ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Levatein

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 ปลดปล่อย

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 54


    Chapter 12
    ปลดปล่อย
     
                สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทั้งสี่ คือ งูยักษ์ซึ่งชูคอแผ่แม่เบี้ยพร้อมโชว์เขี้ยวยาวขู่ เกล็ดสีเขียวสะท้อนแสงราวกับมรกตน้ำงาม   ดวงตาที่ฉายแววดุร้ายมองมายังสิ่งมีชีวิตตัวเล็กสี่คน
     
                “บ้าเอ้ย ! หนีหมาปะงูชัดๆ ” รัชทายาทสาวสบถ เมื่อแลเห็นสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ต้องเผชิญหน้ากับอสรพิษตรงหน้าเพราะในช่วงที่แผ่นดินไหวเมื่อครู่ทำให้ประตูถูกกองหินปิดไปเรียบร้อยแล้ว
     
                “เอาไงดีครับคุณฮาเทีย” ซีมิลซึ่งยืนหลบอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มผมดำถามเสียงสั่น ซึ่งเจ้าตัวยอมรับเลยว่าไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเท่านี้อีกแล้ว  จนเผลอมือก็กำคทาไว้ซะแน่น
     
                “ใจเย็นไว้จะดีกว่านะ” ฮาเทียบอกอย่างใจเย็น ขณะที่นัยน์ตาสีดำยังคงจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของงูยักษ์ “ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษาจะไม่ทำอะไรเราหรอก   หากมันรู้ว่าเราเป็นมิตร”
     
                “มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก” เฟรย่าเอ่ยแย้งพร้อมยกดาบขึ้นเตรียมพร้อมและก็เป็นเช่นนั้นจริงเมื่องูยักษ์ตรงหน้าเปิดฉากโจมตีด้วยการฉกลงมาอย่างสายฟ้าแลบ จนทั้งสี่แทบกระโดดหลบไม่ทัน
     
                “ทำไมกัน ทำไมมันถึงจู่โจมเราก่อน” ราชองครักษ์หนุ่มพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่มือก็ชักดาบออกมาโดยอัตโนมัต
     
                “มีบางอย่างทำให้มันคลุ้มคลั่ง” นักดาบสาวตอบก่อนจะลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมระดมยิงห่าศรเวทสีขาวใส่ผู้พิทักษ์นั้น งูยักษ์คำรามด้วยความโกรธก่อนจะพ่นลูกไฟสีเขียวใส่เป้าหมายต่อเนื่อง เฟรย่าตวัดดาบเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ลูกไฟเหล่านั้นหายไปได้อย่างง่ายดายแล้วค่อยบินโฉบเฉี่ยวหลอกล่อมันไปมาซึ่งเป็นการยั่วให้เจ้าสัตว์ร้ายโกรธมากกว่าเดิม มันเปล่งเสียงคำรามดังสนั่นแล้วแทรกตัวหายลงใต้ดิน
     
                ร่างบางลอยนิ่งอยุ่กลางอากาศพลางใช้จิตสัมผัสค้นหาความเคลื่อนไหวใต้ดิน   นัย์ตาสีแดงเบิกกว้างก่อนจะร้องตะโกนไปยังคนสามคนที่อยู่บนพื้นดินแต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อบริเวณที่พวกครีโอยืนกันอยู่เกิดระเบิดขึ้น ทำให้คนที่ไม่ทันระวังถูกแรงระเบิดกระเด็นไปคนละทิศละทาง
     
                “ทุกคน !” ชั่ววินาทีที่เธอหันไปสนใจเพื่อนนั้นเอง นักดาบสาวถึงได้ตระหนักขึ้นว่าตนเองพลาดเสียแล้ว   ทันใดนั้นเองร่างทั้งร่างก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างตรึงได้พร้อมกับกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าตัวเธอ เฟรย่ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด กล้ามเนื้อเริ่มชาจนไร้ความรู้สึก ดาบใหญ่ในมือก็เลื่อนหลุดมือลงปักพื้น เรี่ยวแรงหายไปหมดไม่เหลือแม้จะเอ่ยคาถาง่ายๆ สักบทก่อนที่ร่างของเจ้างูยักษ์จะโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน
     
