ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Demon Hunter

    ลำดับตอนที่ #2 : ครั้ง(เกือบ)สุดท้ายของคำสัญญาที่จะดูแล

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 56


           เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นพบกับความมืดที่โอบคลุมรอบตัว เขาอยู่ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เสียงปึงปังดังขึ้นจากประตูไม้แกะสลักบานใหญ่

    ภายในห้องคงมีคนพยายามเข้ามา 'ขยับไม่ได้' เด็กหนุ่มคิดเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แล้วเด็กหนุ่มกลับสะดุ้งสุดตัว เสียงโครมครามดังขึ้น ประตูไม้

    เเกะสลักถูกเปิดออกร่างกายของเด็กหนุ่มขยับอย่างที่เขาไม่ต้องการสายตาของเขาไม่ได้ดั่งใจภาพข้างหน้าพร่ามัวเขารู้เพียงมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา ตัว

    ของเ
    ขาเริ่มต่อสู้กับกลุ่มคนที่เข้ามาประมาณหกเจ็ดคนความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มแล่นไปทั่วร่างเขารู้สึกถึงของมีคมเฉือนเข้าไปในผิวหนัง แต่แล้วตัวเขากลับ

    ถูกเหวี่ยงออกไปไกล เด็กหนุ่มมองเห็นพื้นห้องที่หายไปเป็นหุบเหวไร้ก้น แต่แล้วกลับมีเสียงดังขึ้นจากข้างหลัง ใครบางคนมาช่วยเขาเสียงชายหนึ่งหญิง

    หนึ่ง เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเขาได้ยินเสียงของปีกนกที่กำลังขยับและทะยานสู่อากาศเสียงของเกล็ดสัตว์เลื้อยคลานกล้ามเนื้อที่ขดตัวและเสียงกีบเท้าของม้าที่

    กระทบกับพื้นห้องดังกึกก้อง เสียงตะโกนโหวกเหวกและเสียงของเหล็กที่กระทบกันดังอยู่พักใหญ่ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น ร่างกายของเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน

    ก่อนจะเริ่มลากตัวเองไปข้างหน้าเด็กหนุ่มเห็นหีบไม้แกะสลักใบใหญ่ประดับด้วยอัญมณีงดงามมือของเขาเอื้อมไปเบื้องหน้าก่อนทรุดลงข้างๆหีบไม้ แต่

    ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อไปเขาก็ได้ยินเสียงบางสิ่งเเหวกอากาศมาทางเขา เด็กหนุ่มรู้สึกถึงเหล็กเย็นเฉียบแล่นไปตามไขสันหลังและร่างของเขาก็ร่วงลงสู่

    หุบเหวไร้ก้นก่อนความมืดจะเริ่มกลืนกินเด็กหนุ่มอีกครั้ง
       
       ซีลสะดุ้งตื่นขึ้นในห้องที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นอับเสียงของห่าฝนกระทบกับพื้นปูนดังอยู่ภายนอก กี่ครั้งแล้วที่เขาฝันถึงเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเด็ก

    หนุ่มขยับตัว เขารู้สึกถึงเนื้อเชือกหยาบๆที่ข้อมือหัวใจของเขาหล่นวูบแต่กว่าจะรู้ตัวหมัดหนักๆก็ตรงเข้ากรามด้านซ้ายของเขาอย่างจัง ลืมสนิทว่าตัวเอง

    อยู่ระหว่างการทำงาน"ตื่นแล้วเหรอไอ้เด็กเวร"เสียงทุ้มๆของชายวัยกลางคนดังขึ้น"ฮะๆผมคงกำลังละเมอลืมตาอยู่ก็ได้"เด็กหนุ่มพูดรู้สึกถึงรสเค็มและ

    กลิ่นคาวของโลหิตที่แล่นไปตามโพรงจมูก"เจ็บกรามชะมัดคงพูดอะไรไม่ได้แล้วละ"หลังจากที่เด็กหนุ่มพูดจบก็มีอีกหมัดต่อยเข้าที่ท้อง"ความจริงพวกฉัน

