ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Levatein

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 จดหมายเชิญ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 53


    Chapter 3
    จดหมายเชิญ
     
             “นี่พวกลูกไม่รีบทำความเคารพท่านอาร์คบิชอปล่ะ”เสียงของท่านจ้าวชานีลเรียกสติของทั้งสองให้กลับมา   ฮาเทียรีบโค้งตัวก่อนที่ครีโอจะย่อตัวเป็นการทำความเคารพเช่นกัน   อาร์คบิชอปหนุ่มยิ้มที่เป็นมิตรให้ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
           
             “ลูกสาวท่านน่ารักดีนะครับ”อาร์คบิชอปพูดขึ้น “เห็นแล้วน่าอิจฉา”
            
             “งั้นแกก็สึกซะ   แล้วไปหาสาวสวยมาเป็นเมีย” คำแนะนำที่ทำให้นักบวชชั้นสูงต้องยิ้มฝืนๆให้
             
              “คงไม่ได้หรอกครับชานีล   ผมทำพิธีสาบานตนบวชตลอดชีวิตไปแล้ว
            
              “งั้นก็ไม่ต้องบ่น”ท่านจ้าวพูดอย่างไร้เยื่อใย “เอ้า มานั่งก่อนสิครีโอ   เจ้าก็ด้วยฮาเทีย”เด็กสาวและเด็กหนุ่มมองหน้ากับอย่างงงๆก่อนจะนั่งลงบนที่ของตัวเอง
            
             “ครีโอ  นี่อาร์คบิชอปเกรเกอรี่เพื่อนรักสมัยเรียนของพ่อเอง   ลูกคงเพิ่งเจอเป็นครั้งแรกสินะ   ก็ไม่แปลกหรอกเพราะร้อยวันพันปีเจ้านี้ไม่เคยที่จะออกจากโบสถ์    อยากรู้จังว่าในโบสถ์มีอะไรสำคัญกว่าเพื่อน”ประโยคที่ท่านจ้าวชานีลกล่าวสุดท้ายทำให้เพื่อนที่เห็นโบสถ์สำคัญยิ้มอย่างแห้งๆก่อนที่จะพูดแก้ตัว
            
             “ชานีลพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ  บัตรเชิญมากี่งานกี่งานผมก็ไปแทบทุกงาน”
            
             “ก็ถ้าฉันไม่ส่งไปพร้อมกับทหาร  แกก็ไม่มาหรอกจริงไหม”
           
              “ทะเลาะกับเรื่องไร้สาระอีกแล้วนะ  น่าเบื่อ” เสียงหวานของผู้เข้ามาพบทำให้คนถูกว่าชะงัก   ก่อนที่จะหันมาทางต้นเสียง
            
             หญิงสาวผู้มาใหม่เจ้าของเรือนผมลอนยาวสีเหลือง   นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลที่ประดับอยู่บนดวงหน้าที่งดงามกว่าหญิงใด จึงไม่ต้องสงสัยทำให้ท่านจ้าวชานีลถึงไม่ชายตามองสตรีนางอื่นเลย
     
             “ไม่ได้เจอตั้งนานนะครับคุณเอริม”อาร์คบิชอปหนุ่มทักทาย
            
             “นี่ถ้าฉันไม่มาเอง  คงไม่รู้ว่าแกรี่มานะเนี่ย”สตรีอันดับหนึ่งแห่งเซราคิวส์กล่าวพลางส่งสายตาตำหนิมาให้ท่านจ้าว   ซึ่งเล่นเอาคนถูกมองและคนที่ถูกเรียกชื่อเล่นขนลุกไปตามๆกัน
     
             “แหม   ก็เห็นวันนี้เธอดูเหนื่อยๆก็ไม่อยากรบกวน  จริงไหมเกรเกอรี่”ท่านจ้าวแก้ตัวพลางส่งสายตาของความช่วยเหลือจากเพื่อนรัก  
     
             “ครับ   อ้อ !  ผมลืมซะสนิทเลย”อาร์คบิชอปหนุ่มรับ ก่อนจะอุทานเหมือนคิดอะไรออกแล้วล้วงหาของในเสื้อ “มีจดหมายจากอาเทลมาร์ถึงครีโอกับฮาเทีย”
     
             “จดหมายจากอาเทลมาร์ !!”ทั้งท่านจ้าวและราชินีร้องพร้อมกัน
     
             ครีโอมองผู้เป็นพ่อแม่อย่างงงๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า
            
             “อะไรเหรอค่ะท่านแม่”
     
