ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [Fic exo] อู่...บยอน ChanBaek ft.exo

    ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 22(rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.21K
      584
      28 มี.ค. 66

    *มีพฤติกรรมของตัวละคร คำพูด ที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*

          Chapter 22

     

    “อือ อย่ากวนน่า”ผมงัวเงียด่า พร้อมกับดันหน้าหล่อๆของเจ้าประจำ ที่เราๆต่างก็รู้ดีว่าใคร ออกจากแก้มตัวเอง แล้วหันตัวหนีไปอีกด้าน

    คนนอน เขาว่าห้ามกวนเว้ยแม่ง ไม่มีมารยาท

    “จะไปซ้อมแล้ว”

    “หือ”ผมครางรับ แต่สมองยังไม่เข้าใจหรอกว่าเชสเซอร์พูดอะไร

    โอ้ยไม่อยากจะขยับตัวเลยครับ มันร้าวระบมไปหมดขาก็ปวดเมื่อยแต่ก็ไม่เท่ากับรูน้อยๆตรงก้นผม แต่ไอเด็กยักษ์นี้ก็เหมือนไม่เข้าใจเลยครับยุ่มย่ามมันอยู่นั้นแหละ ความพยายามมึงสูงมาก ขนาดผมมุดเข้ากับกองผ้าห่มหนีแล้ว มันยังดึงยื้อกับผมที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง เพื่อที่จะได้หอมแก้มผมแล้วก็ดูดปากผม

    ไม่มีหรอกนะครับ จุ๊บเบาๆหวานๆ นานวันเข้ามีแต่ดูดกับกัดเท่านั้นแหละ จะหวานก็ต่อเมื่อเอากันเท่านั้นแม่งกูพลาดบอกเลย นาทีแรกนี้นึกว่าบุพเพสันนิวาส แต่กูว่าไม่ครับนรกเปิดประตูชัดๆ!

    “จูบก่อน”เชสเซอร์กระซิบข้างๆหู พลางกดจมูกลงมาหอมลงที่หัวไหล่ของผม

    “จะนอน อะ”ผมงอแง

    “ดีๆ”

    “มึง แม่ง!”ผมโวยวาย

    เชสเซอร์ช้อนตัวผมที่นอนง่อยกับเตียงมาแล้วสามวันใช่ครับสามวัน สามวันที่ผมกินนอนโดยมีไอเด็กยักษ์หูกางดูแลอย่างใกล้ชิด โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปซ้อมเหมือนกัน และวันนี้ก็เข้าวันที่สี่ ซึ่งเมื่อวานคุยกันแล้วว่าผมยังไม่ต้องไปก็ได้เพราะคุณรอยให้พักหนึ่งอาทิตย์ ส่วนเชสเซอร์จะไปวันนี้เพราะผมไม่อยากให้เสียเวลาซ้อมไปมากกว่านี้ และผมสามารถที่จะเดินเหินได้สะดวกแล้วด้วย

    “มาจูบก่อน”

    “อือ!

    ผมปรือตาขึ้นมาอย่างหมดอารมณ์จะนอน เพราะทนไม่ไหวกับการก่อกวนของอีกฝ่าย แม่งลูบนั้นลูบนี้ บีบนั้นบีบนี้ไปทั่วทั้งตัว แถมเน้นหนักๆที่หัวนมตุ้ยๆของผมอีก จะไม่ลืมตาไหวเหรอ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าตัวใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้น ข้างเตียงมีรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังวางรออยู่

    “หาวจะไปแล้วเหรอ อือ”ผมอ้าปากหาว พร้อมกับบิดขี้เกียจไปด้วย

    “อือ จะกลับมาเย็นๆ บัตรวางไว้ตรงนั้นกับเงินสด ห้ามขึ้นรถเมล์เข้าใจไหม”

    สั่งมาอย่างยาวเลย

    เห็นกูเป็นเด็กไปเลยเว้ย แม้ทำอย่างกับว่ากูเนี่ยสวยนักหนาเลย เบื่อเว้ยจะให้ย้ำอีกกี่ทีวะ ว่ากูก็ผู้ชายยยย ควายจริงๆ

    ก็ได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจนั้นแหละ แอบมีใจเต้นด้วยเพราะแม่งห่วงผม เขินอะ เว้ยมึงจะเอาไงแน่ไอเบจะโมโหหรือเขิน เลือกเอาสักอย่าง เฮ่อกูละเบื่อตัวเอง

    “ให้ไปแน่นะ ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวเอาแต่โทรๆจนไม่เป็นอันซ้อม มีเรื่องแน่”ผมยกนิ้วจิ้มอกแน่นๆนั้นเบาๆ พร้อมกับเงยหน้ามองหน้าหล่อๆ ที่ก็มองมาที่ผมเหมือนกัน

    โอ้ยรอยสักมันบาดตาบาดใจผมจริงๆ โคตรจะเท่ใจเต้นไม่หยุดเลยเว้ย

    “ให้ไป อย่าดื้อละ”เชสเซอร์ย้ำ

    ฟอด!

