ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Levatein

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 สอบสัมภาษณ์

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 53


    Chapter 6

    สอบสัมภาษณ์

                   

    บานประตูใหญ่ค่อยๆปิดทันทีที่ผู้มาเยือนผ่านเข้ามาภายในห้องซึ่งมีเพียงกระถางซึ่งมีเพลิงสีฟ้ากำลังลุกอยู่ตรงกลางทำให้ห้องสว่างด้วยแสงไฟสลัวๆ

     

    “สวัสดีครับ” เสียงทักทายที่ทำให้ร่างบางสะดุ้งโหยง   ก่อนจะหันไปทางประตูที่ตนเพิ่งเข้ามา  ซึ่งตอนนี้มีร่างของเด็กหนุ่มผมยาวรวบหางม้าสีทองในชุดนักบวชแบบเต็มยศยืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แก่ทั้งสอง

     

    “ขออภัยที่ทำให้ตกใจครับ  ผมเซอร์รัส  อาริเธียร์ ยินดีรู้จักครับองค์รัชทายาทลำดับหนึ่งแห่งเซราคิวส์” นักบวชหนุ่มกล่าวทักทายพร้อมโค้งตัวทำความเคารพอย่างนบน้อม “ผมได้รับคำสั่งให้มารับท่านแทนท่านอาร์คบิชอปครับ  เชิญตามเถอะครับ  แต่เราต้องรีบหน่อย  ตอนนี้สายมากแล้ว  การสอบสัมภาษณ์ใกล้เริ่มแล้ว”

     

                    พูดจบ   เสียงโซ่สีกระทบกันดังขึ้นจากเพดานสูง   ก่อนที่ลิฟท์แก้วทรงกระบอกจะเลื่อนลงมาตามปล่องอย่างช้า

     

                    นักบวชหนุ่มเดินนำเข้าไปก่อน   ขณะที่ผู้มาทดสอบทั้งสองยังยืนมองอย่างลังเล

     

                    “นี่  คนอื่นคอยเราอยู่นะครับ” คนบนลิฟท์ร้องเรียก   ครีโอกับฮาเทียจึงเดินตามเข้ามาในลิฟท์   ทันทีที่เท้าก้าวสุดท้ายของเด็กหนุ่มผู้รั้งท้ายแตะพื้นลิฟท์   ประตูแก้วก็เลื่อนปิดก่อนที่โซ่ข้างบนจะดึงลิฟท์แก้วขึ้นอย่างช้าๆ

     

                    “ฮาเทีย  ไอ้สอบสัมภาษณ์เนี่ย  เขาทำอะไรกันบ้างเหรอ” ครีโอกระซิบถาม

     

                    “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  แค่ให้ผู้เข้าทดสอบแสดงไหวพริบนิดน้อยด้วยคำถามต่างๆ” เซอร์รัสชิงตอบแทน “เพื่อจัดนักศึกษาเข้าประจำสังกัดที่เหมาะสมกับตนเอง   ซึ่งมีด้วยกัน 4 กลุ่ม  คือ รูฟัส  อัลบัส  ไนเกอร์  และ พาริดาส  

     

                    “แล้วคุณเป็นนักศึกษาของอันเทลมาร์เปล่า” ฮาเทียถามอย่างสุภาพ

     

                    “ผมเป็นนักบวชฝึกหัดของวิหารอันเทียร่าเท่านั้นครับ” เซอร์รัสตอบ “ขึ้นตรงกับท่านอาร์คบิชอปเกรเกอรี่เท่านั้นครับ”

     

                    “แต่ดูจากตราบนไหล่เสื้อ   คุณคงไม่ใช่นักบวชฝึกหัดชั้นธรรมดา แต่เป็นนักบวชฝึกหัดที่จะขึ้นมาเป็นอาร์คบิชอปคนต่อไป  ใช่ไหมครับ”

     

                    รอยยิ้มบางๆฉายบนดวงหน้าที่ขาวเนียน  ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะเบาๆ  “แหม  ดูออกด้วยหรือครับ   ช่างรอบรู้จังนะครับ   สมกับฉายา นักดาบอัจฉริยะถือเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสได้พูดคุย”

     