    เองก็ไม่อยากทำร้ายเด็กหรอกนะแค่แกบอกมาว่าใคร'จ้าง'แกมา"ชายวัยกลางคนจับพนักพิงเก้าอี้ที่เด็กหนุ่มถูกมันอยู่ ซีลรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูกรับรู้ได้

    ถึงเลือดที่กำลังไหลออกมาทางมุมปาก "ปากก็แตกจุกก็จุกยังจะให้ผมพูดอีกหรอ"เด็กหนุ่มฉีกยิ้มยียวนคราวนี้ไม่มีการต่อยหรือเตะแต่กลับเป็นมีดคมๆ

    จากมือของพวกลูกกระจ๊อกข้างๆที่ตรงเข้าจี้คอของเด็กหนุ่มแทน "จะพูดดีๆหรือจะตาย"ชายวัยกลางคนตรงหน้าเอามือไขว้หลังและกัดฟันอย่างขุ่น

    เคือง "มุกขู่โง่ๆกลัวจัง" ซีลยิ้มกรุ้มกริ่มเอนหลังพิงพนักด้วยท่าทีสบายๆ"แกคงไม่บอกง่ายๆคงต้องมีอะไรมาง้างปากแกหน่อย"ชายวัยกลางคนก้าวฉับๆ

    ไปที่โต๊ะก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา "ฉันไม่ฆ่าแกก็ได้แต่ถ้าเป็นเด็กนี่...คงไม่แน่" พูดจบชายวัยกลางคนก็โยนกระดาษลงตรงหน้าเด็กหนุ่มเผย

    ให้เห็นรูปเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลอมแดงถูกมัดเอาไว้เป็นเปียสองข้างใส่เสื้อสีฟ้าหวานเหมือนตุ๊กตา เด็กหนุ่มถึงกับสะอึกทันทีที่เห็นรูป "เอา

    เป็นว่าถ้าแกบอกมาดีๆเด็กน้อยน่ารักคนนี้ก็จะปลอดภัยแต่ชีวิตของแกมันก็อีกเรื่องแต่ถ้าไม่บอกก็กลับบ้านเกิดไปทั้งคู่"ชายวัยกลางคนเเสยะยิ้มอย่างผู้

    มีชัยเหนือกว่ามั้นใจว่าเด็กหนุ่มต้องยอมอ้าปากพูดแน่ "คุณบอกว่าน้องสาวผมน่ารักจริงหรอ?" เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัยปนภูมิใจใส่ชายวัยกลางคน "หึ!

    เอา เป็นว่าถ้าแกอยากให้น้องสาวแกยังคงปลอดภัยและน่ารักอยู่ก็บอกมาซะ!!!"ชายวัยกลางคนตะคอกเสียงดังใส่เด็กหนุ่ม แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่

    สะทกสะท้านกลับแสยะยิ้มยียวนก่อนจะพูดขึ้น"งั้นผมคงต้องไปหาน้องสาวผมก่อนล่ะเดี๋ยวเธอจะไม่ปลอดภัย"เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าตาเฉยแต่นั่น

    ก็ทำให้ลูกน้องของชายวัยกลางคนหันปืนมาทางเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน เด็กหนุ่มแสร้งยกมือขึ้นโชว์มีดพกเปลือยคมมันวาวให้เห็นอย่างจงใจ ทันทีที่มีด

    ถูกชูขึ้นกลางอากาศ ซีลจึงฉวยโอกาสขณะเผลอกระโจนไถลไปกับพื้นลอดใต้หว่างขาของพวกลูกกระจ๊อกก่อนจะกระโจนหนีออกทางหน้าต่างที่ถูกปิดทึบ

    อย่างไม่กลัวว่ากระจกจะบาดหรือตกลงสู่เบื้องล่างที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่ โชคดีที่เบื้องล่างของเด็กหนุ่มเป็นกองขยะทันทีที่เขาตกลงไปเด็กหนุ่มจึงไม่รอ