    “รู้แล้ว อือ!

    ผมพยักหน้ารับ แบ้วเงยหน้ารับจูบหวานๆซึ่งหวานจริงๆ มันบดขยี้เบาๆ สลับกับดูดริมฝีปากกระตุ้นให้ผมเปิดปาก แล้วส่งลิ้นเข้ามากวาดต้อนหยอกล้อจนผมซู่ซ่า มือสองข้างก็ทั้งบีบก้น ลูบหลังจนผมเผลอไปกับสัมผัสหวานๆยามเช้า ที่อารมณ์ขึ้นง่ายโคตรๆ โอบวงแขนรอบคอแกร่งและจูบตอบเชสเซอร์กลับไป

    จุ๊บ!

    “อย่าทำตัวให้น่ารักมากนัก”

    เชสเซอร์ปล่อยปากผมให้เป็นอิสระ แล้วพูดชิดปากผม ซึ่งผมเนี่ยหอบหายใจตัวโยนหน้ามืดเลย ก่อนจะถลึงตาใส่ไอเด็กยักษ์นั้นอย่างโมโห  แต่ก็ต้องมาระเบิดความเขินใส่กับประโยคบ้าๆนี้ ที่เล่นเอาแก้มร้อนผ่าว

    กูเขินนนนนนนนนนนจนอยากจะลงไม้ลงมือกับหน้าหล่อๆนี้จริงๆ

    “บะ บ้า!เว้ย น่ารักห่าอะไรเล่า”ผมเชิดหน้าตาโตใส่ ปากที่กำลังด่าอีกฝ่ายก็สั่นได้สั่นดี

    สัดเอ้ย

    “หึหึ ถ้าออกไปไหนอย่าลืมโทรบอก ถ้าไม่รับก็ต้องส่งข้อความมา”เชสเซอร์รวบผมขึ้นไปนั่งบนตัก พลางกำชับเสียงเรียบ

    แม้ทำอย่างกับที่นี้มันต่างบ้านต่างเมือง กลัวกูหลงขนาดขอย้ำตรงนี้อีกครั้งแบบชัดๆเลยนะครับ ที่นี้เมืองไทยเว้ยและที่ๆคอนโดมึงตั้งโดอยู่เนี่ย ก็เมืองหลวงของประเทศกูอยู่นี้มาเกือบทั้งชีวิตไม่นับร่วมไปเรียนเมืองนอก บักยักษ์หูกาง

    “รู้แล้วย้ำซะจนลืมไปเลยมั้งว่ากูอายุเท่าไร นี้บ้านเกิดกระผมนะครับ”ผมกอดอกจ้องตาสีสวยนั้นเขม็ง

    “ห่วง”นี้ก็มึนตอบ แต่เอาใจกูไปเลยครับ

    “อึ้ยรู้แล้วน่า รีบไปได้แล้ว”เมื่อไม่สามารถเถียงชนะได้ ผมก็ไล่แม่งเลย

    “หึหึ เงินกับบัตรอยู่ตรงนั้นนะ จะใช้เท่าไรก็แล้วแต่”เชสเซอร์ก้มลงมาจุ๊บแก้มผมอีกครั้ง พร้อมกับย้ำเรื่องเงิน ผมหันไปที่โต๊ะข้างเตียงก็พยักหน้ารับ เห็นแบงค์อยู่หลายใบกับบัตรหนึ่งใบ

    แม้สายเปย์นี้หว่า หึหึ เดี๋ยวกูจะรูดให้หมดเลย

    “ดูทำหน้า”

    “เออน่ะ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวสาย”

    “ไปส่งหน่อย”เจ้าตัวอ้อนด้วยหน้ามึนๆ

    “ชุดนี้เนี่ยนะ”ผมถามพลางก้มลงมองสภาพตัวเอง ซึ่งก็ต้องเบ้ปาก ถึงมันจะไม่ค่อยมีรอยเขียวช้ำแล้วก็ตาม แต่ก็วาบหวิวซะ