                เพราะเขตอาคมนี้สินะ ทำให้ข้าใช้พลังได้ไม่ต็มที่ ช่างสมกับเป็นเขตอาคมที่เขาสร้างขึ้นจริงๆ
     
                ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษามารดาโลกมองเหยื่ออย่างใจเย็นอยู่พักหนึ่งจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดสภาพแล้วจริงๆ ก่อนจะแลบลิ้นเลียพวงแก้มของอาหารอันโอชะด้วยความหิวกระหายแล้วค่อยอ้าปากกว้าง เฟรย่าถึงกับยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง
     
              เปรี้ยง !!!
              สายฟ้าถูกยิงเข้าเต็มปากของเจ้างูยักษ์ ทำให้มันแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะหันไปหาเจ้าของสายฟ้า   ฮาเทียเริ่มยิงดาบเวทขนาดเล็กรัวๆ ใส่   แม้ว่าการโจมตีนี้จะแทบไม่ระแคะระคายผิวหนังที่ห่อหุ่มด้วยเกล็ดที่แข็งราวกับเพชร  แต่มันก็สร้างความรำคาญสำหรับผู้ถูกรบกวนการกินอาหาร   สัตว์ร้ายถลึงตาใส่เด็กหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์แล้วส่งเสียงคำรามดังก้องด้วยความโกรธและเหวี่ยงร่างบางออกด้วยความเสียดาย   มันอ้าปากโชว์เขี้ยวยาวและจึงพุ่งใส่เหยื่อรายใหม่
     
                ฮาเทียกระโดดหลบได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะวาดวงแหวนเวทตรงหน้าและยิงสายฟ้าเข้ากลางแสกหน้าของเจ้าอสรพิษ   เท่านั้นแหละก็ยิ่งทำให้มันโมโหกว่าเดิมเกือบเท่าตัว งูยักษ์ชูคอขึ้นพร้อมกับพ่นเปลวไฟสีเขียวจากช่องปาก ราชองครักษ์หนุ่มกางม่านป้องกันรอบตัวทันทีและรีบถอยออกจากตรงนั้นอย่างเร็วที่สุด
     
                พื้นดินที่เคยปกคลุมด้วยหญ้าได้มอดไหม้ ขณะเจ้างูยักษ์ยังคงพ่นไฟกวาดไปทั่วบริเวณจนไม่เหลือภาพของทุ่งหญ้าที่สวยงามแต่กลับถูกแทนที่ด้วยทะเลเพลิง ในขณะที่เด็กหนุ่มที่ใช้ก้อนหินเป็นที่กำบังกายจากสายตาของสัตว์ร้ายก็ถึงกับหอบด้วยความเหนื่อย เหงื่อกาฬที่อาบทั่วร่างจนเสื้อที่ใส่เปียกไปหมด หัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยความตื่นเต้น ซึ่งตัวเขาเองนับตั้งแต่เป็นราชองครักษ์มายังไม่เคยรู้สึกตึงมือเท่าตอนนี้เลย แต่สิ่งที่ทำให้เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าตัวใหญ่นั้น แต่กลับเป็นตัวครีโอตะหากเพราะหลังจากที่เขาตั้งตัวได้ เขาเองก็สัมผัสตำแหน่งของเธอไม่ได้อีกเลย
     
                เมื่อถอยต่อมาได้ระยะที่ต้องการ เด็กหนุ่มผมดำก็เตรียมที่จะบริกรคาถาทันที   ส่วนในใจก็สวดภาวนาให้ร่ายเสร็จทันเพราะสำหรับนักเวทแล้ว   การร่ายคาถาตั้งแต่ระดับ 4 ขึ้นไป   หากเจ้าตัวยังไม่เป็นจอมเวทนั้น   จำเป็นต้องเอ่ยบทลำนำของคาถานั้นด้วยซึ่งทำให้เป็นจุดอ่อนที่น่ากลัวที่สุด เนื่องจากผู้ร่ายจะไม่สามารถป้องกันตัวได้
     
