คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Oh! My Wives ภาคพิเศษ เรื่องในวงเหล้า ภาคจบ
Oh!
My Wives ภาคพิเศษ เรื่องในวงเหล้า ภาคจบ
สองวันให้หลัง เราเดินทางถึงอำเภอเยี่ยเหยาในช่วงบ่าย นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานจนเห็ดรางอกเต็มตัว ผิดกับเล่ยจินที่ยังคงร่าเริง พอเรือเทียบท่าก็แทบกระโจนลงไปก่อนที่ไม้กระดานจะถูกชักมาเตรียม
“ข้ารู้ๆ”
ฉันกอดคอเล่ยเจินไว้ ผิดกับภายในใจที่ตื่นเต้นราวได้กลับบ้าน พอเรือเทียบท่า ไม้กระดานถูกพาดวางก็ปล่อยเจ้าหนูนี่ไป ฉันมองดูเล่ยจินวิ่งลงจากเรือหายไปกับฝูงชน ฉันไม่สนว่ามันจะไปไหน เพราะสุดท้ายก็เจอมันอยู่ดี ผิดกับสองสาวที่กังวลกับมัน
“ไม่เป็นไรน่า อย่างไรคืนนี้ก็เจออยู่แล้ว ไว้ข้าจะคุยกับมันเองว่าเราจะกลับวันไหน”
“อวี่ฉี”
“อะไรรึฟี”
“เจ้าคุยกับสุนัขรู้เรื่องด้วยรึ”
“เฉพาะเล่ยจินตัวเดียว มันเป็นพี่น้องข้าเชียวนะ หากคุยกันไม่รู้เรื่องคงไม่ทะเลาะกันเลือดตกยางออกหรอก จำไม่ได้รึไง”
พลันฟีโอน่าก็สลดสีหน้าลง
“เอาน่า ครั้งนั้น เพราะมันทำให้ข้าได้เจอเจ้ามิใช่รึ ฉะนั้นถือว่ามันเป็นเฒ่าจันทราแล้วกัน”
เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วบอกว่า “ครั้งหน้าไม่เอาแบบนั้นอีกแล้วนะ”
เซียงเซียงที่ฟังเราคุยกันก็หันไปถามฟีโอน่าถึงเรื่องนั้น แต่เขาบอกว่าจะเล่าให้ฟังในคืนนี้ ส่วนฉันจะไปตามหาพี่เถี่ยนัดแนะสหายร่ำสุราในคืนถัดไป
แต่ตอนนี้ ต้องช่วยพวกเขาทำงานก่อนถึงจะไปได้
เซียงเซียงและฟีโอน่ามีหน้าที่เจรจาการค้า ส่วนฉันช่วยตรวจนับของ นับเป็นงานถนัดเพราะเป็นงานเก่าก่อนที่รถตู้จะตกทางด่วนระเบิดตูม
ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่แต่งเข้าบ้านสกุลซุน ฉันเคยขอแบ่งงานจากเซียงเซียงมาทำบ้าง เขาเห็นว่าฉันหวังดีและรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่เฉยๆ จึงส่งงานบัญชีมาให้ทำ แต่พอเห็นรางลูกคิด ฉันก็โยนงานกลับคืนไปให้พวกเขาไปนั่งคร่ำครวญที่ตัวเองไร้ความสามารถกับเล่ยจิน
สุดท้ายฉันไม่ได้ช่วยงานอะไรพวกเขาแม้แต่อย่างเดียว ส่วนงานใช้แรง เป็นงานของพวกลูกจ้างในโกดังสกุลซุนเป็นผู้ทำ ฉันจึงได้แต่นั่งหายใจทิ้งอย่างไร้ประโยชน์ต่อไป
“แม่นางคนงาม”
ฉันเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกนั้น พอเงยขึ้นจึงเห็นเจ้าอันธพาลสามคนประจำท่าเรือกำลังแซ็วสองสาวนั่น ก็ทำให้ฉันเสียความรู้สึก พอก้มมองอกราบเรียบเหมือนกระดานของตนเองก็ถอนหายใจ
“ก็ถูกต้องแล้วนี่นา”
ฉันได้แต่โทษบุญกุศลที่ทำมาน้อยเกินไปในชาติก่อนส่งผลให้ชาตินี้สวยน้อยกว่าผู้ชายถึงสองคน ส่วนเจ้าจิ้งจอกกับอวิ๋นเอ๋อไม่นับ
“แม่นางคนงามทั้งสองเดินทางมากับเรือรึ เจ้าคงเป็นคนต่างถิ่น คงไม่คุ้นเคยกับอำเภอนี้”
“ไม่เป็นไร” ฟีโอน่าหงุดหงิดเล็กน้อย
“แม่นางท่านนี้คงมาจากแคว้นฮานัค”
“ไสหัวไป”
“แม่นางเหตุใดถึงพูดเช่นนี้ ข้าหวังดีอยากเป็นสหายเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
“เจ้า..”
