ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [Fic exo] อู่...บยอน ChanBaek ft.exo

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6(rewrite)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.17K
      824
      28 มี.ค. 66

    *มีพฤติกรรมของตัวละคร คำพูด ที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*

    Chapter 6

     

    ตูม!!!!!

    หลายครั้งแล้วนะเว้ย ตื่นมาคือเชี้ยอะไรวะเนี้ย และครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเรื่องเดิมๆกับชุดนอนสุดวาบหวิว และวันนี้กูจะไม่ยอมแล้ว กูจะสู้จนกว่าจะชนะ

    ผมปฏิญาณกับตัวเองอย่างหมายหมั่นปั้นมือว่าจะต้องคุยเรื่องนี้กับเชสเซอร์ให้รู้เรื่อง

    กรุ๊งกริ๊ง

    เนี้ยจะไม่ให้มีน้ำโหยังไงไหวละครับ กระโปรงซีทรูสุดบางสีม่วงอ่อนกับเสื้อกล้ามซีทรูสีเดียวกันลูกไม้ขาวเจ็บใจที่สุดคือไอหางแมวสีดำขนฟูมีกระดิ่งติด ทุกย่างก้าวมีแต่เสียงสุดน่ารำคาญนี้ เดี๋ยวนะ แล้วผมกลับมานอนที่เตียงได้ไงวะ เพราะเมื่อวานจำได้ว่าเมาอยู่ที่อ่างอาบน้ำแล้วก็......

    ผมนั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ พร้อมกับพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะจำได้แค่ว่าซัดไวน์ไปขวดหนึ่งจากนั้นก็ภาพตัดไปเฉยเลย แต่มันดันมีความรู้สึกประหลาดๆอะดิครับ แบบวูบๆวาบๆแล้วก็ เออออ เสียวอะงุ้ยแต่ช่างแม่งมันเถอะเพราะนึกยังไงก็นึกไม่ออกครับ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ เอาคืนไอฝรั่งนั้น!

    วันนี้ผมจะไม่ยอมแพ้จะต้องเอาเลือดหัวไอเด็กนั้นออกให้ได้ ต่อให้เป็นเจ้านายก็เถอะ แต่นี้แม่งละเมิดสิทธิมนุษยชนกันชัดๆเลย ว่าแล้วก็เดินปึงปังออกไปด้านนอกทันที ก็เห็นคนที่ผมอยากจะเอาเลือดหัวออกมากที่สุด นั่งเอาขาพาดเข่าตัวเอง ทิ้งตัวสบายๆกับโซฟาพลางจิบกาแฟอ่านข่าวไปด้วย แต่ที่ผมต้องแปลกใจคือเชสเซอร์ที่ใส่สูทเต็มยศ

    “ไปไหนมา แล้วทำไมไม่ปุก”ถามด้วยความสงสัย หลงลืมเรื่องที่เคืองเมื่อกี้ไปเลย

    “ไปข้างนอกมาเฉยๆ”

    ผมหรี่ตาจับผิดเชสเซอร์ แต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าอะไรเลย นอกจากจิบกาแฟแล้วมองผมหัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วมันมีอะไรแปลกวะ ผมเลยมองตามสายตาเชสเซอร์

    “เฮ้ยเออจริงด้วย!!!

    ?

    “ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย นี้มันอะไรเชสเซอร์ ตอบดิ”

    ผมถลึงตาใส่ไอคนที่นั่งทำตัวตามสบายจิบกาแฟอย่างโมโห แม่งไม่ได้สนใจอารมณ์ผมที่อยากจะถลกหนังหัวมันเลยสักนิด กูพร้อมบวกมากแต่แม่งดูมันดิครับ ฮื่อๆๆ มันไม่มีอารมณ์ร่วมไม่พอ แถมไม่สำนึกด้วย กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องลงเอยแบบนี้

    “เหมาะดี”แล้วก็ทำตาวาว ตาเชื่อมใส่ผม

    “เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบ”ผมบอกเชสเซอร์อย่างเซ็งๆ อารมณ์โกรธแม่งหมดไปแล้ว เพราะเจอท่าทางมึนๆที่แม่งทำใส่ผม

    หมดกันอารมณ์ที่กูปั้นแต่งมา สุดท้ายก็ต้องเป็นผมใช่ไหมที่ต้องยอมเชสเซอร์ไปแบบนี้ หรือว่าผมจะหยุดโวยวายดีละ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลยไปแบบนี้ อย่างน้อยไอชุดบ้าๆนี้ ผมก็ใส่ให้เชสเซอร์มันเห็นแค่คนเดียว ถ้ามองโลกในแง่ดีมันก็ไม่แย่มั้งครับ เฮ่อ ไม่ใช่มึงแมนนะเว้ยไอเบ มึงเป็นผู้ชายจะมาใส่แบบนี้ไม่ได้

    รู้สึกเริ่มย้อนแย้งในตัวเองว่ะครับ กูใกล้เป็นไบโพล่าเต็มทีละ

    “ตรงไหนที่ไม่ชอบ”

    วางแก้วกาแฟแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาหา ส่วนผมนี้ซอยเท้าถอยหลังเลยครับ แต่มันจะไม่มีการโง่ล้มเป็นครั้งที่สองแน่นอน

    “ยังจะมาถามอีกนะ คิดว่าผู้ชายจะชอบไหมละแบบนี้เนี้ย”

    “ชอบ”

    ตอบสวนกลับมาอย่างเร็วเลยครับ ใช่สิ ก็มึงไม่ได้ใส่นิเชสเซอร์ กูนี้คนใส่ ผมกลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ พร้อมกับเป่าลมออกจากปากพยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ ก่อนสาวเท้าเข้าไปหาเชสเซอร์ แล้วเงื้อมือทุบเข้าที่ไหล่หนานั้นหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้

    ตุบ!

    “มึน!