                ความร้อนจากเปลวไฟใกล้เข้ามาเร็วมากจนน่าตกใจ   ฮาเทียถึงกับสบถด้วยความหงุดหงิดก่อนจะรีบดีดตัวออกห่างกว่านี้ ส่วนเจ้างูยักษ์เองก็ไม่ละความพยายามที่จะไล่ล่าเขาให้ถึงที่สุด
     
                “บ้าเอ้ย ! ไม่มีช่องว่างบ้างเลยหรือไง”
     
                ‘ฮาเทีย! เฮ้! ได้ยินแล้วตอบด้วย’ เสียงที่คุ้นหูตะโกนดังก้องอยู่ในหัวของเด็กหนุ่ม ทำให้คิ้วเข้มขมวดชนกัน
     
                ‘ท่านครีโอเหรอครับ’
     
                ‘ก็ใช่สิอีตาบ้า’ เสียงของครีโอที่ตะโกนด่าเขา ทำให้ฮาเทียโล่งใจไปได้ระดับหนึ่ง
     
                ‘ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ’
     
                ‘ห่วงตัวเองเถอะย่ะ’ ครีโอว่าเข้าให้ ‘ฉันเห็นนายถอยเอาๆ อยู่นานแล้ว ชักรำคาญ’
                ‘เอ๋! แล้วท่านอยู่ตรงไหนเหรอครับ’
     
                ‘ไม่ต้องพูดมากเลย นายน่ะยังพอล่อมันไหวเปล่า’
     
                ‘ท่านครีโอคิดจะทำอะไรเหรอครับ’ ฮาเทียถามขึ้น เพราะไม่รู้ว่านายหญิงของเขาจะเล่นอะไรแผลงๆ อีก
     
                ‘เซ้าซี้จริงนายนี่ ทำตามก็พอแล้ว’
     
                ราชองครักษ์หนุ่มถึงกับส่ายหน้าเมื่อฟังคำสั่งของรัชทายาทคนเก่ง   แต่เวลานี้หากไม่เชื่อใจเธอแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหนีไปเรื่อยๆ และลุ้นว่าเขาหรือมันจะหมดแรงก่อนกัน ซึ่งเปอร์เซ็นที่ฝ่ายเขาจะหมดแรงก็มีมากกว่าเกือบเท่าตัว เด็กหนุ่มเปลี่ยนจากถอยหลังเป็นพุ่งเข้าไปวิ่งวนไปมาลำตัวยาวเยียดทำให้เจ้างูยักษ์เริ่มสับสนก่อนที่จะฟาดหางฟาดหัวอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่พอได้โอกาสแม้จะเล็กน้อยแต่เขาก็ร่ายดาบเวทยิงใส่ สร้างความเจ็บปวดได้ในระดับหนึ่งแก่มัน
     
                “คุณฮาเทียครับ ! ถอยได้แล้วครับ ! ” เสียงของซีมิลดังขึ้นจากข้างบน เมื่อฮาเทียเงยหน้าขึ้นก็พบกับร่างของเด็กหนุ่มหน้าหวานลอยอยู่เหนือหัวเจ้างูยักษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
     
                “อโหสิให้ผมด้วยนะครับ” นักบวชหนุ่มเอ่ยเสียงเบาก่อนจะชูคทาคู่ใจขึ้นเหนือศีรษะ “เมเทโอ”
     
                วงแหวนเวทสีแดงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนจะมีฝนเพลิงตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง เสียงระเบิดกัมปนาทดังกลบเสียงกรีดร้องของเจ้างูยักษ์ได้หมด ในขณะที่ร่างยาวหลายเมตรจะพยายามบิดตัวหลบลูกไฟที่ตกลงมาต่อเนื่อง แต่ด้วยจำนวนที่มากแม้จะเลื้อยหลบยังไงก็โดนแบบถากๆ อยู่ดี เช่นเดียวกันเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่รอบๆ ก็สร้างความเจ็บปวดแก่มันอย่างแสนสาหัส ซึ่งการโจมตีทั้งหมดยังไม่จบเพียงเท่านี้
     
                เมื่อบรรยากาศรอบๆ เริ่มอึมครึมจนน่ากลัว   เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นสัญญาณบอกการมาของพายุใหญ่
     
