ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 คฤหาสน์เลอ เฟย์
Chapter 7
คฤหาสน์เลอ เฟย์
“คุณครีโอ เดอ นีโรว์ครับ ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์เลอ เฟย์ครับ”
นัยน์ตาคู่สีฟ้าเบิกกว้างทันทีเมื่อสิ่งที่อยู่หลังม่านแดงนั้นคือ คฤหาสน์หลังโตทรงยุโรปที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง ยารีฟเริ่มออกเดินนำเด็กสาวก่อน ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินออกไปได้นิดหน่อย ครีโอก็ส่ายหน้าเรียกสติกลับมาแล้วค่อยเดินตามชายหนุ่มไปบนถนนทางเดินเล็ก ๆ สู่คฤหาสน์ตรงหน้า
เมื่อผ่านประตูโลหะที่แกะสลักลวดลายฝีมือประณีต นัยน์ตาคู่งามของคนที่มาเป็นผู้อยู่อาศัยก็เบิกกว้างอีกครั้งเมื่อเห็นภาพภายในคฤหาสน์หลังงาม
พื้นทางเดินที่ถูกปูด้วยพรมสีแดงขอบทองตัดกับพื้นกระเบื้องสีขาวบริสุทธิ์แต่กลับแลดูเข้ากันดี เช่นเดียวกับตู้โชว์สมบัติที่อาจเป็นของเก่าแก่ที่ตกทอดมาของเจ้าของที่และแจกันดอกไม้สีครามใบใหญ่ที่ตั้งเรียงตามริมฝาผนังเป็นระยะ แต่สิ่งที่เรียกความสนใจจากรัชทายาทหญิงกลับเป็นภาพเขียนในกรอบรูปสีทองที่ถูกแขวนไว้อยู่โดดเด่น
รูปเด็กชายที่ดูท่าจะอ่อนกว่าเธอสักปีหรือสองปี เจ้าของผมสั้นระต้นคอน้ำตาลอ่อนและดวงตากลมสีมรกตที่ดูมีเสน่ห์เข้ากับดวงหน้าที่จัดว่าหล่อและดูน่ารักประกอบกับเสื้อชายยาวเกือบระพื้นสีดำและกางเกงขาสั้นสีเดียวกันแม้จะดูธรรมดาแต่กลับมีสง่าราศีเข้ากับมาดนิ่งๆขรึมของเจ้าตัว
“นั้นท่านโลกิ เลอ เฟย์ เจ้าคฤหาสน์คนปัจจุบันครับ” เสียงของพ่อบ้านหนุ่มดังขึ้นบอกทำให้ครีโอถึงกับสะดุ้งสุดตัว “ภาพนี้มีจิตรกรคนหนึ่งได้มาขอให้ท่านโลกิเป็นแบบเมื่อสิบปีก่อนน่ะครับ แต่พอจิตรกรคนนั้นตายท่านโลกิก็ไปขอซื้อภาพมาแขวนไว้น่ะครับ”
“แหม สิบปีก่อนงั้นตอนนี้เขาคงกลายเป็นชายหนุ่มหล่อที่สาวๆหมายปองสินะ” ครีโอพูดชม เรียกรอยยิ้มบางๆจากชายหนุ่มตรงหน้า
“เชิญทางนี้ครับคุณครีโอ ทุกคนกำลังคอยคุณอยู่” คำพูดของยารีฟทำให้ครีโอหันกลับมาสนใจในสิ่งที่กำลังทำก่อนหน้านี้
หลังจากที่เดินไปตามทางเดินยาวทั้งสองก็มาอยู่หน้าห้องที่มีป้ายเขียนไว้บนประตูว่าห้องประชุมปีหนึ่ง ยารีฟผายมือให้เด็กสาวเดินเข้าไป ครีโอก้าวเดินมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูก่อนจะสูดอากาศเข้าไปเพื่อเรียกความมั่นใจแล้วค่อยผลักประตูตรงหน้าออก
