ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลำดับตอนที่ 2
เสียงรถรับส่งนักเรียนดังขึ้นที่หน้าบ้านที่ใหญ่โต่ของทั้งหก ออรเบโร ฟอช โซเร และ เซต้า พากันเดินไปขึ้นรถ ทุกๆวันทั้งสี่คนจะนังรถบัสของโรงเรียน โดยเมื่อตื่นเช้ามา ออรเบโรตื่นเช้าที่สุดจะเป็นคนไปปลุกฝาแฝด และเซต้า ส่วน โยฮันเนสกับเทสลานั้นไม่แน่ใจว่าตื่นเช้ากว่าออรเบโร หรือไม่ได้นอนกันแน่จึงไม่ต้องลำบากไปปลุกแต่บางที่ทั้งคู่ก็จะตื่นสายจนน่าตกใจ หลังจากแต่งตัวและรับประทานอาหารเช้าที่แสนจะวุ่นวายแล้ว ก็จะถึงเวลาที่รถมารับพอดี เพียงแต่โยฮันเนสกับเทลลาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปกันเอง ในบ้าน พี่น้องราจาก็เหมือนกับส่วนเกินไม่แปลกที่การใช้ชีวิตของทั้งคู่จะต่างกับน้องๆของตน ทั้งคู่เป็นลูกของสามีเก่าของคุณนายเคร์เซอร์และเมียเก่าของสามีเก่าอีกที แม่ของทั้งคู่เสียชีวิตตั่งแต่ตอนที่ทั้งคู่ยังเด็กๆ ไม่นานพ่อของทั่งคู่ก็แต่งงานใหม่และได้น้องเพิ่มมาอีกสามคนคือ ออรเบโรและคู่แฝด ในที่สุดผู้เป็นพ่อก็ล้มป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และแล้วคุณนายเคเซอร์ก็ไปแต่งงานใหม่ อันที่จริงทั้งคู่ก็แอบคบชู้กันมานานแล้ว และได้ลูกมาอีกคนคือ เซต้า คุณนายเคร์เซอร์ขอให้ลูกๆของตนเปลี่ยนนามสกุลซึ่งคู่แฝดก็ไม่ยอมเปลี่ยนนามสกุลตามพ่อคนใหม่ยังคงใช้นามสกุลเก่าของแม่ ส่วนพี่น้องราจา ชื่อไหนชื่อนั้นเพราะขี้เกียจเปลี่ยน แต่อย่างไรทั้งหกคนก็รักกันดีถึงบางครั้งจะทะเลาะกันบ้างก็ตาม
เสียงเด็กๆฮือฮากับมอตอร์ไซด์ทรงสปอร์ดที่พึ่งจะขับแซงรถรับส่งนักเรียนไปเมื่อครู่ ออรเบโรส่ายหน้านิดกับเสียงเชียรของแฟนคลับของทั้งคู่ "นี้พี่โร อย่างน้อยพี่โยฮันก็ไม่แต่งรถให้เสียงมันดังนะ" โซเรเอาศอกกระทุ้งพี่ชายของตนทำให้เด็กหนุ่มถลึงตาดุนิดๆแต่ก็อดอมยิ้มนิดๆไม่ได้ "พี่โยฮันกับพี่เทลี่นี้ก็ดีเนอะเป็นแว๊นกับสก็อยส์กันเองเสร็จสรรพ ไม่ติดว่ามีความสามารถนะโดนมองไม่ดีทั้งคู่แน่ๆ" ฟอชเสริม "เฮ้ย!เซต้า เธอเอาหนังสือเรียนมาทำไมนั้น" คู่แฝดทั้กขึ้นพร้อมกันและมองเซต้าที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างที่กำลังอ่านหนังสือไม่สนใจใครอยู่ "เอามาอ่านสิค่ะ รู้น่าว่าวันนี้เราไปแจ้งย้ายออกเฉยๆ" เซต้าละสายตาจากหนังสือเรียนหันมาตั่งท่าจะต่อปากต่อคำกับคู่แฝดทันที "นายสองคนพ่อเลย เซต้าเธอตั่งใจเรียนก็ดีแล้วไปขัดทำไมห่ะ?" ออรเบโรดุยิ้มๆมองคู่แฝดทำลอยหน้าลอยตาและทำปากอุบอิบแซวน้องสาวตัวเองเป็นระยะๆ "เฮ้ย!ฉันได้ยินพวกนายพูดเรื่องย้ายๆอะไรกัน จะย้ายบ้านกันหรอ?" เสียงทักดังมาจากเบาะด้านหลังของทั้งสี่ ซึ่งคนถามก็น่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับออรเบโร "ใช่ ทำไมหรอ?" คู่แฝดประสานเสียงตอบพร้อมกันทันที "แล้วงานคริสมาสฉันจะให้ใครมาออกแบบงานเนียปกติพี่เทสลาทำให้ตลอด มาย้ายออกอะไรหน้าหนาวเนีย!" เด็กหนุ่มคนนั้นโวยและขยี่ผมอย่างหัวเสีย "แล้วไหนจะงานที่โบสจะหาใครมาแทนโรกับเซต้าละ"
"แบบนี้ทีมบาสก็ต้องหาตัวเล่นใหม่!นายรับผิดชอบเลยนะโซ!"
"ฟอช!แล้วฉันจะลอกการบ้านใครละเนีย!!!!!!!"