“ฟี พอเถิด วิสาสะกับสุนัขก็มิช่วยอันใด หากรำคาญนักก็ใช้ไม้ตีไล่ไปเช่นนี้”
ฉันรีบเงยหน้าขึ้นเห็นเซียงเซียงตวัดไม้พลองจากมือคนงานในท่าเรือหวดเจ้าสามอันธพาลจนสลบ ก่อนจะสั่งให้คนนำพวกมันไปโยนทิ้งไว้ที่อื่น
'เห็นที ข้าทำอะไรต้องระวังนางไว้สักหน่อย ชีวิตจะได้ยืนยาวขึ้น'
ตกเย็น ฉันรีบเดินทางไปโกดังเถ้าแก่เก้าเห็นลูกพี่เถี่ยกำลังคุมคนงานหน้าใหม่ยกกระสอบเมล็ดพืชเข้าโกดัง
“ลูกพี่”
ลูกพี่ของฉันงุนงง “...เจ้าเป็นใคร”
“อาฉี เจ้าโง่ฉีอย่างไรเล่า”
“เจ้าอ้วนฉีนั่นรึ”
คนงานสามสี่คนที่เคยทำงานร่วมกับฉัน พอได้ยินพี่เถี่ยร้องตกใจก็กรูกันมาหา ทุกสายตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี
“เจ้าอ้วนฉี/อาฉีที่โง่งม” ฉายาหลัง ไม่ค่อยอยากให้เรียกสักเท่าไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ที่บังเอิญปล่อยให้เจ้าพวกนี้เรียกจนติดปากไปแล้ว
“ไม่พบเจ้าปีกว่า เปลี่ยนแปลงเพียงนี้เชียวรึ”
“อดอยากนะ อีกอย่างข้าถูกทรมานก็เลยผอม”
สหายและลูกพี่ไม่ค่อยเชื่อฉันเท่าไร แต่ก็ยอมหลับตาเชื่อครึ่งหนึ่ง “คืนพรุ่งนี้ว่างหรือไม่”
“ทำไมรึ”
“ข้าจะเชิญพวกเจ้าร่วมสุราที่บ้านพี่เถี่ยสักยามซวี ข้าจะนำสุราไปด้วยสามไห ส่วนกับแกล้ม พวกเจ้ากับลูกพี่ร่วมกันรับผิดชอบ”
“ได้ คืนพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วฉันจึงจากไปไม่คิดทักทายเถ้าแก่เก้าแม้แต่น้อย ใครใช่ให้ตาแก่นั่นหูเบาจับฉันเข้าคุกถูกตีไปตั้งหลายไม้ หากเซียงเซียงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ คิดว่าฉันคงตายเป็นผีเฝ้าคุกแน่นอน
คืนนี้ฟีจัดหาโรงเตี๊ยมให้เรานอนพักสามคืน ให้พวกลูกเรือกับเหล่าเหลียงนอนเฝ้าเรือ เซียงเซียงเคยบอกกับเหล่าเหลียงให้มาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมกับเรา แต่อาวุโสเหลียงดื้อเงียบเหมือนเซียงเซียงไม่ผิดเพี้ยน จนฉันนึกไม่ออกว่าใครแพร่เชื้อให้ใครกันแน่
คืนนี้เลยจินไม่ได้กลับมา ฉันจึงฝากข้อความไว้กับอาจารย์เหลียงว่าเราพักอยู่ที่ใด แต่ต่อให้เขาลืม เจ้าหนูนั่นก็หาเราเจออยู่ดี ฉะนั้น คืนนี้หลับให้สบาย ถ้าจะถูกฟีโอน่ากับเซียงเซียงลอบโจมตีก็ไม่มีปัญหา
'ร้ายกาจ ไม่นึกเลยพอเซินถูร่วมมือกับฮานัค ข้าจะพ่ายแพ้หมดท่า'
ฉันอยากขับไล่ศัตรูที่กำลังรุกรานอธิปไตยของตัวเองออกไป แต่พวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าจะรับมือเพราะมีหนอนบ่อนไส้อย่างเสวี่ยเฟยตัดกำลังฉัน