    ช้าที่จะออกวิ่งต่อแทบทันทีเขาได้ยินแว่วๆว่า 'ตามมันไป' ไม่นานก็มีเสียงเปิดประตูโครมครามตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนอีกฝูงหนึ่ง เด็กหนุ่มวิ่งไปตาม

    ซอกตึกอย่างคล่องเเคล่วไม่มีเป้าหมายแต่ขาของเขากลับพาเขามาที่ที่ดินรกร้างแห่งหนึ่งที่เขามาประจำซีลไม่รอช้าเขาวิ่งตรงไปยังต้นโอ๊กขนาดใหญ่และ

    ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วเด็กหนุ่มปีนขึ้นสูงกว่าทุกครั้งปล่อยให้กิ่งก้านของต้นไม้บดบังร่างกายของเขาเด็กหนุ่มยกฮู้ดของเสื้อคลุมสีดำตัวโปรดขึ้นสวม


    หายใจแผ่วเบามองพวกที่ตามเขามาวิ่งผ่านต้นไม้ไป เด็กหนุ่มอยู่บนต้นไม้พักใหญ่หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วจึงปีนลงมาเด็กหนุ่มเดินออกจากที่ดิน


    รกร้างกลับสู่เขตชุมชนเด็กหนุ่มเดินไปตามซอกตึกพยายามก้มหัวลงต่ำ ซีลเริ่มมั่นใจว่าคงไม่มีใครตามมาแล้วฝนที่ยังไม่หยุดตกทำให้เขาเริ่มอยากจะ

    กลับบ้าน เด็กหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกเหลือเพียงเสื้อยืดสีเทาที่เปียกไม่แพ้เสื้อคลุมของเขา แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินกลับบ้าน อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขึ้นจากด้าน

    หลังห่างไปประมาณสิบเมตร"เฮ้ย!มันอยู่ตรงนั้น!!!"เด็กหนุ่มเหลือกตาขึ้นฟ้าและถอนหายใจแรงๆก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง
       
         
         เด็กสาวหน้าตาน่ารักนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟลายลูกไม้สีครีมอันกำลังน่ารักสายตาของเธอ

    จับจ้องไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมายแก้วตาสีฟ้าอ่อนขับให้เห็นลูกตาดำเล็กๆของเธอได้ชัด ชุดสีชมพูอ่อนหวานๆมีรอยยับอย่างเห็นได้ชัดเด็กสาวลูบ

    มือที่ขาวจนซีดไปตามแขนเสื้อยาวๆของเธอ ริมฝีปากที่แห้งจนแตกปิดสนิดในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยเด็กสาวก็ได้ยินเสียงดัง'ตุ้บ'จากห้องข้างๆซึ่งนั่น

    คือห้องของพี่ชายเธอเอง เด็กหญิงลุกขึ้นออกจากห้อง เดินอย่างใจเย็นผ่านทางเดินมืดๆภายในบ้านเธอยื่นแขนออกเปะปะไปในความมืดจนมือของเธอ

    ไปสะดุดกับกลอนประตูก่อนจะเปิดมันออก เด็กสาวเดินเขาไปภายในห้องเหม็นอับอุดมฝุ่นได้ยินเสียงหอบหายใจแรงเพราะความเหนื่อยทำให้เธอรู้สึกได้

    ถึงสัญญานชีพของพี่ชายรางๆ เด็กหนุ่มนอนแผ่อยู่บนพื้นผมที่ปกติยุ่งอยู่แล้วยุ่งหนักเข้าไปอีกแถมยังมีเศษกิ่งไม้ใบไม่ติดอยู่ด้วยที่แย่ไปกว่านั้นคือเนื้อตัว

    ที่เปียกโชกและสภาพที่ดูเหมือนกำลังเหนื่อยตายเสียงของมีดพกที่กำลังถูกพับเก็บในมือทำให้เธอพอเดาออกว่าเขาคงจะงัดหน้าต่างห้องตัวเองเข้ามา "ลี

    น่า เข้ามาทำไมพี่ไม่เป็นไรหรอก"เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆพูดกระท่อนกระแท่นออกมาก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นไปเปิดไฟในห้อง เด็กหนุ่ม