    “เพื่อ”

    “ก็มันไม่รู้จะเอาคืนยังไงเล่า ทุบแม่งเลย เฮ่ออออออ”ผมพูดเหนื่อยๆ

    เชสเซอร์มองผมเหมือนงงๆกับความย้อนแย้งของผม ซึ่งผมเองก็งงตัวเองเหมือนกัน

    “ก็ตามใจ”พร้อมกับเดินเข้ามาโอบเอวผม

    “นี้ยังไม่เรียกว่าตามใจอีกเหรอ”ผมเงยหน้าขมวดคิ้วถามเชสเซอร์

    เจ้าตัวส่ายหัวไปมาแล้วยกยิ้ม ก่อนก้มหน้าลงมาจนจมูกแทบจะชนกัน ผมเผลอจ้องเข้าไปที่ตาสีฟ้าอมเทานั้นจนใจเต้นแปลกๆ จนต้องรีบหันหน้าหนีแต่แก้มมันก็ดันร้อนๆขึ้นมาซะอย่างงั้น

    โอ้ยอะไรนักหนาวะเนี้ยแล้วไอตาชวนมองนั้นอีก อยู่ๆจะมาใจเต้นเพื่อนั้นผู้ชายนะเว้ยไอเบ มึงต้องนิ่งไว้สิวะ

    ผมปลอบตัวเองพลางเม้มปากเน้น ยืนนิ่งยอมให้เชสเซอร์โอบเอวอยู่แบบนั้น แล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟา ซึ่งผมพยายามดิ้นออกจากมือปลาหมึกนั้นแล้วแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องมานั่งเม้มปากแก้มร้อนอยู่บนตักเชสเซอร์ และเบื้องหน้าผมก็มีอาหารเช้าสไตล์ผู้ดีอยู่ตรงหน้า

    “นั่งนิ่งๆ”เชสเซอร์พูดข้างหูผม พร้อมกับลูบเอวผมไปด้วย

    “ปล่อยแล้วก็หยุดลูบเอวด้วย ไม่งั้นจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย”ผมขู่ เพราะไม่ว่าผมจะพยายามดิ้นยังไงก็ไม่เป็นผลเลยหันมาแยกเขี้ยวขู่แม่งเลย

    “นั่ง”นิ่ง เงียบ และสั้นๆ

    “เชสเซอร์”ผมเรียกเขาเสียงเข้ม

    อึ้ยแม่งบังคับๆตลอด เห็นยอมเรื่องเสื้อผ้าหน่อย ก็ชักจะลวนลามร่างกายผมมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ไม่ใช่วันดีคืนดีแม่งจับผมทำเมียนะ กูร้องไห้จริงๆด้วยบอกเลย

    “อย่าดื้อ”สั่งเสียงเรียบ

    แต่วันนี้ไอฝรั่งมันดูเหนื่อยๆแต่เช้าเลย ท่าทางไม่โอเคเท่าไหร่จนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยต้องหันหน้าไปมองคนตัวสูงกว่าตัวเอง ที่ถ้ามองเผินๆอาจจะไม่มีอะไร แต่ผมเป็นคนที่ค่อยข้างสังเกตคนเก่ง ซึ่งดูก็รู้ว่าเชสเซอร์มีเรื่องไม่สบายใจ ยิ่งเจ้าเด็กนี้ชอบเป็นคนเก็บอะไรไว้ในใจซะด้วยซ้ำ ดูจากนิสัยแล้ว

    ผมหยุดดิ้นก่อนจะวางหน้าผากตัวเองลงบนหัวเชสเซอร์ แล้วกอดหัวหน้าเชสเซอร์ให้เข้ามาซบที่อกผม เหมือนปลอบใจคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าไปเจอะเรื่องอะไรมา

    อะๆๆ ยอมให้วันนึงนะโว้ย เห็นหงอยเป็นปลาขาดอาหารแบบนี้

    “เล่าได้นะ ถึงกูจะรู้จักมึงได้ไม่นานก็เถอะ”ผมพูดเสียงนุ่ม

    เดี๋ยวนะ แลดูห่วงใยไปไหมวะ

    “อือ”เจ้าตัวครางรับแผ่วเบา ก่อนจะบี้หน้าลงไปกับอกแบนๆของผม

    “อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว”ผมปลอบคนตัวโตที่อายุยังน้อยแผ่วเบา

    อาจเพราะอายุยังน้อยและประสบความสำเร็จเร็ว มันอาจจะทำให้เขาเครียดจากหลายๆอย่างก็ได้ครับ

    “ไม่รู้จะเล่ายังไง”เชสเซอร์อู้อี้อยู่กับอกผม

    “แล้วแต่เลย”

    “แค่เหนื่อย เบื่อหลายๆอย่าง”

    “อ่าฮะงั้นเดี๋ยวพาเที่ยว”ผมบอกพร้อมลูบหัวที่มีกลุ่มผมสีเข้มไปมา

    “ไม่อยากเจอใคร”

    “อ้าว แล้วจะไปเที่ยวยังไง”

    ผมเริ่มงงกับความมึนของคนตรงหน้าแล้วครับ

    “เบบี๋”

    “ก็บอกว่าชื่อเบเคยจำไหมเนี้ย”

    ขึ้นเลยกูเดี๋ยวจะทุบให้หัวแบะแทนการปลอบใจละกูว่า

    “อยากเรียก”มึนใส่ แถมมีเงยหน้าเอาไอตาสีนี้มาออดอ้อน และผมก็เริ่มรู้ตัวเองด้วยนะครับว่าแพ้กับสายตาแบบนี้ของคนตรงหน้า

    “ทุกวันนี้เคยห้ามอะไรได้ไหมละ”ผมพูดกับเชสเซอร์อย่างปลงตกในชีวิต

    ผมโวยวายกับเชสเซอร์ทุกวัน แต่มันเคยเป็นผลไหมละ ไม่เลยสักนิด มีแต่เหนื่อยกับเหนื่อยเปล่าๆเพราะฉะนั้น จงยอมเสียเพราะมันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เท่าที่ผมจะสามารถทำได้แล้ว

    เฮ่อออออออออ ตัวกูหนอ

    “น่ารัก”เจ้าตัวบอกยิ้มๆ

    ถามว่ากูเขินไหม มาเจอสายตาแวววาวอย่างดีใจออดอ้อนของเจ้าเด็กตัวโตหน้าหล่อแสนมึนนี้ ตอบได้คำเดียวเลยครับว่าเขินกูเขินใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยเว้ย แต่ก็พยายามไม่แสดงออกมาเพราะกูแมน กูต้องคีพลุคไว้

    “เออเห็นว่าเครียดหรอกนะเว้ย! ยอมให้ชั่วโมงนึงจากนั้นโดน!”ผมขู่ พยายามรักษาหน้าตัวเองที่ใกล้แตกเต็มทีไว้

    “อือ”กลับมาหงอยอีกครั้ง แล้วซบหน้าลงที่บ่าผมเหมือนเดิม

    “แล้วสรุปไปไหนมา บอกหน่อย”ผมถาม

    อยากรู้เอาจริงๆนะ เชสเซอร์ดูมีเรื่องหลายอย่างอยู่ในใจ จนผมสงสารเพราะอายุเท่านี้ไม่น่าจะมีเรื่องให้เครียดจนหน้านิ่วคิ้วได้ขนาดนี้

    “เฮ่อ ไปดูงานมา”เจ้าตัวตอบอย่างเสียไม่ได้

    “งาน ? “ งงวะครับ

    เชสเซอร์ทำอย่างอื่นนอกจากแข่งรถด้วยงั้นเหรอวะครับ

    “งาน อะไรอะ”

    “ก็ทั่วๆไปนั้นแหละ”