แสงจากภายในห้องพุ่งสวนออกมาทำให้คนที่อยู่ตรงบานประตูต้องหรี่ตาและยกมือขึ้นบังแสงไว้ ไม่นานนักนัยน์ตาคู่สีฟ้าก็ค่อยๆปรับแสงได้ทีละน้อยและเมื่อสามารถลืมตาได้อย่างเต็มที่ ภาพตรงหน้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้มาเยือน
ห้องประชุมขนาดที่จุคนได้ประมาณ40 ถึง 50 คนซึ่งตอนนี้มีเด็กหนุ่มสาววัยเดียวกับเธอเกือบ 20 คนนั่งหันหน้ามามองเธอเป็นตาเดียวและ 1 ในนั้นมีเด็กหนุ่มผมดำที่มากับเธออยู่ด้วย จึงเป็นเหตุที่เรียกรอยยิ้มแห่งความมั่นใจแก่รัชทายาทสาว นัยน์ตาคู่สีฟ้ามองสำรวจคนอื่นๆอย่างสนอกสนใจก่อนที่จะสะดุดกับเด็กหนุ่ม 3 คนและเด็กสาวอีก 2 คนที่ดูท่าจะเป็นรุ่นพี่กำลังยืนอยู่บนแท่นที่สูงกว่าพื้นนิดหน่อย
“เอ่อ ครีโอ เดอ นีโรว์ใช่ไหมจ๊ะ” รุ่นพี่สาว 1 ใน 2 คนนั้น เจ้าของเรือนผมยาวสีเถ้าถ่านเอ่ยถามด้วยเสียงหวาน “มานั่งก่อนสิ”
ครีโอพยักหน้ารับก่อนก้าวเดินออกมาจากจุดเดิมแล้วค่อยมานั่งลงข้างๆราชองครักษ์หนุ่มของเธอ
“ว้าว !! รุ่นน้องปีนี้มีแต่ดอกฟ้านะเนี่ย” รุ่นพี่หนุ่มผมสีเดียวกับรุ่นพี่สาวที่พูดเมื่อกี้เอ่ยด้วยเสียงที่ร่าเริง “แหม ปีนี้สวรรค์ทรงโปรดแก่หนุ่มๆชาวรูฟัสแล้วน่ะสิ”
รุ่นพี่สาวคนเดิมตีไหล่คนที่พูดทันที “สโคลว์นี่ไม่ใช่เวลาเล่นนะ หัดทำตัวให้น่านับถือบ้างสิ ว่าแต่พวกโปรเฟสเซอร์ล่ะเวลาอย่างนี้หายหัวไปกันหมดเลยแล้วเราก็ชี้แจงไม่ได้น่ะสิ”
“ ไม่มีโปรเฟสเซอร์ เราก็ชี้แจงได้” รุ่นพี่ที่มาดนิ่ง เจ้าของผมรองทรงสีเถ้าถ่านเช่นเดียวกับสองคนแรกที่สุดบอกพร้อมกับดันแว่นตาวงรีเข้าที ก่อนที่จะก้าวออกมาข้างหน้าของรุ่นพี่ทั้ง 4
“ขอต้อนรับเหล่าปีหนึ่งสู่รูฟัสปราการแห่งนักรบ ผู้กล้า ฉันชาน่อน เดอ ลูซิเฟียร์ อยู่ปี 4 ผู้ช่วยประธานสภานักเรียนฝ่ายรูฟัส” เสียงผู้เป็นรุ่นน้องฮือฮาขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายกล่าวแนะนำแค่ชื่อ จนคนที่กำลังพูดอยู่ชะงักสักครู่ “ไม่ต้องไปใส่ใจถือเรื่องฐานะนอกโรงเรียน เพราะตอนนี้สำหรับกลุ่มรูฟัส เรามีฐานะเพียงแค่รุ่นพี่และรุ่นน้องเท่านั้น”
“เอาล่ะตอนนี้ฉันจะไม่พูดอะไรมากนอกจากให้รุ่นพี่ที่พวกเธอควรรู้จักในช่วงปฐมนิเทศน์ได้มาโอกาสแนะนำตัวและบุคคลสำคัญที่อยู่คฤหาสน์นี้ เพราะเดี๋ยวจะได้เวลามื้อ...” เสียงของรุ่นพี่หนุ่มนาม ‘ชาน่อน’ ชะงักลงเมื่อเสียงของเหล่ารุ่นน้องที่กำลังฮือฮาเกี่ยวกับฐานันดรศักดิ์นอกโรงเรียนของตนดังกว่าเสียงที่ตนเองพูด
