกชายคนโตของน้าเธอเดินออกมา

    จากห้องของเขาเมื่อเห็นเด็กสาวก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที"หึ!มีผู้ชายมาหาก็รีบไปเลยนะ"เด็กสาวชะงักหันไปมองเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เด็กหนุ่มยักไหล่ยียวนก่อนจะเดินหันหลัง

    จากไปเหมือนที่เธอทำกับเขาบ่อยๆสาเหตุที่เธอไม่ชอบเขาก็เพราะเขามักจะพูดจายียวนเยาะเย้ยใส่และมักมองเธอด้วยสายตาดูถูก 'ผู้ชายหรอ?ใครกันแล้วมาทำไม?'เด็กสาวคิด

    ในใจพลางเปิดประตูห้องรับแขก ผู้ชายวัยยี่สิบต้นๆใส่เสื้อคอปกสีขาวกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกับเธอนั้งอยู่"สวัสดีครับคุณหนู นอส เนรอย"นิกส์แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตรตามเคย

    ส่วนซีลก็ได้แต่นั้งนิ้งๆเด็กสาวไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้านิดเป็นเชิงทักทายก่อนจะเดินไปนั้งเก้าอี้ตรงข้ามคนทั้งสอง(ซึ่งทำให้ซีลอดคิดไม่ได้ว่าเธอเป็นใบ่รึเปล่า)ทันที่ที่เด็กสาวนั่ง

    ลงนิกส์ก็หันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง"นอส ซีล เรืองที่เธอจะรู้ต่อไปนี้อาจเหลือเชื่อสักหน่อยแต่มันเป็นความจริงทั้งหมด"ชายหนุ่มเว้นช่วง

    การพูดเล็กน้อยเพื่อดูปฏิกริยาของทั้งคู่ก่อนจะพูดต่อ"เธออาจสงสัยที่อยู่ๆฉันก็โผล่มาแบบนี้แต่ฉันมีความจำเป็นต้องพาพวกเธอกลับไปยังที่ที่พวกเธอจากมาและเธอสองคนเป็น

    ถึงวิญญาณชั้นสูงที่ถูกขนานนามว่าภูต"สิ้นเสียงของหนุ่มผมยาว นอสเองก็ยังคงนิ่งอยู่แต่เห็นได้ชั้ดว่ามีแววงุนงงอยู่ผิดกับเด็กหนุ่มที่แทบจะโวยวายออกมาทันที "นี้!!!ถ้าจะเอา

    เรื่องหลอกเด็กมาพูดกับผมนะขอเนียนกว่านี้ได้ไหม อีกอย่าผมไม่เอาดอกไม้ดอกหญ้ามาพันหัวหรือมีปีกแมลงอยู่บนหลังหรอกนะ"ซีลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวนปนเบื่อๆแสงดถึง

    ความไม่เชื่อเต็มร้อย นิกส์ถอนหายใจเฮือกนึกอยู่แล้วว่าสองคนนี้ไม่เชื่อแน่หนุ่มผมยาวยืดหลังตรงและนั้งไขว่ห้างนึกในใจว่าคงต้องพูดกันอีกยาวแน่
     
       สองวันก่อน
       
       นิกส์นั้งจมกองงานอยู่ในห้องทำงานของเขาภายในห้องที่ไม่ได้เปิดไฟมีเพียงแสงสลัวๆจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าจากภานนอก หนุ่มผมยาวกุมขมับใบหน้าเคร่งเครียด

    ต่างจากปกติปากกาในมือขยับเขียนเป็นลายเซ็นต์ของเขาผมยาวสีดำที่ปกติจะถูกรวบมัดเอาไว้อย่างเรียบร้อยถูบปล่อยเป็มม่านระย้าสีดำปลกใบหน้าที่ได้รูปของเขาคิ้วโค้งสวย

    ขมวดเข้าหากันจนแทบมัดเป็นปม นึกบ่นในใจที่ช่วงนี้งานเยอะนัก ในขณะที่เขากำลังบ่นและเริ่มรามไปสาปแช่งพวกภูตเบื่องบนที่อยู่ๆก็ส่งงานจำนวนมหาศาลทุ่มใส่เขาแบบที่ยัง