    “หน้าประตู”

    เออแล้วไป

    “หวง”เจ้าตัวช้อนเอวผมขึ้นมาอุ้มแนบอกแล้วเดินออกจากห้องนอนทันที

    ผมรีบใช้ขาเกี่ยวเอวเชสเซอร์ไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับคล้องแขนรอบคอแกร่ง กลัวตกไงถึงแม้ว่าเชสเซอร์จะช้อนก้นผมไว้ก็ตามที

    “หวง แล้วจะให้แต่งตัวอย่างงี้ทำไมละ”

    “ชอบ”

    “โรคจิต”

    เชสเซอร์ไม่โต้ตอบอะไร แต่มือกลับบีบตูดผมอย่างแรงเหมือนจงใจแกล้ง จนผมต้องถลึงตาปามเขา

    “ระวังตัวละ”

    เชสเซอร์ปล่อยผมลงยืนตรงหน้าประตูห้อง ก้มลงมาหอมหัว แล้วลูบก้นผมเบาๆพาเอาหวิวใจ ก่อนจะยกยิ้มหล่อมาให้หนึ่งที สะพายกระเป๋าพร้อมกับใส่รองเท้าแล้วออกจากห้องไปทันที

    ปึง!

    เสียงปิดประตูคอนโดเบาๆ มาพร้อมๆกับความเงียบที่พาเอาใจผมหวั่น เพราะตลอดหลายเดือนผมและเชสเซอร์แทบไม่เคยห่างกันเลย ไปไหนไหด้วยกันตลอด อย่าอิจฉาครับเพราะมันเรื่องจริงคอนโดหรูขนาดใหญ่เหลือเพียงแค่ผมคนเดียวมันก็ทำเอาเหงาๆจนอยากจะคว้าโทรศัพท์โทรบอกเชสเซอร์ว่าอยากไปด้วย เพราะนี้ก็ไม่ไว้ใจเรนแต่อีกใจก็ไม่อยากไปเกะกะเขา เพราะร่างกายยังไม่พร้อมที่จะทำงานหนักๆ

    เออจริงด้วยจำได้ว่าตาแก่บอกว่าพวกพี่แจ๊คกับพี่มาร์คกลับมาเมืองไทยแล้วนี้หว่า ว่าแล้วโทรกลับบ้านเสียหน่อย

    ผมก้าวฉับๆด้วยชุดนอนลูกไม้สุดหวิว เพิ่มความหื่นกามในมโนจิตของไอคนซื้อด้วยหางกระต่ายปุกปุยสีขาวตรงขอบจีสติง ทำเอาเมื่อคืนกูต้องตะแคงนอนทั้งคืนกับถุงน่องมีสายรั้งขนฟูตรงไปยังโทรศัพท์ แล้วกดโทรหาพี่แจ็คทันที

    แทบจะไม่ได้ยินเสียงรอสายครับรับเร็วมากกกกก

    “เบเบ้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”เสียงแปดหลอดของพี่ชายสุดที่รักดังทะลุออกมาเลย

    “โอ้ยไอพี่แจ็ค หูน้องดับพอดี”ผมคุยกับพี่เพราะนะครับ ยิ่งกับพี่มาร์คนะยิ่งกว่านี้อีก

    “พี่แจ็คงอนเบเบ้แล้วไปไหนทำไมถึงโทรหาไม่ได้ ตัวเองติดเกาะอยู่รึไงหรือทำภารกิจลับอยู่ฮะ!”รัวมาเป็นชุด ได้ยินเสียงพี่มาร์คด่าแว่วๆมาด้วยครับ

    ผมยกยิ้ม อ่า คิดถึงจัง ไม่ได้เจอกันเกือบสามปีเห็นจะได้ครับ ส่วนมากจะคุยโทรศัพท์กันซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะพี่ชายทั้งสองยุ่งมาก นานๆครั้งเท่านั้นถึงจะว่างได้กลับบ้าน แต่กลับมาทียาวเป็นเดือนเหมือนกัน

    “เปล่าสักหน่อย น้องมาทำงาน”ผมบอกเสียงเบา พยายามไม่คุยถึงนายจ้างสุดสวาทขาดใจ เพระไม่งั้นงานเข้า!

