ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [Fic exo] อู่...บยอน ChanBaek ft.exo

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15(rewrite)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.74K
      619
      28 มี.ค. 66

     *มีพฤติกรรมของตัวละคร คำพูด ที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*


    Chapter 15

     

              “ฮื่อ!!

    เช้านี้แม่งมันอาจจะสดใสสำหรับใครหลายคน แสงแดดอ่อนๆเหมาะแก่การนอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล ดูปะการัง ทำกิจกรรมทางน้ำสุดมันแต่กับผมมันไม่ใช่เลยสักนิดเว้ย!

    เนี้ย! มันเช้าแล้วเว้ย ซึ่งเป็นเช้าที่กูไม่รู้สึกสดชื่นเลยสักนิด เหมือนตัวเองเป็นวิญญาณที่ร่องลอยอยู่ตามอากาศ เพราะกายหยาบยังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงจากการที่โดนไอเด็กเวรแดกมาตลอดทั้งคืน ขนาดผมนอนเป็นผักอยู่บนเตียงเรี่ยวแรงจะลืมตายังไม่มีเลยแท้ๆ แต่เสือกต้องมารับจูบดูดวิญญาณของไอเด็กยักษ์เอลนี้แต่เช้า มันจูบเอาจูบเอาเหมือนหิวมาจากไหน แถมเอามือมาบีบนมผมอีก

    คิดว่ากูไม่รู้สึกรึไงวะ รู้ไหมผู้ชายตอนเช้ามันขึ้นง่ายน่ะฮะ! ก็ไม่ใช่หินใช่ดินเด้

    พรึบ!

    ผัวะ!

    “ไอเด็กเวรแต่เช้าเลยนะ”

    กูนี้ลืมตาพรึบ ทุบสันมือใส่หัวยุ่งๆนั้นอย่างไม่ออมแรง โทษฐานที่แม่งยุ่มย่ามกับก้นของผมแต่เช้า แถมยังเสือกมาจูบไม่ดูเวล่ำเวลา เอามันทุกที่ไม่เลือกปากกูเปื่อยเปียกไปหมดแล้ว

    “โอ้ย”

    ร้องอย่างงี้ กูขอทุบซ้ำอีกทีได้ไหม

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของแม่งกวนตีนผมฉิบเลย ได้ยินแล้วมันคันตีนยิบๆเลย แถมยังมีหน้ามานั่งมึนโชว์กล้าม ไม่ยอมใส่เสื้อ กางเกงในแม่งก็ไม่ใส่อะ ใส่แค่กางเกงนอนขายาว อื่อหือจะๆตาเลย เวรเอ้ย!

    “ไม่ต้องมาอ้อน วันนี้จะต้องได้เที่ยว บอกเองไม่ใช่เหรอ”ผมพูด พยายามๆดันหัวยุ่งๆนี้ออกจากตักตัวเอง

    ปวดหลังฉิบไอเด็กนี้มันไม่รู้รึไงวะ ว่าอายุคนเลขสามมันปวดเนื้อปวดตัวง่าย แล้วเสือกมาเล่นเอาผมทั้งคืนเลย กะไม่ให้กูออกไปไหนเลยรึไงวะ แม่ง!

    “อือ”งึมงำในลำคอ แล้วซุกหน้าลงกับต้นขาผม ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

    “อย่ามามึนใส่นะ มาถึงนี้แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย”ผมบ่น

    ก็มันจริงนะเว้ย มาได้จะสี่ห้าวัน พอตกลงเป็นแฟนกันมันก็เอาๆผมอย่างเดียวเลย ไม่ให้กูได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แม่งน่าสับกะโหลกให้ยุบแท้ๆนวล

    “อยากไป ?”เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาถาม เมื่อทนการจิกหนังหัวจากผมไม่ไหว

    “ใช่อยากเที่ยว เดี๋ยวก็จะไม่ได้เที่ยวแล้วไง”ผมพูดกับเจ้าตัวอย่างหงุดหงิด

    “ทำไม”

    “เอ้าเดี๋ยวเชสก็จะเริ่มซ้อม กู เอ้ยจะแทนตัวเองว่าไรดีวะ”ผมเม้มปากเบาๆ พลางหันไปสบตาสีฟ้าอมเทานั้นอย่างเขินๆ

    “เบบี๋”

    “ไม่เอาเว้ยมันไม่แมน มีผู้ชายที่ไหนเขาแทนตัวเองว่าเบบี๋กันละ อือ!

    จุ๊บ!

    ไม่ปล่อยจังหวะให้กูได้หายใจเลยเว้ย แม่งจ้วงลิ้นเข้าแล้วมากวาดต้อนลิ้นผมไปทั่วโพลงปาก จนผมแทบลำลักจูบตายคาอกมัน แถมยังมีหน้ามาดูดปาก กัดปากผมจนผมหูอื้อกับเสียงจูบไปหมด ถึงแม้มันจะทั้งเจ็บและร้อนแรงจนแทบเหมือนโดนสูบพลังงานไปทั้งหมด แต่มันกลับรู้สึกดีสุดๆไปเลยอะ

    วันนี้กูโดนจูบจนปากเปื่อยไปหมดแล้วววววววว

    “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

    “เบบี๋”

    เจ้าตัวย้ำทันทีเมื่อปล่อยให้ปากผมได้เป็นอิสระ จังหวะนั้นผมนี้ก็รีบโกยอากาศเข้าปอดทันทีเลย เพราะลมหายใจหมดไปกับจูบสุดร้อนแรงนั้น

    “เอาแต่ใจ!”ผมกดเสียงด่าเจ้าตัว

    “แน่นอน”

    ไม่ได้ชมเว้ย!