                    เสียงโซ่เหล็กเงียบลงแสดงว่ามาถึงชั้นที่หมายแล้ว  ก่อนที่ประตูแก้วเปิดออก  ว่าที่อาร์คบิชอปเดินนำก่อน  ตามด้วยรัชทายาทลำดับหนึ่งของเซราคิวส์และราชองครักษ์ไปตามทางเดินยาวที่ปูด้วยพรมแดง

     

                    เดินมาได้ไม่นานนัก   ทั้งสามก็มาถึงบานประตูบานสุดทางเดิน   เซอร์รัสผายมือออก

     

                    “ถึงแล้วครับ  ตอนนี้หน้าที่ของผมก็หมดแล้ว   หวังว่าเราคงได้เจอกันใหม่นะครับ”  พูดจบว่าที่อาร์คบิชอปก็โค้งตัวเช่นเดียวกันเด็กหนุ่มก็โค้งตัวตอบ   ก่อนที่คนมาส่งจะเดินจากไป  

     

                    เมื่อเห็นหลังของคนในชุดนักบวชขาวไปสุดสายตา   ฮาเทียก็เอื้อมมือผลักประตูออก  และการทดสอบด่านแรกของทั้งสองก็เริ่มขึ้น   

                    หลังบานประตูนี้คือ  ห้องโถงที่ถูกประดับอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีมนตร์ขลังซึ่งเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มสาวซึ่งกำลังหันมามองคนมาสายเป็นตาเดียว  ทำให้สองคนที่มาถึงเป็นคณะสุดท้ายต้องก้มหน้าเดินไปยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่

     

                    ไม่นานนัก   ดวงไฟบนโคมระย้าที่แหวนอยู่บนเพดานก็พร้อมใจกันดับ  เหลือเพียงแสงจากสปอร์ตไลท์ที่ส่องมาที่เวที   ทันใดนั้นเปลวควันสีขาวก็โพยพุ่งจากพื้นไม้กระดานก่อนที่ร่างของชายชราเจ้าของผมยาวสีขาวโพลนและหนวดเครายาวสีขาวแซมดำ  ดวงตาคู่สีเทาและท่าทางที่ดูทรงอำนาจและน่าเลื่อมใสเรียกเสียงฮือฮาในหมู่คนข้างล่าง

     

                    “สวัสดีนักศึกษาหน้าใหม่ทุกคนสู่การทดสอบแรกของพวกเจ้า” ชายชรากล่าวเปิด “ข้าโปรเฟสเซอร์เซซาริอาห์  ซารูมานรับหน้าที่ดูแลการทดสอบเข้าเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้”

     

                    เสียงฮือฮาที่ดังกว่าครั้งแรก  ก็ช่วยไม่ได้นี่เพราะบุคคลที่ยืนอยู่บนเวทีจัดได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง      ไม่ใช่เพียงสมญาพ่อมดขาวซึ่งมีเพียงสองคนในวัลเนอเฮมแต่วีรกรรมต่างๆมากมายที่เขาเคยทำคือตำนานที่ได้จดบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์นี่แหละที่สร้างชื่อเสียงจากเจ้าตัว

     

                    “เพื่อมิให้เสียเวลาไปมากกว่านี้   เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ทันทีที่เสียงดีดนิ้วดังขึ้น  เปลวไฟสีฟ้าลุกพรึ่บที่ริมชายผ้าม่านด้านหลังพ่อมดขาวก็จะไล่ขึ้นเผาไหม้อย่างรวดเร็ว  เผยซุ้มประตูสีทองที่ตั้งอยู่เปล่า  แล้วมือในแขนเสื้อยาวหลวมโบกก่อนจะกางมือออก  ลูกไฟสีฟ้าปรากฏเหนือฝ่ามือและค่อยระเบิดออกเบาๆ  เหลือเพียงม้วนกระดาษสีทอง “เดี๋ยวข้าจะอ่านตามรายชื่อแล้วจงเดินลอดซุ้มประตูแห่งอันนันเทียร่า”

     