    หันไปมองน้องสาวของตนเขาเห็นเธอมองไปคนละทางกับเขาในตาไร้แววไม่มีจุดหมาย เด็กหนุ่มนึกถึงวันที่เขาเห็นเธอถูกแม่เลี้ยงตบตีวันนั้นเขาโกรธจน

    เผลอกระโจนเข้าทำร้ายแม่เลี้ยงของตนแม่เลี้ยงที่ไม่เคยแม้แต่จะมาสนใจดูดำดูแดงเขาตั้งแต่วันที่พ่อของเขาเสียชีวิตในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะลงหมัดใส่

    แม่เลี้ยงของตนเขาโกรธที่เธอทำร้ายได้แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ตาบอดและเห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์มือบางๆของน้องสาวเขาก็คว้าแขนของ

    เขาเอาไว้และเขาเห็นว่าดวงตาของเธอที่บอดสนิดมีแววหวาดกลัวเด็กหนุ่มสะดุ้งแต่นั่นก็ทำให้เขาเสียจังหวะและถูกตบเข้าที่หน้าอย่างรุนแรงจนเล็บยาวๆ

    ขูดเข้าบนใบหน้าของเขาจนเลือดซิบแต่นัีนก็ไม่รุนแรงเท่ากับกำไลข้อมือที่ลูกปัดคมๆกรีดเข้าหน้าเขาจนมันกลายเป็นแผลเป็นจางๆ เด็กหนุ่มหยิบเศษไม้

    ออกจากหัวรู้สึกหงุดหงิดที่เขามักจะต้องนึกถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่เห็นดวงตาของน้องสาวหลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้แม่เลี้ยงสั่งให้น้องสาวออกจากโรงเรียน

    และทำกับเขาเหมือนเป็นอากาศธาตุเด็กหนุ่มทะเลาะกับแม่เลี้ยงและสุดท้ายเธอก็ยอมให้น้องสาวเขาเรียนแต่เขาต้องจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเองเด็กหนุ่ม

    โมโหและโกรธเคืองเขาเก็บอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะเเสยะยิ้มอย่างยียวนและตอบตกลง ซีลตัดสินใจออกจากโรงเรียนมั่นใจว่าคงไม่มีที่ไหนบ้ารับเด็ก

    เข้าทำงานเว้นแต่พวกใต้ดินด้วยความฉลาดและความสามารถทำให้เขามีชื่อเสียงในวงการใต้ดิน ทำให้เขาไม่ต้องเข้ากลุ่มกับใครอีกแล้ว จะมีก็แต่คนมา

    ขอร้องให้เขาทำงานให้ เด็กหนุ่มพยายามปิดบังเรื่องนี้จากน้องสาวแต่เธอเองก็ฉลาดไม่แพ้เขาทำให้เด็กหนุ่มต้องคายความจริงออกมา ลีน่ารู้สึกว่าพี่ชาย

    ของตนเงียบไปนานจึงเรียกเขาทำให้เด็กหนุ่มกลับสู่โลกความจริง"พี่ไม่หิวเหรอหนูรู้นะว่าวันนี้พี่ยุ่งมาทั้งวัน"เด็กสาวฉีกยิ้มน่ารักได้ยินเสียงพี่ชายตัวเอง

    ถอนหายใจ"เหนื่อยขนาดนี้กินอะไรไม่ลงหรอกลีน่าไปนอนได้แล้วหรือจะลงไปหาอะไรกินด้วยกัน"เด็กหนุ่มพูดพลางขยี้ผมน้องสาวสุดรัก ลีน่าหัวเราะปัด

    มือของเขาออก เด็กหนุ่มเองเมื่อหัวเราะไปสักพักก็เริ่มเจ็บปากจึงหยุดหัวเราะกระทันหันและส่งเสียงซี้ดด้วยความเจ็บ"พี่โดนใครต่อยมาเหรอหนูได้กลิ่น