เสียงตะโกนและเสียงโวยวายเริ่มดังขึ้น ตอนนี้ทั้งคันรถมีแต่เสียงโวยวาย ทั้งสี่ได้แต่หัวเราะและกล่าวขอโทษอย่างขำๆ อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รู้ พวกเขายังคงอยู่ในความทรงจำของคนที่นี้
"น่าน้อยใจแทนพี่โยฮันนะ" ฟอชกระซิบกับพี่ชายฝาแฝดของตน "ไม่ต้องห่วงพี่โยฮันกับพี่เทลี่ทำงานแผนกเบื้องหลัง เขาจะได้อำลาในที่ลับๆชัวร์...โดนเฉพาะพี่โยฮัน" โซเรกระซิบกลับ ก่อนทั้งคู่จะได้หัวเราะคิกคักกับอยู่สองคนโดยคนอื่นที่กำลังโวยวายกันอยู่ก็ได้แต่หันมามองทั้งคู่งงๆอย่างที่ไม่สามารถรู้สาเหตุได้
"นายชอบดูดาวด้วยหรอ?" เสียงทักใสๆดังขึ้นข้างๆโยฮันเนส เด็กหนุ่มสดุ่งจนทำหนังสือดาราศาสตร์และแผนที่ดาวในมือตกขณะกำลังเก็บล็อกเกอร์ของตนอยู่ "อุ๊บส์ ฉันทำให้นายตกใจหรอให้ฉันช่วยเก็บนะ" เด็กสาวคนเดิมพูดก่อนจะก้มลงเก็บของช่วยอีกแรงพอดีกับที่เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพอดิบพอดี เด็กสาวผมน้ำตาลแดงหยักศกผิวขาวสะอาดอมชมพูอยู่ในชุดสำหรับซ้อมเต้นและใส่เสื้อกันหนาวไหมพรมสีเขียวใบไม้ตัวใหญ่ทับ โยฮันเนสเห็นอย่างนั้นก็สะอึกกลืนน้ำลายไม่ค่อยจะลงคอ ก่อนจะเผลอปล่อยของในมือร่วงลงมาอีกรอบ "ขอโทษขอโทษๆ พอดี...วันนี้ผมรู้สึกมึนๆหนะ" เด็กหนุ่มรีบก้มลงเก็บของอีกรอบอย่างลนๆจนทำให้อีกฝ่ายอดยิ้มๆออกมาไม่ได้ "งั้นก็ดูแลตัวเองบ่อยๆนะ" เด็กสาวพูดก่อนจะลุกขึ้นและส่งแผนที่ดาวกับกระดาษอีกสองสามแผ่นให้
"ฉันสตาร์ ฉันสังเกตุนายมานานแล้วละ ฉันว่านายพิลึกดี" เด็กสาวยิ้มก่อนจะยื่นมือให้อีกฝ่าย "เออ...โยฮันเนส จะเรียกโยฮันหรือฮันอย่างเดียวก็ได้หรือบางคนก็เรียกฮันนี่ แต่อย่าเรียกชื่อนี้เลยพอดีพ่อของฉันเป็นนักวิทยาศาตร์ไม่ต้องเดาเลยใช่ไหมว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์สายอะไร"
เด็กหนุ่มเกาหัวแก้เก้อและยิ้มแบบทำตัวไม่ถูก สตาร์เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะก่อนจะพูดตอบเสียงเบาราวกระซิบ "เห็นแล้วละ..."
"...เธอก็ชอบดูดาวหรอ เหมาะกับชื่อดีนะ" โยฮันเนสหัวเราะแฮะๆ "จะว่าไปเราอยู่ห้องเดียวกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ"
"ฉันเป็นคนขี้อาย แล้วที่นายว่าชอบดูดาวมันจริงรึเปล่า?"
เด็กสาวเสยผมไปทัดหูและปัดผมไปด้ายหลังด้วยท่าทางเนี่ยมอายแต่นั้นก็เผ่ยให้เห็นต้นคอขาวเนียนของเธอ เด็กหนุ่มเกิดอาการหน้าแดงและไม่กล้าแสดงออกอย่างไม่มีสาเหตุและตอนนี้เขาก็เริ่มลนแล้ว "จริงสิ! เธอ...เรียนเต้นด้วยหรอ?" เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง "เปล่าหรอก ฉันแค่มาซ้อมเต้นที่จะแสดงในวันคริสมาสหนะ เขาหาคนไม่ได้เลยให้ฉันไปเต้น...แต่ฉันเต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
"ไม่หรอกมั้ง ฉันว่าเธอน่าจะเต้นได้ดีทั้ง...รูป...ร่าง...ทรวดทรง...เอ๊ย!!!! เธอน่าจะเต้นได้แหละ"
โยฮันเนสหน้าแดงเขาเผลอมองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าจนสติไม่อยู่กับตัวจนอยากจะหายไปจากตรงนี้ทันที "เหรอ ขอบใจนะ เออ...เราไปหาอะไรกินกันก่อนไหม?ตอนนี้ก็เวลาพักพอดีเลย" สตาร์ชวนด้วยทาทีเขินๆแต่นั้นก็ทำให้โยฮันเนสรีบตอบทันที "ปะ...ไปสิ!ให้ฉันเลี้ยงนะ..." เด็กสาวได้ยินก็ยิ้มน่ารักออกมาก่อนจะเข้ามาเดินข้างๆเด็กหนุ่ม ในตอนนี้สติของโยฮันเนสแทบไม่อยู่กับตัวและมันกระเจิงออกไปทันทีเมื่อสตาร์พูดคำว่า'เรา'
"ปกติเธอนั่งกับใครหรอ" เด็กหนุ่มเปิดบทสนทนาหลังจากเงียบกันมานาน ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่ด่านฟ้าของโรงเรียนเด็กหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมขาของเขามันพอมาที่นี้หลังจากไปหาอะไรทานด้วยกัน "ไม่มี ส่วนใหญ่จะนั่งคนเดียว"
"หือ? ถึงว่าทำไมฉันถึงไม่ค่อยเห็นเธอเลย"
"ถ้างั้นวันหลังก็มานั่งด้วยกันสิ" เด็กสาวเสนอด้วยท่าทีจริงจังปนดีใจ
"...ขอโทษนะสตาร์ แต่...ฉันจะย้ายบ้านวันนี้ ที่ฉันมาโรงเรียนวันนี้ก็มาลาออกนี้แหละ ขอโทษจริงๆ" โยฮันเนสตอบ เขารู้สึกแย่ที่จะต้องพูดแบบนี้และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ สตาร์ขมวดคิ้วและก้มหน้าลงไปทันที จากที่ทั้งคู่คุยกันมาทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าสตาร์ในสายตาของคนอื่นค่อนค้างเป็นคนแปลกจึงไม่ค่อยมีใครคบหากับเธอ ซึ่งเด็กสาวก็อยู่คนเดียวมาตลอด และการที่เขาทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการมาให้ความหวังเธอและทิ้งมันไปดื้อๆ "จริงสิลืมคิดเลย ตอนแรกนายเองก็มาเก็บของที่ล็อกเกอร์...ฉันนี้มันโง่จริงๆ" เด็กสาวยิ้มเศร้าและตบขมับตัวเองเบาๆ "ไม่หรอก ฉันผิดเองที่ไม่บอกเธอแต่แรก" โยฮนเนสยิ้มกวนตามนิสัยและจับมือของเด็กสาวมาเข็กหัวตัวเองแทน "...แล้วจะกลับมา...