    “เที่ยวไหม”

    เชสเซอร์ก้มลงมาถามผม เพราะตอนนี้เปลี่ยนเป็นผมเองที่ไปซบอกแม่งแทนแล้ว เพราะหมดแรงจากจูบมหาโหดเมื่อกี้ไปตนหมด แต่มันก็ไม่วายที่จะยื่นมือมามาบีบขยำก้นผมไม่เลิกอยู่ดี

    “เที่ยวสิ อืออย่าบีบ”ผมโวย

    “เบบี๋”

    แล้วแม่งก็ก้มลงมากดเสียงต่ำพูดอยู่ข้างๆหูผม แล้วเลื่อนมือขึ้นมาลูบที่หลังผมเบาๆ เหมือนข่มขวัญ เฮอะคิดว่ากลัวรึไงวะ โถรู้จักไอเบคนแมนแห่งปี 2000 น้อยไปซะแล้วไอน้อง!

    ผมหงุดหงิดในใจ ก่อนจะเงยหน้าจ้องหน้าเชสเซอร์กลับไปอย่างไม่กลัว แต่ความคิดกับปากเสือกไม่ได้ไปทางเดียวกันเลยนี้ดิ

    “เออเบบี๋ก็เบบี๋ นี้เห็นแก่ว่าเป็นแฟนหรอกนะเว้ย ถ้าเป็นคนอื่นพ่อบ้องหูโชว์แน่ๆ”

    บ่นไปงั้นแหละ เพราะความจริงกูเขินเว้ย! แม่ง ใครให้มาทำตาวิบวับๆใส่แบบนี้วะ รู้ไหมว่ามันจะทำให้คนหัวใจวาย

    “น่ารัก”

    ฟอดดดดดดดดด

    “อือ อยากออกไปเที่ยว ไม่เอา”ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบปากมันแล้วนะครับ แต่มันโคตรจะยากเลย

    “อาบน้ำ”

    ผมกับไอเด็กยักษ์นี้กำลังนัวกันได้ที่แล้วครับ แต่จู่ๆเจ้าตัวก็ลุกจากเตียง ปล่อยผมเอ๋ออยู่ในชุดนอนเสื้อเชิ้ตตัวเดียวแบบงงๆ ส่วนตัวแม่งก็ลุกไปยืนโชว์กล้ามกับรอยสักอยู่ปลายเตียง แถมยังมีหน้ามายักคิ้วให้ด้วยหน้าตานิ่งๆนั้นอีก

    สัด ไอนิสัยเปลี่ยนเรื่องไม่ถามผู้ฟังเนี่ย ไม่รู้จะดัดมันยังไงดี

    “เที่ยว”

    เจ้าตัวเฉลย เพราะคงยังเห็นผมนั่งเอ๋อๆอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับตัวสักที

    โถก็งงไปเถอะกู โอ้ย ปวดประสาท

    ไม่อยากจะเชื่อไหมว่าไอเด็กยักษ์มันจะปล่อยให้ผมได้อาบน้ำอย่างสบายใจจนเสร็จ และเดินตัวเปลือยออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียว เพราะคิดว่าไอเด็กบ้านั้นคงไม่คิดบ้าบออะไรอีก เพราะจะออกไปข้างนอกกันแล้ว

    ใสซื่อและไว้ใจแม่ง กูแบบกัดฟันแทบแตก เพราะจู่ๆแม่งก็เข้าชาร์ตผมเต็มที่เลย นัวเนียฟัดผมลงกับเตียงจนชุดคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ย ซึ่งสุดท้ายแล้วผมก็ต้องเดินขาสั่นมาเที่ยววัด ผสมโมโห!

    “งดงดมันไปจนกว่าจะปีหน้า”

    “ไม่”

    “ไม่ต้องมาพูด เงียบ!

    โกรธแม่งจริงๆนะ ดูดิ ต้องมาเดินขาสั่นเที่ยว แถมยังเสียดข้างหลังไปหมดเพราะมันคงจะบวมมากแน่ๆครับ คิดดูดิ ไอแฟนเด็กหื่นมันใจร้ายมาก อยากจะคุกเข่าลงพื้นแล้วร้องไห้หน้าซบดินจริงๆ

    “นิดเดียว”พูดออกมาด้วยใบหน้ามึนๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความสุขทางกายมาก ไม่มีความสำนึกเลยสักนิด

    กูนี้หันควับถลึงตาใส่ด้วยความโมโหเลย ไอความมึน ซึน ครองอันดับโลกของผู้ชายคนนี้

    “นิดเดียวบ้าบออะไรขาเบบี๋ถึงสั่นละฮะ!

    ยัง ยัง ยังจะมายิ้มอีก ไม่มีอาการสลดแต่อย่างใดเลยนะ อึย อยากจะเอาปะแจทุบให้ไอหน้าหล่อๆนี้มันยุบจริงๆเลยวะ แม่ง

    “น่ารัก”

    โอ้ยนี้กูโกรธอยู่นะ เนี้ยเล่นใหญ่ โกรธเยอะอยู่นะเว้ย แล้วดูเชสเซอร์มันทำดิ ฮื่อ ยังจะมายิ้มหล่อตาใสใส่อีก โว้ย!

    “นะ น่ารักอะไรเล่า!”แล้วจะเสียงสั่นเพื่อ

    กูจะบ้าตายกับตัวเอง มึงจะเขินอะไรขนาดนั้น อีกนิดก็ตัวบิดเป็นเกลียวแล้วนะเว้ย

    “เบบี๋ไง”เจ้าตัวพูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้ามารวบเอวผมไว้

    ?”งง

    “แทนด้วยชื่อเบบี๋บ่อยๆ”

    อ๋อ ให้แทนตัวด้วยชื่อเบบี๋ เฮ้ยกูไปแทนตัวตอนไหนวะครับ กลอกลับแพรบสาด เมื่อกี้เผลอ อ๊าคคคคคคค ตายๆ ก็ว่าอยู่ทำไมตาวาววับ ยิ้ม ทำหน้าดีใจเหมือนถูกหวย

    “มะ มัวเมื่อกี้หูมึงฟาด สมองไม่สั่งการ ภาพเบลอ สมองเอ๋อ”รีบปฏิเสธอย่างไวเลยครับ แต่ใจนี้เต้นรัว อย่างกับกลองเลยแม่ง ฮื่อๆ

    เชื่อไหมครับ กว่าจะได้แต่งตัวแม่งก็เอาแต่ซบแต่ซุก จนเกือบจะได้เสียกันอีกรอบในตอนเช้า จนเจอสับกะโหลกไปทีนั้นแหละถึงยอมปล่อยผม

    “ทีหลังนะ ถ้ายังเป็นอย่างงี้อยู่ ก็ไม่ต้องเอามันแล้ว”ผมโวยวาย เดินหน้ายับออกมาจากห้อง

    “จะเอา”นี้ก็มึนตอบได้กวนตีนสุดๆ

    อยากจะกระโจนเข้าไปข่วนหน้า ให้ไอหน้าหล่อๆมึนๆนั้นเป็นรอยจริงๆ คนห่าอะไรอย่างงี้ก็ไม่รู้ บทจะดีก็ดีซะจนกูเคลิ้มเลย บทจะมึนก็มึนจนอยากจะเอาประแจตีหน้า พอลามกก็หื่นกามจนกูแทบกราบร้องขอชีวิต เพราะเอาไม่เลิก!