    ก็ไม่อยากจะก้าวก่ายมากเพราะเดี๋ยวเขาหาว่าเสือก อีกอย่างเราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยสิครับ เพราะงั้นผมเลยพยักหน้ารับ ปล่อยให้เชสเซอร์ซบอยู่อย่างงั้น ส่วนตัวเองก็หันมาซัดอาหารเช้าแทนเพราะหิวมากกกกกกกก

    “เคยโดนหักหลังไหม”

    ผมที่กำลังกินอย่างมีความสุข หันมามองคนที่ส่งเสียงตั้งคำถามทันที เพราะน้ำเสียงที่ผสมปนเปไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวดของเชสเซอร์ ทำให้ผมต้องรีบกลืนอาหารเช้าลงคออย่างไว

    “ทำไมถึงถามแบบนั้นละ”ผมถามกลับไป เริ่มงงและสงสัยกับอารมณ์ของคนตรงหน้าตัวเอง

    “เคยโดนคนที่รักสวมเขาไหม”เชสเซอร์ยังคงยิงคำถามใส่ผมไม่เลิกรา

    ผมขยับตัวหันมาคร่อมตักไอฝรั่งเจ้าปัญหาทันที นาทีนี้ไม่สนแล้วว่าไอกระโปรงแสนบางกับกางเกงในแสนวาบหวิวนั้นจะเป็นยังไง ไข่จะโผล่ไหม แต่ผมสนใจคนที่เอ่ยถามประโยคเจ็บปวดนี้กับผมมากกว่า เพราะหลายๆอย่างมันสะท้อนออกมาจากน้ำเสียงของเชสเซอร์ได้เป็นอย่างดี

    “เชสเซอร์”

    ผมวางมือลงบนกลุ่มผมเข้มนั้น แล้วลูบเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนตัวโตแต่อายุน้อยคนนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าจะปลอบคนตรงหน้ายังไง แม้จะมีคำพูดมากมายแต่บางครั้งเหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านเข้ามา คำพูดสวยหรูมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนรวบคนตรงหน้าเข้ามากอด อย่างน้อยตรงนี้เขายังมีผม ถึงเราจะรู้จักกันได้ไม่นานก็ตาม แม้ไอเด็กนี้มันจะชอบกวนตีน หื่น ลามกใส่ผมก็ตาม ก็นะเห็นคนตกยากเราคนดีก็ไม่อยากปล่อยผ่าน ฮ่าๆๆๆๆ

    “อย่าไปคิดถึงมันเลย คนพวกนั้นไม่มีค่าพอให้มึงต้องจดจำหรอกนะเชสเซอร์”ผมพูดเสียงเบา พร้อมกับลูบหลังไหล่หนาอย่างปลอบโยน

    เชสเซอร์ไม่ได้ตอบอะไรผม ทำเพียงแค่ซบหน้านิ่งอยู่กับไหล่ของผมแล้วก็กอดเอวผมแน่นขึ้น เฮ่อ สงสัยต่อจากนี้ผมคงจะต้องตามใจเจ้าเด็กนี้ให้มากขึ้น อย่างน้อยมึนก็ดีกว่ามาซึมให้เห็นละนะ และผมคงต้องหาข้อมูลเจ้านายตัวเองเสียหน่อยแล้ว และไม่ต้องไปหาไหนไกลครับ แก๊งปลาสวายที่อู่เป็นแฟนคลับตัวยงอยู่แล้ว

    “ดีขึ้นยัง”ผมถาม เพราะแม่งกอดนานมากละ

    ไม่ใช่อะไรนะครับ รู้สึกแปลกๆยังไงชอบกลที่ผู้ชายสองคนมานั่งกอดกันเนี่ย ถึงมันจะเป็นการปลอบแล้วก็ให้กำลังใจกันก็ตามทีเถอะ

    “อือ”

    เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตามึนๆเหมือนเดิม สีหน้าดีขึ้นเยอะ ก็ดี เพราะผมไม่ชอบเห็นเจ้าเด็กนี้หงอยเอาซะเลย มันดูไม่เป็นไอฝรั่งนี้เลยสักนิด

    “งั้นก็ปล่อยได้ละ เดี๋ยวจะไปเก็บของเตรียมตัวย้ายเข้าเพนเฮาส์ เมื่อวานก็เบี้ยวเขามาทีละ”ผมบ่นเบาๆ

    “เบบี๋”

    “อยากมีเรื่องเหรอวะ!!

    “ขอเรียกแบบนี้”

    หน้าหงอยใส่กูเลยครับ ผมนี้กลืนคำด่าลงคอแทบไม่ทันเลย คุณเคยเห็นผู้ชายหน้าหล่อมาทำหน้าอ้อนใส่ปะละ แถมมาใช้ตาสีสวยปริบๆใส่อีก ซึ่งถ้าคุณเคยเจอช่วยบอกผมทีว่ามันรับมือยังงายยยยยยยยย เพราะตอนนี้ใจผมอ่อนยวบเหลวไม่มีชิ้นดีแล้ว แถมยังเต้นไม่เป็นจังหวะอีกด้วย

    ฮื่อๆๆๆ ถ้าตกหลุมตาสีนี้ไปนะ ความแมนของผมได้เว้าแหว่งจนไม่มีเหลือแน่ แต่อีกด้านมันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ

    อย่าไปคิดมากเว้ยพักพวก

    “เฮ่อ ตามใจมึง แต่ต้องเรียกเฉพาะอยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้นนะ!”ผมกำชับเสียงเข้ม

    ทีอย่างงี้ละทำหน้าดีใจขึ้นมาเชียวนะ ถึงมันจะเป็นหน้านิ่งๆเหมือนเดิมก็เถอะ แต่ผมเห็นว่าแววตาเด็กบ้านี้มันฉายแววดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิดเลย

    “น่ารัก”

    “ย๊าคได้คืบจะเอาศอกนะไอฝรั่ง!

    กูอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้วนะครับ

    ผมหันไปโวยวายใส่เด็กนั้นก่อนจะเดินปึงปังออกมา เพื่ออาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวเก็บของ แต่เพิ่งนึกขึ้นได้เรื่องย้ายออกเลยต้องหันกลับมาคุยกับไอเด็กบ้านั้นที่ยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้ง

    “ทุกอย่างถูกส่งไปที่เพนเฮาส์แล้วใช่ไหม ตอนนี้เหลืออะไรต้องขนอีกรึเปล่า”ผมถาม

    “เสื้อผ้าห้องนั้น”เชสเซอร์พูด แล้วชี้ไปที่ห้องนอนเล็ก

    ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเข้าห้องน้ำมาอาบน้ำ เพื่อที่ออกไปจะได้ไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วจะได้ตรงไปเพนเฮาส์เลย ผมจัดการตัวเองไม่นานก็ออกมายืนสวมเสื้อผ้า ที่ยังคงคุมโทรสีพาสเทลเหมือนเดิม

    กูจะบ้าดีนะยังเป็นลายแมนๆ ถ้าเป็นลายโพนี่มานะ กูจะทุบให้หัวยุบเลยคอยดูดิ

    ผมมองตัวเองแล้วถอนหายใจ เกือบอาทิตย์ที่มาอยู่กับเชสเซอร์ ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้อย่างเด่นชัดสุดๆเลยครับ ปกติผมไม่ใช่คนสำอางเลยติดลุยๆด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่กับเชสเซอร์ทุกอย่างเปลี่ยนไป มันบังคับผมด้วยความมึนของตัวเอง ทั้งทาครีม ทั้งบำรุง ไม่ว่าจะตื่นนอน ก่อนนอน หรือแม้กระทั้งอาบน้ำ อาหารการกินก็เลือกสุดๆ จนผมนึกถึงส้มตำ อยากจกข้าวเหนียว

    ถึงมันจะยังเห็นไม่ชัดแต่มันก็เปลี่ยน ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมครับ ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้ผมสวยจริงๆ แทบไม่เหลือเค้าผู้ชายเลยสักนิด พูดว่าจิ้มลิ้มก็ไม่ผิด ยิ่งแต่งตัวแบบนี้ยิ่งเหมือนผู้หญิงตัดผมสั้นไม่อยากจะส่องกระจกเลยให้ตายเถอะ เฮ่อ ถอนหายใจหนึ่งที

    “กระเป๋า อ้าว เก็บเสร็จแล้วเหรอ”

    ผมถามเชสเซอร์งงๆ เพราะเมื่ออกมาจากห้องแต่งก็เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบตั้งรออยู่แล้ว

    “อือ เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”เชสเซอร์พูดมึนๆ พร้อมกับเดินหน้าเมื่อยเข้ามากุมมือผม

    “ทำไมต้องจับมือด้วยละ ไม่เอาๆ”

    กูเขินแม่งพนักงานโรงแรมก็อยู่ในนี้ด้วยไงครับ แล้วดันมามุ้งมิ้งใส่ผมอีก

    “เดินไปเลย”

    “อย่าดื้อ!

    ฮื่อๆๆๆ เชสเซอร์มันดุผมอะ ผมอายุมากกว่ามันนะเว้ย แต่ทำไมต้องแพ้ทุกอย่างด้วย สุดท้ายผมก็โดนไอบ้านี้จูงมือตั้งแต่ห้องพัก ขึ้นรถของโรงแรมที่มาส่งจนกระทั้งมาถึงเคาเตอร์ใต้เพนเฮาส์ บอกได้คำเดียวครับว่าโคตรหรูเลยยยยยยยย นี้ขนาดแค่ข้างล่างนะ

    พนักงานพาผมกับเชสเซอร์ขึ้นมาชั้นที่เป็นห้องที่เชสเซอร์ซื้อครับ ระหว่างขึ้นมาเขาก็อธิบายไปเรื่อยผมไม่ได้สนใจฟังหรอก รู้แต่ว่าที่นี้เป็นแบบสแกรนลายนิ้วมือเท่านั้น ไม่ต้องมีคีย์การ์ดส่วนประตูก็เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์เมื่อพนักงานอธิบายเสร็จก็ขอตัวไป

    “ตื่นเต้น”เชสเซอร์หันมาถามผม ที่ยืนไม่นิ่งอยู่หน้าห้อง

    “อือก็มันโคตรจะหรูเลยนิน่า”ผมบอกไปอย่างตื่นเต้นๆ

    “งั้นเข้าไปก่อน”เชสเซอร์ถอยออกมา แล้วให้ผมเดินนำหน้าไปแทน

    “มันจะดีเหรอ”ผมหันมาถาม

    “อือ”

    “ไม่เกรงใจละนะ”

    ผมเปิดประตูเข้ามาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับถอดรองเท้า พอเดินเข้ามาด้านในก็ต้องตะลึงกับความอลังการของห้องและการตกแต่งที่คุมโทนเป็นสีแบบโรแมนติกสุดๆ ห้องเป็นสีโทนเข้ม แต่กลับปูพรมสีขาว ด้านหน้ากรุกระจกแบบเปลี่ยนสีทั้งหมด โทนสีของไฟก็เป็นสีนวล บอกได้คำเดียวว่าห้องนี้มันเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งแต่งงานไม่มีผิด เพราะทุกเวลาของการอยู่ในนี้มันโคตรจะเหมาะกับการเสียตัว!

    แต่ช่างมันเพราะเรามีแผนต้องไปห้องอื่นต่อ ผมเดินออกจากห้องรับแขกไปที่ห้องแต่งตัว เจอประตูเป็นแบบกระจกแกะสลักแบบเลื่อน เปิดเข้ามาห้องนี้ก็ปูพรมทั้งห้องเหมือนกัน แต่โทนสีไปทางสว่าง รอบห้องเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินทั้งหมด มีทั้งเป็นราวแขวนและตู้ปิดเปิด ตรงกลางห้องเป็นตู้ใส่เครื่องประดับตั้งอยู่ เสื้อผ้าทุกอย่างของเชสเซอร์และผมถูกแขวนไว้ในนี้ทั้งหมด ร่วมไปถึงรองเท้ากระเป๋ามากมายบนตู้

    “หรูไปไหนวะ นี้ขนาดแค่ห้องแต่งตัวนะเนี้ย”ผมพูดอย่างอึ้งๆค่อยๆปิดประตูห้องแต่งตัวลง

    “ชอบไหม”

    ผมหันหลังมามองอีกคนทันที ซึ่งตอนนี้ปลดกระดุมเสื้อออกมันทุกเม็ด แถมถอดเข็มขัดออกแล้วด้วยเหมือนเตรียมตัวจะอาบน้ำ

    ท่าทางจะร้อนนั้นแหละครับ เพราะเห็นหลังเปียก

    “หรูเกิน”ผมพูด

    “ไม่ชอบ”

    “อือๆๆๆๆ เปล่าหรอก แค่ไม่ชิน”ผมพูดแล้วส่ายหัวไปมาจนผมกระจาย

    “เดี๋ยวก็ชิน”

    ตอบสบายๆมึนๆตามสไตล์เชสเซอร์นั้นแหละ

    “งั้นไปดูห้องน้ำนะ”

    “อือ สั่งมาพิเศษเลย”

    “ฮะ”

    ผมไม่ทันได้ฟังพอหันไปเจ้าตัวก็ส่ายหัวน้อยๆ แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟา ผมก็ยังไหล่งงกับท่าทางของเชสเซอร์แล้วเดินไปสำรวจทุกห้องในเพนเฮาส์ต่อ ทุกอย่างมันหรูไปหมดเลยครับ แถมห้องน้ำก็กรุกระจกแยกส่วนชัดเจน มีอ่างอาบน้ำด้วย ใหญ่กว่าที่โรงแรมอีก แถมข้างนอกมีสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดกลางอีก

    โอ้ยผมโคตรชอบเลยครับ คอยดูนะผมจะทำงานเก็บเงินเอามาซื้อบ้าง!