             ผู้เป็นแม่ไม่พูดอะไร   อยู่ๆก็พรวดเข้ากอดลูกสาวแล้วร้องไห้ยิ่งทำให้ครีโองงยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับท่านพ่อที่แม้จะนิ่งวางมาดไว้แต่ดวงตากลับส่องประกายบางอย่างให้เห็นได้ชัด
     
             “ท่านแม่   ท่านพ่อเป็นอะไรไปกันหมดน่ะลูกงงหมดแล้ว”
     
             “ครีโอแม่ดีใจจังเลยไม่นึกว่าเวลานั้นมาถึงแล้ว   จริงไหมชานีล”ราชินีเอริมพูดพลางปล่อยโฮออกมา
            
             “ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ   ท่านพ่อช่วยอธิบายก่อนได้ไหมค่ะ”
     
             
             เวลาต่อมา
             “หา ! นี่จะให้ลูกไปเรียนที่อาเทลมาร์เหรอ”เด็กสาวร้องเสียงหลงทันที
            
             “ด้วยพันธสัญญาระหว่างจักรวรรดิทั้ง12ที่ต้องส่งเหล่าราชนิกุลเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามมานานแสนนานแล้ว   และอีกอย่างนะครีโอในอนาคตลูกก็ต้องขึ้นเป็นท่านจ้าวต่อจากพ่อ   การไปเรียนที่นั้นจะทำให้ลูกเข้าถึงหัวใจของกษัตริย์อย่างแท้จริงและนำความรู้ในด้านต่างๆมาใช้บริหารจักรวรรดิเซราคิวส์ของเรา   รู้ไหมพ่อกับแม่รวมทั้งท่านนาริสก็จบจากที่นี้ทั้งนั้นและยังไม่รวมถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อีกมากมายนะ”ผู้เป็นพ่อกล่าวอธิบายพลางวางท่าอย่างภาคภูมิใจ “ อ้อ ! ฮาเทียก็ได้จดหมายเชิญด้วยไม่ใช่เหรอ   ยินดีด้วยนะไม่เสียแรงที่ท่านนาริสรับประกันฝีมือ ฮ่าๆๆๆๆๆ
     
             “ฮาเทียคงต้องเหนื่อยเพิ่มแล้วจ๊ะ   นอกจากต้องช่วยปลุกแล้วดีไม่ดีต้องช่วยครีโอทำการบ้านอีก”ราชีนีเอริมพูดเสริม
     
             “ท่านแม่ก็   ลูกไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”ผู้เป็นลูกว่าพร้อมกับทำท่าค้อนใส่ผู้เป็นแม่   ส่วนคนยั่วก็หัวเราะกับท่าทางของลูกสาวแล้วหันมาถามเกรเกอรี่ว่า
     
             “จริงสิว่าแต่แกรี่จะไปพักที่นี้สักคืนสิ   เดี๋ยวให้คนขึ้นไปจัดห้องให้
     
             “ไม่ล่ะครับ”เกรเกอรี่ปฏิเสธอย่างสุภาพ “เดี๋ยวต้องไปธุระแทนท่านอธิการอีกหน่อยน่ะครับ”
     
     
             เมื่อสิ้นแสงตะวันถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์และหมู่ดาวน้อยใหญ่    ท้องนภาเหนือผืนดินมืดลงบอกถึงช่วงรัตติกาลได้มาเยือนแล้ว    บรรยากาศรอบๆพระราชวังเริ่มหนาวเย็นประกอบกับลมทะเลที่พัดผ่าน
             “ยิ่งดึกยิ่งหนาวนะครับ   เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”เด็กหนุ่มบอกอย่างเป็นห่วง   ก่อนจะปลดเสื้อคลุมแล้วคลุมไหล่นายหญิงของตนที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนราวระเบียงหลังจากที่จัดของเสร็จ  
     
             “ฉันว่านายไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปหาท่านนาริสแต่เช้าไม่ใช่เหรอ” คำพูดที่ส่อแววไล่   เรียกรอยยิ้มของฮาเทียก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า
     
             “มีองครักษ์ที่ไหนบ้างนอนก่อนเจ้านายครับ”แล้วผู้เป็นองครักษ์ก็นั่งลงข้างๆทำให้เด็กสาวมองอย่างงงๆก่อนจะยิ้มบางให้ “นายไม่ตื่นเต้นบ้างเหรอ”
     
             “เรื่องอะไรเหรอครับ   อ๋อ   เรื่องโรงเรียนเหรอครับ   มันก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว   ใครจะไปคิดว่าจะได้มีโอกาสขนาดนี้ล่ะครับ”ฮาเทียตอบเสียงร่า “ดูท่าท่านครีโอจะตื่นเต้นมากเหมือนกันนะครับ”
     
