คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เด็กหนุ่มยิปซี.
“เรย์ เรย์เว้ยย ไอ้บ้านี่ รอก่อน” เขาได้ยินเสียงตะโกนที่ตามหลังมาชัดเจน แต่อาศัยช่วงขาที่ยาวกว่าก้าวเร็วหนีออกมา ความจริงแล้วเขาไม่ได้โกรธอะไรมันขนาดนั้นเรื่องพักงาน ไม่เข้าใจมากกว่าว่าทำไมมันต้องปิดบัง ต้องโกหกเรื่องขโมย
‘ไว้ค่อยคุยกันตอนมันยอมเล่าเรื่องจริง’ คิดแล้วก็ตวัดร่างขึ้นหลังม้าออกไป ไม่สนใจเสียงตะโกนที่ดังไล่หลังมาอีก
ทางด้านอัศวินหนุ่ม หลังจากโดนเพื่อนเมินใส่ เขาเดินหัวเสียออกมาจากพระราชวัง หักกิ่งไม้ตวัดไล่ระไปตามทางเดินอย่างพาลๆ แพททริคเดินออกมาจนเข้าเขตหมู่บ้าน สองอาทิตย์ที่ถูกพักงาน .. เขาควรหาอะไรทำ หรือทำตัวให้เป็นประโยชน์ ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ
“ 8-1-8.. 8-2-16.. 8-3-24 ...” เสียงสูตรคูณแม่แปดที่ดังแว่วมาทำให้แพททริคเดินไปตามเสียงนั้น จนมาถึงเพิงเล็กๆที่ดูเหมือนจะดัดแปลงมาจากคอกม้า ภายในมีโต๊ะยาวและก้าอี้ที่ดูเก่าจนไม่น่าจะนำมาใช้งานแล้ว แต่ก็ยังมีเด็กๆกลุ่มใหญ่ประมาณสิบคนกำลังตั้งใจท่องสูตรคูณ เมื่อเขากวาดสายตาไปยังไม้ฝาด้านหน้าที่ดูจะใช้เป็นกระดาน นั่นมัน.. เจ้าโจรแอปเปิ้ลที่ขโมยอินธนูเขา!!
ฟรานซิสละสายตาจากกระดานไม้ที่กำลังชี้ให้เด็กๆท่องตามเพราะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องเอา จ้องเอาจากแพททริค ฟรานซิสจ้องตอบแบบไม่หลบ ซ้ำยังโบกมือให้ ทำให้เด็กๆทั้งห้องหันไปมองตาม
“เพื่อนพี่หรอครับ?” เพื่อน .. มั้ง ฟรานซิสยิ้มให้เด็กน้อยแทนคำตอบ เสียงคุยอย่างสนใจเริ่มดังขึ้นมาแทนการท่องสูตรคูณ เขากวักมือให้แพททริคเข้ามา แต่อีกฝ่ายกลับสั่นหัวและยืนอยู่ข้างนอก จะดักจับโจร เดี๋ยวเด็กตกใจกันพอดีสิ..
“อ้าว..ทำไมเพื่อนพี่ไม่เข้ามา”
“เด็กๆก็ลองไปเรียกดูสิ” หึหึ .. เจ้าอัศวินหน้าอ่อนนี่ยังไงก็ใจอ่อนกับเด็กแน่อยู่แล้ว
“พี่ครับบ~ เข้ามาข้างในก่อนนะครับ นั่งก่อนๆ” แพททริคปฏิเสธเด็กชายตัวเล็กๆที่เข้ามาดันหลังเขาเข้าไปข้างในไม่ได้ จึงนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขายังระแวงว่ามันจะหักรึเปล่า ตอนนี้เหมือนเขากลายเป็นศูนย์กลางความสนใจ.. ไม่สิ ตัวประหลาดดีๆนี่เอง
“พี่เป็นเพื่อนคุณครูหรอคะ?/พี่จะมาเป็นครูมั้ยครับ?..พี่ชายสวยจังเลย..” คำถามดังขึ้นจากเด็กๆคนละหลายคำจนเขาไม่รู้จะหันไปตอบทางไหนก่อน หันไปมองเจ้าตัวต้นเหตุก็เห็นเอาแต่ทำหน้าเฉยยืนพิงเสา นี่ตั้งใจจะแกล้งกันสินะ..
