คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : goodnight kiss.
2.
ยามราตรีที่ท้องฟ้าเป็นสีดำดุจขับกล่อมทุกสรรพสิ่งให้หลับลง พักจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน หากเงาร่างที่กำลังเคลื่อนที่ไปบนถนนในยามนี้ดูเร่งร้อน สองเท้าก้าวยาว สายตามองตรงไปหาเป้าหมายแต่ไม่ลืมกวาดมองกว้างอย่างระแวดระวัง บุคคลปริศนาโหนตัวขึ้นไปบนกำแพงและหลังคา ฝีเท้าที่เงียบกริบแทบไม่ก่อให้เกิดเสียงทำให้การ’ทำงาน’เป็นไปอย่างราบรื่น กระทั่งมาหยุดหน้าประตูอิฐขนาดใหญ่ มีป้อมปราการแวดล้อมและทหารเฝ้ารักษา แสดงถึงความไม่ธรรมดาของสถานที่อันน้อยนักที่บุคคลใดจะกล้าบุกเข้าไปในยามวิกาล แต่ยังมีผู้หนึ่งที่ไม่คิดเช่นนั้น
ร่างสูงใหญ่ย่างก้าวเงียบกริบ ปีนลัดเลาะจากประตูใหญ่เข้ามาในเขตพระราชฐาน หลบหลีกเหล่าทหารที่เดินตรวจตรา หากไม่จำเป็นแล้วการทำร้ายบุคคลที่ปฏิบัติตามหน้าที่เป็นสิ่งที่เขาไม่พึงประสงค์นัก ชายหนุ่มเดินผ่านห้องแล้วห้องเล่าอย่างคุ้นเคยต่อเส้นทางซับซ้อนในพระราชวัง จนมาถึงห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างตระการตา พื้นปูลาดด้วยพรมอย่างดี มีบัลลังค์ทองอันงดงามและน่าเกรงขามตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง รอบข้างประดับด้วยสิ่งของล้วนมีราคา แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเขา สายตาของผู้บุกรุกยามราตรีกวาดมองหาสิ่งที่ต้องการ มงกุฎแห่งกษัตริย์.. เมื่อพบเป้าหมายแล้ว เขาเอื้อมมือเข้าไป ในขณะที่ฝ่ามือหนากำลังจะแตะลงบนสิ่งล้ำค่าของอาณาจักร..
“เฮ้ย!!” แพททริคตะโกนลั่นด้วยความตกใจ เขากำลังเดินตรวจเวรยามตามหน้าที่ไปตามห้องต่างๆ ท้องพระโรงเป็นที่สุดท้ายแล้ว ไม่คิดว่าจะได้พบโจรที่สามารถบุกเข้าวังมาได้และกำลังจะโขมยมงกุฏ!
“ทหาร! ทะ.. อุ๊บ” เสียงเรียกถูกขัดด้วยฝ่ามือใหญ่ที่ปิดลงมา พร้อมกับลากคนที่กำลังดิ้นเข้ามาหลบ ผู้บุรุกพยายามอดทนความเจ็บที่ถูกกัดที่มือเข้าอย่างแรง ในขณะที่อีกมือใช้ดันร่างของอีกฝ่ายไปติดกับกำแพงที่ติดกับหลังบัลลังค์ พอเป็นมุมเล็กๆ
“อื้อ..” อัศวินหนุ่มพยายามส่งเสียงและมองหน้าคนที่บังอาจก่อเรื่องใหญ่ แต่ความมืดประกอบกับผ้าโพกหน้าที่เตรียมการมาเป็นอย่างดีทำให้เขามองเห็นเพียงลูกแก้วสีนิลสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย
ทหารสามนายเดินเข้ามาในท้องพระโรงพลางมองหาสิ่งผิดปกติ หัวใจสองดวงเต้นระทึกแต่คนละสาเหตุ ฝั่งหนึ่งอยากให้ทหารเดินออกไปซะ ลำพังทหารธรรมดาสามคน ฝีมือเขาสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว ติดตรงเจ้าอัศวินตัวผอมนี่แหละที่เขาไม่อยากประมาทฝีมือ ส่วนอีกฝ่ายที่ถูกดันไว้จนติดฐานบัลลังค์ก็อยากให้ทหารเดินเข้ามาจะได้ช่วยกันลากไอ้โจรถึกนี่เข้าคุกไปซะที!