    ไม่ได้ตั้งตัวเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น โดยไม่รอให้เขาตอบประตูก็เปิดออพร้อมหญิงสาวร่างระหงส์และแก้วใส่กาแฟร้อนๆสองใบในมือข้างเดียว "ห้องรกแล้วนะ"หญิงสาวพูดขึ้นด้วย

    น้ำเสียงยิ้มๆวางกาแฟแก้วนึงลงบนโต๊ะทำงานของเขา นิกส์แสร้งปรายตามองหญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาราวกระซิบออกมา"เธอก็จัดให้หน่อยสิ"หญิง

    สาวเลิกคิ้วไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่มแต่กลับหยิบแอกสารที่ลงตราประทับจากสภาภูตขึ้นมาอ่านแผ่นหนึ่ง "ช่วงนี้คุณงานยุ่งจนหน้าสงสารเลยนะ" นิกส์หยิบแก้วกาแฟขึ้นมา

    สำรวจสีน้ำขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

     "แน่ใจนะว่านี้กาแฟ"

      "ไม่รับประกันเพราะฉันให้เลอาเป็นคนชง"หญิงสาวยักไหล่ทำให้นิกส์ขมวดคิวอย่างไม่ไว้ใจก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม

      "เจ๋ง! ไม่ใช้กาแฟยัยนั้นขยันปรุงอะไรใหม่ๆตลอดเลยหวานจนแสบไส้"นิกส์วางแก้วลงก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ

      "นิกส์พักบ้างก็ดีช่วงนี้นายไม่เหมือนคนเดิมจนหน้ากลัว"

       "ก็...อยากพักอยู่นะแต่ไม่มีเวลาเลยงานเยอะจนหน้าหงุดหงิด"นิกส์ขยี่ผมยาวๆของตนจนมันยุ่งกว่าเดิม

      "แย่จังนะเพราะนายกำลังจะมีงานเพิ่ม"

      "หือ?งานเพิ่ม?"
     
    โดยไม่ให้ชายหนุ่มได้สงสัยนานหญิงสาวหยิบซองกระดาษหนาๆมาจาที่ใดไม่ทราบวางลงตรงหน้าของชายหนุ่ม ทันทีที่นิกส์เห็นมันก็รู้สึกสยองขึ้นมาประหลาดก่อนจะหยิบมันขึ้น

    มาแกะอ่านมองเพียงปราดเดียวเขาก็ถอนหายใจเฮืองทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยความเหนือย"สรุปสองคนนั้นมีเชื้อภูตจริงๆอย่างที่คิดไว้"นิกส์พูดขึ้นส่งเอกสารให้หญิงสาวดู"นิกส์

    ฉันว่าน่าควรจะอ่านนี้อีกรอบนะ"หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงปนตกใจนิดๆทันทีที่เธอได้อ่านมัน หนุ่มผมยาวคว้าเอกสารมาอ่านดูอีกรอบ คราวนี้เขาแทบจะลุกจากเก้าอี้ทีเดียว

    "บ้าแล้ว!!!มันจะยังมีภูตสายเลือดบริสุธิ์เหลืออยู่ได้ไงตั้งสองตน"นิกส์โผลงเสียงดังลั่นห้อง"เลือดผสมบริสุธิ์"หญิงสาวแก้ นิกส์รีบเอาเอกสารแผ่นที่เหลือออกมาอ่านส่วนใหญ่เป็น

    ประวัติที่เขาพอรู้อยู่แล้ว หลังจากเงียบไปพักใหญ่หญิงสาวจึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ"นายคิดว่าเด็กผู้ชายนั้นจะยอมกลับโลกภูตรึเปล่า" หนุ่มผมยาวนั่งเงียบไม่มีเสียงอะไร

    ออกจากปากเขานานจนหญิงสาวคิดว่าเขาจะไม่ตอบ"เขาไม่ยอมแน่ถึงเราจะหลอกหรือปลอมตัวได้แต่ก็แค่ครึ่งทาง"นิกส์สายหน้าน้อยๆ"ส่วนผู้หญิง...เป็นถึงลูกมาเฟียแต่มักโดน