“วันนี้กลับบ้านได้แล้วทุกคน อย่าลืมท่องสูตรคูณมาด้วยเป็นการบ้านนะ” คนทำหน้าเฉยพิงเสาพูด ทำให้เด็กๆที่กำลังรุมล้อมเขาอยู่กระจายตัวกันออกไปเก็บของ ซึ่งมีเพียงสมุดกับดินสอไม่กี่แท่งใส่กระเป๋า ทุกคนต่อแถวกันเดินเข้ามาบอกลาคุณครู หรือเจ้าโจรอินธนู .. แล้วเจ้านั้นยิ้มตอบ บอกลา บางครั้งก็ยีหัวเด็กๆ ทุกคนดูมีความสุข ทำไมคนเป็นโจรถึงยิ้มได้อบอุ่นขนาดนั้นกันนะ .. แพททริคมองจนกระทั่งนักเรียนตัวน้อยคนสุดท้ายเดินออกไปจากห้อง
“นี่เจ้าเป็นครูหรอ?”
“เป็นโจรขโมยเด็กมั้ง!” ฟรานซิสตอบแบบกวนเข้าให้ แล้วขำพรืดเพราะดวงตาสีอำพันกลมโตเบิกกว้างขึ้น ทำหน้ายังกับเชื่อจริงๆว่าเขาขโมยเด็ก ฝ่ายอัศวินหนุ่มเมื่อโดนหัวเราะก็รู้ว่าตนถูกหลอก
“แล้วเรื่องที่ขโมยอินธนูล่ะ ยังไงก็เป็นโจร”
“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าขโมย เจ้าอาจจะทำหลุดหายไว้ที่ไหนก็ได้” ฟรานซิสโกหกหน้าตาย จนแพททริคเริ่มลังเลเช่นกัน หลักฐานก็ไม่มีจริงๆด้วยสิ .. ฝ่ายคนเจ้าเล่ห์กว่ากลั้นยิ้มไว้ในหน้า
“แล้วอีกอย่าง.. ถ้าจับข้าไป แล้วเด็กๆจะเรียนกับใครล่ะ” แพททริคเหล่มองคนที่กล้าเอาเด็กมาอ้าง
“ครูดีๆกว่านี้ไม่มีแล้วรึไง ต้องให้คนแบบเจ้ามาสอนน่ะ แม้แต่แอปเปิ้ลก็ยังขโมย”
“หึ.. ครูๆดีน่ะเคยมี ตรงนี้เคยเป็นโรงเรียน..” ฟรานซิสมองไปรอบๆ ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกกับสีหน้าจริงจัง แพททริคมองตาม คอกม้าเก่าๆเนี่ยนะโรงเรียน..
“เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้.. เกือบยี่สิบปีที่แล้วเคยมีโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากอยู่ที่นี่ ขนาดเจ้าชาย พวกเชื้อพระวงศ์ของอณาจักรข้างเคียงก็มาเรียนเลยล่ะ เจ้าก็บ้านนอกนะที่ไม่รู้จัก ฮ่าๆ” แพททริคอยากทุ่มเก้าอี้ใส่เจ้านักกวนโมโหนี่นัก คนกำลังตั้งใจฟังแท้ๆ ต้องวกกลับมาหลอกด่าเขาด้วย
“ข้าไม่ได้บ้านนอก เพียงแต่ข้าเกิดไม่ทัน เลยไม่ได้ยินชื่อเสียงของโรงเรียนดังในอดีต” หลอกด่าอ้อมๆว่าเขาแก่สินะ ฟรานซิสรู้ทันแต่ไม่อยากเถียง
“แต่พอองค์กษัตริย์รัชกาลปัจจุบันขึ้นครองราชย์ ทรงเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา ทุกครอบครัวต้องสั่งสอนลูกหลานให้ดำรงค์ไว้ซึ่งอาชีพของบรรพบุรุษ ฟังดูดีใช่มั้ย.. แต่ที่จริงแล้วมันคือการปิดโอกาสต่างหาก ถ้าเป็นลูกชาวนาก็ต้องทำนาไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นลูกคนรวยก็สบายไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไร..” แพททริคคิดตาม เริ่มเห็นจริงตามที่ฟรานซิสบอก เวลายี่สิบปีที่เขาไปอยู่ชายแดน มันทำให้เขาพลาดข่าวอะไรหลายอย่าง