'ฝากไว้ก่อนเถิด ข้าจะเอาคืนพวกเจ้าจนร้องขอชีวิตแน่'
วันนี้ทั้งวัน ฉันต้องนอนถนอมแรงไว้ดื่มสุรากับพี่เถี่ย ทั้งตามไปจัดการเจ้าจิ้งจอกทรยศถึงอาณาเขต พอถามเหตุผลที่เขาทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ก็ได้ความว่าพึงพอใจจะทำ
ผ่านไปครึ่งวัน ฉันตื่นอีกครั้งเอาตอนเย็น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินทางไปรับลูกพี่เถี่ยที่โกดังข้าวทันที หากชักช้ารอพวกเซียงเซียงกลับเข้าโรงเตี๊ยมมา ฉันคงสาย
“อาฉี นัดไว้ยามซวีมิใช่รึ นี่เพิ่งยามอิ๋วสี่เค่อเอง”
“มาเร็วเริ่มเร็ว คืนนี้ข้าไม่กลับ”
“ประหลาดแท้ แล้วนี่” พี่เถี่ยเหลียวแลซ้ายขวากวาดตามองไปด้านหลังของฉัน “เจ้าหนูนั่นไปไหน”
“สักแห่ง คงมิได้ไปก่อกวนอันธพาลเฉินกระมัง”
“อันธพาลเฉิน พวกเจ้าจะใจกล้าก็เลือกคนหน่อย มีเรื่องกับใครไม่มี มีเรื่องกับเฉินคุนหลวน”
“ไว้ข้าจะจัดการทีหลัง ยามนี้คนมาครบแล้วไปหากับแกล้มร่ำสุราพูดคุยกันเถิด”
พี่เถี่ยถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความบ้าบิ่นของฉันกับเล่ยจิน แต่ในระยะสองวันนี้ไม่พบเห็นเฉินคุนหลวนมาไล่ล่าสังหาร คงได้แต่ภาวนาอย่าให้เขามาคิดบัญชีทบต้นและดอก หากไม่แล้วพี่เถี่ยคงโยนฉันไปให้ซาดิสต์เฉินจัดการจริงๆ
'ก็ดี จะได้ตัดสินแพ้ชนะเรื่องทวนนั่นให้จบๆ ไป'
สถานที่ร่ำสุราคืนนี้ช่างน่ายินดีนักเมื่อตนเอง พวกพ้องทั้งสี่และพี่เถี่ยเข้าใจหาที่ร่ำสุรา คงดีไม่น้อยหากพวกเขาจะเลือกที่อื่นแทนที่นี่
“พี่เถี่ย เหตุใดต้องเป็นที่นี่”
“เป็นเจ้าเองมิใช่รึที่ต้องการสถานที่สงบเงียบ แถบนี้เพิ่งขยายได้ไม่นาน มีผู้คนอยู่อาศัยทำการค้า ทั้งมีโรงเตี๊ยมสองแห่ง ไม่ไกลมีร้านขายสุราเปิดใหม่ สุราหมดก็ไปซื้อมาใหม่ได้”
สมแล้วที่เป็นพี่เถี่ย ช่างรอบรู้และรู้จักเตรียมการโดยแท้ แต่มันไม่สมควรใกล้บ้านเจ้าซาดิสต์เฉินถึงจะถูกต้อง เกิดเล่ยจินหยอกเย้าหมอนั่นแล้วแล่นพาเขามาถึงที่นี่ ฉันไม่ถูกเขาหวดจนตายก่อนมีลูกหรอกรึ
พี่เถี่ยบอกว่าเขาย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เนื่องจากเถ้าแก่เก้าจะขยายโกดังข้าวมาแถบนี้ และมอบหน้าที่ให้เขาควบคุมดูแลแทน นับว่าพี่เถี่ยทำงานดีจนเถ้าแก่ไว้ใจ ยอมให้เขาเป็นแขนขาอีกคู่ดูแลกิจการ