    เลือดจางๆด้วย"ลีน่าพูดขึ้นถึงเธอจะตาบอดแต่ประสาทอื่นๆนับว่าดีจนหน้าทึ่งทีเดียว ซีลเช็ดมุมปากจึงเห็นว่าเลือดออกจริงอย่างที่เธอได้กลิ่น"พี่ว่าเธอ

    ลงไปข้างล่างก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่ตามไป"เด็กหนุ่มตัดบทก่อนจะไล่ให้น้องสาวออกจากห้องไปก่อน ซีลคว้าผ้าเช็ดตัวรีบไปอาบน้ำก่อนจะรีบแต่งตัวและลงไป

    ข้างล่าง 
         
        หลังจากกลืนอาหารทั้งหมดลงท้องภายในพริบตา(โดยถูกน้องสาวบ่นใส่ว่าเหนื่อยแล้วกินอะไรไม่ลง)และส่งปนไล่น้องสาวให้ไปนอนเด็กหนุ่มจึงรีบตะ

    เกียกตะกายไปหากล่องยาและน้ำแข็ง ซีลนอนพาดอยู่บนโซฟาตัวหรู รู้สึกถึงข้อดีอย่างเดียวของแม่เลี้ยงที่มีนิสัยติดหรูมักซื้อของดีๆมาใช้และ

    ผลพลอยได้ก็กระเด็นมาหาเขากับน้องสาว บนหัวมีถุงน้ำแข็งโปะอยู่พักหนึ่งก่อนเขาจะโยนมันทิ้งทีวีถูกเปิดทิ้งเอาไว้โดยไม่ได้ใส่ใจดูก่อนจะถูกปิดลง

    ภายในห้องนั่งเล่นเงียบสนิทความมืดเข้าโอบคลุมเด็กหนุ่มอีกครั้ง ซีลมองภาพสะท้อนของตัวเองบนตู้กระจกข้างทีวี ภาพของเด็กหนุ่มวัยสิบหกผมสี

    น้ำตาลเข้มยุ่งๆชี้ไปทุกทิศทางดวงตาสีเหลืองอำพันจ้องไปบนภาพสะท้อนในกระจกรูปร่างปราดเปรียวทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์

    อันตรายได้หลายครั้งบ่อยครั้งที่เขาสงสัยว่าทำไมน้องสาวกับเขาถึงได้มีหลายอย่างที่ไม่เหมือนกันทั้งสีผมสีแก้วตาและรูปร่าง เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

    เพดานห้องว่างเปล่าน่าแปลกที่ในความมืดเช่นนี้เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดไม่แพ้กลางวัน ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอยเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเ

    เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ประตูก่อนจะแง้มเปิดประตูออก ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบต้นๆไว้ผมยาวและรวบมัดเอาไว้หลวมๆใบหน้าคมเข้มรูปร่างดี

    แต่งตัวด้วยเสื้อคอปกสีขาวและกางเกงขายาวสีดำยืนอยู่หน้าประตูแย้มยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเมื่อเห็นเขาก่อนจะพูดขึ้น"ฉันขอพบคุณนาย แอนนา รีวา

    ตอนนี้ได้ไหม"เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสงสัยว่าผู้ชายคนนี้มาถามหาแม่เลี้ยงของเขาทำไม"คุณนายคงหลับไปแล้วแต่ถ้าจะให้ปลุกขึ้นมาก็ยินดีอย่างยิ่ง"เด็กหนุ่ม

    ฉีกยิ้มกวนเขาหาโอกาสที่จะก่อกวนแม่เลี้ยงมานานแล้ว"งั้นคงต้องรบกวนหน่อยแล้วละหนุ่มน้อย"ชายผมยาวกล่าวก่อนจะเอ่ยขึ้น"อ้อ ลืมแนะนำตัวไป

    เลยฉันชื่อ นิกส์ เอควา เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายราชการลับยินดีที่ได้รู้จักนะ"คราวนี้จากรอยยิ้มที่เป็นมิตรกลับเป็นรอยยิ้มที่ดูมีเล่ห์กลมากนักเด็กหนุ่มได้