    หมายชีวิตอยู่บ่อยๆการที่เธอจะยอมกลับโลกภูตคงไม่ใช่ปัญหา"หญิงสาวพูดพลางอ่านประวัติของนอส "น่าแปลกที่น้องสาวของเขาไม่มีแม้แต่เชื้อสายของภูตซ้ำร้ายยังตาบอด

    สนิดเขาต้องไม่ยอมไปไหนแน่ๆ"นิกส์พูดสีหน้ากลับมาเคร่งเครียดเหมือนเดิม"ผมไม่ยอมฆ่าภูตตนไหนๆหรอกฝากปลอมแปลงประวัติของผมและเคลียงานวันนี้ให้ด้วย"พูดจบ

    นิกส์ก็รีบลุกขึ้นเก็บเอกสารตรงหน้าและเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วทิ้งหญิงสาวเอาไว้ในห้องคนเดียว ในขณะที่ได้แต่มองตามหลังของนิกส์ที่รีบออกจากห้องไปหญิงสาวก็เริ่ม

    รู้สึกว่าตาขวากระตุกก่อนจะหันไปมองโต๊ะของหนุ่มผมยาวที่อุดมไปด้วยเอกสารและงานมากมาย
       
       ปัจจุบัน
     
      "อย่างที่คิดเอาไว้พวกเธอไม่เชื่อ"นิกส์พูดด้วยน้ำเสียงนิ้งๆ เสยผมยาวๆที่ลงมาปรกหน้าตัวเองขึ้น "หลักฐาน?"นิกส์หันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่เงียบมานานจนเหมือเป็นใบ้

    เด็กสาวพูดขึ้นน้ำเสียงไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ หนุ่มผมยาวเลิกคิ้วสูงก่อนจะพูดขึ้น"เอาเป็นว่าให้ฉันอธิบายให้ฟังดีกว่า ในอดีตภูตได้อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์เหตุเพราะมิติภูต

    ล่มสลายทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามมิติต่างๆตอนนี้มิติภูตถูกบูรณะกลับเป็นอย่างอดีตแล้วพวกเรามีความจำเป็นสูงที่จะต้องตามเหล่าภูตพรายกลับเพราะตอนนี้เรายังคง

    ถูกนักล่าภูตตามล่าอยู่และยังมีภูตบางตนไปปรากฎตัวให้มนุษย์เห็นหนักที่สุดคือโดนจับไปชำเหละจนไม่เหลือชิ้นดีและเธอสองคนก็เป็นหนึ่งในเหล่าภูตที่หลบหนีไปปะปนกับ

    มนุษย์โดยใช้เวทย์มนตร์สะกดร่างที่แท้จริงเอาไว้บางตนพบรักกับมนุษย์บางคนพบรักกับภูตด้วยกันแค่ก็น้อยมากจนเวลาผ่าไปบ่างก็ตายบ่างก็เริ่มศูยเสียความเป็นภูตและกลาย

    เป็นมนุษย์แต่บางตนกลับลืมชาติกำเนิดและพลังที่ใช้สะกดร่างภูตของตัวเองเอาไว้เริ่มเสื่อมลงทำให้อาจกลายสภาพเป็นภูตเต็มตัวในที่สุดและนั้นจะทำให้พวกเขาโดนจับชำเหละ

    หรือนักล่าภูตจับไปใช้งานเยี่ยงทาส"พูดจบทุกคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งก่อนที่เด็กสาวจะพูดขึ้นอีกครั้ง"แล้วถ้าจะปฏิเสธไม่กลับโลกภูตละ"นิกส์ยิ้มอีกครั้งเห็นได้ชัดว่าเธอเริ่ม

    สนใจ"ในกรณีที่มีการปฏิเสธที่จะกลับโลกภูเราจะลบความทรงจำและดึงพลังภูตออกมาแต่.."

         "งั้นผมขอปฏิเสธ!"ยังไม่ทันที่นิกส์พูดจบซีดก็พูดตัดหน้าห้วนๆทำให้หนุ่มผมยาวหันขวับไปทางเขาทันที"ทีนี้จัดการลบความทรงจำดึงพลังภูตเภิตอะไรนั้นแลวส่งผมกลับไปหา.