หน้ากระท่อมดิน มีม้ายาวตัวใหญ่สำหรับนอนเล่นตั้งวางอยู่ ฉันมองดูม้ายาวแล้วสมควรเรียกว่าเตียงไม้ไผ่จะถูกกว่า
บนม้ายาวตัวใหญ่มีสุราสามไหที่พวกเซียงเซียงช่วยฉันเลือกซื้อ ตรงกลางวงมีกับแก้ลมจำพวกเนื้อตากแห้งและผักดองจานใหญ่ ฉันรู้ว่าพวกเขาจน และฉันก็เคยจนจึงรู้ว่าการที่พวกเขานำเนื้อตากแห้งและผักดองมาเป็นกับแกล้ม ต้องดีใจและรักใคร่กันมากเพียงใด
“นี่คือของดีที่สุดที่เราหามาได้”
“ไม่เป็นไร เสียดายที่ประตูเมืองปิดแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะออกไปล่ากระต่ายกับหนูสักสองสามตัวมาให้พวกเจ้าทำกินแน่”
“เจ้าอ้วนฉี ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นก็รอพรุ่งนี้เถิด ไว้ค่ำแล้วทำกินกัน”
คืนนี้เราทั้งห้านั่งร่ำสุราจนยามสอง ยิ่งเหล้าเข้าปาก ยิ่งขุดความหลังมาพูดคุยกัน ฉันจำได้รางๆ ว่าพี่เถี่ยถามฉันถึงชีวิตตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าหลังจากวันนั้น ฉันและผู้หญิงคนนั้นไปที่ไหน และเหตุใดฉันถึงกลับมาคนเดียว
“นางทิ้งเจ้ารึเจ้าทิ้งนาง”
“ข้าไม่ได้ทิ้งนาง และนางไม่ได้ทิ้งข้า เดิมทีข้าและนางไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว และตอนนี้ข้ามีความสุขดี”
“แล้วตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน”
“ข้ากับเล่ยจินอยู่เผิงฉู่ทำงานให้สกุลซุน ชีวิตตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ข้ามาที่นี่ได้ก็ติดเรือนายท่านซุนมา พร้อมกับซื้อสุรามาเลี้ยงพวกเจ้าอย่างไร”
“ดีใจด้วยจริงๆ แล้วนี่เจ้าจะเดินทางกลับเมื่อใด”
“นายท่านบอกว่าอีกสองสามวันจึงจะกลับ เพื่อซื้อสินค้ากลับไปขายที่โน่นด้วย”
“นายท่านของเจ้าช่างขยันเสียจริง แต่คืนนี้เจ้าแวะมาร่ำสุราฉลอง เลิกพูดเรื่องอื่นแล้วดื่มกินกันดี” พี่เถี่ยรินเหล้าใส่ถ้วยแจกจ่ายทุกคนก่อนจะยกถ้วยตนเองขึ้นรอชนด้วย
“สุราไม่หมดไม่เลิกรา”
“ดื่ม”
พวกเรานั่งร่ำสุราสังสรรค์อย่างครื้นเครง และจะครื้นเครงกว่านี้หากเล่ยจินไม่โผล่หัวเข้ามาพร้อมศัตรูเพียงหนึ่งเดียว
“เจ้าสุนัขสามหาว”
ฉัน พี่เถี่ย อายี้ เจ้าเต่าผอม และเจ้าตาวัวใหญ่ต้าหนิวหันไปมองที่หน้าบ้าน ขณะที่เล่ยจินที่คาบลูกสุกรกระโจนเข้ามากลางวง
เสียงลูกสุกรร้องลั่น แต่นั่นไม่ทำให้พวกเรานั่งเงียบกริบเท่ากับการเห็นหน้าเจ้าของลูกสุกรที่ตามมาทวงคืนเลย
“ประเสริฐ ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง มิน่าเล่า เจ้าสุนัขสามหาวนั่นถึงกล้าขโมยลูกหมูข้ามา”