                    “แชริลน่า  เดอ  กรีเดียน” ชื่อแรกถูกเรียก  แล้วเด็กสาวผมยาวเป็นลอนสีดำในชุดแบบสตรีชั้นสูงก็ยืนขึ้นก่อนจะก้าวเดินขึ้นเวทีด้วยท่าทางที่ดูสุขุมไม่แพ้บุรุษ

     

                    มาดนิ่งสมกับเป็นคนของเดอ กรีเดียน  1 ใน  12 ตระกูลศักดิ์สิทธิ์* ฮาเทียมองพลางคิดในใจ

    __________________________________________________________________________________________________
    *ใน 12 จักรวรรดิแห่งวัลเนอเฮม  ถูกปกครองโดยตระกูลเก่าแก่ที่สุด 12 ตระกูลและทั้ง 12 ตระกูลนี้จะใช้ เดอ นำหน้าสกุล

                    เด็กสาวผู้มาจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่หน้าซุ้มสักพักก่อนจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่   แล้วค่อยก้าวเดินผ่านซุ้มไป   ทันทีที่เธอก้าวข้ามธรณีประตู  ร่างบางก็หายไปก่อนอากาศ  และพ่อมดขาวก็เลือกชื่อต่อไป

     

                    “เขาทำได้ไงน่ะฮาเทียหรือว่าซุ้มนั้นเป็นวาร์ปเกท” อีกหนึ่งคนจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถาม

     

                    “ประตูแห่งอันนันเทียร่าไม่ให้วาร์ปเกทหรอกครับ” ผู้เป็นราชองครักษ์ตอบ “เพียงแค่มันมีคุณสมบัติคล้ายๆกัน   ประตูบานนี้ถือเป็นโบราณวัสถุเลยนะครับ  ว่ากันว่าเทพผู้สร้างประทานแก่ดินแดนเรา”

     

                    “โห  งั้นก็ราคาแพงมากสิ” ครีโอพูดพลางทำตาเป็นประกาย

     

                    “ท่านครีโอครับ  อย่าคิดเชียวนะครับ” ฮาเทียเน้นเสียงอย่างรู้ทัน

     

                    “คิดอะไร  เปล่าซะหน่อย” คนถูกรู้ทันแก้ตัวก่อนเบนหน้าไปทางอื่น  นัยน์ตาสีไพลินมองดูคนถูกเรียกชื่อคนแล้วคนเล่าเดินหายไปในซุ้มประตู

     

     

                    “ฮาเทีย   แอนริงค์ตั้น” ชื่อที่ทำให้เด็กสาวหันไปมองเจ้าของนาม  เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆก่อนลุกขึ้นแล้วก้าวเดินออกไป

     

                    “โชคดีนะ” เสียงใสอวยพรจากด้านหลัง   ทำให้เขาหันกลับมายิ้มรับก่อนเดินต่อไปและหายไปในซุ้มประตูเหมือนคนอื่นก่อนหน้าเขา

                    “และสุดท้าย ครีโอ  เดอ นีโรว์” ครีโอถึงกับสะดุ้งสุดตัวก่อนกวาดสายตาไปรอบๆก็พบว่าในห้องเหลือเพียงเธอกับผู้เรียก

     

                    “ครีโอ  เดอ นีโรว์” ซารูมานเรียกย้ำพลางส่งสายตามาให้นักศึกษาคนสุดท้าย   เมื่อเจ้าของชื่อรู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายมอง   เธอจึงส่งยิ้มแห้งก่อนจะเดินออกจากที่นั่ง

     

                    รัชทายาทหญิงถึงกับเกร็งอย่างกล้าๆกลัวๆอยู่หน้าซุ้มประตู   นัยน์ตาคู่งามมองไปที่ช่องว่างของซุ้มประตู   ซึ่งมันกลับสะท้อนร่างของเธอราวกับเป็นกระจกเงา   แล้วมือบางค่อยๆยื่นเข้าใกล้ซุ้มประตูเรื่อยๆ  แต่อยู่ๆเหมือนมีบางอย่างฉุดเธอเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว  ทำให้เธอถึงกับหลับตาปี๋

     

                    “ครีโอ  เดอ นีโรว์”

     