    แต่ยิ้มตอบพลางคิดว่าวันนี้ช่างเป็นวันซวยยิ่งนักโดนอริจับไปซ้อมแถมขู่จะฆ่าน้องสาวแล้วตอนนี้ยังมาเจอตำรวจอีก ซีลได้แต่เชิญหนุ่มผมยาวเข้าไปใน

    บ้านก่อนแล้วจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของแม่เลี้ยงรัวทุบประตูเสียงดังก่อนจะตะโกนเข้าไปว่ามีคนมาหาแล้วรีบเผ่นลงไปข้างล้าง เด็กหนุ่มเห็น

    คนที่ชื่อนิกส์คุยโทรศัพท์อยู่(โดยแอบคิดว่าชื่อเหมือนผู้หญิง)ใบหน้าของเขายังคงประดับรอยยิ้มเอาไว้ไม่เปลี่ยนนึกไม่ออกว่าทำไมพวกตำรวจสาย

    ราชการลับที่ควรจะมีเรื่องเคร่งเครียดตลอดเวลาถึงได้สามารถยิ้มได้ทุกสถานการณ์อย่างนี้ นิกส์วางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแต่ยัง

    ไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างบน"ซีล!!!อยู่ๆมาเล่นอะไรไม่เข้าท่าในตอนดึกๆแบบนี้คนจะหลับจะนอน!!!"เด็กหนุ่มยืนเอาหลังพิงกำแพง

    พลางทำหน้ายียวนและชี้นิ้วโป้งไปที่หนุ่มผมยาวที่ยืนรออยู่"คุณนายแอนใช้ไหมครับ?"นิกส์พงกหัวให้เล็กน้อยเป็นมารยาททำให้คุณนายแอนพยักหน้า

    น้อยๆตอบ"มีธุระอะไรกับดิฉันคะ?"หญิงวัยกลางคนถามห้วนๆรู้สึกหงุดหงิดที่มีแขกมาโดยที่ตัวเองยังไม่ได้แต่งหน้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเ

    เวลา "ผมมีธุระสำคัญเกี่ยวกับคนที่ชื่อว่า ซีล รีวา หรือลูกชายบุญธรรมของคุณ"
           
             
          แอนนา รีวา และ นิกส์ นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะรับแขกตัวหรูภายในบ้าน เด็กหนุ่มได้แต่ยืนพิงกำแพงดูสถานการณ์อยู่ที่ห้องครัวสองมือที่ยกขึ้นกอดอก

    กำแน่นนึกสงสัยหนักและอดกังวลขอให้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับงานที่เขาทำด้วยเถอะ ซีลกัดฟันเขาไม่รู้แน่ว่าอาจมีคนบอกข้อมูลของเขากับพวกตำรวจแต่ก็

    เป็นไปไม่ได้เพราะเด็กหนุ่มใช้ข้อมูลปลอมทั้งหมดอีกทั้งเขาไม่เคยบอกใครว่าเขาอยู่ไหนที่ใด ซีลฮึดฮัดอยู่คนเดียวสักพักก็มีมือขาวๆวางลงบนไหล่เขา

    ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเกือบจับเจ้าของมือทุ่มแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาจึงถอนหายใจเฮือกออกมา"มีใครมาเหรอ?"ลีน่าถามขึ้นทันที เด็กหนุ่มไม่แปลก

    ใจเลยที่เธอจะตื่นขึ้นมาเพราะทั้งเสียงตวาดของแม่เลี้ยงเสียงทุบประตูและบ่อยครั้งที่เขามักเผลอเดินลงส้นแรงๆ"พี่กำลังเครียดนี"เด็กสาวทักขึ้นอีกครั้ง

    กี่ครั้งแล้วที่ประสาทสัมผัสอื่นๆนอกเหนือการมองทำให้เขาทึ่ง "ก็แค่ธุระทั่วๆไปนั้นแหละไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก"เด็กหนุ่มบอกปัดแต่ดูเหมือนเด็กสาว

    จะไม่เชื่อเพราะตอนนี้หน้าตาของเธอบอกได้ว่าเธอกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน อยู่ๆคิ้วสวยได้รูปของเด็กสาวก็ขมวดเข้าหากันสองมือกำชุดนอน