    “อิบอิบเดี๋ยวนี้”ทนไม่ไหวแล้วครับ

    “ทำไมละ”

    ก็เนี้ยแม่ง แล้วก็ก้มลงมากระซิบข้างหูผมด้วยเสียงเชิญชวนสุดๆ

    โอ้ยใจกูๆๆ แล้วแถมยังมีหน้าเอาตรงนั้นมาสีก้นผมอีกนะ ทั้งๆที่อยู่กันหน้าบังกะโลแล้วนะแถมผมก็กำลังล็อคประตูห้องอยู่ด้วย ไม่มีความอาย ไม่มีสำนึกเอาความมึนเข้าสู้ล้วนๆเลยครับ ยอม!

    ตุบ!

    “โอ้ยอีกแล้วนะ”เจ้าตัวบ่นเสียงขุ่น พลางกุมหัวตัวเองที่โดนผมตบเข้าให้

    มึนดีนักเหนื่อย!

    “แล้วตรงนี้มันใช่ที่มาทำเรื่องพวกนี้ไหมฮะ!! เดี๋ยวจะโดนหนักกว่านี้อีกถ้ายังไม่หยุด”ผมหันกลับมาโวยใส่เชสเซอร์ เมื่อล็อคประตูเรียบร้อยแล้ว

    แม่ง เล่นไม่ดูที่ดูทางเลย ส่วนกูนี้ก็หน้าแดง หูแดง ใจเต้นหมด ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น โว้ยกูจะบ้าตายครับ ถ้ายังเป็นอยู่อย่างงี้มีหวังติดกับเข้าเต็มๆไอเด็กยักษ์นี้แน่นอน

    “ไม่ได้เหรอ”

    หึหึ ถึงมึงจะมาแบบสามคำยาวๆ แต่อย่าหวังเลยเว้ยเพราะจะไม่มีการใจอ่อนกลับเข้าไปในบังกะโลแน่นอน และต่อให้ทำหน้าอ้อนเหมือนหมาโกลเด้นขอกระดูกก็ ไม่ มี ทาง เพราะททท.เขาเรียกร้องให้กูออกไปช่วยประเทศแล้ว!

    “อย่าหวัง”

    ด่าไปงั้นแหละครับ แต่ในใจคือยวบไปหมดตั้งแต่แม่งทำหน้าอ้อนแล้ว ก็ใครมันจะไปใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอวะ อ้ายพูดแล้วก็เขินเว้ย ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยให้ตายเถอะครับ

    “หึหึ”

    “ขำไร”ผมขมวดคิ้วถาม

    เชสเซอร์ยกมุมปากขึ้นอย่างมีเล่ห์นัยเล่นเอาผมเสียววาบแปลกๆ แต่ท่าทีของเจ้าตัวกลับตรงข้ามกันเพราะจู่ๆก็ยื่นมือมาจับมือผม นิ้วทั้งห้าของเราสอดรับกันได้อย่างลงตัว ซึ่งมันโคตรจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน แต่ท่าทางธรรมดาๆแบบนี้แหละ มันกลับทำให้ผมใจเต้นอย่างช่วยไม่ได้จริงๆครับ ทั้งเขินทั้งอายไปหมด ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะยื่นมือมาจับมือผมอะ หน้าแบบนี้ต้องยกแขนมาโอบเอวผมดิ

    ทำไมจู่ๆมันรู้สึกหวานแปลกๆวะ

    “อย่าก้มหน้า”เจ้าตัวพูด

    งือก็มันเขินเว้ย แก้มร้อนไปหมด ปานนี้หน้ากูไหม้ไปหมดแล้วมั้ง ฮื่อๆๆๆ ถ้ามีแฟนแล้วจะเขินเหมือนตัวจะแตก แถมออกอาการเหมือนคนเป็นไบโพลาเบื้องต้นแบบนี้ กูบอกเลยครับว่า กูพลาดแล้ว แม่ง!

    ผมส่ายหน้าจนผมกระจาย ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นตามที่เชสเซอร์บอก สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องจำยอมพาผมที่ก้มหน้าอยู่แบบนั้นเดินตรงไปยังประชาสัมพันธ์ของโรงแรม เพื่อจะไปติดต่อเช่ารถเอาไว้ขับเที่ยว

    ระหว่างทางที่ผมกับเชสเซอร์เดินกันอยู่ก็เงียบเหลือเกิน บรรยากาศเป็นใจโคตรๆ สวนงามดอกไม้สวยต้นไม้ทึบ ไหนจะหาดทรายสวยทะเลน้ำใสแจ๋ว แถมคนก็ไม่ค่อยเยอะ โคตรจะเป็นใจเลยให้ตายเถอะ ทำเอาหัวใจผมเต้นโครมครามไม่หยุด จนต้องแอบเม้มปากเพราะกลัวอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจจริงๆ แต่พอมองมือของตัวเองที่จับมือเชสเซอร์เอาไว้แน่น หัวใจผมมันก็ยิ่งทำงานหนักมากกว่าเดิม

    “กลับเหอะ”

    เฮือก!