                    ชื่อของเธอถูกเรียกอีกครั้ง   ทำให้เจ้าตัวตัวสะดุ้งจากภวังค์และค่อยๆลืมตาขึ้น   มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของครีโอที่เห็นชายชราที่มีทั้งผมและหนวดเคราสีเงินยาวมากขนาดนี้   เธอยอมรับว่าทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจ   นัยน์ตาที่เบิกกว้างของเธอนั้นทำให้ชายเบื้องหน้านึกขบขันจนเผลอยิ้มออกมา

     

                    “ค...ค่ะ” ครีโอตอบรับตะกุกตะกัก   ก่อนจะถอนหายใจลึกๆเรียกความเชื่อมั่นคืนมา   นึกในใจว่าชายชราตรงหน้าในชุดคลุมสีขาวแบบเดียวกับเซซาริอาห์   ซารูมานนี่คงเป็นพ่อมดขาวอีกคน   เพราะดวงหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแต่กลับดูไม่น่าเกลียดเหมือนคนแก่ทั่วไป   นัยน์ตาสีทองฉายประกายฉลาดและอ่อนโยนอย่างแจ่มชัด  ชวนให้รู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตร   แต่ก็ชวนให้รู้สึกหวาดเกรงในเวลาเดียวกัน

     

                    “ยินดีที่รู้จัก   ฉันโปรเฟสเซอร์*โอดิน  เรนดาร์ฟ  อธิการโรงเรียนอันเทลมาร์  เชิญนั่งก่อนสิ” คำเชื้อเชิญอย่างสุภาพ  ทำให้เธอเริ่มวางตัวไม่ถูกจนออกอาการประหม่าจนเผลอเกร็งตัวสุดๆ  ผู้กล่าวเชื้อเชิญมองสักพักก็หัวเราะออกมาจึงทำให้เด็กสาวยิ่งทำอะไรไม่ถูก

     

    ___________________________________________________________

    *โปรเฟสเซอร์ คือ คำที่ใช้นำหน้าชื่อของอาจารย์ผู้สอนในโรงเรียนหลวงทั่วไป   อาทิ ในอันเทลมาร์

     

    “ไม่ต้องเกร็ง   ฉันไม่กัดใครหรอก” อธิการบอก  ทำเอาคนกำลังเกร็งหน้าแดงก่อนจะค่อยๆนั่งลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งเรียบร้อย  ชายชราก็ส่งถ้วยชาให้ทันที “ดื่มชาสิ  จะได้รู้สึกดี”

     

    ครีโอพยักหน้าแล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างว่าง่าย   เรียกรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากของโปรเฟสเซอร์เรนดาร์ฟ “นี้หรือท่านจ้าวผู้ครองนครแห่งท้องสมุทรเซราคิวส์คนต่อไปสินะ   เป็นเกียรติของอันเทลมาร์ที่ได้อบรมว่าที่คนสำคัญแห่งวัลเนอเฮมอีกคน”

     

    “เช่นกันค่ะ” เด็กสาวตอบด้วยใบหน้าที่แดงนิดน้อยกับคำพูดที่ดูเป็นทางการสุดๆของอธิการเรนดาร์ฟ   ชายชราหัวเราะในลำคอเบาก่อนจะคว้าแว่นตากลมขึ้นสวมแล้วมองเอกสารตรงหน้า

     

    “เธอพร้อมสำหรับการสอบสัมภาษณ์หรือยัง”

     

    “ค่ะ”

     

    “งั้นฉันขอเริ่มด้วยคำถามแรกนะ   สำหรับเธอแล้วในวันแรกหลังจากสถาปนาตนขึ้นเป็นท่านจ้าว   เธอจะทำอะไรก่อนและหลัง   ระหว่างเชิญขุนนางและผู้ครองต่างแคว้นมาแสดงความยินดีหรือเสด็จออกให้ประชาชนแสดงความยินดี” 

     

    ครีโอนิ่งคิดทันทีที่ฟังคำถามจบ  ในหัวของเธอตอนนี้มีตอบอยู่แล้วเมื่อเธอคิดจะตอบก็มีบางอย่างชะงักให้เธอไม่ตอบด้วยคำตอบแรกแต่กลับการตอบด้วยคำตอบอีกคำตอบที่เธอเองรู้สึกไม่มั่นใจ