    แต่ห้องที่ผมกลัวที่สุดและยังไม่กล้าเข้าไปคือห้องนอน เลยพาตัวเองมานั่งอยู่ห้องรับแขกแสนล่อแหลมนี้ ทิ้งตัวลงที่โซฟาสุดนุ่มสีเข้ม เหมือนจะตกแต่งไปกันคนละทาฃนะครับ แต่มันดันเข้ากันอย่างประหลาดเลย

    “หือ”

    ผมได้ยินเสียงเปิดประตูเลยหันไปดู เห้ยรีบชักหน้ากลับแทบไม่ทันเลยครับ ไอคนมึนมันอาบน้ำ แต่แม่งไม่ยอมแต่งตัวดีทั้งๆที่ในห้องเปิดแอร์ไว้อย่างเย็นจับจิต เมื่อกี้ที่เห็นแวบๆคือแบบใจสั่นไปหมดผิวสีแทนนิดๆที่เต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว ท่อนล่างก็ปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ด้วยผ้าขนหนูผืนน้อยจนผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างแห้งผาก หัวจิตนการไปถึงสิ่งๆนั้นที่อยู่ใต้ผ้านั้น แล้วอยู่ๆมันก็ร้อนขึ้นมา

    เหนือปมผ้าที่จะหลุดมิหลุดแหล่นั้น เป็นก้อนเนื้อแสนหนันแน่นเรียงตัวอย่างสวยงาม บ่งบอกถึงนิสัยการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี กับไรขนอ่อนใต้สะดือแสนเซ็กซี่ที่วิ่งหายไปกับขอบผ้าขนหนู พาเอาจิตนาการพลิ้วไหวจนยากจะระงับไว้ได้

    อึกอะไรกันวะเนี้ย ทำไมกูต้องมาใจเต้นแรง หน้าร้อน หัวจะระเบิดไปกับภาพไอผู้ชายแก้ผ้าที่มีหยดน้ำเกาะด้วยวะ ทั้งที่แม่งก็มีเหมือนๆกับผมนั้นแหละ อึ้ย!

    “ตื่นเต้น ?

    เจ้าของร่างกายที่ผมแอบดู ดินตรงเข้ามาหาผม พร้อมกับเลิกคิ้วใส่ด้วยหน้ามึนๆกับคำพูดที่ชวนให้ตบกะโหลกนั้น แต่ผมไม่มีแรงจะโต้กลับเลย ยิ่งเจ้าร่างกายแสนทรงเสน่ห์นั้นเข้ามาใกล้ ผมยิ่งอ่อนแรง สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าจนได้ มันทั้งเย็นแล้วก็อุ่น แถมหอมจนมึนหัวไปหมด

    “ปะ ปล่อยน่า”ผมบอกอย่างอ่อนแรง เสียงสั่นพร่า

    กูเป็นอารายยยยยยยยย เสียงจะสั่นหาตาแก่ที่บ้านเพื่อ!!!! เอะอะในใจอย่างโมโห

    “ง่วง”

    มึงก็ไปนอนในห้องเซ้!!!! อย่ามากวนกูครับ แต่เสียงที่ตอบกลับไปหาความเกรี้ยวกราดไม่ได้เลยสักนิด อึก อึก

    “ไปนอน น่ะ ในห้องดีๆ อือ!

    ผมตกใจตาแทบถลนออกมานอกเบ้า เพราะแม่งโถมเข้ามาหาผมทั้งตัวที่ทั้งตัวแม่งมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าถ้าผ้าหลุดอะไรๆแม่งต้องโผล่ออกมา

    เห้ยเห้ยเดี๋ยวผ้าหลุดดดดดดดดด

    เชสเซอร์ยกยิ้มเมื่อเห็นคนตัวบางทำหน้าตื่นตกใจที่โดนเขาโถมตัวใส่ ทั้งที่ยังคงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนน้อยผืนเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาไม่อายอยู่แล้วถ้ามันจะหลุด เพราะก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร การันตีได้จากคู่นอนไม่ว่าจะคนไหนก็ร้องตัวเกร็งไปทุกรายแต่ก็ไม่อยากให้คนตัวบางที่เขาเฝ้าบำรุงให้ตัวนิ่มหอมไปทั้งตัวตื่นตกใจ เลยใส่กางเกงในเอาไว้ด้านในแล้ว

    แค่พอเขาอาบน้ำเสร็จเดินออกมาตัวเปลือย คนตรงหน้าก็ตัวแข็งทื่อหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกแค่นี้ มันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเยอะจากเรื่องเมื่อเช้า จนเขาอยากจะแกล้งให้อายจนตัวระเบิดไปข้าง

    ย้อนกลับไปเมื่อเช้าสักหน่อยแล้วกัน เมื่อวานไอเซเบรียลมาไทยกับเมียมันคือลูน่า สองคนนี้แต่งงานกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่น้อยคนจะรู้เพราะเซเบรียลนั้นหวงเมียมันมาก แต่เสือกมีนิสัยพิลึกๆคือ เวลาเอากับเมียชอบที่จะโทรมาหาเขา หรือแกล้งให้เลนน่าอาย

    “ไงมึง หน้าตาดูดี แสดงว่าได้รับพลังงานมาเยอะสินะ”

    เซเบรียลทักทายทันที เมื่อเห็นเพื่อนร่างสูงของตัวเองเดินเข้ามาในร้านอาหาร ซึ่งเขานัดมันที่นี้เพราะเมียเขาอยากกินอาหารไทยนั้นเอง อีกอย่างมันค่อนข้างไพรเวทพอสมควร

    “ก็ดี”

    เชสเซอร์ตอบสบายๆ พร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม มองเพื่อนตัวเองเช็ดปากให้เมียตัวเอง ก่อนจะหันไปสั่งกาแฟแก้วหนึ่ง

    “ส่วนเรื่องแข่งมึงจะเอายังไง เรนค่อยข้างมาเซ้าซี้กูแล้วนะ อีกไม่นานมึงต้องกลับไปแน่”เซเบรียลทำหน้ายุ่ง

    “โอ้ยลูน่าครับเรื่องนี้เซฟไม่ผิดนะ”

    “สม เชสก็ด้วยนะมีอะไรไม่ชอบบอกลูน่ากัน ต้องให้ลูน่ารู้จากปากคนอื่น”ลูน่าพูดงอนๆ

    เชสเซอร์เลิกคิ้วงง หันไปทางเซเบรียลเพื่อขอคำตอบ ซึ่งเพื่อนซี้ก็ได้แต่หัวเราะแหะๆเท่านั้น