    น้องสาวได้แล้ว"เด็กหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพแต่ภายในดวงตาเห็นได้ชัดว่ากำลังหงุดหงิดอย่างรุนแรงทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกหากเธอต้องกลับโลกภูตจริงแล้วต้องกลับไปกับคนที่

    สามารถปั้นสีหน้าได้ตลอดเวลาเธอจะไว้ใจเขาได้หรือ?"ซีล!!!แต่ในกรณีของนายหากปฏิเสธไม่กลับโลกภูตฉันมีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าเพื่อนำวิญาณภูตออกมา"นิกส์พูดห่วนๆ

    แต่เสียงดังและมีความเด็ดขาดอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มปรายตามองแตายังคงรอยยิ้มเอาไวจนหน้าขนลุก"จะมาไม้ไหนอีกละเอ...หรือนายเป็รคู่อริของผมกันพูดมาเถอะคงไม่รู้สึก

    แปลกใจสักเท่าไหร่"นิกส์ขมวดคิวตอนนี้เขาเลิกเท้าคางแล้ว"ฉันพูดกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมฆ่าภูตตนไหนทั้งนั้น"เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นฟ้าแสดงถึงความไม่สนใจอย่างยิ่ง

    ทำให้หนุ่มผมยาวได้แต่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆก่อนจะพูดต่อ"ซีล น้องสาวของเธอตอนนี้ปลอดภัยแล้วทางเราส่งเธอไปอยู่โรงเรียนประจำและมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดไม่มีอะไรต้อง

    ห่วง"เด็กหนุ่มเลิกคิ้วดวงตาสีอำพันมีแววสงสัยขึ้นมาให้เห็นอยางถนัดตา"จะให้ผมแน่ใจได้ไง"แทนคำตอบเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่นิกส์จะบอกให้เข้ามาได้และเขาก็เห็นชาย

    วัยกลางคนที่คิดว่าเป็นคนขับรถเขามาพร้อมซองเอกสารในมือและยื่นมันให้หนุ่มผมยาว"ช่วงนี้เห็นเจ้าซองสีน้ำตาลทีไรเสียวสันหลังทุกทีฉันว่านายควรจะได้อ่านมันก่อนฉัน

    นะ"นิกส์ยักไหล่ส่งซองเอกสารให้เด็กหนุ่ม ซีลรับมันมาเปิดอ่านทันทีในซ่องนั้นมีเอกสารเกียวกันตัวน้องสาวเขาที่บางขอมูลก็ถูกปลอมแปลงเอกสารยืนยันการรับตัวน้องสาวเขา

    เรียนที่โรงเรียนประจำชื่อดังและเอกสารข้อมูลของผู้ดูแลน้องสาวเขาเป็นหญิงวัยกลางคนผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีน้ำตาลที่ขับให้ใบหน้าดูอ่อนโยน 'อาร์ 'เด็กหนุ่มอ่านชื่อของ

    ผู้ดูแลในใจใช้นิ้วมือลูบไปบนตราโรงเรียนประจำชื่อดังและสำรวจลายน้ำทั้งหมดยืนยันว่ามันคือของจริงไม่ใช่เพื่อปลอมแปลงขึ้นมาหลอกให้ตายใจ"ตกลงนายจะกลับมิติภู

    ไหม?"นิกส์ยิ้มให้เด็กหนุ่ม ซีลถอนหายใจแล้วพูดขึ้น"ยังไงผมก็หนีได้ตลอดเวลาอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรเสียหายนี้"เด็กหนุ่มยักไหล่ เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มตอบตกลงจึงหันไปทางเด็กสาว

    แทน"คุณหนูยินดีที่จะกลับโลกภูตรึเปล่าครับ?"นิกส์แกล่งพูดสุภาพเป็นพิเศษให้เด็กสาว นอสยังคงใบหน้าที่นิ่งเฉยเอาไว้สายตามองไปที่มือของตัวเอง มันไม่ใช่การจากเพียง

    ชั่วคราวแต่เป็นตลอดการไม่ตองโดนหมายชีวิตไม่ต้องโดนเหยียดหยามไม่ถูกมองราวเป็นเพียงอากาศธาตุนี้เป็นสิ่งที่เธอโหยหามาตลอด"ไม่มีเหตุผมมากพอที่จะปฏิเสธ"นิกส์เก็บ