อีกรึเปล่า" สตาร์ชักมือของตนกลับและนั่งก้มหน้าหงุ้ดด้วยความอาย "ไม่รู้สิ อาจจะได้กลับมา ฉันคงไปไม่นานขนาดนั้น" โยฮันเนสยิ้มและมองหน้าของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ "งั้นฉันจะรอให้นาย
กลับมานะ...เพื่อนคนแรกของฉัน"
เทสลาขวมดคิ้ว เธอเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด หูอื้อจนเข้าขั้นปวด และที่แย่คือเธอโดนคู่แฝดแย่งหมากฝรั่งไปซะเกลี้ยงแผง "พี่เทลี่เป็นพี่ก็เสียสละให้น้องหน่อยสิ" ฟอชแขวะใส่เด็กสาวที่อยู่ริมนอกสุดแถวข้างๆตน "ฉันว่าฉันเสียเยอะจนชักจะขาดทุนละ นายสองคนก็กินอะไรเยอะแยะ แลวหมากฝรั่งนายแบ่งเซต้าด้วยรึเปล่าเถอะ!" เทสลา ขึ้นเสียงดุขู่แฝ่ๆใส่คู่แฝด "เซต้ายังเด็กเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นแล้วหรอ?" คู่แฝดเถียง "นี้!!!หนูอายุสิบสองแล้วนะไม่ใช่เด็กสามขวบ!" เซต้าที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างโวยวายก่อนจะโดนออรเบโรจุ๊ปากดุนิดๆเป็นการเตื่อนว่าพวกเขาเริ่มจะเสียงดังเกินไปแล้ว
"เงียบๆกันหน่อยสิ นี้บนเครื่องบินนะ" ออรเบโรดุ แต่คู่แฝดก็ไม่ได้สนใจหันกลับไปคุยกันต่อ ส่วนเซต้าที่เบื่อจะต่อล้อต่อเถียงก็หันกลับไปอ่านหนังสือของตัวเองต่อ "โรนี้โตเกินตัวจริงๆว่าไหมพี่โยฮัน" เทสลาหัวเราะเบาๆพลางสะกิตพี่ชายของตน แต่กลับกลายเป็นว่าไร้เสียงตอบรับในการสื่อสารครั้งนี้ "พี่โยฮัน...พี่โยฮัน!...พี่ฮัน!!!"
"ห...หือ อะไร"
โยฮันเนสตื่นจากภวัง เด็กหนุ่มมัวแต่เหมิอลอย ในตอนนี้อารมณ์ของเขาไม่ได้อยากย้ายไปอยู่ท่บ้านใหม่แม้แต่น้อย "นายแพ้ จ่ายมา"
"อะไร ไม่เกี่ยวสักหน่อยพี่เขายังไม่จูบกันเลย"
ฟอชโวยพลางปัดมือของแฝดพี่ที่ยื่นมาเกือบทิ่มหน้าของตน "เฮ้ยเดี๋ยวๆ ไอ้แฝดนรกแกสองตัวแอบดูฉันหรอ!" โยฮันเนสที่เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกันก็ถึงกับสำลักน้ำที่ตัวเองกำลังยกขึ้นกระดกก่อนจะโวยวายใส่คู่แฝดทันที "พี่เทลี่เป็นคนบอก" ทั้งคู่ชี้ขวับมาทางเทสลาอย่างปัดปัญหาทันที เด็กสาวหันขวับมองคู่แฝดอย่างงงๆก่อยจะก้มหน้ากุมขมับของตัวเองทันที "แกจะบอกว่าไปสอดเรื่องคนอื่นแล้วไม่ต้องชี้มาทางฉันก็ไม่มีใครด่าแกว่าเป็นพวกโกหกปลิ้นปล้อนปลอกลอกหรอกนะ!" เทสลาบ่นอุบอิบแต่ก็ดังพอที่จะให้แฝดได้ยินพร้อมกับเอามือบังหน้าเอาไว้ไม่ให้พี่ชายเห็น "เทลี่ แล้วเธอรู้ได้ไง" โยฮันเนสตะปบหมับลงบนไหล่ของน้องแท้ๆของตน เทสลาสดุ่งตัวนิดๆก่อนจะยืดตัวตรงทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวแล้วหันตัวไปหาพี่ชายของตนพร้อมกับรอยยิ้มที่ยากจะเดาว่าเพราะอะไร
"ก็...พี่สตาร์...เธออยากรู้จักกับพี่มานานแล้วละ แล้วที่หนูรู้ก็เพราะว่าหนูเห็นพี่สตาร์แอบมองพี่อยู่บ่อยๆ จะบอกว่าแอบชอบก็ทำนองนั้น แล้วหนูก็รู้ด้วยว่าพี่อะชอบไปนั่งเล่นที่ด่านฟ้า โซเรกับฟอชมาถามหนูว่าพี่หายไปไหนเลยตอบไปว่ากำลังสวีทอินเลิฟอยู่ที่ด่านฟ้าโรงเรียน" เทสลาตอบไปตรงๆด้วยน้ำเสียงแบบเด็กสาวไร้เดียงสาพร้อมกับทำหน้าอ่อนใส่ โยฮันเนสเครื่องค้าง เขาได้แต่มองน้องสาวตัวเองอยู่อย่างนั้น ก่อนสมองจะเริ่มประมวลผลและสั่งให้เขาอาละวาด
"เทลี่....พี่อยากกลับบ้าน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
หลังจากที่จัดการให้พี่คนโตสงบจิตสงบใจได้แล้ว ในที่สุดเครื่องบินก็ล่อนลงจอดที่สนามบิน ทั้งหกคนลงจากเครื่องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและไปเอากระเป๋าภายใต้การดูแลของพี่เลี่ยงที่คุณนายเคร์เซอร์จ้างมาให้ดูแลทุกคนจนถึงที่สนามบิน แต่ออรเบโรก็รู้สึกเหมือนกับว่าไอ้คนที่แม่ของเขา