    พี่แจ็ค โคตรของโคตรๆๆๆๆๆ หวงผมเลยพูดออกมาได้เต็มปากเลยว่า อยากให้ผมขึ้นคาน เพราะไม่มีใครหน้าไหนเหมาะสมจะดูแลผม!

    เออข้อเนี้ยผมอยากจะเถียงสุดใจขาดให้ดิ้นตายเถอะผมเนี่ยก็ผู้ชายไงก็ต้องหาเลี้ยงผู้หญิงถูกไหมครับ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันเป็นอดีต พาสเก่าไปละ เฮ่อ ตอนนี้มีผัวหนึ่ง นอนกินหายใจทิ้งสบายๆแล้ว ไม่ต้องทำงาน!

    “ทำงานทำงานอะไรไหนบอกพี่สิครับ น้องยุ่งขนาดที่ว่าโทรหามาพี่คนนี้สักนาทีไม่ได้เลยเหรอ”เจ้าตัวจี้เสียงเข้ม

    ใจกูเต้นแรงเลยครับ กลัวเว้ยเอาจริงๆนะ เห็นปัญญาอ่อนๆแบบนี้พี่แจ็คคุยยากมากกว่าพี่มาร์คเยอะ!

    “โหพี่น้องตามติดเจ้านายชนิดที่เห็บหมายังอายเลย จะเอาเวลาไหนโทรเล่า”ผมบ่ายเบี่ยง ไม่อยากคุยว่าทำงานอะไร

    “อะไรกัน ได้ยินแบบนี้พี่น้อยใจน้องนะ”เปลี่ยนน้ำเสียงเร็วจนตามไม่ทันเลยพี่กู

    “โอ๋ๆๆ อย่างอนนะพี่แจ็ค เดี๋ยวน้องได้หยุดเมื่อไหร่ น้องจะไปหา ดีไหมครับ”ผมส่งเสียงอ้อน

    “อือก็ได้ แล้วก็ทำงานอย่างเดียวนะพี่ไม่ต้องการของฝาก ไม่ว่าจะเพศอะไรก็ช่าง!”เสียงเข้มเชียว

    อึยถ้ารู้เรื่องเชสเซอร์เข้า งานนี้หงอกเงยเป็นถั่วแน่ๆผม

    “มาร์คจะคุยกับน้อง”

    “อือ พี่มาร์คคคคคคคคคคค”ผมเรียกพี่คนโตเสียงหวาน

    “ว่าไงตัวเล็ก ติดแฟนน่าดูเลยนะเรา”

    “เห้ยรู้ได้ไงอะ ขนาดพี่แจ็คจอมยุ่งยังไม่รู้เลยนะ”ผมตกใจถามพี่มาร์คเสียงสั่น

    “แก๊งปลาสวายของเราเขาคุยให้พี่ฟัง ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วย บราเดลไม่ใช่เบาๆนะ”พี่มาร์คเตือนเสียงเข้ม

    ไม่ทันแล้วไหมละพี่ ไม่ใช่เบาๆเนี่ยมันเรื่องหนายยยยยยยยยยยยย ฮื่อๆๆๆ แล้วมีอะไรที่ผมควรรู้

    “งะ แล้ว”ผมใบ้รับประทานเลยไปต่อไม่ถูก

    “หึหึ ลีลาน่าดูเห็นทุกคนพูดมา รสนิยมทางเพศเอาเรื่องเหมือนกัน น่าสงสารน้องชายตัวน้อยๆของพี่”พี่แกส่งเสียงเห็นอกเห็นใจมาตามสาย ที่คนฟังอย่างผมขนาดเป็นน้องฟังมันยังดูปลอม คิดเอาเถอะครับ

    โอ้ยแต่มันไม่ทันแล้วไหมละพี่มาร์ค

    ผมยู่หน้าอย่างขัดใจ เมื่อได้ฟังเสียงหัวเราะชอบใจของพี่ชายคนโต ก่อนผมจะเป็นคนเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะยิ่งคุยมันยิ่งเข้าตัวเอง ได้คุยกับตาแก่ด้วย และก็มีเรื่องทำให้ผมดีใจจนหน้าตาไหล เมื่อตาแก่สามารถสละยานแม่โขงได้เสียที ฮื่อๆๆๆๆๆ อยากจะตะโกนให้ได้ยินกันทั่วจักวาลจริงๆครับ พ่อกูเลิกเหล้าแล้ววววววววววว โขกหัวแรงๆสามที