“เหมือนได้ยินเสียงคุณแพททริคนะ”
“ก็เห็นอยู่ว่ามีที่ไหนล่ะ แกง่วงนอนจนหูแว่วแล้ว”
“งั้นก็ไปเถอะ จะได้ไปรายงาน ขืนช้าคุณแพททริคคนงามจะบ่นเอาอีก” ทหารยามทั้งสามเดินหัวเราะออกไปโดยไม่รู้เลยว่า’คุณแพททริคคนงาม’ได้ยินหมดทุกคำ และกำลังควันออกหูกับสรรพนามนั่น แค้นนี้ต้องชำระแน่! อัศวินหนุ่มหมายมาดในใจ
“อย่าส่งเสียงนะ” ฟรานซิสพูดเบาๆ จ้องตาอีกฝ่ายหวังว่าจะพูดกันเข้าใจ
“อื้อๆ” เสียงเจ้าโจรนี่คุ้นๆอยู่นะ แพททริคพยักหน้าโดยเร็ว แต่ในใจกลับตรงกันข้าม เงียบก็บ้าแล้ว! ทันทีที่ฝ่ามือหนาคลายออก..
“ขโมมยย..” เสียงตะโกนนั้นไม่เบาเลย แม้ใช้มือปิดอีกครั้งก็ไม่สามารถเก็บเสียงได้ทั้งหมด ฟรานซิสตัดสินใจเลือกวิธีใหม่..
..จอมโจรประกบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่าย ดูดกลืนเสียงร้องทั้งหมดไว้ในลำคอ แพททริคเหมือนคนสติหลุด ดวงตาสีเขียวกลมโตเบิกกว้าง มือตกลงข้างตัวอย่างทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นปล่อยให้ผู้บุกรุกทำตามอำเภอใจ ใช้ปลายลิ้นไล้ชิมความหวานจากปากของเขา..
“Goodnight..” ฟรานซิสถอนปากออก กระซิบบอกเบาๆข้างหูคนที่ยังช้อคไม่หาย เขาอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ แต่จะปล่อยใช้งานคืนนี้ล้มเหลวซ้ำยังถูกจับด้วยไม่ได้เช่นกัน ฟรานซิสล้วงมือลงไปในกระเป๋าใบเล็กที่ติดตัวมา กำผงสีน้ำตาลอ่อนขึ้นมาก่อนจะโรยมันลงบนหน้าของอัศวินหนุ่ม ทำให้แพททริครู้สึกง่วงมึนและหลับไปในที่สุด ฟรานซิสจัดท่านอนพิงฐานบัลลังค์ที่คิดว่าสบายที่สุดให้ แล้วร่างสูงก็หายไปกับความมืดยามราตรีอย่างไร้ร่องรอย..
คืนนี้เขาไม่ได้ล้มเหลวซะทีเดียว ถึงไม่ได้มงกุฏมา อย่างน้อยเขาก็ได้ขโมยจูบอัศวิน!
“แพททริค! เฮ้ย.. ตื่นๆ ตื่นสิเว้ย!” ผู้ถูกเรียกค่อยๆได้สติขึ้นมาจากเสียงเรียกและแรงเขย่า เขาพยายามลืมตาขึ้น แสงสว่างจ้าที่เห็นกระทันหันทำให้ต้องรี่ตาลงปรับภาพที่เห็นรางๆให้ชัเจนขึ้น
“คิดยังไงมานอนตรงนี้” อีกฝ่ายยังเขย่าๆจนเขาจะมึนตายเพราะมันนี่แหละ จึงพยายามโบกมือให้ไม่ต้องเรียกอีก
“ไม่ได้คิดจะมานอน” แพททริคยิ้มโหดใส่’เรย์’เพื่อนสมัยเด็กของเขาก่อนที่จะย้ายไปชายแดน ตอนนี้มันเป็นหัวหน้าทหารยามรักษาวัง ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทั่วไป ตำแหน่งที่เขาชอบล้อมันว่าแค่เดินไปเดินมาให้ทั่วก็พอ
“คนถามดีๆมาแยกเขี้ยวใส่ ไอ้นี่ท่าจะบ้า แล้วตกลงแกมานอนทำไมตรงนี้เนี่ย” เรย์ถามอีกครั้ง พอคนถูกถามนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืนและสาเหตุที่ทำให้เขามานอนอยู่หลังบัลลังค์ ใบหน้าขาวใสพลันแดงเถือก ความทรงจำที่ไม่น่าจำถูกเรียกกลับมาจนหมด โจรโพกผ้าดำ.. มงกุฏ.. โดนปิดปาก แล้วก็.. อ๊ากกกก!!