ในขณะที่เหล่ารุ่นน้องหน้าใหม่กำลังคุยกันอย่างเมามันนั้นโดยไม่สนใจต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเลยสักนิด ไอเย็นก็ค่อย ๆ แผ่ไปทั่วห้องจนเหล่าคนที่คุยกันรู้สึกเย็นสันหลังวาบก่อนจะพากันเงียบและหันมามองรุ่นพี่หนุ่มเป็นตาเดียวประกอบกับรอยยิ้มที่เหมือนแฝงอะไรบางอย่างยิ่งทำให้บรรดาผู้ที่พูดคุยกันโดยไม่ยอมฟังพากันขนลุกกันเป็นแถว
“ฉันรู้ว่าพวกเธออยากพูดคุยทำความรู้จักกันแทบใจจะขาด” ชาน่อนยังคงพูดด้วยเรียบๆ และนี้แหละที่น่ากลัวเพราะไม่มีใครเดาอารมณ์ของหนุ่มแว่นตรงหน้าได้ “ฉันขอเวลาไม่เกิน 5 นาทีสำหรับให้รุ่นพี่ที่จะมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงของพวกเธอในช่วง 2 สัปดาห์แรกได้แนะนำตัวและคนอื่นๆที่อยู่ในคฤหาสน์นี้”
พูดจบผู้ช่วยประธานสภานักเรียนก็หันไปพยักหน้าให้คนข้างหลังและก้าวถอยออกมา ก่อนที่รุ่นพี่หนุ่มสาวที่ทะเลาะกันเมื่อครู่ก็ก้าวออกมาพร้อมกัน
“พี่ชื่อ ราเควล เดอ ลูซิเฟียร์ อยู่ปี 2 ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ” รุ่นพี่สาวพูดด้วยที่หวานจับใจ
“สโคลว์ เดอ ลูซิเฟียร์ ปี 3 ยินดีที่รู้จัก มีเรื่องกลุ้มใจอะไรบอกได้นะ โดยเฉพาะสาวๆพี่ยินดีให้คำปรึกษาฟรี” รุ่นพี่หนุ่มกล่าวพร้อมส่งยิ้มและสาวตามาให้รุ่นน้องผู้หญิงอย่างเดียว ก่อนจะเหลือบไปหลังของตนซึ่งมีใครบางคนกำลังก้มหน้าอยู่โดยใช้หลังของเขาเป็นกำบังทำให้คิ้วของรุ่นพี่หนุ่มขมวดเข้าชนกัน “แกจะหลบอยู่ข้างหลังฉันอีกนานไหม”
ทันทีที่พูดจบ คนที่หลบอยู่ด้านหลังก็ร้องเสียงหลง เมื่อคนที่เป็นกำบังอยู่กระชากต้นแขนของตนออกมาอย่างแรง
เหล่าคนที่อยู่ด้านล่างโดยเฉพาะรุ่นน้องผู้ชายทุกคนแทบหยุดหายใจ เมื่อร่างที่กระชากออกมานั้นเป็นเด็กสาวร่างบางที่น่าทะนุถนอม เรือนผมสีดำสนิทสีดำยาวรวบหางม้าและนัยน์ตาสีเขียวราวกับมรกตชั้นดีเข้ากับดวงหน้าที่งดงามเหมือนเทพธิดาที่ลงมาพรากหัวใจจากบุรุษ
“ขอแนะนำนี่ ซินเธียร์ สวอร์น ปี 3 สาวน้อยหน้าตาดีที่สุดในกลุ่มรูฟัส” คำพูดของสโคลว์ทำให้คนถูกแนะนำตัวให้หน้าแดงด้วยความเขินอาย
“สโคลว์ปล่อยฉัน มันเจ็บนะ” เสียงใสร้องบอกพร้อมกับพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก
“ไม่ เดี๋ยวแกหนีไปหลบอีก ฉันขี้เกียจไปลากแก” คนที่จับต้นแขนอยู่ปฏิเสธก่อนที่จะก้มหน้าลงมามองอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดขนาดที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“อะแฮ่ม นี่มันที่สาธารณะนะค่ะท่านพี่” เสียงของผู้เป็นน้องขัด “จะหวานกันหัดอยู่ในขอบเขตบ้างสิและช่วยอายเด็กด้วยจะเป็นพระคุณมากนะเจ้าค่ะ”