    มาร์ควางสายจากน้องน้อยเป็นที่เรียบร้อย พอดีกับรถตู้คันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าอู่ ซึ่งวันนี้เขาปิดอู่เพื่อจะได้คุยเรื่องธุระนี้ให้มันเสร็จ และจะได้เคลียทุกอย่างให้มันจบๆไปเสียที หลังจากที่แดดดี้บ่ายเบี่ยงจะไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายก็เป็นเขาที่ต้องบังคับ ถึงแม้ไม่อยากจะเห็นน้ำตาก็แดดดี้ แต่เขาก็ไม่อยากจะให้แดดดี้พึ่งเหล้าไปมากกว่านี้แล้ว

    มาร์คหันไปมองแดดดี้ที่พอโกนหนวด อาบน้ำสระผมแต่งตัวดีๆ ก็แทบจะไม่ต่างจากเขาหรือแจ็คเลย เผลอๆอาจจะดูอ่อนกว่าด้วยซ้ำกำลังยืนสูบยาเส้น ซึ่งมีแจ็คยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ และหน้าอู่มีผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของพวกเขาทั้ง 3คนพี่น้องสวมชุดลำลองซึ่งต่างไปจากทุกวันที่เป็นสูท กำลังเดินเข้ามาหาเราสามคน

    “เธอพร้อมจะเคลียและฟังฉันแล้วใช่ไหม”

    “อืม งั้นไปกินข้าวกัน”

    “แล้วลูกอีกคนละ”

    ยังไม่ถึงเวลาของอคิราห์หรอกจัสตินสามสิบปีเต็มที่เขาไม่มีพ่อไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวนาย นายคิดว่าลูกจะทำหน้ายังไงฮะถ้าลูกรู้ว่าตัวเองมีพ่อแทนที่จะมีแม่เป็นคนเกาหลี!!”กรพูดเสียงเข้ม ตาคมจ้องแววตาสีเขียวเข้มตรงหน้าเขม็ง

    เขาไม่อยากมองหน้าของผู้ชายคนนี้ คนที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีความเจ็บปวดมันก็ไม่เคยจางหาย แต่เขาก็ยังโง่ที่จะจมปักอยู่กับมัน ทั้งๆที่ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากคุยด้วยแต่ก็ยังโหยหามัน ทรมานตัวเองจนสุดท้ายต้องไปลงกับเหล้า แต่ทุกครั้งมันยังคงเจ็บเสียด ทิ่มแทง อากาศที่หายใจเข้าออกทุกวันเหมือนเข็มที่เสียดแทงไปทั่วร่าง ทรมานแทบบ้า

    จากนั้นกลุ่มคนที่อดีตเคยเป็นครอบครัวก็พากันขึ้นรถตู้คันหรู มุ่งตรงไปยังห้างดังที่เป็นจุดหมายเพื่อจะกินข้าวและคุยกันตามที่ลูกชายคนโตต้องการ และอันที่จริงจัสตินได้จองห้องอาหารหรูไว้ที่โรงแรมใจกลางเมืองแล้ว เพื่อความเป็นส่วนตัวและสะดวก แต่กรปฏิเสธเพราะตัวเขาไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก เลยเปลี่ยนไปกินกันที่ห้างใกล้บ้านแทน และเขาก็ไม่อยากจะให้อคิราห์ต้องมารับรู้อะไรทั้งนั้น

    ไม่รู้อะไรนั้นแหละดีแล้ว

    กรคิดในใจพร้อมกับหันออกไปมองด้านนอก ให้ความสนใจรถมากมายบนท้องถนนมากกว่า ที่จะสนทนากับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะลูกชายทั้งสองปลงใจจะไปนั่งด้านหลังและให้พ่อทั้งสองคนนั่งข้างกัน

    “ผมแค่หวังให้แดดดี้และพ่อคุยกันดีๆ ไม่ได้หวังจะให้ทั้งสองกลับไปคืนดีกันหรอกครับ แดดดี้ไม่ต้องทำหน้าขนาดนั้นก็ได้”มาร์คมองทั้งสองสลับกัน ก่อนจะถอนหายใจ เมื่อเห็นหน้าไม่รับแขกของแดดดี้ ที่บิดเบี้ยวจนตีนกาขึ้นตรงหางตาทั้งสองข้าง

    “เฮอะแล้วที่ผ่านมา มันไม่ชัดเจนตรงไหนวะ ไอลูกรัก!”กรหันมาค้อนตาขวับใส่มาร์ค พลางเน้นเสียงจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง

    “แดดดี้ อย่าหาว่าผมงั้นงี้เลย ทิฐิหนักไหม”แจ๊คทะลุขึ้นมากลางปล่อง พลางมองทั้งแดดดี้และพ่อสลับกัน

    “ไอแจ๊ค!”กรหันไปมองหน้าลูกชายคนที่สองอย่างไม่พอใจ เมื่อเจ้าตัวพูดจี้ใจดำเขา

    “ฉันรู้ว่าฉันผิด ฉันมันเลว ฉันมันไม่รู้จักพอ มีพวกเธอแล้วแต่กลับหลงไปกับชื่อเสียง มันเลยทำให้ทุกวันที่ผ่านมาของฉันทรมานแทบตายไงละกร”จัสตินพูด พลางมองหน้ากรคนที่เป็นทั้งอดีตและปัจจุบัน เพราะรอยรักไม่เคยจางหายไปจากใจ

    กรแสยะยิ้ม กอดอก พร้อมกับจ้องหน้าคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจในอดีต ถึงแม้ว่าปัจจุบันมันยังคงทิ้งตะกอนอยู่ในใจเขาก็ตามอย่างเยาะเย้ย

    “เหรอ ก็เห็นเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีเงินถุงเงินถัง มีข่าวกับดารานางแบบไม่เว้นวัน กูไม่เห็นว่ามึงจะทุกข์ร้อนอะไรนิ และวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมาร์คขอ มึงก็อย่าหวังเลยว่ากูจะมา!”พูดจบก็หันหน้าหนีทันทีเพื่อเป็นการตัดบทสนทาไปโดยปริยาย

    “นายรู้ได้ไง”จัสตินมองแผ่นหลังคนตรงหน้าอย่างตัดพ้อ แต่ก็เข้าใจเพราะเขามันเลวจริงๆนั้นแหละ

    มีสถานที่อบอุ่นดีๆไม่ชอบ กลับทำให้มันเย็นเยียบราวกับกำน้ำแข็งไว้ในมือ ให้มันกัดอย่างช้าๆทรมานตัวเองเล่น เฝ้าหาความอบอุ่นข้างนอกทั้งๆที่มันคือไฟที่เผาทำลายตัวเอง สุดท้ายก็โดดลงปล่องภูเขาไฟด้วยตัวเอง ในการไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อความก้าวหน้า เพราะสมัยนั้นเขากับกรยังไม่สามารถที่จะจดทะเบียนกันได้ เขาเลยตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง โดยลืมไปว่าที่มีทุกวันนี้ได้เพราะใคร

    “กูก็ไม่ได้อยากรู้”กรหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างเฉยชา และกลับไปสนใจข้างนอกอีกครั้ง

    จัสตินถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน มือที่วางบนเข่าขวาบีบเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวหลับตาลงกับเบาะนั่ง ทำให้รถตู้คันหรูกลับมาเงียบสนิทไม่มีเสียงคุยใดๆอีกครั้ง ไม่เว้นแม้กระทั้งลูกชายทั้งสอง ที่เอาแต่ส่งสายตาให้กันอย่างเดียว

    มาร์คและแจ๊ครู้ถึงความเจ็บปวดของแดดดี้ดี และเข้าใจว่าพ่อนั้นสำนึกผิดแล้วจริงๆ เพราะสาเหตุที่พ่อนั้นกลับมาง้อแดดดี้ก็คือพวกเขาสองคนที่เป็นคนพูด เพื่อไม่ให้เขาและแจ๊คต้องโดนหางเลขไปด้วยถ้าแดดดี้จับพิรุธได้ พ่อจึงเอาเรื่องบางอย่างมาเป็นข้ออ้าง อีกทั้งพ่อก็ละอายใจเกินกว่าจะให้แดดดี้เห็นหน้าด้วยความผิดมากมายในอดีต แต่พวกเขาก็ทนไม่ได้อีกแล้วที่แดดดี้ไม่สามารถก้าวขาออกจากเงาของความเจ็บปวดในอดีตได้ และเอาทุกอย่างทุ่มลงไปกับเหล้า

    ตอนนั้นพ่ออาจพลาดจริงด้วยอายุที่ยังน้อยแค่เพียง 25 แต่กลับประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว จนปรับตัวไม่ทันและหลงมัวเมาไปกับมัน กลายเป็นว่าหลงลืมพวกเราที่เฝ้ารออยู่ที่บ้านไป มัวเมาไปกับชื่อเสียงและเงินทอง สุดท้ายจึงทอดทิ้งพวกเราไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับรู้อะไร เพราะตอนนั้นเขาและแจ๊คก็โตพอที่จะรับรู้ได้แล้ว ผิดกับเบที่ยังไม่ถึงเดือนดี น้องจึงไม่รับรู้ใดๆ