    สาด ตกใจหมด เพราะจู่ๆเชสเซอร์ก็พูดทะลุกลางปล่องขึ้นมา กูนี้รีบเงยหน้ามองไอคนจุดประเด็นทันทีเลย ซึ่งเชสเซอร์ก็หันมามองผมเหมือนกัน เลยทำให้เราสองคนจ้องหน้ากันทันที

    โอ๊ย ดาเมจความหล่อของไอเด็กยักษ์มันทำร้ายจิตใจผมสุดๆ ยิ่งใส่เสื้อลายดอกสีฟ้าอ่อน ปลดกระดุมสามเม็ดโชว์กล้ามแน่นๆและรอยสัก ไหนจะผิวสีน้ำผึ้งที่ดึงดูดสายตาสุดๆนี้อีก จะบ้าตายกับความร้อนฉ่าตรงหน้า ไหนจะใบหน้าหล่อๆกับตาสีฟ้าอมเทานี้อีก โตจรจะล่อลวงกันสุดๆจนผมอดที่จะหมั่นไส้กับความหล่อไม่บันยะบันยังของเจ้าเด็กนี้ไม่ได้ โดยร่วมถึงแม้จะใส่แตะก็ยังหล่อจนสาวเหลียวหลัง!

    แต่จริงๆนี้แอบภูมิใจนะครับบอกเลย อิอิ

    “กะ กลับทำไมอะ”

    แล้วจะเสียงขาดหายทำเพื่อ นี้ทะเลนะเว้ยคลื่นเยอะแยะ ไม่ใช่ภูเขาเอ้อ!! กูเหนอกู

    “อยาก”

    “ฮะพูดดีๆดิ”ผมขมวดคิ้วมองเชสเซอร์อย่างไม่เชื่อหู

    เดี๋ยวนะมึง กูเพิ่งจะชมไปในใจว่าเริ่มจะพูดรู้เรื่องบ้างแล้ว ไหงกลับมามึนแบบลามกๆเหมือนดิมอีกวะ เฮ่อ กูละหน่ายใจกับผัวเด็กตรงหน้าจริงๆ

    “เอา”

    เอาเชี้ยอะไรอีกวะ!

    “ลืมอะไรอีกละ”

    กูนี้อยากตะแคงนอนฟังกับพื้นจริงๆ งงจนคิ้วผูกกันเป็นปมชีวิต!

    “เบบี๋”

    อะไรของมันวะ แล้วเกี่ยวอะไรกับกูเอ่ย จะมาลืมกูก็ไม่ได้ไงเพราะก็ยืนอยู่ข้างๆมันเนี่ย ประสาทละ

    “เบบี๋ไม่ได้ลืมอะไร!”ผมขมวดคิ้วพูดเสียงเข้ม

    ใจจริงกูนิอยากจะเอามือล้วงปากแล้วเกาๆลิ้นฉิบหายเลยครับกูอายกูเขินแม่งๆ แล้วดูมัน ยังมีหน้ามายิ้มจนแก้มฉีกอีก โอ๊ยจะน่ารักไปไหนเนี้ยไอเด็กยักษ์ งือ(ไหนว่าแมน ความหลงสามีเด็กก็มา)

    “เปล่า”

    “แล้วมันอะไรเล่า!

    เว้ยเบื่อโวย พูดให้มันเยอะๆกว่านี้หน่อยจะได้ไหมเนี้ย

    “ไม่อยากเที่ยวแล้ว อยากกลับเข้าห้องไปเอาเบบี๋”

    !!!!!??????

    จุ๊บ!

    “หอม”

    “อ๊าคคคคคคคคคค”

    ตับ!

    “โอ๊ย!

    กูนี้กรีดร้องเสียงหลงเลยครับ ทั้งเขิน ทั้งอาย จนระงับอาการไม่ไหวแล้ว ไหนจะรอยยิ้มหล่อๆนั้น ไหนจะสัมผัสหนักๆที่แก้ม แถมยังอยู่ระหว่างทางเดินอีก กูนี้ทิ้งสติเหยียบตีนไอหล่อสะบัดมือออกอย่างเร็วด้วยความเขินทันที แล้วรีบเดินหน้าเริดออกมาเลย

    “แม่งจะมาทำตัวให้รักไปถึงไหนวะเนี้ย แค่นี้ก็แทบจะโงหัวไม่ขึ้นแล้ว”

    ผมรีบเดินดุ่มๆออกมาพร้อมทั้งบ่นกับตัวเองไปด้วย งอนเว้ย เขินด้วย หน้าเน้อแดงไปหมดแล้วมั้งเนี้ย งือ!

    “รอด้วย”

    แล้วก็มีเสียงไอแฟนเด็กตะโกนไล่หลังผมมา คิดเหรอว่าผมจะหยุดรอ หึ! ไม่มีทางซะหรอก

    “ไม่เว้ยมีขาก็เดินมาเอง แม่งกวนตีน”

    “หึหึ”

    แม่ง แล้วยังมาขำขยี้ใจกูอีก

    เชสเซอร์ยิ้มออกมาอย่างสุขใจ เมื่อได้แกล้งแฟนหมาดๆของตนให้เขินอายกับคำพูดตรงๆของตัวเอง ที่พออีกคนได้ยินก็เดินหนีไปอย่างฟึดฟัดทันทีไม่สนใจว่าเขาจะตามทันหรือไม่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรกับเขาอยู่แล้ว เพราะหลังจากที่เขาบอกให้เจ้าตัวรอเขา ก็ดูเหมือนว่าการก้าวเท้าของคนรักตัวเล็กก็ช้าลง ซึ่งผิดกับที่ตะโกนบอกเขากลับมา

    เมื่อเห็นคนรักชะลอฝีเท้ารอแล้ว เชสเซอร์ก็ยิ้มกว้างแล้วเดินตามหลังร่างบางไป ถึงแม้อาการเจ็บที่หน้าเท้าจะประท้วงออกมา แต่ก็ไม่ถึงกับเจ็บจนเดินไม่ได้ เขาจึงลุกแล้วเดินล้วงกระเป๋า ตามหลังคนตัวเล็กในชุดแบบเดียวกับเขาไปอย่างอารมณ์ดี

    “เขินรุนแรงจริงๆ”

    ขอแค่นี้ แค่ได้มีความสุขกันสองคนแบบนี้ ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องสนใจอะไร เขาอยากจะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่มากนี้กับคนที่เขาคิดว่าอีกไม่นานเขาจะรักเจ้าตัวอย่างหมดใจ ไม่เหลือร่องรอยความเจ็บปวด ไม่มีตะกอนอะไรให้ต้องมาสะกิดใจกันอีก

    ถ้าถามว่ายังหลงเหลือความรู้สึกอะไรกับเรนไหม ก็ตอบได้เต็มปากว่ายังเหลืออยู่ แต่มันไม่ใช่ในรูปแบบของคนที่รักกันอีกต่อไป แต่กลับมันเป็นความผูกพันเพราะอยู่ด้วยกันมานาน

    “เดินช้า!