“ก็ได้จ้า ในเมื่อน้องหญิงปรามแล้ว มีหรือพี่ชายคนนี้จะไม่ฟัง” รุ่นพี่หนุ่มบอกแล้วปล่อยอีกฝ่าย ทันทีที่ถูกรุ่นพี่สาวนาม ‘ ซินเธียร์ ‘ ก็ถอยออกห่างอีกฝ่ายก่อนจะลูบต้นแขนที่โดนรุ่นพี่หนุ่มนาม ‘ สโคลว์ ‘ บีบไว้ ทำให้รุ่นน้องหนุ่มๆที่นั่งดูอยู่อดสงสารไม่ได้
รุ่นพี่หนุ่มอีกคนถึงกับถอนหายใจกับการกระทำของเพื่อนก่อนจะก้าวออกมา “อยู่ไปเดี๋ยวก็ชิน ไม่ต้องซีเรียสกับสองคนนี้หรอก ฉันเซรอส ยิบเซน อยู่ปีเดียวกับเจ้าสองคนนั้น”
“ไบรน่า เฮทราคริฟ รุ่นพี่ 2 ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยอีกคน” รุ่นพี่สาวผมยาวมัดเปียสีเหลืองอ่อนคนสุดท้ายกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรให้เหล่ารุ่นน้อง
เมื่อรุ่นพี่ทุกคนแนะนำตัวกันเสร็จ ชาน่อนก็ก้าวกลับมายืนที่เดิมก่อนจะกล่าวต่อว่า “ ในช่วง 2 อาทิตย์แรกนี้หากมีปัญหาอะไร พวกเธอสามารถถามขอความปรึกษารุ่นพี่หรือคนอื่นที่รู้จักได้...”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของพ่อบ้านหนุ่มประจำคฤหาสน์แห่งนี้ที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดแก้วน้ำจำนวนหนึ่งในมือ “ขออนุญาตครับ”
“แหม เป็นบุญของกลุ่มรูฟัสที่มีพ่อบ้านมือหนึ่งอยู่ด้วยนะครับ” ชาน่อนบอก ขณะที่ยารีฟเดินแจกเครื่องดื่มให้ทุกคนในห้อง “บางคนอาจรู้จักเขาแล้ว แต่ฉันขอแนะนำให้เป็นพิธี คุณยารีฟ โซรามุน พ่อบ้านผู้มากความสามารถของคฤหาสน์เลอ เฟย์”
เหล่ารุ่นน้องต่างปรบมือพร้อมกัน พ่อบ้านหนุ่มก็โค้งตัวคำนับพร้อมกับกล่าวว่า “ยินดีรับใช้ครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้นะครับ เอ่อ คุณชาน่อนครับอีกเดี๋ยวห้องอาหารจัดเสร็จแล้วเชิญได้เลยนะครับ”
“ครับ อ้อ เดี๋ยวช่วยจัดเผื่อพวกผมด้วยนะครับ” พ่อบ้านหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป “เอาล่ะ อีกสักครู่เจอกันที่ห้องอาหารปีหนึ่งนะ ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็เดินตามป้ายที่แปะไว้และจงจำแผนผังห้องในคฤหาสน์ไว้ให้ดีๆเพราะเดี๋ยวเราจะดึงป้ายออก เชิญตามสบายนะ เจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้า” เมื่อพูดจบผู้เป็นผู้ช่วยประธานสภานักเรียนก็เดินออกจากห้องไปอีกคน