“ว่าไงเจ้าทึ่มเฉิน”
ฉันสาบานได้ว่าฉันเห็นมุมปากเขากระตุก ปละสาบานได้ว่าตอนนี้ฉันกำลังเมาจนปากเก่งขึ้นมากทีเดียว
“เจอหน้าเจ้าก็ดีแล้วอาฉี แล้วนี่ภรรยาเจ้าไม่มาด้วยรึ”
เฉินคุนหลวนคงหมายถึงอวิ๋นเอ๋อ ตกลงฉันยอมรับ อวิ๋นเอ๋อเป็นภรรยาของเสวี่ยเฟยก็เท่ากับเป็นภรรยาของฉันเหมือนกัน
“น่าจะเที่ยวอยู่ แต่ไม่รู้ว่านางไปไหน ไว้ข้าพบนางก็บอกว่าเจ้าคิดถึงก็แล้วกัน”
พอเอ่ยถึงภรรยา ฉันไม่ทราบว่าตัวเองใจกล้าหน้าด้านแค่ไหน ฉันจำได้รางๆ อีกเช่กันว่าตัวเองลุกจากเตียงไม้ไผ่หน้ากระท่อมพี่เถี่ยไปฉุดซาดิสต์เฉินมานั่งร่วมวงดื่มเหล้าด้วยกัน
“พวกเจ้ารู้ไหม ความยุ่งยากที่สุดของบุรุษคืออะไร”
“อะไรรึอาฉี”
“ภรรยาอย่างไร” ฉันหยิบผักดองมาเคี้ยวเล่นชิ้นหนึ่ง “เดิมทีการอยู่เป็นโสดก็สุขสบายดีอยู่แล้ว แต่พอเจ้าหลงรักใครสักคนก็อยากได้คนคนนั้นมาอยู่เคียงข้างด้วย ข้าเองก็เช่นกัน แต่โชคร้ายไปสักเล็กน้อยที่บังเอิญหลงรักคนงามเข้า”
“เพราะนางเป็นคนงามจึงมีบุรุษมากมายวนเวียนมาชมดูให้เจ้าขุ่นข้องหมองใจ”
ขุ่นข้องหมองใจรึ ฉันอาจเคยรู้สึกอย่างนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“รึว่าจริงๆ แล้วภรรยาของเจ้ามิใช่สตรีที่เจ้าหลงรัก หากแต่เจ้าหน้ามืดตามัวคว้าหญิงอัปลักษณ์มาเป็นเมีย”
“เลอะเทอะใหญ่แล้ว” ฉันปัดมือไปมา “ต่อให้ข้าเมาจนไร้สติก็ไม่เคยทำ แต่ปัญหาของข้าคือพวกนางงามเกินไป ทั้งยังชอบใช้กำลัง สูบเรี่ยวแรงข้าแทบหมดสิ้น”
“พวกนาง” ต้าหนิวที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดก็คว้าไหล่ฉันไปเขย่าเล่น “เจ้าอ้วนฉี บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าจริงๆ แล้วเจ้ามีภรรยากี่คนกันแน่”
“กี่คนรึ”
ขอฉันนึกก่อนนะ ตอนนี้ฉันเมามากจนต้องมานั่งนึกว่ามีผู้หญิงกี่คนที่เป็นภรรยาของฉัน และมีชายหญิงอีกกี่คนที่ผ่านมือเสี่ยวเฟยไปแล้วบ้าง
“อวิ๋นเอ๋อ เซียงเซียง ฟีโอน่า ฮูเตี๋ย หลันฮัว...องค์หญิง...อืมมม จำไม่ได้แล้ว”
ผู้ชายห้าคนรวมทั้งเฉินคุนหลวนที่ถูกฉันลากมานั่งดื่มเหล้าด้วยงงก็มองฉันเป็นตาเดียว ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองรึเปล่าว่า ผู้ชายพวกนี้กำลังเกลียดฉัน
‘ให้ตายเถอะ ก็ใครมันจะไปจำได้หมดกันละ เรื่องนี้ต้องโทษไอ้จิ้งจอกบ้ากามถึงจะถูก’