    ท่ามกลางความเงียบในรถตู้ ทั้งสี่ชีวิตก็มาถึงห้างใจกลางเมืองและเป็นแจ๊คที่พาเข้าร้านอาหารสไตล์ฝรั่งจ๋า เพราะพ่อเขานั้นไม่ค่อยจะถนัดอาหารไทยเสียเท่าไร

    เมื่อทั้งสี่คนนั่งประจำที่ในโซนติดกระจก ที่ด้านนอกสามารถมองเห็นได้ แต่กลับเป็นส่วนตัวจากในร้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ กรก็เปิดบทสนทนาเข้าเรื่องทันที เมื่อสั่งอาหารกับพนักงานไปเรียบร้อย

    “กูหวังว่ามึงจะไม่ไปยุ่งกับเบ”

    “ทำไม นั้นก็ลูกเราไม่ใช่เหรอ”จัสตัสค้าน นึกไม่ชอบใจ ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อที่เลวแต่เขาก็อยากมีตัวตนในสายตาลูกบ้าง

    เบเกิดมาในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นย้ำแย่เต็มที เขาไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้สนใจลูกและกรที่รออยู่บ้าน หลงระเริงไปกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เงินสามารถบรรดารออกมาได้ ไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าแท้จริงแล้ว วันที่เขาล้มการแข่งนั่นคือวันที่เบเกิดและเป็นรายการเดียวกันกับที่เขาสัญญาว่าจะเอาแชมป์มาให้กับคนที่ไม่สามารถขับF1ได้ แต่เขาก็ทำมันพังลงทั้งหมด ทั้งสัญญาและหน้าที่ของคนเป็นพ่อ

    “เหรอ จำไม่เห็นได้ว่าลูกสามคนมีพ่ออย่างมึงวะจัสติน แทนที่มึงจะเอาเวลามาตามยุ่งกับอดีตที่ผิดพลาดของมึง สู้มึงเอาเวลาไปง้อยัยเซเลปผู้ดีนั่นดีกว่าไหม เห็นว่ามีประโยชน์ในธุรกิจนิ”กรประชด พร้อมกับความปวดหนึบในใจที่ประท้วงเขาเบาๆ

    ทำไมยังไม่เลิกที่จะหวังอีก หวังทั้งๆที่มันไม่มีทางเป็นไปได้แท้ๆ

    มาร์คกับแจ๊คพากันถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันที เห็นเค้ารางความวิบัติอย่างชัดเจน เพราะแดดดี้ก็เจ็บจนจำฝังใจ พ่อก็เอาแต่ปากแข็งไม่ยอมพูดถึงสาเหตุที่ต้องเลิกขับรถสักที ต่างคนต่างถือทิฐิเอาไว้พอกันทั้งคู่ ทำเอาคนเป็นลูกต้องส่ายหน้าถอนหายใจ

    “แดดดี้ พ่อ ทั้งสองคนน่าจะรู้ดีนะครับ ว่าจะทำให้มันจบลงตรงไหน ความทรมานเกือบสามสิบปีมันไม่พออีกใช่ไหม”มาร์คจ้องหน้าทั้งสองคนนิ่งๆ

    “ผมรู้นะครับว่ามันยาก แต่อย่างน้อยก่อนจะตายจากกันไป ก็อย่าให้มันมีอะไรมาค้างคาใจเลยครับ”แจ๊คพูดเบาๆ มองคนทั้งสองที่ตนรักนิ่งๆ

    “ค้างคาใจ หึก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ การตัดสินใจพลาดแค่ครั้งนั้น มันก็ทำให้บัดซบมาทั้งชีวิตนั้นแหละ”กรหันไปจ้องหน้าจัสตันนิ่งๆ พลางแสยะยิ้ม เมื่อเห็นรอยของความรู้สึกผิดในสายตาสีมรกตตรงหน้า

    “เออ ฉันมันเลวที่นี้พอใจคุณรึยัง”

    “รู้ดีนิแต่น่าจะรู้ให้ช้ากว้านี้อีกซักหลายๆปีเพราะจะได้ตายๆจากกันโดยไม่มีภาพคนเชี้ยๆอย่างมึงติดตา!