    ดูดิแม่งตะโกนบอกให้ผมรอ แล้วดูแม่งเดิน กูหันมาก็นึกว่าซ้อมเดินแฟชั่นตามจังหวะเพลงสโล ห่านิมึงมาผิดเรื่องแล้วเว้ยถ้ามึงเดินอย่างงี้ มึงต้องไปอีกเรื่องเข้าใจไหม!(อย่าพาดพิงๆ)

    “ขาสั้น”

    “อะไรนะ”เหมือนหูดับไปชั่วขณะ เลยต้องรีบหันมาฟังอีกทีเพื่อความชัวร์!

    “ขา-สั้น”มีเว้นระยะพูดเพื่อขยี้ด้วยเว้ย!

    มึงมันแน่จริงๆ

    “รู้สึกว่าวันนี้จะกวนตีนมากเป็นพิเศษนะ เชส”ผมถลึงตาใส่เจ้าตัว แล้วเท้าเอวมองอย่างเอาเรื่อง

    “เปล่า”ปฏิเสธด้วยเสียงอันเดอโทนต่ำมึนเหมือนเดิม

    อ๊าคอยากจะกระโจนเข้าไปข่วนหน้า เอาประแจทุบ เอามือดึงหูให้มันสาสมกับที่แม่งกวนตีนแถมด่าจี้ปมกูฉิบหายเลยครับแม่ง และทั้งหมดทั้งมวลก็ทำได้แค่คิด เพราะจริงๆแล้วก็ได้แต่ฮึดฮัดกับตัวเอง เพราะทำไปก็เหนื่อย ยังจำได้ดีตอนที่ผมลงไม้ลงมือกับบักฝรั่งนี้ก็คือไม่สะเทือนเลย นั้นแหละเหนื่อยเปล่า แถมโดนแม่งจับกินอีก

    “เว้ยอย่าให้ถึงทีบ้างนะ”ผมโวยวาย จ้องหน้าเชสเซอร์อย่างเอาเรื่อง

    “ทำไม”นี้ก็มึนใส่ผมไม่เลิก

    “จะทุบให้น่วม!”ผมชี้หน้าคนสูงกว่าอย่างเอาเรื่อง ตาถลึงแทบหลุดออกจากเบ้า

    “กล้า”มีเลิกคิ้วกวนตีนใส่ด้วย

    “เออดิ”

    “ไม่รัก”

    ตึก ตึก ตึก

    เว้ยวกเข้ามาประเด็นนี้ได้ไงวะ อึ้งตะลึง งง ฮื่อๆๆๆๆ กูรับมือไม่ทัน ใครก็ได้ส่วยข่อยแน้!!!!

    ผมยืนอึ้ง แต่ในใจคือสวนทางมาก เพราะแม่งเต้นไม่เป็นจังหวะเลยเว้ย วันนี้หัวใจกูโคตรทำงานหนักบอกเลยครับ แล้วไอเด็กยักษ์บ้านี้มันก็ขยันฉิบหาย ที่จะทำให้ผมเขินแม่งอยู่เนี่ย ไม่รับรู้ห่าอะไรแล้วครับ มารู้ตัวอีกทีก็ได้เห็นอกสีน้ำผึ้ง ซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามอันแสนดูดีอยู่ในระดับสายตา กับอ้อมแขนแน่นแสนอุ่นที่กระชับเข้ามาที่รอบเอวผม

    กลิ่นโคตรหอมเลย อ่า จะแย่แล้วครับ มึน เมา ไปหมดแล้ว

    ผมซบหน้าลงกับอกเชสเซอร์อย่างเคยตัวกับนิสัย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นมาตอนไหน แต่ถ้าเชสเซอร์โอบแบบนี้ ผมต้องซบหัวลงกับอกเชสเซอร์ด้วยท่าทางแบบนี้ เราสองคนกอดกันสักพักเชสเซอร์ก็เอามือมาเชิดคางผมขึ้น จนตาของผมสบเข้ากับดวงตาแสนมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจของแฟนหมาดๆ

    “จูบ”

    จะบ้ารึไงฟะตรงนี้มันทางเดินนะเว้ย ถึงจะเป็นโซนส่วนตัวก็ไม่ได้ไหม

    ได้แต่โวยวายในใจครับ แต่ร่างกายกลับไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เพราะผมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ก่อนจะถูกอุ้มให้ตัวลอยขึ้นเพื่อรับจูบแสนหวานจากเชสเซอร์ ที่ค่อยๆเคล้าคลึงลงมาที่รอบๆปากผม สลับกับดูดเม้มเบาๆแต่วูบวาบสุดๆ ก่อนเปลี่ยนมาเป็นสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามาในโพลงปากของผม กวาดต้อนไปทั่ว ดูดกลืนจนผมตัวสั่นแทบไม่มีเรี่ยวแรงต้านทาน

    จูบแสนหวานผสมหนักเบา เริ่มร้อนแรงบดคลึงไปมา จนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมดด้วยแรงอารมณ์ มือแกร่งบีบขยำเบาๆไปทั่วก้มนิ่ม ก่อนจะปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระ เพราะไม่งั้นมันจะต้องเลยเถิดแน่ๆ เปลือกตาสวยค่อยๆเปิดขึ้นจนเห็นดวงตาหวานที่ฉ่ำปรือไปด้วยแรงอารมณ์ กำลังส่งสายตาออดอ้อนออกมา โดยที่เจ้าตัวก็คงไม่รับรู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าตาเชิญชวนมากขนาดไหนในสายตาคนตัวโตอยู่