    ตัวยาวจนแน่นก่อนจะพูดขึ้น"พี่กำลังจะถูกจับนี่คนๆนั้นเป็นตำรวจ!"เสียงของเธอแสดงถึงความหวาดกลัวหากไม่มีพี่ชายแล้วใครจะคอยดูแลเธอ เด็ก

    หนุ่มเห็นหยดน้ำเม็ดโตไหลลงอาบแก้มใสๆของน้องสาวทำให้เขาทรุดตัวลงโอบกอดร่างเล็กๆของเธอไว้"ชูว์ อย่าร้องนะไม่มีอะไรเลวร้ายแน่พี่

    สัญญา"เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเธอฟังไม่ผิดแน่แต่สิ่งอื่นที่เขานึกสงสัยและแคลงใจคือ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช้ตำรวจแน่

    เด็กหนุ่มคิดจากประสบการณ์ในเขตที่เขาอยู่เป็นแหล่งกบดานขนาดใหญ่ของบุคคลใต้ดินหากจะมาเสียเวลามาจับเขาคนเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้เพราะเขต

    นี้มีแต่พวกอาชญากรที่มีคดีร้ายแรงติดตัวกันทั้งนั้นและคนที่ชื่อนิกส์ยังอ้างตัวเป็นตำรวจฝ่ายราชการลับที่ปกติจะมีเรื่องเครียดๆตลอดเวลา สามารถ

    ประดับรอยยิ้มที่แท้จริงไว้บนใบหน้าไรริ้วรอยของความเครียดได้ อีกทั้งยังมาในชุดนอกเครื่องแบบและเขาเองก็เห็นรถคันสีดำมันวาวจอดอยู่หน้าบ้านตัว

    รถไม่ได้ติดฟิล์มแบบทึบเขาเห็นว่าภายในรถไม่มีแม้แต่เครื่องแบบแถมยังมีคนขับรถอยู่ด้วย เด็กหนุ่มเริ่มมั่นใจแต่ที่แย่คือน้องสาวของเขาไม่แน่คนที่ชื่อ

    นิกส์อาจเป็นพวกอริของเขาปลอมตัวมา ถ้าหนีไปตอนนี้อาจจะทันแต่น้องสาวเขาล่ะเธอตาบอดอีกทั้งยังแพ้แสงเขาไม่ยอบให้เธอโดนจับแทนเขาแน่ ใน

    ขณะที่เขากำลังคิดหาทางหนี ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนเขาก็สะดุ้งสุดตัวเด็กหนุ่มตกใจแต่กลับมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง"ซีล ฉันคิดว่านายไปเก็บของก่อน

    นะเราต้องไปกันแล้ว"นิกส์พูดขึ้นน้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนแต่เด็กหนุ่มได้แต่กำมือแน่นก่อนจะลุกขึ้นและเดินขึ้นไปที่ห้องของเขาโดยไม่ได้พาน้องสาวตาบอด

    ของเขาไปด้วยได้แต่ปล่อยทิ้งให้เธอยืนอยู่เพียงลำพังในโลกที่มืดมิดตลอดกาลของเธอ
       
        ห้องของเด็กหนุ่มก็คือห้องเก็บของอุดมฝุ่นมีเพียงเตียงไม้แข็งๆตู้เก็บของเก่าๆที่เขาใช้ต่างตู้เสื้อผ้ามีเสื้ออยู่แค่สามและกางเกงอีกสองไม่นับเสื้อคลุมสี

    ดำตัวโปรดของเขาซึ่งต่อให้ยังไม่ได้ซักหรือขาดเขาก็ยังคงใส่มันไปไหนมาไหนเสมอส่วนที่เหลือเป็นลังไม้เก็บของซึ่งเขาเอามาใช้ต่างโต๊ะสองสามกล่อง

    เด็กหนุ่มไม่ได้เอาอะไรไปมากมีแค่โทรศัพท์หนึ่งเครื่องหูฟังและมีดพกงานอดิเรกของเขาคือการแกะสลักไม้ตอนนี้ในมือของเขามีงานแกะสลักที่ออกจะบิด