    “แดดดี้!!!”มาร์คและแจ๊คเรียกแดดดี้ตัวเองเสียงดัง แล้วหันไปมองคนที่นั่งข้างๆแดดดี้อย่างพ่อ ที่เงียบเสียงลงทันตาเห็น

    “เงียบไปเลยทั้งคู่ ถ้าไม่อยากให้ต้องโมโหไปมากกว่านี้”กรชี้หน้าลูกทั้งสอง

    “ไม่คิดที่จะให้โอกาสกันเลยสินะ”จัสตินถามคนนั่งข้างๆเบาๆ

    “แน่นอนว่าไม่มีทาง!”กรย้ำลงไปบนปากแผลของตน หวังให้คนข้างๆได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ตนเคยได้รับ

    มาร์คกับแจ๊คก็ได้แต่มองแดดดี้ที พ่อที ทั้งสงสารคนทั้งสองแล้วกลับมาส่งสายตาใส่กันเองว่านี้พวกเขาคิดถูกแล้วใช่ไหม ที่ขอให้ทั้งสองมากินข้าวกันเพื่อปรับความใจ หรือแผลบางแผลที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แม้ปากแผลมันจะผิดสนิทแต่ก็ยังคงทิ้งหนองเอาไว้

    “อ่อ แล้วฉันหวังว่า เบจะไม่รู้จักนายไปตลอดการ ส่วนลูกสองคนเหยียบให้มิดว่าวันนี้เรามาคุยเรื่องอะไรกัน”กรย้ำ

    จัสตินมองอย่างตัดพ้อกับคนข้างๆตนอย่างระบมไปทั้งใจ ทุกอย่างคงหมดสิ้นไปแล้วด้วยน้ำมือเขาเอง แม้จะอยากคุยกับลูกคนเล็กขนาดไหนก็คงยากเต็มที เมื่อคนมีสิทธิทุกอย่างเกี่ยวกับลูกไม่อนุญาต

    ทั้งสี่คนเอาแต่คุยกันโดยไม่สนใจเลยว่า ด้านนอกนั้นมีร่างขาวบางสุดแสนคุ้นตา กำลังนั่งกินข้าวอยู่ร้านตรงข้าม ซึ่งถ้าหันออกมามองก็จะเห็นทั้งสี่ได้อย่างชัดแจ๋ว เหมือนเวลามันจำเพาะเจาะจงจริงๆ เพราะอคิราห์กำลังนั่งมองคนทั้งสี่กันอย่างสงสัย และเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อจะรู้จักกับฝรั่งคนนั้น เพราะวันๆเอาแต่กินเหล้าซ่อมรถ ไม่เคยเห็นจะออกไปคบค้าสมาคมกับใคร แต่กับฝรั่งคนนั้นแปลกออกไป

    หลังจากที่อคิราห์เกลือกกลิ้งอย่างเบื่อๆในคอนโดแล้ว สุดท้ายเลยโทรไปบอกเชสเซอร์ว่าตนอยากออกมาข้างนอก ซึ่งพอได้รับคำอนุมัติก็รีบเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัว แล้วตรงมาที่ห้างทันที เพราะปลาแซลมอนย่างเกลือของร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี้มันดีจริง ระหว่างนั้นอคิราห์ก็เห็นตาแก่เดินหน้าบึ้งเข้าไปที่ร้านอาหารฝรั่งฝั่งตรงข้าม ตามด้วยพี่ทั้งสองและฝรั่งคนนั้น ทั้งๆที่วันนี้เขาถามพี่มาร์คแล้วแท้ๆว่าออกไปไหนกันไหม และพี่ก็บอกว่าปิดอู่พัก เขาซึ่งถ้ากินข้าวเสร็จก็กะจะตรงกลับไปที่บ้าน ก็อดงงไม่ได้ว่าทำไมถึงมาเจอทั้งสามที่นี้ไหนจะฝรั่งคนนั้นอีก แล้วทำไมต้องโกหกกันด้วย อันนี้แหละที่ไม่เข้าใจจริงๆ

    ความสงสัยมันเพิ่มพูนจนสุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหว เรียกคิดเงินออกจากร้าน เพื่อจะเข้าไปร้านอาหารฝั่งตรงข้ามสั่งกับพนักงานให้หาโต๊ะที่สามารถได้ยินทั้งหมดสนทนากัน

                   

    #อู่CB


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                


     

     

     

     

     

                   

     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×