    ไม่ไหวแล้วครับอึก

    “ยังอยากเที่ยวอยู่ไหม”

    เชสเซอร์ประคองเอวผมไว้สลับกับลูบไล้แผ่วเบา ที่ทำเอาผมวูบวาบไปหมด แล้วก้มมากระซิบถามข้างหู เพราะตอนนี้เจ้าตัวคงอยากทำอย่างอื่นมากกว่าการออกไปเที่ยวแล้ว ซึ่งผมก็เริ่มคล้อยตาม

    โอ้ยแม่ง แล้วร่างกายกูเนี่ย เป็นฝอยอะไรครับแค่โดนจูบกระฉากวิญญาณแค่นี้ถึงกลับเข่าอ่อน ขาสั่น มวนในท้องวูบวาบไปทั่วร่างง่ายเหลือเกิน

    ไม่ยอมเว้ย อย่ายอม!

    “ไม่จะเที่ยว”

    ตอบไปทั้งๆที่อารมณ์ความต้องการแม่งจุกอยู่ที่คอหอยแล้วนั้นแหละครับ

    จะให้ทำไงละครับ ใช่ว่าจะได้มาเที่ยวบ่อยๆเมื่อไรกัน ยิ่งใกล้วันแข่งด้วยแล้วอย่าหวังเลย ยากจะมีเวลาว่างมาเที่ยว และเท่าที่รู้มาเจ้าตัวตัดสินใจจะลงแข่งสิ้นปีนี้ ซึ่งนับๆดูแล้วเวลาก็เหลือไม่มาก มันเลยทำให้หลังจากนี้จะยุ่งโคตรๆ เพราะไหนจะซ้อม ไหนจะปรับแต่งเครื่องยนตร์

    อีกใจคือ กูก็ไม่อยากจะนอนเป็นผักอยู่บนเตียง โดยฟัด โดยจับใส่ชุดห่าเหวพวกนั้นด้วย อย่างน้อยได้โวยวายกลับบ้างมันก็ดีต่อใจไง แต่ถ้าเป็นผัก ต่อให้โดนจับใส่ชุดน้องต่าย แม้แต่แรงจะอ้าปากก็ไม่มีฮื่อๆๆๆๆ

    ส่วนเรื่องชุดน้องต่ายนั้น ผมยังไม่เคยใส่นะครับ แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ(อืมๆ เดี๋ยวจัดให้ เอาเว้าสูงเลยเนอะ)

    สรุปกว่าจะได้เดินออกจากจุดอันตรายนั้น กว่าจะมาถึงเคาเตอร์โรงแรม กว่าจะได้ขึ้นมอไซค์ซึ่งแน่นอนครับ เชสเซอร์ต้องเป็นคนขับก็เกือบเที่ยง สุดท้ายเลยมาร้านอาหารที่ทางโรงแรมแนะนำให้เรามากันครับ

    ซ่า ซ่า ซ่า

    บรรยากาศดีสุดๆไปเลยครับ ผมกับเชสเซอร์เลือกนั่งริมสุดติดระเบียงร้านเลย เห็นทะเลชัดๆและร้านนี้ฝรั่งโคตรเยอะ แถมมองเชสเซอร์ตั้งแต่เข้าร้านมาเลยแล้วก็หันไปคุยกัน เหมือนมีอะไรข้องใจ ซึ่งผมก็หันไปจะถามเจ้าตัว

    แป่ว!

    เชสเซอร์คือไม่รับรู้อะไรเลย นั่งก้มหน้าก้มตามองเมนูในมืออย่างเดียว ไม่สนหินดินทรายใดๆทั้งนั้น เฮ่อ กูก็อุสาคิดเป็นห่วงกลัวอึดอัดโน้นนี้นั้น แต่ไอตัวต้นกลับเรื่องไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ก็ดีแล้วครับมาเที่ยวผมก็อยากให้เจ้าตัวได้พัก ถ้าไม่นับเรื่องบนเตียง

    “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”ผมเงยหน้าขึ้นมาถามคนตัวโตฝั่งตรงข้าม

    “เบบี๋”

    “เดี๋ยวเถอะ!”ผมรีบถลึงตาใส่เชสเซอร์ทันที แล้วรีบมองซ้ายมองขวาว่ามีใครได้ยินรึเปล่า ซึ่งโชคดีมากที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจ

    “แต่เดี๋ยวนะ มันมีแต่อาหารทะเล นายกินไม่ได้นิ”

    ผมจำได้ เพราเจ้าตัวแพ้ อีกทั้งแก๊งปลาสวายก็กลอกหูผมมาด้วย

    “อือ”

    “งั้นเดี๋ยวสั่งอะไรที่ไม่ใช่อาหารทะเลให้นะ”

    ผมส่งเสียงบอกเชสเซอร์ พร้อมกับไล่สายตาอ่านเมนูอาหารไปเรื่อยๆเพื่อหาอันที่มันไม่มีส่วนผสมของอาหารทะเล

    “เบบี๋ไง”

    กูว่าแล้ว! ให้มันได้อย่างงี้สิเว้ย

    เกือบละ เกือบยั้งมือไม่ทัน ไม่งั้นงานนี้มีหลังหักบอกเลย! อะไรมันจะขยันหยอด ขยันลามกบ้ากามขนาดนี้วะครับ เฮ่อ

    พอเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการก็วางเมนูลงไม่สนใจมันอีก แล้วหันมานั่งจ้องผมแทน ซึ่งกูอายไงครับแม่ง ต้องรีบมองๆแล้วก็เรียกพนักงานมาจดรายการอาหารไป ซึ่งผมสั่งเป็นกับข้าวสามอย่างข้าวเปล่าโถหนึ่ง แล้วก็สั่งน้ำอัดลมมา ทีนี้ก็รอ

    “จะไปซ้อมแข่งที่สนามไหนเหรอ เท่าที่เบบี๋ ถุยเฮ่อ ไม่แทนชื่อนี้ได้ไหม”

    ผมพยายามแล้วนะครับ แต่มันก็รู้สึกกระดากปากสากลิ้นอยู่ดี เลยหันไปขอร้องไอคนต้นเรื่อง

    “ไม่”ตอบกลับมาด้วยหน้าตาที่ไร้อารมณ์สุดๆไปเลย

    “เออสรุปจะไปซ้อมที่ไหนเบบี๋ไม่รู้จักสนามนะ”

    แม่ง โมโห

    “หึหึ น่ารัก”

    มึงแม่งอะ กูเขินนะเว้ย แถมมีการยื่นมือลูบหัวผมด้วย ไม่อายใครจริงๆ แต่มันอบอุ่นใจพิลึกเลยครับ งือๆๆๆๆ

    “พอละ อายเขาบ้าง”ผมบอก พยายามไม่สบตาใคร แต่ดันปะเข้ากับตาเชสเซอร์ซะงั้น

    ใจโผ๊มมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!