อุสาห์จ้างมาจะทำงานส่งๆ เพราะตั่งแต่ขึ้นเครื่องยันลงเครื่องเธอก็ทำตัวเป็นคนนอกไม่ได้สนใจพวกเขาจนทั้งหกแทบจะลืมไปแล้วว่ามีคนมาด้วย "พี่โยฮัน บ้านที่เราจะย้ายไปมันอยู่ไหนหรอคะ" เซต้ากระตุกแขนเสื้อพี่ชายคนโต โยฮันเนสได้ยินอย่างนั้นก็หยุดคิดพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น "ถ้าจำไม่ผิด เราต้องนั่งรถไฟไปอีกต่อ มันเป็นเมื่องท่าแต่คฤหาสนั้นอยู่บนที่ราบบนภูเขา...แล้วทางแถวนั้นก็...ช่างมันเถอะ" เด็กหนุ่มตัดบทก่อนจะส่งยิ้มและลูบหัวน้องสาวตัเอง เทสลาในฐานะพี่คนรองก็เดินมาประชิตพี่คนโตและกระซิบข้างๆหูพี่ของตนด้วยน้ำเสียงหลอกหลอน "ลืมคิดไปอะดิว่าทางแถวนั้นมันโจรเยอะเหมือนปรสิธบนสิ่งมีชีวิต" เด็กสาวยักคิ้ว ก่อนจะเดินหนีไปเดินอยู่กับคู่แฝด โยฮันเนสขมวดคิ้วใส่แต่น้องสาวของเขาก็ไม่ได้สนใจกับท่าทีของพี่ชายเลยแม้แต่น้อย
ฟ้ามืดแล้ว รถไฟแบบเก่าแล้นไปตามรางสนิมเขรอะในยามค่ำคืน ในที่สุดมันก็จอดที่ชาญชลา ทั้งหกเดินลงจากรถไฟโดยที่โยฮันเนสต้องอุ้มเซต้าที่หลับไปกลางทางลงมาด้วย ทุกคนอยู่ที่ชาญชลาเล็กๆที่ตีนภูเขารอให้พ่อบ้านของคฤหาสขับรถมารับ หลังจากรอไม่นานรถก็มาถึง ก่อนกระจกรถ
จะเลื่อนลง เผยให้เห็นเด็กหนุ่มผิวเข้มวัยเดียวกันกับโยฮันเนส "คุณอาให้ผมเป็นคนขับรถมารับพวกคุณครับขึ้นมาได้เลยเดี๋ยวผมจะเก็บกระเป๋าให้เอง" เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะลงจากรถมาเปิดประตูให้และเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถ เวลาผ่านไปสองชั่วโมงหลังจากออกมาจากที่ชาญชลาแล้ว เทสลาแอบกระซิบบ่นกับพี่ชายตัวเองว่า ถ้าไปถึงแล้วต้องพายเรือไปอีกต่อจะเปิดโรงแรมใกล้ๆแถวนี้นอนเอาแทนเพราะตอนนี้ทุกคนเดินทางมาจะครบทุกรูปแบบการขนส่งแล้ว คฤหาสน์ขนาดใหญ่ตั่งเด่นอยู่กลางที่โล่งในหุบเขา รั้วที่ล้อมเอาไว้สูงถึงสามเมตร ประตับด้วยเสาหัวสัตว์ตางๆ เมื่อเข้ามาก็จะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งตรงกลางมีรูปปั้นของนักรบหญิงคนหนึ่งซึ่งหัวของเธอนั้นหักเหลือเพียงแต่ผ้าคลุมที่ยาวสยายปลิวพริ้วและอาวุธในมือกำลังควบตัวอะไรสักอย่างกระโจนไปข้างหน้า เธอคงเป็นผู้ที่กล้าอยู่ไม่น้อยเพราะด้วยท่าทางนั้นก็สื่อออกมาได้อย่างไม่อาจเถียงอะไรอีก โดยเฉพาะถ้าเธอมีหัว ที่ตัวคฤหาสถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นมากมาย ออกแนวเอาอะไรที่รู้จักมายำๆรวมกันอย่างไม่มีเหตุผล โดยหลักๆจะเป็นแบบปราทาสในนิทานของยุโรป แต่ที่เสาหน้าบ้านกลับมีอษรพิษสองตัวเลื้อยพันเสาและหัวหัวแผ่แม่เบี้ยโชวเขี้ยวคมๆใส่ผู้มาเยือนและยืนยันความเก่าที่งูที่อยู่ที่เสาต้นซ้าย เขี้ยวซ้ายของมันหักและหัวก็เหว่งไปตั่งครึ่ง "อย่าให้รู้นะว่าสถาปนิกที่ออกแบบเรียนจบที่ไหน จะฟ้องให้เจ๊งเลยคอยดู" ฟอชพูดขึ้นแบบติดตลกแต่เด็กหนุ่มคนที่มารับพวกเขากลับหูดีและพูดขึ้นโดยไม่ต้องให้มีใครต้องถาม "คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีประวัติ มันถูกสร้างขึ้นมาถื้อๆไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนสร้าง และสร้างขึ้นเมื่อไหร่ พอดีที่ดินผืนนี้เคยมีเศรษฐีเงินหนักมาซื่อและตอนที่มาสำรวจก็เจอคฤหาสน์นี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงขายมัน จนกระทั่งพ่อของพวกคุณมาซื้อนี่แหละ" ทั้งหกหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเอาของลงจากรถให้พวกเขา นึกสงสัยว่าทำไมถึงยอมมาทำงานในที่แบบนี้ "นายรู้รึเปล่าว่านั้นเป็นรูปปั้นของใคร" เทสลาเปิดฉากถามทันที "ผมไมรู้ รู้แต่หัวของเธอจบอยู่ที่ฐานรูปปั้นของเธอ"
"นายเคยไปงมมันหรอ"