    “เรนมาโวยวายกับกูว่ามึงหายไปไหน เห็นรีบร้อนน่าดูเหมือนกัน ก็นะ ใกล้ถึงรายการสำคัญแล้วนี้หว่า”เซเบรียลพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    “อือ กูไม่กลับช่วงนี้”เชสเซอร์พูดนิ่งๆ

    หวนคิดไปถึงคนที่เขาคิดว่าหวังดีกับเขาที่สุดรักเขามากที่สุดให้ปวดใจ เพราะทั้งหมดนั้นเป็นเขาที่คิดไปเองคนเดียว แถมยังใช้เขาเป็นเครื่องมือหาความสุขสบายใส่ตัวเอง ทั้งๆที่หัวใจเขามอบให้ไปแล้วทั้งดวงแท้ๆ

    เซเบรียลมองตรงหน้าที่ถึงแม้ใบหน้าหล่อๆนั้นจะเรียบเฉยไม่แสดงอะไรออกมา แต่ตาสีฟ้าอมเทานั้นกลับสั่นไหวจนคนเป็นเพื่อนอย่างเขาอดสงสารไม่ได้ ก็นะเป็นเพื่อนสนิทกันมานานเหมือนกับเรนนั้นแหละ

    “กูแล้วแต่มึง แต่อีกไม่นานเรนจะต้องตามหาตัวมึงเจอแน่นอน ยังไงก็รับมือให้ดี รวมไปถึงตัวนุ่มนิ่มของมึงด้วย จะพาไปก็คุยกันดีๆ”

    “อืม ก็ว่าจะพาไปทั้งบ้านนั้นแหละ มึงเตรียมรึยังละ”เชสเซอร์ถามเพื่อน

    “สบาย ขอแค่มึงมีเงินจ่ายค่าฉีกสัญญาละกัน หึหึ”เซเบรียลยักไหล่ตอบสบายๆ

    “เชสหมายความว่าไง นี้มันอะไรกันแน่เซฟ มีเรื่องอะไรไม่เคยจะบอกลูน่าเลยนะ”

    “โอ๋ๆๆ เมียครับเดี๋ยวเสร็จงานนี้เซฟจะรวบรัดเล่าให้ฟังอย่างถึงใจบนเตียงเลยจ๊ะ”

    เซเบรียลตาวาววับ ก้มลงไปจูบปากอิ่มสีสดของเมียคนสวย ท่ามกลางสายตาเอือมๆของเพื่อนสนิทอย่างเชสเซอร์ที่กำลังมองเพื่อนตัวเองล่อลวงเมียตัวเองอยู่

    “อือ!! บ้า!! ลูน่าอายนะ”

    “น่ารักว่ะ อยากฟัดแล้วเนี่ย”ก้มลงไปกระซิบเสียงหื่น แต่คนเป็นส่วนเกินของผัวเมียอย่างเชสเซอร์กลับได้ยินอย่างชัดเจน

    “เบื่อมึง”เชสเซอร์พูดออกมานิ่ง

    “ช่วยไม่ได้นะครับเพื่อน ก็เมียกูเสือกน่าฟัดนี้หว่า”เซเบรียลยักไหล่อย่างเป็นต่อ

    “กระต่ายกูน่ารักกว่า ตัวหอม นิ่มด้วย”

    คิดไปถึงคนในห้องกับชุดแสนน่ารักของเขา ก็ยากที่จะสงบใจได้ จนอยากกลับโรงแรมเดี๋ยวนี้

    “เหอะ กลับไปเถอะมึง แค่อยากเห็นหน้าเพื่อนเฉยๆ”เซเบรียลพูดพลางยกมือดบกไล่เพื่อนสนิท

    “เซฟเดี๋ยวเถอะไม่น่ารักเลยนะ ไปไล่เชสได้ยังไงกัน”ลูน่าแวดขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางไม่น่ารักของสามีตัวเอง จนต้องหยิกเข้าที่ต้นขาแกร่ง

    “อูยยยยยยย เมียครับผัวเจ็บ ถ้าหยิกสูงกว่านี้จากเจ็บจะเป็นเสียวแทนนะครับ”เสียงหื่นใส่เมียพร้อมกับตาวาววับใส่ด้วย จนคนหยิกชะงักมือหน้าแดงกล่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะทุ่มต่ำอย่างชอบใจ

    “เบื่อมึง”บ่นใส่เพื่อนอย่างเอือมๆ

    “เชสอย่าไปฟังเซฟนะเซฟบ้าลูน่าไม่กินแล้ว จะกลับ!!

    สุดท้ายทั้งสามก็ต้องออกมาจากร้านอาหารไทยชื่อดังแยกย้ายกันกลับโรงแรม ซึ่งเชสเซอร์เห็นอาการเพื่อนตัวเองแล้ว ลูน่าคงไม่รอดเหมือนเดิม ถ้าลูน่าท้องได้คงมีลูกเป็นสิบ ท้องไม่ยุบแน่นอนเพราะในหมู่เพื่อนต่างรู้กันดีว่าเซเบรียลรักลูน่ามากแค่ไหน

    กลับมาที่โซฟาในห้องรับแขกที่เขาสั่งทำเป็นพิเศษ เขาทุ่มเงินเพิ่มอีกนิดเพื่อความรื่นรมของการร่วมรักในอนาคตของเขาและคนตรงหน้า เขายอมรับว่าเป็นคนมีอารมณ์ทางเพศสูง แต่ต้องประกอบไปด้วยอะไรหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือบรรยากาศเพราะมันจะทำให้เขาอดทนได้นานและสุขสมสุดๆ

    เขาทุ่มเงินไปกับการตกแต่งห้องรับแขกด้วยราคาที่ค่อยข้างสูง เพื่อให้มันออกมาในแบบที่เขาต้องการ และมันก็สุดยอดจริงๆเมื่อคนผิวขาวเข้ามาอยู่ในห้องนี้ มันเข้ากันดูยั่วยวน เหมือนแมวน้อยที่กลายเป็นปีศาจแสนน่ารัก ซึ่งมันยั่วยวนเขาไปทุกท่วงท่าโดยที่เจ้าตัวไม่รับรู้เลยสักนิด

    “เชสเซอร์ ปะปล่อยนะเว้ย!