    “เซฟบอกว่าจังหวัดข้างเคียงกรุงเทพ JT Circuit เห็นว่าครบสนามเหมาะกับ F1 ด้วย”

    ผมพยักหน้ารับ

    “เรนมาแล้วนะ”

    “มาแล้วเหรอ แล้วไม่ต้องไปรับไง”

    แอบเจ็บๆจุกๆยังไงบอกไม่ถูกครับ ปากดีไปงั้นแหละ แต่ใจกูเนี่ยเจ็บครับ หงอยเลยกู

    “ไม่ใช่ธุระ”

    ตอบมาตรงๆมึนๆตามสไตล์และนิสัยเลยครับ

    “ระ เหรอ”

    อ๊าคกูยิ้มครับ อยู่ๆอาการเมื่อกี้มันก็หายไปเลยเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แถมดีใจประหนึ่งถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลก็มิปาน รู้สึกดี รู้สึกอิ่มเอม แลดูชั่วยังไงไม่รู้วะ แต่ก็ช่างมันเถอะเพราะตอนนี้คำตอบมันถูกใจสุดๆ

    อดีตไปทางโน้นครับ ปัจจุบันจะนั่งตรงนี้ หึหึ

    “ดีใจ”

    ฉึก!

    เหมือนมีมีดมาปักลงกลางใจ พูดแทงใจดำผมฉิบหายเลย แม่งเหมือนรู้ จนผมต้องเงยหน้าไปถลึงตาใส่แก้เขินที่อีกคนรู้ทัน

    “พูดมากน่า”

    “หรือไม่จริง”

    มีย้อนๆ

    “เออแม่ง ชอบแกล้งว่ะ”

    “ต้องไป”

    หงุดหงิดได้ไม่นานก็ต้องเลี้ยวกลับมางงอีกแล้วครับ

    “ไปไหนอีกละ บอกให้พูดยาวๆ”

    “ซ่อม ไปดูเครื่องให้ด้วย”เจ้าตัวพูด

    “ฮะ อะ ขอบคุณครับ เบบี๋ไม่เคยดูเครื่องF1

    ผมหันไปขอบคุณพนักงานที่ทยอยมาเสิร์ฟอาหาร แล้วหันกลับไปคุยกับเชสเซอร์ต่อ

    “นะ”พร้อมกับส่งสายตาอ้อน เหมือนลูกแมวน้อยๆ หารู้ไม่นั้นหมาป่าชัดๆมาให้ผม

    อึก

    ส่วนผมนี้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเลย เพราะแม่งขัดใจไอเด็กยักษ์นี้ไม่ได้สักที โอ๊ยอยากจะลาออกจากการเป็นตัวเองจริงๆ

    “รู้แล้วๆ ไม่ต้องมาอ้อน ก็รู้อยู่ยังไงก็ไม่ปล่อยให้ไปคนเดียว”ประโยคหลังผมพูดเขินๆ ก้มหน้าคางแทบจะชิดอกเลย

    ใครจะกล้าปล่อยไปคนเดียววะ เดี๋ยวไอผู้จัดการผีบ้านั้นมาจกเอาของผมไปทำไงละ คนยิ่งหวงๆอยู่ ของใคร ใครเขาก็หวงนะเว้ย ชอบบอกชอบ ไม่ชอบบอกไม่ชอบครับ อย่าไปกั๊กคนจริง2018 อคิราห์ หรือนายเบ คนนี้ ฮ่าๆๆๆๆ

    อาหารบนโต๊ะถูกแบ่งฝั่งอย่างชัดเจนครับ เพราะเชสเซอร์แพ้อาหารทะเลฝั่งเขาเลยมีต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ข่าวผัดไข่แล้วก็ผัดผัก หนูน้อยลิ้นบางทานเผ็ดไม่ได้ ส่วนผมเน้นๆเลยทะเลแน่นๆ ซดต้มยำกุ้งร้อนๆเผ็ดๆข้างทะเลที่มันดีสุดๆ

    “กินเยอะๆจะได้มีแรง”ผมพูดพร้อมกับตักต้มจืดให้เจ้าตัว

    “อ่อย”

    “อ่อยบ้าบออะไร”กูงงอีกละ

    “อ้าปากสิ”

    กูร้องตรงนี้เลยได้ไหมครับ ฮื่อๆๆๆ มันเปลี่ยนเรื่องไม่ปรึกษากูอีกแล้ว

    ผมนี้นั่งมองบนกับความเปลี่ยนเรื่องของเชสเซอร์ แล้วอ้าปากงับกุ้งตัวโตเนื้อนุ่มที่เชสเซอร์ป้อนถึงปากมาเคี้ยวกรุบๆ ถึงจะงงกับการเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วของเจ้าตัวอยู่ก็เถอะ พอป้อนผมเสร็จก็ส่งสายตาเหมือนจะให้ผมป้อนบ้าง ซึ่งผมก็ตักข้าวผัดไข่ป้อนถึงปากเจ้าตัวเหมือนกัน

    จะทำอะไร จะเอาอะไร ไม่เคยพูดเคยบอก ส่งสายตาแม่งอย่างเดียว ยกเว้นจะเอาแม่งพูดเอาๆ

    “ค่อยๆเคี้ยว”

    “อร่อย”

    เจ้าตัวพูดขึ้นเมื่อค่อยๆงับเลียเต้าหู้ไข่เข้าปากไปอย่างช้าๆจนหมด ซึ่งผมก็เผลอไปมองซะได้ ทุกการขยับของร่างกาย ลิ้นหรือปากโดยเฉพาะการไล่เลียเบาๆที่เต้าหู้ จนผมเผลอจินตนาการไปว่ามันเป็นหัวนมผม เล่นเอาใจผมสั่นไปหมด วูบวาบไปทั้งตัวจนต้องหันหน้าหนี

    ท่าแดกเต้าหู้ไข่อะไรวะ ทำไมถึงได้ลามกขนาดนี้ กูยอมเลยครับ!