                “ไรดีน !!!” เสียงประกาศมนตราดังขึ้น ก่อนที่สายฟ้าสายหนึ่งจะผ่าเปรี้ยงลงมาตรงเจ้างูยักษ์อย่างเหมาะเจาะทำให้มันแผดเสียงร้องดังกึกก้อง กลิ่นเนื้อไหม้เกรียมเหม็นคลุ้งจนชวนให้สะอิดสะเอียน ทันทีที่พายุเพลิงและสายฟ้าสงบลง ร่างอันยาวเยียดก็ลงไปนอนกล้ามเนื้อกระตุกสักครู่และค่อยๆ แน่นิ่งไป
     
                “เย้ ! เราทำได้ซีมิล” ครีโอร้องกระโลดเต้นราวกับเด็กก่อนจะไปตบมือแท็กกับนักบวชหนุ่ม
     
                “คุณครีโอก็สุดยอดไปเลยนะครับ” ซีมิลเอ่ยชม “นี่ แค่เวทมนตร์อัญเชิญสายฟ้าระดับ 3 ยังออกมารุนแรงขนาดนี้ ถ้าให้สูงกว่านี้มีหวังเละเป็นโจ๊กแน่นอน”
     
                “เออ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ” เสียงของฮาเทียดังแทรกเข้ามา “แต่ผมอยากบอกว่า ผมเองก็เกือบเละนะครับ”
     
                ทั้งสองหันมามองอย่างสงสัย เท่านั้นเองรัชทายาทสาวคนงามกับนักบวชหน้าหวานก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า ผมเผ้าที่ยุ่งเสียทรง ดวงหน้าที่เคยขาวตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเขม่าสีดำ เช่นเดียวกันเสื้อผ้าที่เลอะเทอะราวกับเจ้าตัวไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นมามาดๆ เป็นภาพที่หาดูได้ยากสำหรับราชองครักษ์มาดเนียบแห่งเซราคิวส์อย่างเซอร์ฮาเทีย แอนริงค์ตั้น และในเวลาต่อมานักดาบสาวที่ถูกเหวี่ยงทิ้งก็เดินขากระเผะมาหาทั้งสาม จนคนเห็นต้องรีบเข้าไปช่วยพยุง
     
                ระหว่างที่พวกครีโอกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเองร่างที่ทุกคนคิดว่าตายแล้วก็ผงาดขึ้นพร้อมกับกรีดร้องเสียงสูงท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทั้งสี่ กล้ามเนื้อทั้งตัวกระตุกเกร็งก่อนที่กายท่อนบนของมันจะขยายตัวออก   ขาคู่หน้าพร้อมเขายาวเยียดไปข้างหลังและแผงสันหลังที่งอกออกมาทำให้สิ่งมีชีวิตตรงหน้าไม่เหลือคราบของงูยักษ์แม้แต่น้อย 
     
                “นี่มันตัวอะไรกันแน่” ซีมิลพูดอย่างเซ็งสุดขีดซึ่งก็ไม่ต่างกับคนอื่นที่ออกอาการเหมือนๆกัน
     
                “อากัร์ท   มังกรดินที่ชอบอาศัยอยู่คู่กับต้นไม้ใหญ่และจะกินแค่เปลือกไม้และผลไม้จากต้นที่มันอยู่ แต่เจ้าตัวนี้อาจเป็นเพราะได้กินเปลือกไม้จากมหาพฤกษาจึงทำให้มันมีพลังมากขนาดนี้” เฟรย่าพูดวิเคราะห์ขึ้น
     
                อดีตงูยักษ์กู่เสียงคำรามก่อนจะพ่นลูกไฟสีเขียวอมฟ้าขนาดใหญ่ออกมาโดยไม่ให้พวกเขาได้ตั้งตัว โชคดีที่เฟรย่าได้สติก่อนใคร ม่านป้องกันสีขาวกางครอบทั้งสี่ไว้แต่ก็มีแรงกระแทกเข้ามาได้
     
