คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความฝันของอดีต.
5.
กองเพลิงสีแดงที่ลุกโชติช่วงอยู่เบื้องหน้า เสียงกรีดร้องร่ำไห้ กลิ่นไม้และเนื้อสดที่ไหม้ไฟ ทุกภาพ ทุกเสียงล้วนปรากฏชัดในดวงตาของเด็กน้อยวัยแปดปีอย่างชัดเจน ถึงไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไม แต่รับรู้ถึงอันตรายได้อย่างชัดเจน
“ท่านพ่อ ท่านแม่.. พวกท่านอยู่ไหน ข้ากลัว..” เสียงร้องไห้ของเด็กชายมิอาจดังเข้าไปถึงผู้ที่ต้องการให้รับฟังแม้แต่น้อย อาจเพราะเสียงรอบข้างที่ดัง หรือไม่มีผู้ฟังอยู่อีกแล้วกันแน่.. เมื่อไม่มีความช่วยเหลือ ไม่มีความหวังอื่นใด ได้แต่เห็นผู้คนทยอยล้มลงจนไร้เสียงกรีดร้อง เมื่อกลัวจนสุดใจก็กลับกลายเป็นกล้าหาญ เขาต้องหาท่านพ่อท่านแม่ให้พบแล้วพาพวกท่านออกไปจากที่นี่ให้ได้
บ้านหลังงามที่เคยได้อาศัย ล้วนมอดไหม้เหลือเพียงซากปรักหักพัง เหล่าผู้คนที่เคยได้พูดจา กลับมองไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทุกแห่งล้วนถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดราวกับเทศกาล แต่เป็นเทศกาลแห่งความตาย
ฝีเท้าเล็กๆออกวิ่งเท่าที่กำลังขาทั้งสองยังพอมี เพื่อไปดูให้รู้แน่กับตาว่าคนที่เขากำลังตามหานั้นอยู่ที่ใด ท่านพ่อต้องปลอดภัย ท่านแม่ต้องไม่เป็นอะไร.. เด็กชายไม่สนใจเท้าที่แตกพองของตนเอง ไม่สนใจกองไฟที่ยังดับไม่สนิท คิดเพียงว่าบุพการีทั้งสองต้องไม่เป็นไร
แต่เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภาพที่เห็นคือร่างของชายหญิงสองคนนอนจมกองเลือด หัวใจของเด็กน้อยแทบสลาย เขาจำอะไรต่อจากนั้นไม่ได้นอกจากเสียงกรีดร้องและน้ำตาของตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง ดุจเป็นความปราณีครั้งสุดท้ายที่มัจจุราชได้มอบให้ เด็กชายผู้น่าสงสารจะได้ไม่เจ็บปวดไปมากกว่านี้
เมื่อลืมตาขึ้นมา ความเจ็บปวดทำให้เด็กชายอยากจะร้องไห้ออกมา หากหวนคิดถึงความเจ็บปวดทางจิตใจแล้ว สู้ให้เขาไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยจะดีกว่า มือและเท้าที่ถูกพันด้วยผ้าหรือรอยช้ำตามร่างกายล้วนเทียบไม่ได้กับความปวดร้าวในใจที่กำลังเผชิญ ร่างเล็กพยายามฝืนยันกายขึ้นแล้วก้าวลงจากเตียง ความอ่อนล้าทำให้ล้มลงไปอีกครั้ง เจ็บ.. น้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทางตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริง ความจริงที่หัวใจไม่อาจยอมรับ ท่านพ่อ ท่านแม่.. ได้โปรดมาพาลูกออกไปที ลูกอยากกลับบ้าน บ้านของเรา..
หลังจากนั้นเขาได้รับการดูแลแบบตามมีตามเกิดจากหญิงชราผู้เคยทำงานในบ้านของเขามาก่อน นางเล่าว่าวันที่เกิดเรื่องไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่กลับมาพบเขานอนสลบอยู่คนเดียว ไม่เห็นใครอื่นในบ้าน ถ้าไม่ตายก็คงหนีเอาตัวรอดไปหมดแล้ว ไม่พบศพพ่อแม่ของเขา สิ่งเดียวที่นางนำติดมาได้และกลายเป็นของมีค่าที่สุดสำหรับเขาคือกรอบรูปไม้ที่ไหม้ไฟไปบางส่วน แต่ภายในยังมีภาพวาดของเด็กชายกับครอบครัว เป็นรูปภาพที่มีความสุขอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รูปภาพที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว..
วันและเวลาที่ผ่านไปหล่อหลอมให้เด็กชายกลายเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อน แม้บาดแผลทางใจไม่อาจจางหายได้สนิท แต่มันบรรเทาลง เพราะความเสียใจย่อมแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น และกลายเป็นพลังในการดำเนินชีวิต ให้เด็กชายผู้แทบไม่เคยทำอะไรด้วยตนเอง ต้องยืนหยัดให้ได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่ากี่ครั้งที่เขาต้องแอบร้องไห้คนเดียว กี่ครั้งที่คิดอยากจะตายแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังเหลือความหวังว่าสักวันต้องได้แก้แค้น ทวงคืนจากคนที่ทำร้ายครอบครัวของเขาอย่างสาสม!
สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนั้นไม่ใช่การดำเนินชีวิต สำหรับเด็กชาย การยอมรับความจริงต่างหากที่เจ็บปวด ทั้งการสูญเสียครอบครัว และการยอมรับว่าไม่มี ‘เจ้าชายฟรานซิส’ อีกต่อไป..
ฟรานซิสวางกรอบรูปครอบครัวของเขาลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ และหยิบบันทึกประจำวันออกมาเขียนตามปกติ จากวันนั้น.. ลูกอยู่ที่นี่มาสิบห้าปีแล้วนะ แต่ยังคิดถึงพวกท่านไม่เสื่อมคลาย ชีวิตน่าเบื่อเริ่มมีสีสันบ้าง ตั้งแต่เจอเจ้าทหารตัวผอมนั่น มีอะไรมาทำให้ปวดหัวก็สนุกดี แต่ลูกไม่มีทางลืมความตั้งใจของตัวเองแน่นอน ชายหนุ่มลากปากกาเขียนกลอนลงท้ายในบันทึก ..
วันคืน หมุนเวียน เปลี่ยนผ่าน
หมอกควัน คืบคลาน จางหาย
กลับกลาย เริ่มต้น ความฝัน
ครั้งหนึ่ง เราเคย มีกัน
หากฉัน วันนี้ เดียวดาย
รอคอย รอบกาย ไร้เธอ..
ต้องมี วันที่ เหตุการณ์
ผันผ่าน กลับคืน ตอบแทน
แค้นนี้ ไม่มี ตอนจบ!
---------------------------------------------------------------------------------------------
รู้ตัวว่าค้างไว้นานมากกก ขออภัยและขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ
ตอนนี้ออกแนวดราม่า ทำให้เข้าใจฟรานซ์ซี่(?)มากขึ้น
คิดว่าหลายคนเดาถูก ;)
เจอกันภาคหน้าครับบ // ไรต์เตอร์
ความคิดเห็น