หลังจากเสร็จมื้อเย็น เหล่ารุ่นพี่ก็นัดหมายอีกครั้งที่ห้องนั่งเล่นรวมที่อยู่ถัดจากห้องอาหารไปห้องหนึ่ง ซึ่งในระหว่างคอยเหล่ารุ่นพี่อยู่นั้น บรรดารุ่นน้องก็ถือโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกันอย่างเมามันโดยเฉพาะในหมู่นักเรียนชายซึ่งถึงกับจับเข่าคุยกันในเรื่องฐานะต่างๆโดยที่คนที่กำลังเป็นจุดสนใจของคนอื่นคงหนีไม่พ้นฮาเทียและเด็กหนุ่มผมแดงผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึง 1 ใน 2 ผู้มีสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์แห่งซาโลม
“เป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสได้เรียนร่วมกับราชองครักษ์ที่มีชื่อเสียงและเจ้าชายนะครับ” คำพูดที่ดูเป็นทางการจากเด็กหนุ่มหน้าหวานที่สุดในกลุ่มรูฟัส อินกริด ลีมาร์น ผู้เป็นบุตรชายคนเดียวของเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในอาริกริฟ
“ใช่ดูสิทั้งชั้นเรามีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น” คำพูดเสริมจากคนที่ไม่น่าเป็นเพื่อนสนิทกับลูกเศรษฐีดังอย่างเด็กหนุ่มร้านหนังสือมือสอง อิสฮาน อาเทลรูม่า “ถ้ามีโอกาสไปบ้านฉันไหมล่ะ พี่ๆฉันน่ะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนายเลยรู้เปล่า”
“ฉันไม่ใช่ดาราที่ไหนซะหน่อย” ฮาเทียพูดอย่างเรียบๆ
“ใครว่า นายน่ะยิ่งกว่าดาราซะอีก” อิสฮานแย้งขึ้นพร้อมทำตาเป็นประกาย “ราชองครักษ์ผู้เก่งกาจทั้งวิชาดาบและมนตราควบคู่กันเนี่ยน่ะยิ่งกว่าใครในประวัติศาสตร์ ไอ้นี่ไม่สุดยอดก็ไม่มีใครสุดยอดแล้ว รู้ไหมนายน่ะเป็นไอดอลของวงการราชองครักษ์ด้วย”
“แถมยังติดท็อปเท็นลำดับที่แปดของค่าหัวที่สูงที่สุดและติดบอร์ดรายชื่อที่ไม่มีใครกล้าไปเด็ดตัว” คำบอกจากนักฆ่าหนุ่ม ไมดัส ซิเลซาร์ ทำเอาคนที่ค่าหัวสูงเป็นลำดับที่แปดถึงกับกลืนน้ำลายพร้อมกับรู้สึกเสียวต้นคอทันที
“นี่ว่าแต่นายสนใจมาเป็นราชองครักษ์ของฉันไหมล่ะ” เจ้าชายยูริเอล เดอ ฟรีบาสซ์ผู้เป็น 1 ใน 2 ผู้มีสิทธิ์ครองบัลลังก์แห่งซาโลมยื่นข้อเสนอให้ซึ่งเล่นเอาฮาเทียยิ้มแห้งให้
“ไม่ดีกว่า ขอบคุณ” ฮาเทียตอบปฏิเสธไป ทำให้คนที่ให้ข้อเสนอและเพื่อนใหม่รอบๆหัวเราะเฮฮา จนคณะนักเรียนหญิงที่มีกันแค่ 5 คนหันมามอง
“ดูเหมือนน้องชายฉันจะพูดถูกคอกับพ่อองครักษ์ของเธอ” เจ้าหญิงยูริไดซ์ เดอ ฟรีบาสซ์ ผู้เป็นอีกหนึ่งผู้สืบต่อบัลลังก์แห่งซาโลมเอ่ยขึ้น
“หมอนั้นก็อย่างนี้แหละ” ครีโอพูดพลางมองคนที่พวกเธอกำลังนินทา “ไปไหนก็เข้ากับใครได้หมด”
“ก็ยังดีนะที่เขาไม่ถือตัว ตอนแรกฉันก็นึกว่าจะเป็นคนเย็นชาและวางมาดแบบพวกขุนนางใหญ่โตในวังซะอีก” คำพูดเสริมมาจากเด็กสาวผมรวบหางม้าสีชมพู อาราเนีย อาร์มสตรีม “เธอเนี่ยโชคดีจังครีโอ”