“ทรงย้ายโรงเรียนไปยังอีกฝั่งของเมือง คนที่อยู่ตรงนี้ไกลทั้งน้ำ ทั้งด้อยฐานะกว่า จะส่งเด็กไปเรียนได้ยังไง” อณาจักรนี้ฝั่งหนึ่งติดทะเล อีกฝั่งหนึ่งติดแหล่งน้ำจืดมากกว่า โดยมีเขตพระราชฐานและแนวเทือกเขากั้นกลาง การเดินทางค่อนข้างลำบาก ทำให้การเพาะปลูกได้ผลไม่เท่ากัน ซ้ำที่ดินบริเวณที่เจริญมากกว่ายังเป็นของเหล่าขุนนาง เชื้อพระวงศ์ที่ร่ำรวย ศูนย์กลางความเจริญจึงดูจะย้ายไปอยู่ที่อีกด้านมากกว่า
“แต่กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงพยายามสร้างความเท่าเทียม..” แพททริคพยายามระลึกสิ่งที่ตนรู้ กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงสร้างโรงเรียนทั้งสองฝั่ง ให้อิสระทางการศึกษา ทรงมีพระปณิธานในการทำให้ทั้งอณาจักรก้าวไปด้วยกัน
“ใช่.. แล้วความพยายามนั้นก็ถูกทำลายทิ้งโดยพระอนุชาของพระองค์เอง” ฟรานซิสยิ้มเหยียดตอบ
“อย่ากล่าวถึงองค์กษัตริย์เช่นนั้น!”
“เหตุใดพูดไม่ได้? ในเมื่อทุกคนก็รู้ เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ! ทุกวันนี้บ้านเมืองเป็นอย่างไร!” ทั้งสองจ้องตากันนิ่ง.. นาน.. ลูกแก้วสีนิลเต็มไปด้วยความโกรธและเจ็บแค้น ลูกแก้วสีอำพันมีร่องรอยสงสัย ไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างไรก็จะปกป้องเอาไว้ด้วยความภักดีอย่างสูงสุด..
ใจกลางย่านชุมชนยามกลางวัน แสงแดดที่แผดเผาทำให้ใครหลายคนอยากเข้าไปเดินในร่ม หากแต่ร่างเล็กที่เคลื่นไหวไปตามเสียงดนตรีนั้นดึงดูดความสนใจและสายตาผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้เข้ามามุงดู เรย์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาได้ยินเสียงเพลงเป่า และชาวบ้านกำลังมุงดูอะไรซักอย่างจึงเข้ามาดู เขาเห็นเด็กหนุ่มร่างผอมเพรียว ในเครื่องแต่งกายชาวยิปซีมีกำไลเงินที่มือและเท้าส่งเสียงกระทบกันเป็นจังหวะยามเคลื่นไหว กำลังเป่าฟลุตและเต้นไปด้วยท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจของผู้ชม
เสียงฟลุตจังหวะสนุกสนาน ประกอบกับลีลาการแสดงพริ้วไหว ทำให้มีคนมามุงดูมากมาย แต่เรย์รู้สึกเหมือนเขากำลังมองเลยเข้าไป .. ผ่านกลุ่มผู้ชม ไปยังผู้แสดง ผิวสีเข้ม ใบหน้าหล่อคมสันตามแบบชาวยิปซี แต่ดวงตากลมโตเป็นประกาย ลำคอ .. เสื้อแขนกุดตัวสั้นเผยให้เห็นช่วงเอวเพรียวบางคล้องด้วยลูกปัดหลากสี เรย์กลืนน้ำลายลงคอแล้วสะบัดศีรษะ นี่เขาเป็นบ้าอะไร.. ดูการแสดงสิ ดูการแสดง!