"เปล่า ตอนกลางวันถ้าคุณหนูมองไปที่ฐานรูปปั้นจะเห็นเอง เสียดายที่หัวรูปปั้นนั้นคว่ำหน้าอยู่ และสระนั้นลึกห้าเมตรแต่น้ำยังใส มีปลาหน้าตาประหลาดอยู่ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไรและไม่อยากรู้ รู้แค่ว่ามันมีพิษเพราะผมเคยเห็นเป็ดลงไปว่ายน้ำแล้วอยู่ๆตัวมันก็กระตุกก่อนจะโดนปลานั้นงาบไปทั้งตัว" ทุกคนเงียบให้กับคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้า เธอถามไปแต่อย่างเดียวแต่เขาก็ตอบคำถามมาเสียยาวเยียด และดูเหมือนเทสลาจะช๊อกปนเขินนิดๆ ที่อยู่ๆมีเด็กหนุ่มผิวเข้มหน้าตาดีมาเรียกเธอว่าคุณหนูโดยไม่ทันให้ตั่งตัวแบบนี้ ทั้งหกคนไม่อยากจะอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์นี้นานให้งูสองตัวมาขู่เล่น โยฮันเนสเอื้อมมือไปจะเคาะประตู รูปแกะสลักแพะภูเขาเขายาวโค้งจนบิดคาบโลหะที่ใช้สำหรับเคาะประตูเอาไว้นั้นราวกับจ้องมองจนแทบจะทะลุออกมาขวิดโยฮันเนสอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะประตู ประตูก็ค่อยเปิดออกพร้อมกับร่างของชายชราที่เป็นคนเปิดประตู "อ่าว คุณหนูมากันเองเลยหรอครับผมกะว่ากำลังจะไปรับอยู่พอดีเลยครับ" ชายชราพูดขึ้นด้วยท่าทีแปลกใจจนทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกแปลกๆ "เออ...คุณพ่อบ้านใช่ไหมครับ ก็หลานคุณ...ฮ..เฮ้ย..หายไปไหนวะ..." โยฮันเนสคิ้วกระตุก เมื่อเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างเขาไปไม่ไกลนักอยู่ๆกลับแว๊บหายไปเฉยๆ "ถึงว่า ทำไมหน้าตาเข้ากับบ้านนี้ดีจัง" โซเรพูดและเดินเข้าไปเบียดน้องแฝดของตน ออรเบโรที่เงียบมานานก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้ๆกับพี่ๆน้องๆ "โถ่คุณหนู ผมก็แค่หยอกเล่นเห็นเดินทางกันมาซะนานก็ให้ผ่อนคลายกันบ้างครับ
เจ้าเด็กนั้นหลานของผมเองแหละครับ มันก็แบบนี้แหละนิ่งๆเงียบๆสงสัยคงจะเอากระเป๋าไปเก็บ เข้ามาก่อนสิครับเดี๋ยวผมจะพาไปดูห้องนอนของคุณหนูแล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยใหแรมป์พาดูรอบๆก็ได้ครับ"
"แรมป์?" ทั้งห้าคนประสานเสียง
"หลานผมยังไม่แนะนำตัวหรอครับ"
"เขาพูดทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองแหละครับ"
โยฮันเนสยิ้มกวนพลางเดินตามชายชราผู้เป็นพ่อบ้านไป ภายในบ้านนั้นดูแปลกเหมือนนอกบ้านแต่ก็แตกต่าง กระเบื้อหินออกสีขาวออกเหลืองนวลสะท้อนกับแสงของเชิงเทียนขับให้ทั่วคฤหาสน์ดูสว่างถึงจะไม่มากแต่ก็ไม่ได้มืดจนน่ากลัว ไปรู้ว่าคิดไปเองหรือมันเป็นจริงๆ ที่ลายขอนอ่อนนั้นมันดูเป็นรูปร่างและเรื่องราวมากมายไม่รู้จบ ดูเหมือนทั้งบ้านจะทำจากหินไปเสียหมด ทุกคนเดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นสอง มีแค่ราวบันไดเท่านั้นที่ทำจากไม้ เมื่อเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ชั้นนี้ที่พื้นแทนที่จะเป็นหินอ่อนกลับเป็นผลึกแก้วใสจนมองเห็นทะลุไปชั้นล่าง ที่ลายของพื้นก็ตกแต่งให้มีปลาตัวเล็กตัวน้อยรวมถึงสิ่งมีชีวิตที่ระบุไปได้ว่าเป็นตัวอะไรแหวกว่ายกันอยู่ ทั้งนางเงือก ครึ่งคนครึ่งงู มังกรน้ำ และพวกพรายน้ำ "ทำไมนางเงือกตัวเล็กจัง น่าจะฟุตเดียวเอง" ฟอชพูดขึ้นพลางมองพวกหินสีที่เรียงเป็นรูปสิ่งมีชีวิตต่างๆในพื้นแก้ว "เพราะว่านั้นเป็นเงือกน้ำจืด พื้นที่ชั้นล่างนั้นเป็นทะเลสาปเพียงแต่ไม่ได้ทำพื้นแก้ว ถ้าอยากเห็นทะเลคุณหนูต้องไปที่ห้องโถงหน้าห้องสมุด" ชายชราหัวเราะเบาๆและพาเดินต่อไปเรื่อยๆ ส่วนเทสลาก็บ่นอุบว่าจะไม่ใส่กระโปรงมาเดินที่ระเบียงนี้เด็ดขาด เมื่อสุดทางเดินพ่อบ้านชราก็เปิดประตูออก มันซ่อนอยู่ในผนั่งแต่ก็พอดูออกได้ว่าเป็นประตูก็ตรงที่มีลูกบิดยื่นออกมา "คุณหนูโยฮันเนส พาคุณหนูเซต้าเข้าไปนอนก่อนเถอะครับผมเห็นแบกเธอมานานคงจะหนัก เธอคงจะนอนคนเดียวได้ใช่ไหมครับเพราะผมจัดให้คนละห้อง" พ่อบ้านหันมาบอกโยฮันเนส เด็กหนุ่มเลิกคิ้วก่อนจะอุ้มเซต้าเดินเข้าไปในห้อง ห้องนอนห้องนี้สวยอยู่ไม่น้อย ที่ผนังนั้นถูกวาดเป็นภาพลวงตาเอาไว้ให้เห็นเป็นหุบเขาที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา นกและสัตว์หน้าตาประหาดบินกันว่อนและทำรังหรือเกาะพักกันตามกิ่งไม้และยอดเขา เตียงนอนเป็นเตียงหินอ่อนสีขาว ทำเป็นรูปนกขนาดใหญ่สยายปีกมาโอบคลุมเอาไว้และที่ปลายเตียงก็มีไซเรนสองตัวยืนถือตะเกียงและกางปีกข้างหนึ่งออกมาชนกัน โยฮันเนสวางน้องสาวตัวเองลงบนเตียงสีขาวนุ่มๆราวรังนกนั้นและคลี่ม่านที่ติดอยู่ระหว่างปีกนกและตัวไซเรนออกมาปิด เด็กหนุ่มถือโอกาศแอบสำรวจห้อง ที่เพดานก็ตกแต่งได้งนงานไม่แพ้กัน มันไม่ใช่แค่วาดรูปท้องฟ้าแล้วเอาพระอาทิตย์กับพระจันทร์มาประดับ แต่เป็นดวงดาวห้อยลงมาและโคมระย้าที่ห้อยลงมาราวกับแสงเหนือ เขาเอาปรากฎการบนท้องฟ้าทั้งหมดมายำรวมกันก็ว่าได้ เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องและเห็นชายชรากำลังเปิดประตูให้กับคู่แฝดพอดี และเมื่อเปิดประตูคู่แฝดก็ถึงกับอ้าปากค้างและวิ่งเข้าไปทันที "ห้องที่นี้สวยนะครับ" เด็กหนุ่มพูดพลางมองพ่อบ้านที่หันมาหาเขาและยิ้มให้ "ห้องของคุณหนูออรเบโร กับคุณหนูเทสลาและคุณหนูโยฮันเนสอยู่ชั้นล่างครับ" ทั้งสามพยักหน้า ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านไปอีกรอบ แต่ในขณะที่กำลังเดินลงไปพวกเขาก็เจอกับเด็กหนุ่มที่ชื่อแรมป์เข้าพอดี เด็กหนุ่มกำลังคอยดับตะเกียงภายในคฤหาสน์อยู่และเมื่อเห็นสามพี่น้องกำลังเดินลงมาพร้อมกับอาของตนก็เหลือบมองนิดๆและหันไปดับตะเกียงต่อ "คฤหาสน์นี้ไม่มีไฟฟ้าหรอครับหรือแค่โดนตัดไฟเฉยๆ" โยฮันเนสถามขึ้น เมื่อพ่อบ้านได้ยินคำถามก็หัวเราะออกมานิดๆก่อนจะตอบ "กลางเขาอย่างนี้ไม่มีไฟฟ้าหรอกครับ แต่ที่นี้มีเครื่องปั่นไฟอยู่ มันไม่ได้ใช่ตั่งแต่ตอนที่เศรษฐีคนเก่ามาอยู่ แต่คฤหาสนี้ออกแบบมาดี แค่ตะเกียงก็สว่างไปทั่วแล้ว ส่วนเรื่องอากาศก็ไม่ต้องกลัวครับ ราวกับมีลมและความอบอุ่นอยู่ในนี้...และอีกอย่าง...บางครั้งตะเกียงในบ้านี้...
ก็จุดขึ้นเอง" ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับเป็นเรื่องปกติ แต่ด้วยเสียงของเขาที่ออกทุ้มต่ำอยู่ในลำคอกลับทำให้ดูน่ากลัว "นี้ครับห้องของคุณหนูออรเบโรถัดไปก็คุณหนูเทสลาและคุณหนูโยฮันเนสตามลำดับครับ แล้วก็นี้ครับกุญแจ ฝากให้คุณหนูแฝดและคุณหนูเซต้าด้วยครับ" พ่อบ้านพูดพลางเอากุญแจห้าดอกส่งให้โยฮันเนส เด็กหนุ่มพยักหน้าและโยนกุญแจส่งให้น้องสาวและน้องชายของตนก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วเดินไปที่ห้องของตน เมื่อเปิดประตูเข้ามาเด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงรังสีความแปลกที่ปะทะเข้าหน้าเขาจังๆ ไม่รู้ว่าโดนแกล้งรึเปล่า แต่ห้องของเด็กหนุ่มนั้นมีรูปปั้นตัวประหลาดวางเต็มไปหมด ไหนจะที่มุมห้องที่ทำเป็นราวกับน้ำแข็งที่เกาะอยู่และย้อยลงมาโดยมีตัวอะไรสักอย่าง น่าจะเป็นหมาป่าขนาดใหญ่ที่อยู่ในท่ากำลังหมอบอวดลำตัวด้านข้างที่ผอมเพรียวและหันมาขู่คำรามเขา และอีกมุมก็มีเชิงเทียนวางจนเต็มมุ่มโดยมีมังกรตัวหนึ่งนอนเฝ้าอยู่ อีกมุมที่ข้างๆเขาตู้หนังสือที่ทำเป็นเชิงหน้าผาและมีนกตัวหนึ่งเกาะอยู่พร้อมกับหันหัวมามองด้วยดวงตาคมกริบ ไหนจะอีกมุมที่เป็นภาพวาดเหมือนป่าลึกและมีธารน้ำไหลออกมาล้อมเตียงเอาไว้ และดูเหมือนไอ้ความประหลาดทั้งสี่มุ่มจะเชื้อมโยงมารวมอยู่ที่กลางห้อง ซึ่งเพดานห้องนี้ก็วาดเป็นท้องฟ้า เพียงแต่ไม่ใช่สีฟ้า มันเป็นสีเขียวอ่อนไล่ไปยังสีเขียวเข้มมรกต ด้วงอาทิตย์สีฟ้าและดวงจันทร์อีกสามดวง "คืนนี้จะนอนหลับไหมนี้" โยฮันเนสบ่น แต่วันนี้อย่างไรเสียเขาก็เหนื่อยมาทั้งวัน เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มๆที่ประดับเป็นเหมือนแท่งดินหลายๆแท่งและมีหญ้าปกคลุมอยู่ด้านบนแซมดอกไม้สีขาว ยังดีที่ไม่ใช่เตียงสี่เสา เด็กหนุ่มนึกในใจก่อนจะหลับตาลง เขาอยากนอนฝันถึงดวงดาวที่โรงเรียนมาทั้งวันแล้ว...