“ใช่ ถ้าฉันมีองครักษ์หล่อ เก่ง และภักดีกับเราขนาดถวายชีวิตให้ยังได้เนี่ย ฉันคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดเลยล่ะ”
“เว่อร์ไปแล้วเคียรี่ โชคร้ายสิไม่ว่า” ครีโอว่าเด็กสาวหูแหลมที่แสดงถึงเชื้อสายของพรายในสายเลือด “จะหนีไปไหนก็โดนดักไม่ก็ขอตามไปด้วย”
“เธอก็พูดเกินไป” เคียรี่ว่ากลับก่อนจะเหลือบไปมองเด็กสาวอีกคนที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลยซักคำนอกจากบอกว่าชื่อ ‘เฟรย่า ดีวาส’ แล้วคนอื่นก็หันไปมองตาม
เด็กสาวผมหยักสกยาวถึงกลางหลังสีเหลืองทองอร่ามราวกับเส้นไหมทองที่ถูกรีดจากช่างทองมือดี เช่นเดียวกับนัยน์ตาคมสีแดงทับทิมเข้มราวกับนางพญาประกอบกับมาดนิ่งที่อ่านอารมณ์ออกยากมากจนดูน่าเกรงขามผิดกับเด็กสาวทั่วไปในวัลเนอเฮมและนี่และคือ เฟรย่า ดีวาส
ประตูห้องเปิดผางแล้วเหล่ารุ่นพี่ที่ทำหน้าเป็นพี่เลี้ยงพร้อมกับพ่อบ้านหนุ่มประกอบคฤหาสน์เดินเข้ามา
“ขอโทษที่ให้คอยกันนานนะจ๊ะ” ราเควลเอ่ยขึ้นก่อนเป็นคนแรก “เพื่อไม่ให้เวลา พวกพี่จะชี้แจงเรื่องห้องต่างๆในคฤหาสน์หลังนี้ก่อนนะจ๊ะ”
เมื่อผู้เป็นน้องสาวพูดจบคนเป็นพี่ชายก็เริ่มพูด “คฤหาสน์หลังนี้ประกอบอาคารสองชั้นซึ่งล้อมเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีห้องมากกว่าร้อยห้องจึงค่อนช้างซับซ้อน ฉันหวังว่าวันแรกคงไม่มีใครหลงทางหรอกนะ มาเข้าเรื่องดีกว่าห้องพักกับห้องอาบน้ำรวมชาย - หญิงและห้องนั่งเล่นส่วนของปีหนึ่งอยู่ในโซนของอาคารทิศตะวันออกชั้นสอง”
“ถ้ามีเวลาว่างพวกฉันจะพาสำรวจ” สโคลว์ตอบ “ส่วนห้องที่เหลือจะเป็นห้องเปล่าและห้องเก็บของและในอาคารตะวันออกชั้นล่างจะเป็นโซนของปีสองและมีห้องดนตรีไว้ใช้รวมกัน แล้วอาคารตะวันตกชั้นหนึ่งเป็นของปีสามและชั้นหนึ่งก็ของปีสี่ สุดท้ายก็อาคารหลังสุดชั้นหนึ่งเป็นของปีห้าและชั้นสองเป็นที่พักของเจ้าของคฤหาสน์ ในโซนนี้หากไม่มีธุระห้ามขึ้นไป”
“สโคลว์นายลืมเรื่องหนึ่ง” ซินเธียร์เตือนขึ้น
“อ้อ จริงด้วย” เด็กหนุ่มผมสีเถ้าถ่านร้องขึ้นทันใด “ห้ามเข้าห้องใต้ดินซึ่งจะมีป้ายห้ามเข้าอยู่แล้ว เช่นเดียวกับหอคอยทั้งสี่เป็นเขตหวงห้าม ใครฝ่าฝืนมีโทษ ฉันหวังว่าพวกเธอคงเข้าใจนะ”
“ครับ/ค่า” เด็กปีหนึ่งขานรับพร้อมกัน ทำให้สโคลว์ยิ้มรับอย่างพอใจที่สุดก่อนหันไปหาเพื่อนคนอื่นๆแล้วพูดต่อว่า