หลังจากจบการแสดงคนส่วนใหญ่ทยอยกันกลับ บางคนให้รางวัลเป็นเหรียญเงินบ้าง ของกินบ้าง ตามแต่ที่จะพึงมี แต่เรย์ยังยืนอยู่กับที่ มองดูหนุ่มน้อยผิวสีแทนรับของรางวัลจากผู้ชม รอยยิ้มนั่นเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาอยากอยู่ตรงนี้ เรย์ยืนอยู่จนมองเห็นเจ้าเด็กนั่นแบ่งอาหารที่ตัวเองเพิ่งได้มาให้แมว นั่งลงลูบหัวมันเบาๆ และเหมือนจะมองเห็นเขาเข้าพอดี
“การแสดงของวันนี้จบแล้วนะฮะ” รอยยิ้มสดใสที่ส่งมาทำให้เขารู้สึกสมองสะดุดไปชั่วขณะ
“กะ..กำลังจะไปแล้ว” เรย์เดินออกมา ขออย่าให้ใครมาเห็นเลยว่าหัวหน้าทหารยามรักษาวังติดอ่าง.. แต่ยังไม่ทันจะออกมาไกลเท่าใด หูพลันได้ยินเสียง..
“บอกว่าไม่ไปไง ปล่อยนะ! ไม่ไป” เรย์หันกลับไปมอง เห็นผู้ชายตัวใหญ่กำลังยื้อยุดดึงแขนเจ้าเด็กยิปซี ใจหนึ่งไม่อยากเข้าไปยุ่ง แต่อีกใจดูเหมือนความเป็นห่วงที่ไม่รู้มาจากไหน ประกอบกับเลือดทหารที่ไม่ยอมให้ใครถูกรังแกต่อหน้าต่อตาจะมีมากกว่า แค่เขาวิ่งกลับไปเจ้านั่นก็ต้องหยุดมือ เพราะเขาตัวสูงกว่าซ้ำยังอยู่ในเครื่องแบบที่ดูไม่น่ามีเรื่องด้วยอย่างยิ่ง
“ไปหาเอาข้างหน้าดีมั้ยครับ” เรย์พูดอย่างสุภาพ แต่สายตาจริงจังและดึงเจ้าตัวต้นเรื่องมาไว้ข้างหลัง ท่าทางนั้นทำให้ชายแปลกหน้าต้องยอมถอยไปแม้จะไม่พอใจนัก
“ขอบคุณนะฮะพี่ชาย” ยะ..ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว เฮ้ย! แม้แต่ความคิดเขายังติดอ่างหรอเนี่ย?!
“เก็บของอยู่ดีๆ ก็เดินมาขว้าแขนถามว่าเท่าไหร่ บ้าชะมัดเลย บอกว่าไม่ไปๆก็ไม่ปล่อยแขน ถ้าพี่ชายไม่กลับมาช่วยนี่แย่แน่เลย” เสียงใสพูดแจ้วๆอยู่ข้างหู ขณะที่กัดของกินไป ปากก็พูดไม่หยุด
“อืม..” เรย์รับคำสั้นๆ มองคนตรงหน้าที่เขาพามาเลี้ยงข้าว จนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจะสนใจอะไรนักหนา ก็แค่เด็กยิปซีเร่ร่อน ..
“เจ็บมั้ย?” นายทหารพยายามถามสั้นๆ ยกมือข้างที่เห็นโดนกระชากขึ้นมาเห็นรอยแดงจางๆ ถ้าไม่ถูกพักงานอยู่ล่ะก็.. เจ้านั่นโดนดีแน่.
“อ๋อ.. ไม่เจ็บฮะ แค่นี้เอง ไกลหัวใจ ตอนเดินทางเคยเจ็บกว่านี้ตั้งเยอะ”
“อืม..”
“ว่าแต่เป็นคนที่ไหนล่ะเรา?”
“เป็นคนทุกที่แหละฮะ ที่ไหนก็เป็นคน” เด็กหนุ่มยิปซีตอบ ดวงตากลมพราวระยับ อยากแหย่พี่ชายปากหนัก ชวนคุยอะไรก็อืม.. อืม..
“งั้น.. ชื่ออะไร?” เรย์ถาม เขาลืมไปว่าพวกยิปซีไม่อยู่เป็นที่ สมองยังไม่หายสะดุดเผลอถามอะไรโง่ๆออกไปให้เด็กมันย้อนเอาจนได้
“ขอบคุณที่ช่วย ที่เลี้ยงข้าวด้วย ผมชื่อรามิล”
ความคิดเห็น