                “พวกเจ้ารีบหนีไป ข้าคงต้านได้ไม่นาน” นักดาบสาวถึงกับกัดฟัน ความเจ็บปวดแล่นแปลบเข้ามา ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นจนเจ้าตัวต้องสบถในใจ บ้าเอ้ย !  ถ้าไม่มีเขตคาถานี่ พลังแค่นี้ไม่คณามือเธอหรอก
     
                “จะบ้าเรอะเฟรย่า เดี๋ยวก็ตายหรอก” ครีโอขึ้นเสียงตำหนิ “นี่ ฮาเทียนายใช้เวทเคลื่อนย้ายได้นี่”
     
                “ครับ แต่ตอนนี้ผมพาไปได้แค่ทีละคนนะครับ”
     
                “งั้นเฟรย่า เธอทานได้อีกแค่ไหน”
     
                “ประมาณ 10 นาที” ทันใดนั้นเสียงคล้ายกระจกร้าวก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยร้าวบนม่านกำบังทำให้นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้าง “ตอนนี้คงได้แค่ 5 นาทีก็หรูแล้ว”
     
                เพียงเท่านั้นราชองครักษ์หนุ่มก็รู้หน้าที่ของตน รีบคว้าตัวครีโอเข้ากอดไว้ก่อนจะร่ายคาถาเบาๆ แล้วร่างของทั้งคู่ก็หายจากตรงนั้นและไปโผล่ที่โคนไม้ใหญ่ของมหาพฤกษามารดาโลก
     
                “ห้ามออกไปไหน ครั้งนี้ผมขอร้อง” ฮาเทียพูดกำชับอย่างจริงจังก่อนจะยืนมองเด็กสาวมุดเข้าไปหลบในโพรงไม้
     
                “ระวังด้วยนะ” ราชองครักษ์ยิ้มให้ก่อนจะหายตัวไป หัวใจดวงน้อยๆ เต้นรัวจนผิดจังหวะ ขณะที่เธอเองก็ทำได้แค่สวดภาวนาเพียงอย่างเดียว
     
                ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงแหวกของอากาศทำให้ครีโอรีบออกมาจากที่หลบซ่อนอย่างลืมตัว นัยน์ตาสีครามเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
     
                “ฮาเทีย !!”
               
                ภาพเด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้มกำลังประคองร่างอันโชกเลือดของฮาเทีย ซึ่งสภาพคนที่ประคองก็ไม่ต่างกันมาก ครีโอรีบเข้าไปช่วยพยุงร่างที่ไร้สติเข้ามาหลบในโพรงไม้และในระหว่างที่ซีมิลกำลังร่ายเวทรักษาให้ราชองครักษ์หนุ่ม เด็กสาวผมยาวสีน้ำเงินก็เอ่ยถามขึ้นว่า
     
                “เฟรย่าล่ะ” คนถูกถามถึงชะงัก จนครีโอต้องขึ้นเสียงถามซ้ำ “ซีมิล เฟรย่าอยู่ไหน”
     
                เมื่อถูกซักถามหนักขึ้น ซีมิลจึงเอ่ยปากบอกด้วยสีหน้าที่หนักใจอย่างสุดๆ “คุณเฟรย่าใช้เวทเคลื่อนย้ายกับพวกผมก่อนที่ม่านกำบังของเธอจะแตกครับ”
     
                ได้ยินเพียงเท่านี้   ดวงหน้างามก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังสลบอยู่ด้วยความเป็นห่วง 
     
                “บ้าเอ้ย !!” อยู่ๆ ซีมิลก็สบถขึ้น
     
                “มีอะไรเหรอ” ครีโอเอ่ยถามด้วยความกังวล
     
                “บาดแผลของคุณฮาเทียมีคำสาปมาด้วยครับ เป็นคำสาปที่ผมแก้ไม่ได้ด้วยสิ” รัชทายาทสาวถึงกับทรุด น้ำตาไหลอาบโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับนักบวชหนุ่ม “ขอโทษครับ ผมนี่เป็นหมอที่แย่ที่สุดเลย”
     