             “บ้า ! ใครตื่นเต้น ฉันน่ะเฉยๆเลยล่ะ” เด็กหนุ่มเหล่มองคนปากแข็งก็อดขำไม่ได้    ปากน่ะบอกว่าไม่ตื่นเต้น   แต่นี้ถึงไม่หลับไม่นอนเลย   “แล้วพรุ่งนี้กำหนดเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ”
     
             “ท่านจ้าวว่าให้เราเดินทางไปพร้อมกับเรือเที่ยวแรกตอนแปดโมงแล้วไปให้ถึงเมืองหน้าด่านทางเหนือก่อนค่ำ” เด็กสาวขมวดคิ้วทันทีก่อนจะถามว่า
     
             “ทำไมเราไม่ใช้เกทล่ะสะดวกกว่ากันเยอะ”
     
             “มันเป็นข้อตกลงมาตั้งแต่ครั้งก่อตั้งโรงเรียนแล้วครับที่ผู้เข้าทดสอบทุกคนต้องเดินทางด้วยตนเองห้ามให้สิ่งช่วยย่นระยะทางใดๆทั้งสิ้นเพราะมันถือว่าเป็นบททดสอบข้อหนึ่งแต่ว่าไม่มีข้อห้ามเรื่องยานพาหนะในการเดินทางนะครับซึ่งผมลองคำนวณดูแล้วถ้าเดินทางด้วยบอร์ดคงใช้เวลาไม่ถึงสองวันหรอกครับ”
     
             “อืม”เด็กสาวตอบอย่างเข้าใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสามจันทราที่ลอยอยู่กลางหมู่ดาวนับล้าน “พระจันทร์คืนนี้ดูสวยผิดหูผิดตานะนายว่าไหม”
     
             “ครับ”
     
     
             ‘ใกล้แล้วเหรอ’
    เสียงใสดั่งระฆังแต่แฝงความเศร้าเอ่ยขึ้น ในความมืดก่อนที่แสงจันทร์จะส่องผ่านช่องว่าง   เผยร่างของเด็กสาวผมยาวสยายสีเงินที่กำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าซุกอยู่คนเดียว
            
             ‘รีบมานะ   ข้าจะรอเจ้า
    สายลมพัดผ่านพาใบไม้และกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้แรกบานก่อนจะพาออกไปโพรงไม้
     
     
             “ครีโอจ๊ะ   อย่าลืมเสื้อหนาวด้วยนะ
             “ค่า”
             “ครีโอจ๊ะ    อย่าลืมติดต่อหาแม่ทุกคืนด้วยนะ
             “ค่าท่านแม่”
             “ครีโอจ๊ะ   แม่เตรียมขนมไว้ในกระเป๋าลูกแล้วนะ
             “...”
             “ครีโอจ๊ะ ...”
             “......”
             “ครีโอ”
             “.............”
             “ครีโอ”
             “ท่านแม่!!!”เสียงที่แสดงว่าเส้นอารมณ์ของคนเป็นลูกขาด “ลูกแค่ไปเรียนนะไม่ได้ไปออกรบ”
     
             “โธ่   ครีโอน้อยของแม่ไม่เข้าใจ” ผู้เป็นแม่กล่าวพลางดึงตัวลูกสาวเข้ามากอด “เตรียมพร้อมไว้ก่อนใครมีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะ”
     
             “นี่ที่รักลูกเขาต้องรีบเดินทางนะเดี๋ยวตกเรือเที่ยวแรกหรอก” เสียงของผู้เป็นพ่อบอกขัดจังหวะทำให้หญิงสาวส่งตาขวางมาให้ก่อนจะปล่อยลูกสาวสุดที่รักออกจากอ้อมแขน
     
             “ดูแลสุขภาพด้วยนะ   ฮาเทียฝากดูแลครีโอด้วยนะจ๊ะ
     
             “ครับ”เด็กหนุ่มรับแล้วโค้งตัวให้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ก่อนที่มือหนาของท่านจ้าวชานีลจะขยี้ผมของเขาจนยุ่งอย่างเอ็นดู
     
             “เจ้าก็รักษาตัวด้วยล่ะ”
            
             “เยส ยัวร์ มาเจสตี้ ฮาเทียตอบก่อนจะหันไปจัดสัมภาระทั้งของเขาและครีโอขึ้นรถลาก
     
             “ฝ่าบาทเรือจะออกแล้วนะขอรับ”มหาเสนาอำมาตย์นาริสบอกแล้วเด็กหนุ่มก็เดินขึ้นรถลากตามด้วยครีโอที่เพิ่งหนีจากแม่ผู้หวงแหน
     