พวกเรานั่งดื่มเหล้าจนไม่ทราบว่าล่วงเข้ายามไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันงัวเงียตื่นพบว่าตัวเองนอนอยู่ข้างเล่ยจินบนเตียงของเฉินคุนหลวนแล้ว
“ซาดิสต์เฉินละ”
เล่ยจินที่เพิ่งตื่นก็ส่ายหน้าให้ฉันก่อนจะยืดตัวลุกบิดขี้เกียจอ้าปากหาวแล้วกระโจนลงมา ฉันก้าวลงตามมันไปติดๆ พอเปิดประตูออกจึงเห็นความน่าสะพรึงกลัวยามสาย
หน้าบ้านของเฉินคุนหลวนมีรถม้าหลังหนึ่งจอดอยู่ พอมองผ่านหน้าต่างรถม้าเข้าไปจึงเห็นความงามล่มเมืองอยู่ในนั้น ความงามที่จะนำความตายมาสู่ฉันในเร็ววัน
ภรรยาที่น่าเกรงขามของฉันเอง พวกนางส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้ฉัน เป็นสัญญาณเตือนให้ฉันรีบขึ้นรถม้าทันที
‘สวยตายแน่งานนี้’
ฉันเดินตัวลีบก้าวขึ้นรถม้าตามก้นเล่ยจินโดยไม่โต้แย้ง
เพียงแต่ในหัวมีข้อสงสัยว่าทำไมฉันและเจ้าหนูถึงไปนอนที่เตียงของเฉินคุนหลวนได้
พอรถม้าของพวกเซียงเซียงเคลื่อนผ่านกระท่อมของพี่เถี่ย
ฉันก็อดชะโงหน้าออกไปมองไม่ได้
“โอ๊ะ”
“มีอะไรรึอวี่ฉี”
“เฉินคุณหลวน”
ฉันบอกให้คนขับรถม้าหยุดรถ ก่อนจะเผิดประตูวิ่งกลับไปยังกระท่อมของพี่เถี่ย
พอไปถึงเห็นเขานอนกางแขนขาอยู่บนเตียงไผ่ โดยมีอายี้นอนกอดรัดไว้
‘อืมมม ข้าสมควรแยกพวกเขา หรือปล่อยให้นอนกอดกันต่อไปดี’
“อวี่ฉี”
ฟีโอน่าเพิ่งวิ่งมาถึงฉัน
พอเห็นสภาพของซาดิสต์เฉินก็พูดไม่ออกอยู่นาน กระทั่งเซียงเซียงมาถึงอีกคน
พอกวาดตามองก็ถอนหายใจ โอบไหล่ฉันเข้าหาตัวเอง
“ไปกันเถอะ”
“แต่ว่า”
“ไม่เป็นอันใด ตื่นมาแค่โวยวายก็หายแล้ว”
ให้ตายเถอะ สภาพจิตใจของเซียงเซียงจะแข็งแกร่งไปถึงไหน
หรือเป็นฉันที่มีจินตนาการเลิศล้ำอยู่คนเดียว
เราสามคนเดินกลับรถม้า
ระหว่างทางฉันถามว่าพวกเขาทราบได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่บ้านของเฉินคุนหลวน ฟีโอน่าบอกฉันเพียงว่าอย่าได้ดูแคลนสกุลซุน
ต่อให้ฉันหนีไปนอนในตรอกหรือใต้สะพานก็ตามหาได้ไม่ยาก
วันถัดมาฉันเดินทางมาอำลาลูกพี่เถี่ยและพวกต้าหนิว พวกเขาแม้คิดถึงก็ได้แต่ตบบ่า
โดยเฉพาะอายี้บอกฉันให้ระวังตัวให้มาก
“ทำไม”
“อาฉี เจ้าจำคืนวานซืนไม่ได้รึ
หลังจากที่เจ้าพาเฉินคุนหลวนมาร่วมวงดื่มสุรา เจ้าก็ท้าตีกับเขา”
“ข้า”
“ถูกต้อง” อายี้พยักหน้าแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดต่อจากนั้นให้ฉันได้ฟัง
ฉันนั่งฟังจนขนลุกพอง นึกไม่ออกว่าในภายภาคหน้า อันธพาลเฉินจะตามล่าฉันเพื่อแก้มืออีกหรือไม่