เสียงถีบประตูดังโครมปลุกให้เด็กหนุ่มสดุ่งตื่นก่อนเสียงโวยวายเรียกชื่อเขาจะดังขึ้น โยฮันเนสส่งเสียงอู่อี้ไม่ยอมตื่นแต่แล้วใครบางคนก็กระโดดทับเขาดังแอ๊กเกือบกระอักเลือด "โวย....อะไรของพวกแก ฉันขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้ไง๊!!!!" โยฮันเนสสะลึมสะลือโวยวายด้วยน้ำเสียงสุดแสนน่ากลัว "พี่โยฮัน...สิบเอ็ดโมงแล้วนะ!!!!!!!!" ฟอชตะโกนอัดหูพี่ชายตัวเองจนทุกคนถึงกับปวดหูแทน "ฟอช โซ เดี๋ยวพาพี่โยฮันไปโรงพยาบาลด้วยนะตะโกนขนาดนั้น" ออรเบโรดุขำๆ "แบบนี้ประตูจะพังไหมเนีย โซนี้แรงไม่ตกเลยนะ" เทสลาที่เดินมามองมองประตูและมองพี่ชายตัวเองที่โดนน้องชายฝาแฝดนั่งทับอยู่ "ไอ้แฝด'นรก'ไม่ยอมโต" โยฮันเนสถีบน้องชายของตัวเองลงจากเตียง แล้วลุกขึ้นตามไปไล่ถีบต่อทันที
หลับจากไล่ถีบคู่แฝดแล้วไปสงบจิตสงบใจกันแล้ว ทุกคนก็พร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหาร ฝีมือของพ่อบ้านถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดรูปปั้นแบบครึ่งตัวที่วางเต็มห้องรัปทานอาหารทั้งหกคนคงจะกลืนข้าวได้ลงคอมากกว่านี้ "จริงสิ แรมป์ นายพาเราเดินเล่นรอบๆคฤหาสน์นี้หน่อยสิ พาไปตรงที่ๆมันน่าสนใจหน่อยนะ" เทสลาพูดขึ้น ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม " ที่ห้องนอนประหลาดไม่พอเหรอพี่เทลี่ ที่ห้องผมนะมีเชิงเทียบานเลย แถมยังรูปปั้นมังกรอีก แล้วก็รูปแกะสลักที่แกะเป็นรูปไฟหัวกะโหลกตัวอะไรก็ไม่รู้โคตรร็อคเลย" ฟอชพูดขึ้นบ้าง "ห้องของฉันก็แปลกนะ อย่างกะป่า แต่ก็สบายตาดีนะ" ออรเบโรเข้าผสมวงพลางท้าวคางแล้วเอาซ้อมเขี่ยๆแครอทในจาน "ประหลาดกันทุกคนเลยงั้นเดี๋ยวก็ไล่สำรวจมันทีละห้องเลยสิ แค่ฉันมองที่ระเบียงคิดว่าไม่ต่ำกว่าร้อย" โยฮันเนสหัวเราะหึหึ
"บางห้องก็เปิดไม่ได้หรอกครับ บางห้องเปิดไปก็เจอแต่กำแพง ห้องที่เปิดใช้ได้จริงๆมีประมาณสิบห้อง ส่วนใหญ่เราจะอยู่กันตรงห้องโถงใหญ่ทางที่เข้ามา ระเบียงห้องนอน ที่คุณหนูพักกันอยู่ ห้องสมุทร แล้วก็สวนด้านหลังคฤหาสน์ที่ใช้สวนเดียวครับเพราะส่วนที่เหลือมันใช้งานอะไรไม่ได้ มีสวนแก้ว สวนหิน สวนทราย สวนไม้ สวนวงกต สวนรูปปั้น สวนอัญมณี และสวนหลักที่เหมือนจะเอาทุกอย่างมารวมกันและเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดครับ" แรมป์พูดขึ้นพลางเดินเก็บจานให้ ก่อนจะเอามันมาวางซ้อนกันและยกขึ้นจะเอาไปเก็บ "เดี๋ยวผมจะพาเดินรอบๆเองครับ" เด็กหนุ่มพูดก่อนจะเดินหายเอาจานไปเก็บและโผล่มาอีกครั้งและเมื่อมาถึง เซต้าที่ขี้สงสัยปนกับชืาอสวนที่เด็กหนุ่มพึ่งจะบอกไปน่าสนใจทีเดียว "พี่คะ...สวนอัญมณีทำจากอัญมณีจริงๆหรอคะ" เด็กสาวถาม "จริงครับ แต่ส่วนใหญ้จะเป็นหินสีหินภูเขาไปและอำพันมากกว่าครับ" แรมป์ตอบ "ดูเหมือนนายจะรู้เรื่องบ้านหลังนี้ไม่น้อยเลยนะนายอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว" เทสลาถามขึ้นบ้าง "ตั่งแต่...ผม..จำความไม่ได้" เด็กหนุ่มเงียบไปพักหนึ่งราวกับกำลังนึกอะไรอยู่ ทั้งหกคนได้แต่มองเขางงๆและเริ่มสงสัยแล้ว ว่าในชีวินี้ เขาเคยยิ้มรึเปล่า "ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี้ละ" โซเรถามต่อพลางหยิบผลไม้ที่วางอยู่บนตู้ไม้ใกล้ๆโยนให้น้องแฝดของตน "...เดี๋ยวถ้าจะได้รู้ก็รู้เองแหละครับ ผมว่าเราไปสำรวจคฤหาสน์นี้ดีกว่า" แรมป์ตัดบท ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่โยฮันเนสพูดจริงๆ เขาให้คำตอบได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องของตัวเอง