    กระดาษเอกสารทั้งหมดลงในซองหลังจากที่เด็กหนุ่มส่งคือให้แล้วก่อนจะเงยหน้าและยิ้มในแ บบของเขา"งั้นไปเก็บของได้แล้วคุณหนูเสื้อผ้าไม่ต้องเยอะหรอกเพราะที่'ราล์โอม'มี

    เตรียมให้หมดแล้ว"

       "ราล์โอม?"ซีลถามขึ้นด้วยความสงสัยในชื่อแปลกๆของสถานที่ที่อยู่ๆหนุ่มผมยาวก็พูดขึ้น "จริงสิฉันยังไม่ได้บอกพวกเธอเลย'ราล์โอม'คือชื่อสำนักงานวิทยาลัยสหสายพันธุ์

    สาขาที่ประจำอยู่ในจุดเชื่อมต่อระหว่ามิติมนุษย์และภูตเนื่องจากหากเราอยู่ๆก็จับภูตที่เคยอยู่โลกมนุษย์มากว่าครึ่งชีวิตไปอยู่ในมิติภูตที่มีสิงที่พวกเขาถูกฝังหัวมาตลอดว่าเป็นสิ่ง

    ไม่มีจริงแล้วไหน่จะร่างกายพวกเขาที่ต้องเปลียนไปเดี๋ยวได้ช๊อกตายกันพอดีเราจึงต้องมีการปรับตัวให้พวกเขาหน่อยเอาง่ายๆก็คือเรียนรู้เรื่องต่างๆเกียวกับมิติภูตก่อนส่งตัวกลับ

    ไปอยู่มิติภูตจริงๆ"เมื่อนิกส์อธิบายเสร็จเขาก็พึ่งรู้ตัวว่าโอ้เอ้มานานจึงกึ่งบอกกึ่งไล่ให้นอสไปเก็บของ ส่วนซีลหนีกลับไปรอบนรถสีดำมันขลับกับคนขับรถ
       
      นอส เนรอย ลงมาอีกครั้งหลังจากหายขึ้นไปเตรียมของเสียนานพร้อมกับกระเป๋าสะพายสีดำอันกำลังหน้ารักชุดเดรสสีดำระบายลูกไม้สีดำยาวถึงเข่าทับด้วยเสื้อกั๊กรัดรูปผ้า

    กำมะหยี่สีขาวกระดุมสีดำกางเกงเลคกิ้งสีดำยาวถึงข้อเท้าและรองเท้าโลลิต้าสีดำโบวขาว ทันทีที่นิกส์เห็นเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยมองเด็กสาวตั่งแต่หัวจรดเท้าด้วยความแปลกใจ

    เพราะตอนนี้สภาพเธอไม่ต่างจากตุ๊กตายุโรปเลย"คือ...ชุดตัวนี้ธรรมดาที่สุดแล้วในบรรรดาชุดตัวอื่น"เด็กสาวพูดขึ้นใบหน้าขาวๆทำให้เห็นได้ชัดว่ามันแดงขึ้นเรื่อยๆ นิกส์และ

    นอสเดินกลับมาที่รถคันสีดำ ทันทีที่คนขับรถเห็นสองคนเดินกลับมาแล้วจึงรีบไปสตาร์ทรถรอเมื่อทุกคนขึ้นไปบนรถแล้ว รถคันสีดำก็ออกตัวแล่นไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน
     
       ซีล สดุ่งตืนขึ้นมาหลังจากงีบหลับไปนาน ทางที่รถแล่นอยู่เริ่มเป็นหลุมเป็นบ่อสองข้างทางเป็นป่าต้นไม่ขึ้นหนาแน่นจนบางจุดแทบจะเบียดจันเป็นเนื้อเดียวกันเด็กหนุ่มมองออก

    ไปนอกหน้าต่างจึงเห็นว่าตอนนี้ขึ้นมาบนภูเขาที่ขางกันตัวเมืองกับที่ที่เขาอยู่บนถนนแทบไม่มีแสงไฟจากเสาไฟที่ทางรัฐควรจัดการนานแล้วแต่เพราะจุดนี้มีโจรและอาชญากร