    คนผิวขาวพยายามเสียงเข้มใส่ แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะใบหน้าจิ้มลิ้มกลับแดงซ่าน ตาสีอ่อนกลิ่งกรอกไปมาอย่างประหม่าเขินอาย เมื่อได้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าของเขา

    “ถอดนะ”เขาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “อือ ฮะถะ ถอดอะไร”พยายามตะกายหนีสุดฤทธิ์ พร้อมกับยื้อแย่งชายเสื้อของตัวเองด้วยมือน้อยที่สั่นเทา

    “เสื้อ”

    คนที่โถมตัวใส่ร่างเล็กกระซิบชิดใบหูน้อย มือแกร่งคว้ามือนิ่มที่ยื้อเสื้อตัวเองขึ้นมากุมไว้ ตาคมสีสวยจ้องเข้าไปในดวงตาสีอ่อน จนคนโดนจ้องเคลิบเคลิ้มเผลอยอมให้อีกคนได้กุมมือ ตาสีอ่อนจ้องมองทุกการกระทำของคนตรงหน้าด้วยใจเต้นระทึก เมื่อใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ จนมาหยุดที่มือทั้งสองข้างของคนร่างเล็กที่เจ้าตัวกอบกุมเอาไว้

    “จะทำอะไร”เบถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา หอบหายใจเข้าออกอย่างลุ่นระทึก ใจดวงน้อยเต้นโครมจนยากระงับไว้กับสายตาแสนล่อลวงคู่นั้น

    จุ๊บ!

    “ไม่ทำอะไรหรอก”

    ร่างสูงให้คำสัญญาก้มลงไปจูบหลังมือน้อยทั้งสองข้าง แล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องใบหน้าสวยแสนน่ารักจิ้มลิ้ม ที่ตอนนี้ตาสีอ่อนเบิกกว้าง ปากอิ่มสีอ่อนเผยอออกอย่างตกใจ ผสมไปกับความเขินอายที่แดงซ่านไปทั่วทั้งหน้า

    “หนะ แน่นะ”ถามอย่างหวาดระแวง แต่ใจกลับอ่อนยวบไปตั้งแต่โดนจูบที่หลังมือแล้วไหนจะให้สัญญาหนักแน่นแสนหวานนี้อีก

    “อือ ถอดนะ”

    เบเม้มปากอวบแน่น ตาสวยสั่นระริก ใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนอยากกระฉากมันออกมา ไม่อยากจะตามใจให้ตัวเองต้องเข้าเขตอันตราย แต่มันก็ยากนักที่จะหักห้ามไม่ยอมตามใจกับคำขอแสนอ่อนหวานนี้ สุดท้ายความวาบหวิวสุดหอมหวนก็ชนะเหตุผลและทุกอย่าง ยอมพยักหน้าอนุญาตคนอายุน้อยให้สามารถถอดเสื้อผ้าตนได้

    “ห้ามทำอะไรนะ”ยังคงทวนย้ำถึงสัญญา เพราะถ้าคนตรงหน้าร้องขอมากกว่าการถอดปราการอันแสนเกะกะนี้ เขาเชื่อเลยว่าตัวเองต้องยอม ยอมอย่างง่ายดาย ยอมที่จะตกเป็นของคนตรงหน้า ยอมให้เขาก้าวล่วงตามที่ใจของอีกคนปรารถนา

    “ครับ”

    กระซิบเสียงทุ่มหวาน พร้อมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ จัดการถอดเจ้าเสื้อแขนยาวสีหวานออกจากร่างขาวแสนอวบอิ่ม ตาคมกวาดมองไปทั่วอย่างพอใจ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ยอดอกสีหวานที่มันล่อตาตั้งยอด มันไหวกระเพื่อมตามจังหวะการหายใจ แต่คนอายุน้อยกว่ากลับทึกทักเอาว่าคนตัวบางแสนขี้อายนั้นยั่วตน

    “อย่าจ้อง!”เบถลึงตา พยายามกดความเขินอายไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะถ้ายังโอนอ่อนตามอยู่แบบนี้ เขาจะต้องเสร็จอีกฝ่ายแน่ๆ

    “สวย”

    “อะ อะไรเล่า อย่ามาทำหน้าหื่นใส่นะ”โวยวายเม้มปากแน่นแก้มแดงระเรื่อ

    ฟอดดดดดด

    “อืออออ ไหนว่าจะไม่ทำอะไรไง”

    “อย่าน่ารัก”

    “ตามึงมีปัญหาละ มองยังไงวะว่ากูสวย”บ่นอุบอิบแก้มแดงซ่าน ก้มหน้าชิดอกแกร่งอย่างแสนอาย

    ร่างสูงที่อดไม่ไหวสุดท้ายก็ปล้นหอมแก้มใสแสนหอมจนเต็มปอด อีกทั้งยังฟัดจนเจ้าของครางอือ หยิกเข้าที่ไหล่แกร่งอย่างเขินอาย

    “กางเกงด้วย”

    นิ้วแกร่งเกี่ยวเข้าที่กระดุมแล้วปลดมันออกพร้อมทั้งรูดซิปลง กว่าเจ้าของเรือนกายที่มึนเมากับการโดนฟัดเมื่อกี้จะรู้สึกตัว บนกายบางก็เหลือเพียงกางเกงในตัวน้อยแสนบางจ๋อย ที่แนบชิดเห็นไปหมดทุกสรีระของเครื่องเพศแสนเย้ายวนไปเสียแล้ว

    “เห้ย! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้! ไอฝรั่งลามก”โวยวายหน้าแดงกล่ำไปหมด

    ต่อให้เขินอายขนาดไหน แต่ถ้าทั้งตัวเหลือแค่กางเกงในที่แม่งปิดอะไรไม่ได้เลย กูไม่ยอมเว้ย!

    “ไม่”ตอบแบบมึนๆ พร้อมกับก้มลงมาหอมซอกคอขาวแรงๆ จนร่างบางใต้ตนดิ้นไปดิ้นมา

    “เชสเซอร์ เบหนาว”

    เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีท่าทีสลด สุดท้ายคนตัวเล็กกว่าแรงน้อยกว่าก็ได้แต่จำยอมทำหน้าอ้อนเสียงอ้อน ทั้งๆที่ในใจอยากจะจับอีกคนมาตีเข่าใส่ท้องมันจะแย่อยู่แล้ว

    “กอดสิ”

    “งืออออ”

    เบยกแขนเรียวขึ้นมากอดอกพร้อมทั้งส่ายหัวไปมา ก้มหน้ามองต่ำแต่สุดท้ายก็ต้องตกใจตาสวยเบิกกว้าง เมื่อเจ้าผ้าขนหนูผืนน้อยมันหลุดออกจากเอวแกร่งไปแล้ว คงเหลือเพียงกางเกงชั้นในสีเข้ม ที่ตอนนี้ตรงเป้ามีบางอย่างดุนดันจนขึ้นเป็นลอยนูนเด่นออกมาอย่างชัดเจน ทำเอาคนเผลอไปจ้องแก้มร้อนผ่าวมากกว่าเดิม

    เชสเซอร์ที่เห็นคนตัวบางนิ่งไปก็มองตามสายตากลมไป ก่อนจะยกยิ้มออกมา ขำกับอาการตื่นตกใจของแมวขาวขนฟู ที่ตอนนี้โดนเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวจนหมดแล้ว

    “กลัวเหรอ”ก้มลงมาถาม พร้อมกับเชิดคางสวยให้เจ้าตัวขึ้นมาสบตาตน

    “ปะ เปล่านะ ก็มีเหมือนกันเถอะ!