เพราะเท่าที่ฟังจากอายี้แล้ว ฉันซัดเขาเสียหมอบ และกลายเป็นภาระให้พี่ถี่ยแบกเขากลับบ้านในตอนสาย
“ก่อนที่เขาจะสลบไป เจ้ายังบอกว่าออมมือให้ถึงสามส่วน
อาฉี ข้าถามเจ้าจริงๆ ว่าเจ้าร่ำเรียนวิชาพลองจนเก่งกาจมาจากที่ใด”
ฉันได้แต่หัวเราะแห้งๆ ไม่กล้าบอกว่าอาจารย์พลองของตัวเองก็คือเฉินคุนหลวน
ขืนบอกไป คงถูกตราหน้าว่าเป็นศิษย์อกตัญญูอีกแน่
‘เอาไว้ครั้งหน้า รอข้ามีสติครบถ้วนจะขอแก้มือกับเจ้าอีกรอบก็แล้วกัน’
สามวันให้หลัง พวกเราเดินทางถึงเมืองท่าขนาดใหญ่ของแม่น้ำสายนี้
เมืองท่านี้คึกคักอย่างยิ่ง เนื่องมีพ่อค้าแม่ค้า และสินค้ามากมายหลากชนิด ขณะที่กำลังเดินชมเมือง
ฉันแวะดูสินค้าแปลกตามแผงลอย
เดินดูจนสุดถนนก็พาลให้นึกถึงกงหยางหยวนลี่ขึ้นมาเสียไม่ได้
ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะตั้งสติได้หรือยังที่โดนฉันเป่าหูว่าฟีโอน่าเป็นภรรยาของคนอื่น
คิดถึงตอนนี้แล้วก็อดถอนหายใจให้กับหัวใจสาวน้อยเสียไม่ได้
“มีอันใดรึอวี่ฉี”
“ไม่มีอะไร ข้าคิดไปเรื่อยเปื่อย”
ฉันตบบ่าเขาก่อนจะออกเดินนำหน้าโฉมสะคราญทั้งสอง
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เหล่าบุรุษหนุ่มชราไม่น้อยที่ลอบมองดูภรรยาแสนงามของฉัน
ความงามของพวกเขาแม้ก่อปัญหาไปบ้างแต่ก็มีประโยชน์ในแง่การต่อราคาค่างวดสินค้า
แต่ในการต่อราคาก็ยังถูกเหล่าเจ้าเฒ่าตัณหากลับเกี้ยวพานบ่อยๆ
ที่หนักหนาเห็นจะเป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ประกาศตนว่าเป็นใคร
สนิทกับขุนนางคนไหน เซียงเซียงที่มีความอดทนมากที่สุดก็เอ่ยถามหาขุนนางผู้นั้นพร้อมด้วยยศตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วอำลาจากไป
พอคล้อยหลังเจ้าเฒ่านั่นฉันก็ถามทันที “เซียงเซียง
เจ้าถามเขาเสียละเอียด คิดจะทำอะไร”
“อวี่ฉี เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้ากับฟีเป็นพระนัดดาของใคร”
“เจิ้งอ๋อง...อย่าบอกนะว่า”
“ข้าไม่อาศัยอำนาจบาตรใหญ่นั่นดอก เพียงแค่จดใส่บัญชีเพิ่มไว้เท่านั้น
พอถึงยามศึกสงคราม ค่อยจัดการส่งบัญชีนี้ให้ท่านลุงจัดการเป็นพวกแรกในความเดียว
เห็นรึไม่ ข้าปาหินก้อนเดียว ได้นกมาฝูงหนึ่งเลยละ”
‘เซียงเซียง เจ้าน่ากลัวเกินไปแล้ว’
การเดินชมตลาดในวันนี้ ฉันกลับไปได้ของฝากไปให้ครอบครัวบุญธรรมมากพอสมควร