    “กินดีๆ”

    เจ้าตัวส่งเสียงดุ ที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาตักข้าวใส่ปากดีๆ

    ก็แม่ง ดูมันกินสิครับ ฆ่ากันชัดๆ นั่งอยู่นี้ก็คนนะเว้ย

    โวยวายในใจจนจะบ้าตาย แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ไอเด็กยักษ์ตรงหน้าจับได้ แล้วเงยหน้างับเอาปลาหมึกที่เชสเซอร์ป้อนเข้าปาก หือทำไมปลาหมึกมันแข็งๆวะ ดึงสายตากลับมามองตรงหน้าแทบจะคายปลาหมึกทิ้งครับคุณเพราะที่ผมงับไปมันไม่ใช้ปลาหมึกเว้ย แต่เป็นนิ้วเชสเซอร์จังๆ แถมเมื่อกี้เลียไปแล้วด้วย

    ตายๆ แม่งต้องหาว่าผมอ่อยอีกแน่ๆ

    ผมเหลือบตามองเชสเซอร์อย่างหวั่นใจ เมื่อกลืนปลาหมึกเจ้าปัญหานั้นลงคอไปอย่างยากลำบาก ก่อนจะต้องพยายามเก็บอาการเขินอาย ตื่นเต้น ประหม่าเอาไว้อย่างที่สุด

    “หึหึ”

    >////<

    อิแค่กินข้าวมันจะอะไรนักหนาครับ สรุปคือวันๆจะไม่ให้ออกมาเจอแสงตะวัน ไม่ให้ออกมาพบปะผู้คนบ้างรึไงวะ ใจจะให้ผมอยู่แต่ในห้องไง อะไรๆมันถึงเป็นใจให้ผมเสียตัวทุกจังหวะและโอกาสขนาดนี้ แถมจากนี้ยังมีต่ออีกนะ เชสเซอร์ก็เอานิ้วที่ผมเลียนั้นแหละ ไปเลียต่อด้วยตายครับช็อตนี้บอกเลย แม่ง!

    “อร่อยไหม”

    ยังมีหน้ามาถามกูอีกนะ

    ผมไม่ตอบครับ ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวแม่งเลย ประหนึ่งว่ามีหลุมดำอยู่ในท้อง ต้องการเติมเต็มมันอะไรอย่างงั้นเลย

    “ป้อน”เจ้าตัวร้องขอ

    “หยิบเอาเอง”ผมเงยหน้าแดงๆของตัวเองขึ้นมาบอก

    กลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยครับ งือ!

    “ป้อน”

    เชสเซอร์ส่งเสียงขอแล้ววางช้อนลงทันที และดูเหมือนว่าถ้าผมไม่ยอมป้อนเจ้าตัวก็จะไม่กินอะไรต่อ ซึ่งเชสเซอร์ยังกินไปได้แค่ครึ่งจานเท่านั้น แล้วตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แค่นั้นมันจะไปพอยาไส้อะไรละ

    เอ้างานเข้าผมแล้วไงครับ แถมมีการเท้าคางมองออกไปทางทะเลด้วย เหมือนเป็นการบอกกลายๆว่า ถ้าผมไม่ป้อนจะไม่ยอมกินต่อแน่นอน

    กูหนอกู สุดท้ายก็ตามใจกันเหมือนเดิมนั้นแหละ ก็ใครมันจะไปใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอละครับ ตอบ!

    “โอเค ยอม อยากกินอันไหน”

    “เต้าหู้”

    ผมพยักหน้าข่มความอายเอาไว้ พร้อมกับหลบรอยยิ้มของเชสเซอร์ไปด้วย อ่า โคตรจะแพ้เลยครับแม่ง

    งั้ม!

    “อะเชส”

    ไม่งับแต่เต้าหู้ไงครับ เจ้าตัวงับลงมาบนนิ้วผมด้วย ถึงจะเบาๆก็เถอะ แต่กลับเลียมาที่ปลายนิ้วผมจนขนลุกไปหมด แถมมีการส่งสายตาวิบวับมาอีก

    “อร่อย”

    เจ้าตัวเคี้ยวช้าๆเหมือนอ่อยผม แล้วแลบลิ้นออกมาเลียมุมปากตัวเองเบาๆ เหมือนยั่วโมโหในสายตาผมอะนะ จนอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่แต่หัวใจผมนี้เต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอกเลยครับ

    กว่าจะกินข้าวที่หาดป่าตองเสร็จ ก็เล่นเอาผมเหนื่อยจนเหมือนแก่ลงไปอีกหลายปี เพราะเชสเซอร์เอาแต่กวนอารมณ์ผมไม่เลิกจริงๆ 


    #อู่CB


    ............

    มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา หายกันไปนานเลย คิดถึงกันไหมคะ และมาแจ้งข่าวว่า บ้านไรต์น้ำท่วมค่ะ เพราะบ้านอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก ให้ตายเถอะ! แต่นิยายก็อัพเหมือนเดิมนะคะ ขนของเสร็จแล้ว โชคดีที่น้ำไม่แรงเท่าไร ทุกคนก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ถ้าที่ไหนฝนตกอย่าลืมพกร่ม ที่สำคัญอย่าลืมใส่แมสทุกครั้งก่อนออกจากบ้านนะคะ ^^ เม้น เม้าท์ ติ ชม กันได้เหมือนเดิมค่า เจอกันใหม่ตอนหน้า บะบาย^^


     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×