    มากมายเดินทางเขาไปที่เมืองทำให้มักมีคดีปล่นฆ่าอยู่บ่อยๆจึงทำให้ถนนแทบนี้ค่อนค่างร้างทีเดียว "เอาละถึงที่หมายแล้ว"นิกส์พูดขึ้นพร้อมกับรถที่หยุดลง ทันทีที่นิกส์ ซีลและ

    นอสก้าวลงจากรถเมื่อเด็กหนุ่มหันไปมองรถอีกครั้งก็พบว่าตรงที่เคยมีรถอยู่นั้นว่างเปล่าราวไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้นมาก่อน"หายไปไหนแล้วละ?"นอสพูดขึ้น น้ำเสียงนิ่งๆเย็นๆ

    ของเธอทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกขนลุก"หมอนั้นเป็นนักล่าภูตฝ่ายพันธมิตรไม่ใช่ภูตเหมือนพวกเราคล่ายๆผีแต่ไม่ใช่"นิกส์ยักไหล่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินเข้าไปในป่าและเร่งให้

    พวกเขาตามมา ข้อดีของพวกอาชญากรคือทำให้ป่าไม้บนภูเขาแทบนี้ไม่ถูกทำลายแต่อาจจะมีพวกค้าไม้เถื่อนอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าอุดมสมบรุณทีเดียว ซีลมองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ดู

    ราวกับต้นไม้พันปียิ่งในยามค่ำคืนเช่นนี้ยิ่งขับให้ต้นไม่ใหญ่ต้นนี้ดูมีมนตร์ขลังน่าหลงไหลยิ่งนักมันทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงต้นโอ๊กบนที่ดินรกร้างที่เขามักไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจเป็น

    ประจำหากเอาต้นโอ๊กของเขามาเทียบกับต้นไม้พันปีต้นนี้ต้นโอ๊กของเขาแทบไม่ต่างจากต้นหญ้าเลย เด็กหนุ่มรู้ตัวขึ้นมาว่าตนมัวแต่มองต้นไม้จึงเห็นว่าหนุ่มผมยาวกับลูกคุณหนู

    มาเฟียอยู่หางออกไปไกลแล้วหากเด็กสาวไม่ได้สวมเสื้อกั๊กสีขาวซีลคงหลงไปแล้ว นิกส์เดินลึกเข้ามาในป่ามากขึ้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเด็กสาวมองเห็นลูกไฟสีฟ้าอ่อนล่องลอยอยู่

    ห่างออกไปเริ่มรู้สึกว่าป่าแห่งนี้พิศวงมากขึ้นทุกทีในขณะที่เด็กสาวกำลังเหม่อลอยมองสิ่งที่อยู่รอบตัวอยู่นั้นมือของนิกส์ก็คว้าเข้าที่ไหล่ขอกเธอทำให้เด็กสาวตื่นจากภวังนอสเกือบ

    จะร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าพื้นเบื่องหน้าของเธอหายไปเป็นหุบเหวลึก"ระวังหน่อยสิครับคุณหนู"นิกส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงยิ้มๆก่อนจะปล่อยมือออกจากไหลของเธอ เด็กสาวมองไป

    ยังเหวลึกจังพบว่ามันค่อนค่างกว่างและลึกหมอกหนาๆเข้าปกคลุมจนทำให้ไม่สามารถมองเห็นอีกฟากของเหวนี้ได้ ในที่สุดหนุ่มผมยาวก็หยุดเดินนอสและซีลเห็นสิ่งที่ 'น่าจะ' เป็น

    สะพานมาก่อน มันไม่ใช่สะพานไม้ทัวไปแบบที่พบเวลาจะข้ามหน้าผาเพื่อไปอีกฝั่งแต่เป็นสะพานหินแบบถาวรเพราะแท่งหินคู่หนึ่งถูกวางห่างกันประมาณสอมเมตรสูงครึ่งเมตรถูก

    ตั่งจมกองมอสสีเขียวเข้มและถ้ามองดีๆจะเห็นได้ว่ามีรอยสลักจางๆด้วย นิกส์ล่วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา กำไรวงกำลังหน่ารักสองวงและสลักเป็น