“เรื่องของฉัน!” ตอบส่งๆไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนถามอะไรต่อ ไว้ค่อยมาเอาเรื่องมันที่กวดขันทหารไม่เอาไหนเลย! แล้วลุกเดินออกไปจากท้องพระโรง ทิ้งคนมองตามแบบมึนๆแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองตามและนำเรื่องไปกราบทูลตามหน้าที่
เรย์เดินเข้ามายังห้องส่วนพระองค์ที่ปกติมีไว้เพื่อพักผ่อนและห้ามผู้ใดเข้าโดยพลการ หากแต่เขาได้รับพระราชานุญาติพิเศษในการเข้าเฝ้าถวายรายงาน โดยเฉพาะบางเรื่องที่ควรจะเป็น’ความลับ’
“ทูลฝ่าบาท วันนี้สถานการณ์โดยทั่วไปปกติ แต่..” คำกราบทูลถูกเว้นช่วงไปเพราะไม่แน่ใจว่าหากพูดออกไปแล้วเพื่อนจะได้รับโทษหรือไม่ แต่ทหารอย่างเขาถูกฝึกมาจนฝังหัวเสียแล้วว่าความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่มิตรภาพก็เป็นเรื่องรอง
“แต่กระหม่อมพบอัศวินแพททริคนอนหลับอยู่หลังบัลลังค์ สอบถามดูว่าเพราะเหตุใดก็ไม่ยอมบอก กระหม่อมไม่ทราบว่าเป็นพระบัญชาหรือไม่”
“ไม่ใช่คำสั่งข้า” กษัตริย์มาคัสตอบ พระขนงขมวดลงอย่างใช้ความคิด ความไว้วางพระทัยที่ทรงมีให้กับอัศวินหนุ่มดูจะน้อยลงไปแล้ว การกระทำของเขาชวนสงสัยและสามารถคิดได้ทั้งในแง่ร้ายหรือแง่ดี แต่อย่างไรก็ต้องถามให้ทราบที่มา
“ไปตามมาพบข้าที่ท้องพระโรงหลังประชุมขุนนาง” เรย์ค้อมศรีษะลงรับพระบัญชาไปปฎิบัติ
“เมื่อคืนกระหม่อมพบโจรกำลังจะขโมยมงกุฏ จึงได้.. ทำการไล่มันไป แล้วเพื่อความปลอดภัยจึงเฝ้ายามไว้ ขอพระราชทานอภัยที่บกพร่องต่อหน้าที่หลับไป” แพททริคกราบทูลรายงานเรื่องที่เกิด โดยพยายามเว้นและต่อเติมบางส่วน รู้สึกผิดที่ต้องทูลเท็จต่อพระองค์ แต่จะให้ทูลความจริงทั้งหมดก็ไม่ได้เช่นกัน
“โจร? เข้ามาถึงท้องพระโรง มิหนำซ้ำจะขโมยมงกุฎแล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เรียกให้ทหารช่วยจับ?” เรย์ถามขึ้นได้อย่างตรงพระทัยมาร์คัสนัก มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่มีโจรเข้ามา แล้วถ้าเป็นรายเดียวกับที่ขโมยแหวนขององค์หญิงไปย่อมมีฝีมือ แพททริคไม่ควรจะประมาทรับมือเอง หรือเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีมากกว่านั้น..
“กระหม่อมคิดว่าสามารถรับมือได้ ไม่อยากให้ทหารเราต้องบาดเจ็บ” อัศวินหนุ่มกำมือแน่น ไม่สามารถกราบทูลได้จริงๆว่าเหตุใดเขาจึงเรียกทหารไม่ได้ แต่ผู้ฟังหนึ่งในสองคนกลับตีความหมายอีกอย่าง
“เจ้าคิดว่าทหารที่เราฝึกมาไม่มีความสามารถ? ไม่เก่งพอเท่าเจ้า?” เรย์มองหน้าเพื่อน โกรธกับสิ่งที่ได้ยิน
“ไม่ใช่.. คือ..”
“แพททริคเจ้ายืนยันว่ามีขโมยเข้ามา?” กษัตริย์มาร์คัสถามขึ้นตัดบทการสนทนาที่ดูกำลังจะกลายเป็นทะเลาะกัน ถึงคำพูดของแพททริคจะดูฟังไม่ขึ้น แต่เมื่อไม่มมีหลักฐานบ่งบอกว่าเขากระทำผิดร้ายแรงก็ไม่สามารถตัดสินแน่ชัดได้
“พระเจ้าค่ะ”
“เรย์เจ้ายืนยันว่าเมื่อคืนไม่มีความผิดปกติใดๆในเขตพระราชวัง?”
“เช่นนั้นพระเจ้าค่ะ”
เมื่อข้อเท็จจริงทั้งสองต่างขัดกัน ผู้เป็นประมุขของประเทศย่อมต้องตัดสินตามความถูกต้องอย่างเป็นกลาง
“เมื่อไม่มีใครพิสูจน์สิ่งใดได้ ข้าลงโทษพักงานพวกเจ้าสองคนเป็นเวลาสองสัปดาห์ ฐานบกพร่องต่อหน้าที่”
“แต่ฝ่าบาท..”
“คำตัดสินของข้าถือเป็นสิ้นสุด” เรย์มองเพื่อนอย่างผิดหวัง แพททริคเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก
นี่มันวันบ้าอะไร.. โดนพักงาน เพื่อนก็โกรธ เพราะไอ้โจรเลวนั่นคนเดียว!!
ความคิดเห็น