                “อย่าโทษตัวเองสิซีมิล” ครีโอบอกพร้อมวางมือบนบ่าที่สั่นไหวของเพื่อนร่วมชั้นก่อนที่ตนเองจะตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความเครียด “นี่มันการทดสอบบ้าอะไรเนี่ย มันจะโหดเกินไปแล้วนะ”
     
                “จริงสิ คุณครีโอเป็นนาการ์ใช่ไหมครับ” รัชทายาทสาวหันมามองนักบวชหนุ่มด้วยสีหน้าที่สงสัยเพราะอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดถึงเผ่าพันธุ์ของตัวเธอ “หากใช้พิษของคุณใส่คุณฮาเทีย แล้วค่อยรักษาอย่างจะได้ผลก็ได้”
     
                พิษแก้พิษ นี่เธอลืมไปได้ยังไง ว่าพิษของนาการ์ที่จัดว่าเป็นพิษร้ายแรงติดอันดับในวัลเนอเฮมก็มีสรรพคุณในการแก้พิษทุกชนิด   และชาวนาการ์ที่อาศัยในทวีปแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวเซราคิวส์และครีโอเองก็เป็นชาวเซราคิวส์โดยกำเนิดแถมยังเป็นถึงธิดาของจ้าวนาการ์องค์ปัจจุบัน
     
                แสงแห่งความหวังสาดส่องลงมาที่ทั้งสองและจะถูกบดบังด้วยเสียงคำรามที่คุ้นหู เจ้ามังกรยักษ์หาตัวพวกเธอเจอแล้วและตอนนี้มันกำลังยืนจ้องเขม็งอยู่หน้าโพรงไม้ก่อนจะก้มลงมาใช้ขาหน้าตะกุยรากไม้ใหญ่เพื่อขยายโพรงไม้นี้ แต่ดูเหมือนว่ารากไม้ของต้นอิคดราซิลจะแข็งอย่างสุดๆ ทำให้ก็เปิดทางแลดูยากลำบาก
     
                “บ้าจริง จะตามราวีไปถึงเมื่อไหร่กัน” ครีโอสบถก่อนจะช่วยซีมิลลากตัวคนเจ็บเข้าไปตามทางที่แคบๆ ของโพรงไม้ “นี่มันจะเราไปถึงไหนกันเนี่ย”
     
                “ไม่ทราบเหมือนกันครับ คุณครีโอระวังครับ” ม่านกำบังสีเขียวกางออกมาป้องกันก่อนที่เปลวไฟสีเขียวที่ไล่หลังมาจะถึงตัวแล้วคนร่ายคาถาก็หันมามองครีโอทั้งน้ำตา “คุณครีโอครับ ฝากบอกท่านแม่ผมด้วยนะครับว่า ‘ผมรักแม่’ ”
     
                “หา !”
     
                นักบวชหนุ่มพูดทำนองสั่งเสียราวกับจะไปตายที่ไหนก่อนจะสวนออกจากโพรงไม้โดยไม่ฟังเสียงเรียกของคนรับฝากข้อความ   อากัร์ทรีบเลื้อยตามร่างบางที่วิ่งออกไปพร้อมกับพ่นลูกไฟใหญ่ใส่เรื่อยๆ แรงระเบิดในแต่ละครั้งสร้างแรงสะเทือนมาถึงภายในโพรงไม้ทำให้พื้นดินตรงที่ครีโอกับฮาเทียใช้เป็นที่รองรับทรุดตัวลง
     
                “โอ๊ย ! เจ็บๆ ” ครีโอร้องโอดครวญพลางลูบก้นที่เจ็บระบมก่อนจะรีบคลานมาหาร่างของคนเจ็บด้วยความเป็นห่วง ฮาเทียยังนอนไม่ได้สติ ใบหน้าคมคายซีดขาวจนน่ากลัวยิ่งทำให้ผู้เป็นนายอดกังวลไม่ได้
     