    ลวดลายต่างๆมากมายเป็นน้ำเป็นไฟเป็นต้นไม้เป็นท้องฟ้าและลายแปลกๆที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไรลวดลายเหล่านี้ถูกอักลงบนกำไรจนแทบจะไม่มีช่องว่าง นิกส์มองมันสัก

    พักก่อนจะส่งให้ทั้งคู่ "กำไรนี้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นแต่ละวงจะไม่เหมือนกันและมีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ใช้มันได้แต่นี้เป็นแค่แบบชั่วคราวเท่านั้นส่วนของจริงที่พวกเธอต้อง

    ใช้อาจไม่ใช่กำไรแต่จะเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่พวกเธอจะกำหนด มันเป็นอุปกรณสำหรับช่วยในการใช้เวทย์มนตร์ให้คล่องขึ้นและเป็นเหมือนบัตรผ่านในการข้ามประตูมิติต่างๆ"นิกส์

    อธิบาย"ใส่กำไรได้แล้วเดี๋ยวจะได้เห็นอะไรสนุกๆ" ซีลใส่กำไรตามคำสั่งของนิกส์อย่างว่าง่ายเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นภาพตรงหน้าราวกับเขาหลุดเข้าไปในนิทาน สะพานหินทอด

    ยาวเข้าไปในสายหมอกถูกยึดเอาไว้ด้วยเถาวัลไม้สีเขียวสดขนาดใหญ่แซมด้วยใบไม้ทรงสวยและดอกไม้ดอกเล็กๆ ก้อนหินทุกก้อนมีรอยแกะสลักเป็นเรื่องราวของตัวมัน ทุกคน

    เดินไปบนสะพานหินที่แสนงดงาม เด็กสาวเดินนำหน้าไปราวกับไม่ได้สนใจมองอะไรส่วนซีลและนิกส์เดินเยื่องๆกันอยู่ "นิกส์ที่คุณบอกว่าหากพวกเราไม่ตอบตกลงที่จะกลับสู่มิติ

    ภูตจะต้องฆ่าเพื่อนำวิญญานออกมาหมายความว่าไง"นอสหันมาถามหนุ่มผมยาว"จะพูดคร่าวๆนะ ภูตหมายถึงวิญญาณของธรรมชาติมีเวทย์มนตร์และอำนาจวิเศษพวกเขาจึง

    สร้างร่างกายของตนขึ้นมาจากธาตุแต่เมื่อมาอยู่ในโลกมนุษย์ทำให้พลังเวทย์มนตร์เสื่อมถ่อยลงจนเสียงต่อการเกิดอาการธาตุแปรปรวนเพราะบนมิติมนุษย์บางจุดก็มีธาตุหนึ่ง

    มากไปบางจุดก็มีน้อยไปภูตที่ธาตุแปรปรวนจะสามารถซึมซับธาตุอืนเข้ามาใช้มากขึ้นได้แต่ก็มีหลายครั้งที่ธาตุในร่างกายกับธาตุที่ดึงไม่เขากันรุนแรงมากๆเข้าจะทำให้คลุ้มคลั่ง

    ทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าสวนสาเหตุที่สองคืออวัยวะส่วนต่างๆของภูตมีคุณสมบัติทางเวทย์มนตร์ทุกส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงหากถูกนักล่าภูตจับชำเหละและนำมาใช้เพื่อ

    ทำลายภูตด้วยกันแต่ทีกล่าวมาจะเกิดแค่ในภูตเลือดบริสุธิ์และผสมบริสุธิ์เท่านั้นซึ่งก็คือภูตที่ไม่มีสายเลือดมนุษย์และการฆ่าเพื่อนำเอาวิญญาณออกมาก็แปลตรงตัวเพราะยังไง

    วิญญาณภูตทุกดวงก็สำคัญต่อมิติภูต"นิกส์พูดพลางเดินไปด้วย"ใกล้ถึงแล้ว"หนุ่มผมยาวพ่ายมือให้กับนอสที่หยุดและหันมามอง เด็กสาวเห็นดังนั้นจึงออกเดินต่อ ทางข้างหน้า

    หมอกลงหนาขึ้นทุกทีจนกระทั้งมองไม่เห็นอะไรแม้แต่มือของตัวเอง ทุกเสียงเงียบหมดได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง เด็กสาวสดุ่งเมื่อเห็นนิกส์เดินมาข้างๆพร้อมกับเด็ก