สองสาวจึงต้องช่วยฉันถือ เพื่อให้ฉันเดินสะดวกมากขึ้น ในระหว่างนั้นเอง เรื่องที่ฉันทำไว้ในอดีตก็โผล่เข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
“อาฉี”
ฉันหยุดเดินแล้วมองหน้าหญิงสาวชาวเผ่าหน้าตาสวยงามน่ารักคนหนึ่ง
ฉันนึกไม่ออกว่าตัวเองไปรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่เธอเรียกชื่อฉันได้อย่างถูกต้อง
แสดงว่าเราต้องสนิทกันพอสมควร
“เป็นเจ้าจริงๆ อาฉี”
แม่สาวชาวเผ่านั่นกระโจนเข้ามาสวมกอดฉันแน่น
สร้างความตกตะลึงปนสะพรึงกลัวแก่ตัวเองพอสมควร
“ข้าเห็นเจ้าเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นเจ้าทันที
ตั้งแต่วันนั้น ข้าคิดว่าตลอดชีวิตนี้คงจะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้ว”
“เออ...แม่นาง...”
“อาฉี เจ้าจำข้าไม่ได้รึ ตอนนั้นเราสองคนในดงต้นอ้อริมน้ำ
มอบคำสัญญากันไว้เป็นมั่นเหมาะ ซ้ำเจ้ายังหมั่นเพียรลักลอบออกมาหาข้า
วันไหนหรือคืนไหนที่เจ้าไม่มาก ข้าก็เอาแต่คิดถึงเจ้า”
ทำไมฟังแล้วคำพูดของแม่สาวชาวเผ่านี้มันทะแม่ง
คล้ายว่าข้าและนางลักลอบมีสัมพันธ์สวาทนอกสถานที่กัน
“อาฉี เจ้าลืมข้าไปแล้วจริงๆ รึ นี่ข้าเองฮลีดา
คนที่เจ้าบอกว่าไว้ใจข้าเพียงคนเดียว นอกจากข้า เจ้าก็ไม่ต้องการใคร
ซ้ำเจ้ายังสั่งให้ข้าใส่กางเกงในทั้งที่มันร้อนจะตาย”
“ฮะ...ลี...ดา อาา ที่แท้เป็นเจ้า” ไม่รู้ทำไมจู่ๆ
แผ่นหลังก็ร้อนเหมือนถูกย่างไฟ แถมอากาศรอบตัวเริ่มหนักกดทับจนแทบหายใจไม่ออก
“ดีใจจัง เจ้าจำข้าได้แล้ว”
ยายหนูกบว. ไม่เจอกันตั้งสิบกว่าปี
เติบโตขึ้นมากลายเป็นสาวงามน่ารักสดใสคนหนึ่ง แต่ความสดใสน่ารักของยายหนู ทำให้หลังของฉันถูกเผาจนเกรียมแล้ว
“อวี่ฉี นี่หมายความว่าอย่างไร”
ฟังจากเสียงก็รู้ทันทีเลยว่าฟีโอน่ากำลังโกรธจัด
ดูท่าครั้งนี้ ฉันคงแย่แล้วจริงๆ แต่ไม่ทันที่ฉันจะแก้ตัว ยายหนูกบว.ก็หอมแก้มของฉันทีหนึ่งก่อนจะผละจากไป
“อาฉี ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว ส่วนคำสัญญาที่เจ้าให้ไว้นั่น
ข้าไม่ลืมหรอกนะ”
“เดี๋ยวฮลีดา”
สาวน้อยชาวเผ่าผู้น่ารักสดใสจากไปแล้ว แต่ก่อนไปยังซุกซนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไว้ให้ด้วย
จนฉันชักไม่มั่นใจว่าการเดินทางมาพักผ่อนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตรึเปล่า
“อวี่ฉี นางเป็นชู้รักคนที่เท่าไรของเจ้ากัน”
“ไม่ใช่นะ”
จบภาคพิเศษ
ความคิดเห็น