    เบี้ยวเล็กน้อย แมวไม้ตัวเล็กๆหูแหว่งไปข้างหนึ่งและใบหน้าที่ยาวออกมาจนเกือบเหมือนสุนัข นี่เป็นงานแกะสลักฝีมือลีน่า สำหรับคนตาบอดที่ทำครั้ง

    แรกถือว่าดีมากเลยทีเดียวแต่งานนี้ก็ผากรอยแผลไว้ให้กับเธอหูที่แหว่งนั้นเป็นเพราะว่าเธอแกะพลาดจนมันบาดมือบางๆของเธอเป็นแผลลึกหลังจากนั้น

    แล้วเขาไม่เคยให้เธอแกะสลักอีกเลย เด็กหนุ่มเก็บมันลงไปในลังไม้เปล่าๆรวมกับตุ๊กตาแกะสลักตัวอื่นๆก่อนจะปิดกล่องลงเด็กหนุ่มถอนหายใจวางวัตถุสี

    เงินวาวลงบนฝากล่อง ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาจะให้เธอถึงมันจะอันตรายแต่เขาว่าต่อไปเธอจำเป็นต้องใช้แน่ส่วนที่เหลือคือเธอจะเข้ามาในนี้และมาเจอ

    สิ่งนี้หรือไม่เขาวางมันเอาไว้แทนตุ๊กตาแมวแกะสลักตัวเดิม เด็กหนุ่มเดินลงมาเขาไม่เห็นน้องสาวของเขาคงไม่แปลกหรอกที่จะไม่เห็นลีน่าเขาเคยสัญญา

    เอาไว้กับพ่อว่าจะปกป้องและดูแลเธอแต่ตอนนี้อาจทำไม่ได้แล้ว เด็กหนุ่มนึกในใจต่อให้เขาตายหรือถ้าเจออะไรก็ตามเขาต้องกลับมาดูแลเธอ
       
        เด็กหนุ่มกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นแต่ไม่ได้รูดซิปปิดนิกส์รออยู่ที่รถอยู่แล้วตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น ซีลเดินขึ้นรถคันสีดำ

    มันเงานั่งด้านหลังส่วนนิกส์นั่งข้างคนขับ ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกดวงตาสีอำพันจับจ้องไปยังห้องชั้นบนไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ เด็กหนุ่มหลับตา

    เอนหลังพิงพนักสบายๆแต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะหลับนิกส์ก็พูดขึ้น"นั่นน้องสาวเหรอ?"ซีลลืมตาขึ้นก่อนจะตอบ"ใช่ ถึงหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่

    แต่ก็เป็นน้องแท้ๆ"นิกส์ยิ้มเศร้าๆให้ไม่ได้พูดอะไรต่อ ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถจนกระทั่งเด็กหนุ่มพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ"คุณไม่ใช่

    ตำรวจ"ซีลมองหน้าของนิกส์ผ่านกระจกภายในรถ"ฉลาดนี่ ใช่ฉันไม่ใช่ตำรวจ"นิกส์พูดมองตอบเด็กหนุ่มจากกระจกเช่นกัน"แล้วนายเป็นใคร"เด็กหนุ่ม

    ถามเบือนหน้าหนีหันไปสนใจสิ่งที่อยู่นอกตัวรถแทน"ฉันไม่ใช่อริเก่าหรือศัตรูของนายแล้วกันสบายใจใด้"นิกส์พูดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ แต่นั่นก็ทำให้คิ้ว

    ของเด็กหนุ่มกระตุกเข้าหากันทันที "แล้วต้องการตัวผมไปทำไม" นิกส์ยิ้ม เป็นยิ้มที่ต่อมาเด็กหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่กวนที่สุดในชีวิต" เดี๋ยวก็รู้คำ

    ตอบแต่ก่อนอื่นเราไปรับตัวภูตตนต่อไปดีกว่า "เด็กหนุ่มคิ้วกระตุกอีกครั้งถ้าเขาไม่ได้หูฝาด 'ภูต?'
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×