             “ขอเทวีแห่งท้องทะเลอวยพรนะ”องค์เอริมกล่าวก่อนที่รถลากจะเคลื่อนตัวออกจากหน้าวังหลวง
     
             “เฮ่อ”ครีโอถอนหายใจอย่างโล่งใจ “ท่านนาริสไม่ไปส่งเราที่โรงเรียนเหรอ”
     
             “คงไม่ได้หรอกขอรับ    เดี๋ยวกระหม่อมต้องไปดูงานแทนท่านจ้าว”ขุนนางเฒ่าบอกพร้อมให้เหตุผล
     
             รถลากแล่นผ่านตัวเมืองอย่างรวดเร็วเพื่อนำผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายให้ทันเวลา    ไม่นานนักพวกครีโอก็มาถึงท่าเรืออย่างฉิวเฉียด
     
             “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะขอรับ”นาริสอวยพรเมื่อรัชทายาทคนสำคัญขึ้นเรือเรียบร้อย   เด็กสาวชะโงกหน้าจากกราบเรือพร้อมเอ่ยว่า
     
             “ท่านนาริสก็ดูแลสุขภาพบ้างนะ     ท่านน่ะแก่แล้วนะ” เมื่อได้ยินขุนนางเฒ่าก็ถึงกับหัวเราะก่อนที่จะหันมาหาเด็กหนุ่ม
     
            “ฝากที่เหลือด้วยนะฮาเทีย”
     
           “เยส มาย ลอร์ด”
     
            
             เรือโดยสารลำใหญ่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่าเทียบอย่างช้าๆก่อนที่จะเร่งความเร็วเมื่อออกสู่ทะเล    กลิ่นเกลือทะเลพัดมาตามสายลม   
     
             “ฮาเทียเมื่อไหร่เราจะถึงแผ่นดินใหญ่”อยู่ๆครีโอก็ถามขึ้น
     
             “ก็ประมาณสิบโมงน่ะครับ” แล้วรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยก็ฉายบนดวงหน้าของคนที่มีดีกรีความแสบจนเด็กหนุ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
     
             “แล้วถ้าเราไปถึงเมืองท่าเร็วกว่านี้ล่ะ”
     
             “ก็จะไปถึงเมืองหน้าด่านเร็วขึ้น   ดีไม่ดีก็อาจจะเลยไปถึงเมืองใดเมืองหนึ่งของเฟทมอร่า
     
             แต่ยังพูดไม่ทันจบ    เด็กสาวก็ทิ้งตัวสู่ผืนทะเลจนคนที่พูดอยู่ตกใจ   ฮาเทียชะโงกหน้าหาผู้เป็นนายที่อยู่กระโดดลงน้ำโดยไม่บอกกล่าว
             เสียงแหวกน้ำดังขึ้นในเวลาต่อมาพร้อมกับร่างของเงือกสาวที่กระโจนขึ้นเหนือผืนน้ำ  
     
             “รีบตามมาเร็วสิฮาเทีย” ครีโอตะโกนบอก   ฮาเทียมองภาพนั้นก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย    ราชองครักษ์หนุ่มเสกสัมภาระทั้งหมดให้หายไปกับอากาศก่อนจะหยิบการ์ดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเทาออกมาแล้วพึมพำเบาๆ
     
             การ์ดในมือเรืองแสงขึ้นก่อนจะเกิดวงเวทย์บนพื้นกระดานเรือพร้อมกับกลุ่มควันที่โพยพุ่งจากวงเวทย์   เรียกเสียงฮือฮาของผู้โดยสารคนอื่นบนดาดฟ้า    ม้ามีปีกสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเด็กหนุ่ม     ฮาเทียลูบหัวของมันเบาๆก่อนจะกระโดดขึ้นค่อมหลัง
     
             ทันทีที่เจ้านายจัดท่านั่งได้เหมาะสมแล้ว   เจ้าม้าเปกาซัสก็พุ่งตัวจากขอบเรือ    ปีกคู่คล้ายค้างคาวกางออกแล้วค่อยโฉบลงเรียดผิวน้ำทำให้น้ำกระเซ็นใส่หน้าเด็กสาว
     
             “ว้าย !! แกล้งฉันเหรอฮาเทีย” ครีโอร้องแล้วมองคนแกล้งที่บินอยู่เหนือหัวอย่างอาฆาต
     
             “เปล่าซะหน่อยครับ” คนแกล้งตอบอย่างใสซื่อก่อนจะกระตุกบังเหียนให้เจ้าพาหนะบินไปข้างหน้า
     
             “หนอย   คิดหนีเหรอ   อย่าให้จับได้นะ   คนถูกแกล้งว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกว่ายน้ำตามไปทันที
     
            
     
            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×