     

    “เยี่ยมเยียนประชาชนก่อนค่ะ” คิ้วสีเงินเลิกขึ้นด้วยความสงสัยและแสดงสีหน้าเหมือนขอคำอธิบาย “ท่านพ่อเคยสอนหนูไว้ค่ะว่าจ้าวที่ดีต้องเห็นประชาชนของตนอยู่ในสายตาเสมอก่อนที่จะชายตาไปมองคนของแคว้นอื่นคะ   แต่ไม่ได้หมายถึงคนต่างถิ่นไม่สำคัญนะคะ” 

     

    โปรเฟสเซอร์เรนดาร์ฟถึงกับเผลอยิ้มอย่างชอบใจ   แต่ครีโอกล่าวรู้สึกเหมือนเธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

     

    “ต่อไปคำถามที่สองนะ  เมื่อถึงวันที่เธอขึ้นเป็นท่านจ้าวหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเซราคิวส์   คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนตั้งข้อกังขาต่างๆนานา   เธอคิดว่าจะจัดการกับคนเหล่านั้นยังไง”

     

    แค่คำถามเดียวก็เล่นอยากแทรกแผ่นดินหนีแล้ว   ยังมีคำถามที่สองอีก  โอ๊ย!! อยากตาย

     

    “คงทำอะไรไม่ได้หรอก   เพราะเขามีอคติกับเราแล้ว   ต่อให้ทำตัวดียังไงเขาก็หาข้อเสียได้อยู่ดี   แต่ถ้าเราเลือกทำในสิ่งที่ถูกไปเรื่อยๆ  เวลาคงทำให้เขาค่อยๆยอมรับเราทีละนิดๆ”

     

    ความเงียบบังเกิดขึ้นทันทีที่เด็กสาวพูดจบ   มันทำให้ครีโอยิ่งรู้สึกเหมือนปล่อยไก่ตัวโตอออกไปเลย  ในขณะที่นัยน์ตาสีทองกลับฉายแววบางอย่างที่อ่านยาก   แล้วไม่นานชายชราก็ถอดแว่นออกก่อนจะพูดขึ้น

     

    “ดีมาก  ขอบคุณสำหรับคำตอบ” เด็กสาวพยักหน้าก่อนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก “เอาล่ะต่อไปก็เรื่องสังกัดของเธอ  ตอนแรกฉันว่าเธอควรไปอยู่อัลบัสนะ   แต่พอฟังคำตอบเมื่อกี้ฉันคิดว่าเธอเหมาะจะอยู่รูฟัสมากกว่า   ขอแสดงความยินดีด้วยนะ  อ้อ  แล้วพ่อหนุ่มน้อยที่มากับเธอน่ะ” 

     

                    “ฮาเทียเหรอค่ะ” ครีโอเอ่ยอย่างสงสัย 

     

                    “ใช่แล้ว  ดีจังนะที่พวกเธอไม่โดนแยกสังกัดกัน”

     

                    แสดงว่าฮาเทียก็อยู่รูฟัสเหมือนกัน  เท่านี้เด็กสาวแทบจะร้องด้วยความดีใจสุด

     

                    อยู่ๆม่านสีแดงที่เป็นฉากหลังของอธิการก็เปิดออก   เผยร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มแว่นผมสีเขียวเข้มจนเกือบดำในชุดสูทเรียบร้อยที่กำลังยืนอยู่อย่างสงบ 

     

                    “มารับเด็กเหรอยารีฟ” ชายชราเอ่ยถาม

     

                    “ครับท่านอธิการ   ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอตัวเธอไปนะครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างนอบน้อม

     

                    “เชิญตามสบาย   ตอนนี้ก็หมดหน้าที่ฉันแล้วล่ะ” 

     

                    “งั้นหนูไปก่อนนะค่ะ” ครีโอบอกพร้อมย่อตัวแสดงความเคารพก่อนจะเดินมาหาคนมารับ   ชายหนุ่มโค้งตัวให้เธอเล็กน้อยแล้วผายมือไปทางม่านที่เปิดออก

     

                    “คุณครีโอ  เดอ นีโรว์ครับ  ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์เลอ เฟย์ครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×