“เดี๋ยวฉันฝากแจกกุญแจห้องด้วยนะ” รุ่นพี่หนุ่มบอกก่อนจะก้าวเดินไปที่ประตู
“แล้วท่านพี่จะไปไหน” ราเควลพูดสะกดทันที ผู้เป็นพี่จึงตอบขึ้นลอยๆว่า
“ฉันง่วงแล้ว เดินทางมาทั้งวันคนเราก็เพลียได้เหมือนกัน” พูดจบก็เดินออกจากห้องโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากน้องสาว จนคนที่เหลือเข้ามาห้าม
“ปล่อยเค้าไปเถอะ” รุ่นพี่สาวนาม ‘ซินเธียร์’ บอก “เราแจกกุญแจกันเองก็ได้”
“ใช่ เธอก็รู้นิสัยหมอนั้นดี” เซรอสพูดเสริม “เอาล่ะ ห้องนอนของปีหนึ่งมี 4 ห้อง ผู้หญิงปีนี้มีกัน 5 คนก็พักรวมกันเลย ส่วนผู้ชายห้องละสามห้องนึงและห้องละสี่อีกสองห้อง เดี๋ยวฉันอ่านชื่อของคนที่จะอยู่แต่ละห้อง พวกผู้หญิงน่ะจะขึ้นไปก่อนก็ได้ ราเควล ไบรน่าพาไปส่งที่ห้องทีสิ”
“ค่ะ” ไบรน่ารับก่อนที่เซรอสจะส่งกุญแจชุดหนึ่งให้ราเควลและเธอจึงค่อยหันไปเรียกเหล่ารุ่นน้องผู้หญิง
“เอาล่ะ สาวๆเราไปกันเถอะ”
ห้องนอนที่ต้องร่วมกันถึง 5 คนนั้นในตอนแรกต่างคิดว่าต้องแออัดมาแน่ๆ แต่เมื่อเข้าไปกลับเป็นห้องใหญ่กว้างขวางมีหน้าต่างไว้ถ่ายเถอากาศเลยแถมยังมีเตียงขนาดกลางแต่หรูหรามีระดับพร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าหลังงามอย่างละห้าแล้วยังมีชุดโต๊ะอ่านหนังสือที่จัดในมุมต่างๆอย่างเหมาะสมและโทรทัศน์จอใหญ่ที่ดูได้ทั่วถึงซึ่งตั้งอย่างตรงข้ามเตียงทั้งห้าทำให้ราวกับเป็นห้องพักของโรงแรมหรูห้าดาวซึ่งรุ่นพี่ราเควลบอกว่าห้องนี้ถูกร่ายมนตร์พื้นที่เอาไว้ทำให้ใหญ่กว่าที่ดูจากข้างนอก
เมื่อรุ่นพี่ทั้งสองแจกกุญแจให้ห้าสาวเสร็จ ก็พากันเดินกลับห้องพักของตน ปล่อยให้เหล่ารุ่นน้องได้จัดแจงข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อยก่อนที่ต่างคนจะเข้านอนด้วยความอ่อนเพลียหลังเดินทางมานาน
ดวงไฟทั้งหมดในบริเวณคฤหาสน์เลอ เฟย์ดับวูบลง มีเพียงตามห้องพักของนักเรียนและในตัวคฤหาสน์ที่ยังสว่างอยู่แต่ไม่นานนักก็ทยอยกันดับ เหลือไว้เพียงไฟตามทางเดินที่หรี่ลงจนเหลือเพียงแสงสลัวๆเท่านั้น
ในขณะที่ทุกคนในคฤหาสน์เข้าสู่ห้วงนิทรากันหมดแล้ว ยารีฟก็ยังเดินถือไฟฉายสำรวจความเรียบร้อยของคฤหาสน์เหมือนที่ทำทุกวัน เมื่อเดินมาถึงบันไดกลางพ่อบ้านหนุ่มก็หยุดเดินทันทีที่เห็นแมวสีขาวกำลังก้าวขึ้นบันไดแล้วเขาจึงเงยหน้าขึ้นไปที่หัวบันไดก่อนจะส่งยิ้มให้ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในความมืด
“กลับมาแล้วเหรอครับท่านโลกิ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น