    หนุ่มแต่ดูเหมือหนุ่มผมยาวจะดูเกร็งๆเมื่อหมอกเริ่มจางลง หมอกหายไปแล้วภาพตรงหน้าปรากฎให้เห็นอาคารขนาดใหญที่ถูกสร้างอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะขนาดเล็กเบื่องล่าง

    ราวกับมันฝังไปเป็นเนื้อเดียวกับตัวภูเขา อาคารสูงห้าชั้นเต็มไปด้วยประตูและหน้าต่างที่หน้าแปลกใจคือตรงประตูไม่ได้มีระเบียงยื่นออกมาเลยประมาณว่าถ้าใครเผลอเปิดและ

    เดินออกไปก็ร่วง จุดที่เด็กหนุ่มยืนอยู่เป็นเหมือนยอดของป้อมปราการตรงหน้ามีสะพานหินแบบเดิมทอดยาวไปสู่อาคารสูงห้าชั้น แต่ก่อนที่นิกส์จะออกเดินต่อก็มีบางสิงโผเข้าเกาะ

    ราวสะพานใกล้ๆพวกเขา "หายหน้าไปนานเลยนะ"หญิงสาววัยประมาณสิบเจ็ดสิบแปดดวงตาสีเทาปนน้ำตาลลูกตาดำเล็กคมกริบใบหน้าสวยใด้รูปผิวเข้มนิดๆผมสีน้ำตาลเข้มที่

    ถูกรวบเอาไว้หลวมๆยุ่งเหยิงสวมชุดเกราะอ่อนทำจากหนังสัตว์ที่ถูกทำให้แข็งครึ่งตัวเสื้อคอปกแขนกุดตัวยาวจนเหมือนกระโปรงสีนำตาลอ่อนกางเกงขายาวถึงเข่าดูทะมัดทะแมง

    แต่ที่หน้าแปลกคือแขนทั้งสองข้างของเธอเป็นปีกนกและช่วงขาตั่งแต่แข้งลงไปก็เป็นขานกเช่นเดียวกัน"ฟีเลนท์เป็นไงบ้าง"นิกส์ถามเร็วปรื๊อจนฟังแทบไม่ทันแต่นั้นก็ทำให้นกสาว

    ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา หญิงสาวทิ้งแขนลงข้างลำตัวขนนกค่อยๆร่วงลงไปและสลายเป็นหมอกจนเหลือเพียงแขนขาวๆที่ส่วมปลอกแขนสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเดินลายทองตั้งแต่ต้นแขน

     จนถึงข้อมือ "ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง เอาละซีล นอส ขอกำไรคืนด้วย"

      "รู้ชื่อผมได้ไง?!" ซีลถามเสียงดังจนกลบเสียงของเด็กสาวหมดแต่ทั้งคู่ก็ถามขึ้นมาแทบพร้อมกันส่วนความสงสัยที่นิกส์รู้ชื่อของพวกตนใด้ไงนั้นแทบไม่มีเลยเพราะถ้าเขา

    สามารถปลอมเป็นตำรวจและหาที่อยู่ของเขาที่เหลือก็ไม่น่าแปลกที่เขาจะรู้ชื่อ "เอกสารของพวกเธอฉันอ่านมาหมดแล้วไม่แปลกที่จะรู้ชื่อพวกเธอ" นกสาวพูดพลางดูกำไรสอง

    วงในมือที่ทั้งคู่ยื่นมาให้ก่อนหน้านั้น"ทำไมอยู่ๆถึงเข้มงวดขนาดนี้ละ"นิกส์ถามขึ้นหลังจากเห็นนกสาวดูกำไรของทั้งคู่นานผิดปกติ "ทางการสั่งให้เพิ่มความป้องกันเป็นสองเท่า

    ด้วยซ่ำส่วนที่เหลือเดี๋ยวนายก็รู้เอง"นิกส์พยักหน้านิดๆเป็นเชิงรับรู้ นกสาววางกำไรลงบนมือก่อนมันจะสลายเป็นผุยผงและส่งยิ้มน่ารักให้

    "ยินดีต้อนรับสู่สำนักงานมหาวิทยาลัยสหสายพันธุ์ราล์โอม"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×