    “นั้นสิ”

    เอ่ยเสียงเรียบ ตาคมกวาดมองไปทั่วเรือนกายสวย ก่อนหยุดสายตาที่ส่วนน่ารักของร่างบาง ที่เจ้าตัวพยายามจะหุบขาเพื่อไม่ให้เขาได้เชยชม แต่กลับทำไม่ได้เพราะเขาแทรกตัวเข้ามากลางเรียวขาขาวซะก่อน

    “อะไรกันวะเนี่ย”เบบ่นออกมาอย่างตกใจ มองทวงท่าล่อแหลมด้วยลมหายใจเข้าออกรุนแรง พยายามระบายความมวนท้องออก แต่มันกลับตีตื้นเข้ามาหนักกว่าเดิม จนยากจะเก็บซ่อนไว้ได้

    “สัญญาว่าจะไม่ทำ”เชสเซอร์กระซิบเสียงแหบพร่า ส่งมือไปบีบขยำก้นอวบเบาๆ เพื่อลดอาการตื่นตกใจของคนร่างอวบ

    “แน่ อะ! นะ”เบมองคนตัวสูงอย่างหวั่นใจ แล้วเม้มปากแน่น

    “แน่”

    “อือ อย่าบะ บีบแรงงงงง”ลากเสียงอ่อยเม้มปากแน่น พยายามสะกดกั้นเสียงน่าอายเอาไว้

    “ขอฟัดนะ”

    ไม่รอให้เจ้าของร่างแสนหอมได้อนุญาต คนอายุน้อยกว่าจาบจ้วงลงที่ยอดอกหวาน ดื่มด่ำกับมันจนเจ้าของต้องครางหวิว แทบระบายลมหายใจไม่ทัน สองมือแกร่งสอดเข้าไปใต้กางเกงในตัวสวยจนเนื้อผ้าร่นตกเข้าไปในร่องแก้มก้น เผยให้เห็นความอวบหยุ่นสีขาวแสนสวย ที่ขึ้นริ้วแดงเพราะน้ำมือของเด็กหนุ่ม

    “เชสเซอร์”

    เบทำได้แค่เพียงส่งเสียงเรียกหวานใส เพราะร่างกายไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้อีกต่อไป จนเกิดคำถามขึ้นมาในใจตนว่าทำไม ทั้งๆที่ปกติแล้วถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้กับเขา

    มันตายลูกเดี๋ยวเว้ย!!! กูผู้ชาย กูแมน นั้นคือเขา

    แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่ ไม่ว่าความร้อนชื่นจากปลายลิ้นนั้นจะลากจากซ้ายไปขวาแล้วขยี้สร้างความรัญจวนจนบวมช้ำจนเผลอกรีดร้อง รู้สึกดีจนหายใจไม่ทันไม่หลงเหลือแรงจะต่อต้าน แถมกลับเคยชินกับมันจนต้องแอ่นอกให้ราวกับว่าคนตรงหน้าเป็นเจ้าของ และแสนจะคุ้นเคยกับสัมผัสวาบหวามนี้เป็นอย่างดี

    ทำไมกันนะ

    “หอม”

    ฟอดดดดดด!!!

    เชสเซอร์ที่ปรนเปรอยอดอกหวานจนพอใจแล้ว ก็พรมจูบและหอมไปทั่วซอกคอขาวอย่างหลงใหล มัวเมาไปกับความหมอหวานของแมวขาวขนฟูตรงหน้า

    “หวาน”

    จุ๊บ!

    ขบกัดปลายยอดพร้อมกับดึงรั้งดูดดุนซ้ำๆอย่างมัวเมา เฝ้าวนเวียนโลมเลียจนชุ่มฉ่ำไปทั่วความสวยงามบนอกสวย

    หน้าท้องแบนราบยุบพองตามแรงหายใจของเจ้าของ สั่นไหววูบวาบไปกับสัมผัส เรียวขาขาวสั่นระริกเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ ขยับขบเม้มปากแน่นเมื่อร่างสูงขยับเสียดสีไปมา

    “พะ พอแล้ว”บอกปนสะอื้นในอกแทบสำลักความสุขกับร่างสูง

    “ครับ งั้นเข้าห้องกัน”

    ไม่รอฟังอีกเช่นเคย เชสเซอร์จัดการอุ้มเอาคนตัวอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ให้คนตัวบางซบหัวกับไหล่ แล้วเกี่ยวขาเรียวสองข้างไว้ที่เอวตน แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของห้อง ที่อยู่ระหว้างห้องอาบน้ำและห้องแต่งตัว

    เชสเซอร์กดรหัสห้องนอนเสร็จ เพียงแค่ก้าวขาเข้ามาไฟในห้องที่เป็นสีนวลหวานก็สว่างเพียงบางเบา ให้เห็นเพียงเครื่องเรือนในห้องเป็นเงาดำ แต่เด่นชัดขึ้นมาคือเตียงนอนขนาดใหญ่สีเข้ม คลุมทับด้วยผ้าห่มขนสัตว์สีขาว ที่ตั้งอยู่กลางห้องรอต้อนรับทั้งสองให้มาจับจองมัน

    “ไม่เอานะ”ตากลมไหวสั่น กลัวแสนกลัวจนเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้าง

    “ครับ”

    เพียงแค่หนึ่งยิ้มแสนสวย แต่กลับกลายเป็นการยั่วในสายตาของอีกคน เชสเซอร์เลยจัดการฟัดคนตัวบางอย่างหนักหน่วงบนเตียงกว้าง ฉีกกระฉากกางเกงในตัวน้อยจนขาดวิ่น ลูบไล้หยอกล้อเจ้าร่องสวยและก้นอวบ สลับกับไล่เลียยอดอกแดงช้ำบวมสวย มอมเมาจนร่างบางสำลักออกมาเป็นความสุขแทบตายคาอก

                     

                       #อู่CB

                       ..........................................

         อาจจะยังมีคำผิดที่รอดหูรอดตาไปอยู่บ้างนะคะ ต้องขออภัยไว้ด้วย เพราะตาลายไปกับความหวานของคนน้องจริงๆ อิอิ ฝากคนแมนกับคนหื่นไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ เม้น เม้าท์ มอย กันได้เหมือนเดิมค่า เจอกันใหม่ตอนหน้า บะบาย ^^

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×