ที่สวนด้านหลังคฤหาสน์ สวนแรกที่เห็นคือ สวนอัญมณี และ สวนสวนหิน สวนทุกๆสวนถูกตกแต่งเป็นบ้านเมืองเล็กๆ มีรายละเอียดทุกอย่างครบและแตกต่างกันออกไป เมื่องจำลองเหล่านั้นไม่ได้สร้างเล็กจนเกินไป บางส่วนก็ใหญ่จนเท่าตัวคน บางส่วนก็เล็กจนต้องสร้างแท่นขึ้นมา เป็นเมืองจำลองที่อยู่บนเสาหินแกะสลักเป็นลวดลายน่าตื่นตา เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกก็เจอสวนรูปปั้นที่มีแต่รูปปั้นล้วนๆ ที่ฐานรูปปั้นมีการลักตัวอักษรอยู่ด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นภาษาอะไร "แรมป์นายรู้รึเปล่าว่านี้มันภาษาอะไร" เทสลาที่กำลังสำรวจรูปปั้นของเซนทอร์ตรงหน้าที่มีเขาแพะรูปร่างกล้ามเนื้อแน่นไร้ไขมัน อีกทั้งยังดูหนุ่ม "ผมก็ไม่รู้ครับ อันที่จริงหนังสือในห้องสมุดก็เป็นแบบนี้เหมือนกันครับ" แรมป์ตอบพลางมองเด็กสาวที่กำลังตื่นตากับรูปปั้นแกะสลัก "แต่ละคนดูเป็นนักรบกันหมดเลยนะคะ คนนี้สวยเหมือนเจ้าหญิงเลย!" เซต้าร้องขึ้นและชี้ให้ทุกคนดูรูปปั้นแกะสลักของสาวร่างบาง ใบหน้าของเธอกลมมนได้รูป ทั้งตาจมูกปาก ผมหยักศกถูกรวบมัดเอาไว้หลวมๆและบาดบ่าเอาไว้ โยฮันเนสเห็นรูปปั้นนั้นก็ถึงกับคิ้วกระตุกก่อนคู่แฝดที่ปากไวจะพูดขึ้น "เหมือนพี่สตาร์เลย!"
"จริงด้วย นายสองคนนี้ตาไวแฮะ ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือว่าอะไร" เทสลาเดินมาดูรูปปั้นแกะสลักนั้นบางก่อนจะลูบคางและดูอย่างพินิจพิเคราะห์ "พี่ว่ารูปปั้นนี้สวยกว่านะ อีกอย่างพี่สตาร์ไม่ได้มีหูแหลมแบบเอลฟ์นี้ จะว่าไปรัดเกล้านี้สวยดีนะ"
"มีคนที่หน้าตาเหมือนองค์ เอ๊ย! เธอคนนี้ด้วยหรอครับ" แรมป์ที่ยืนฟังมาพักหนึ่งพูดขึ้นบ้าง เป็นครั้งแรกที่เขาถามคำถามคนอื่นทำให้ทั้งหกคนอกตกใจไม่ได้ "มองแบบนั้นหมายความว่าไงครับ" แรมป์ขมวดคิ้วแล้วมองโต้ด้วยสายตาที่ทุกคนก็ต้องหลบก่อนโซเรผู้กล้าจะตอบทำถามของเด็กหนุ่ม
"มีคนหน้าตาแบบนี้จริงๆืครับ เขาเป็น...รักแรกพบของพี่โยฮัน โอ๊ยพี่โยฮันมันเจ็บนะจะเอาหินมาปาผมทำไม เธอชื่อสตาร์เราเห็นเธอที่โรงเรียนเก่าที่ย้าย มา" โซเรเน้นคำสุดท้ายพร้อมกับหยิบก้อนหินแถวๆนั้นปาโต้กับพี่ชายของตนอย่างไม่ยอมแพ้ แต่แล้วอยู่ๆเสียงโครมก็ดังขึ้น อยู่ๆรูปปั้นตัวหนึ่งก็ล้มพังโครมลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งหกคนหันขวับไปมองเศษหินที่กองอยู่กับพื้น ออรเบโรที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดถึงกับผงะถอยออกมาสองสามก้าว "พี่โร เดี๋ยวนี้หัดซนหรอ" ฟอชแซวและหัวเราะคิกคักออกมาแต่ก็ต้องเงียบไปเพราะถูกเด็กหนุ่มมองดุเข้า "น่าเสียดายนะ รูปปั้นพวกนี้ก็สวยและสมจริงทุกตัวด้วยทำไมอยู่ๆถึงพังครืนลงมาได้ หรือโรทำจริงๆห่ะ?" เทสลาผสมโรงและไปยืนกอดคออยู่กับคู่แฝดเพื่อให้เห็นการแบ่งข้างกันอย่างชัดเจน "
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น