                ครีโอรีบหลับตาตั้งสมาธิแล้วค่อยลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีครามกลายเป็นสีเหลืองและรูม่านตาที่แคบราวกับดวงตาของงู ผิวหนังบางส่วนบนแขนกลายเป็นเกล็ดสีน้ำเงินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่านาการ์ เมื่อเด็กสาวเข้าสู่ร่างนาการ์เพียงครึ่งเดียวเรียบร้อย เธอก็วางมือลงบนหน้าอกของฮาเทียแล้วค่อยๆ ถ่ายไอสีเขียวเข้มเข้าไปในร่างของเขา เส้นเลือดปูดขึ้นตามร่างกายของราชองครักษ์หนุ่มทันทีบ่งบอกถึงว่า พิษของเธอได้แทรกซึมเข้าสู่ตัวฮาเทียเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งได้ผลในทางที่ดีระดับหนึ่งแล้วเหลือเพียงรอให้กำไลบนข้อมือของเขาช่วยในการขับพิษนี้ออก
     
                นี่คืออีกหนึ่งความสามารถของกำไลนากีเนีย รักษาพิษทุกชนิดและอาการบาดเจ็บต่างๆ ตราบที่เจ้าของมันยังคงจงรักภักดีต่อเชื้อพระวงศ์นีโรว์
     
                เมื่อเห็นใบหน้าของฮาเทียเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นบ้างแล้วก็พลอยให้ครีโอหายห่วง แต่ก็ไม่หมดเลยทีเดียวเพราะต้องหาทางออกจากเขาวงกตนี่เสียก่อนถึงซีมิลจะล่อเจ้ามังกรนั้นไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่มันจะวกกลับมาทันทีที่จัดการกับนักบวชหนุ่มเสร็จแล้ว
     
                 ในขณะที่ครีโอกวาดสายตาไปรอบๆ ก็พบว่านี่ไม่ใช่โพรงไม้ แต่เป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ทรุดโทรมมากแล้วซึ่งดูจากรากไม้ที่เลื้อยพันทั่วห้องและคราบฝุ่นที่หนาเตอะ ระหว่างที่สำรวจรอบๆ อยู่นั้น  เธอเองก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างมาจากหลังม่านรากฝอยที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง
     
                ทันทีที่แหวกม่านนั้นเข้าไป ดวงตาคู่งามก็ฉายแววฉงนขึ้นเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันคือ ไม้เท้ายาวสีเหลือง ส่วนหัวแกะสลักเป็นรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวซึ่งปักอยู่บนแท่นศิลาและมีรากเล็กๆ พันไว้รอบๆ ราวกับเป็นเครื่องพันธนาการ รัชทายาทสาวเดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับเอื้อมมือออกหมายจะสัมผัสราวกับโดนมนตร์สะกด
     
                ในที่สุดเจ้าก็มา
     
                ครีโอถึงผงะพร้อมถอยออกด้วยสัญชาตญาณแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อหาเจ้าของเสียงนั้น “นั่นใครน่ะ ฉันถามว่านั่นใคร”
     
                ข้าอยู่นี่เด็กน้อย ตรงหน้าของเจ้าไงล่ะ 
     
                เสียงนั้นไม่ดังจากภายนอกแต่มันดังอยู่ในหัวของเธอ คิ้วเรียวงามขมวดชนกันด้วยความฉงนเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นมีแค่ ไม้เท้าด้ามเดียว ดวงตาฉายแววไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่ครีโอก็เอ่ยปากถามเพื่อดับข้อสงสัยนั้นซะ
     
                “คุณคือ...ไม้เท้าหรือ”
     
                ตกใจงั้นหรือเด็กน้อย
     
                ครีโอถึงกับส่ายหัวอย่างไม่อย่างเชื่อก่อนจะหยิกแก้มของตนเองเพื่อยืนยันว่านี่เป็นความฝันหรือความจริง   ความเจ็บแล่นแปลบเข้ามาเป็นเครื่องยืนยันที่ดี
     
                “ม...ไม้เท้าพูดได้”
     
                ข้ารอเจ้ามานานแล้ว สามพันปีกับการรอคอย ไม่มีอะไรนานไปกว่านี้แล้ว
     
                “พูดอะไรของคุณน่ะ ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ทันใดนั้นเองเสียงคำรามของเจ้าตัวร้ายก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอเพียงนิดเดียว ทำให้เด็กสาวทรุดลงกับพื้นด้วยความกลัว
     
                มันรู้ว่า เราอยู่ในนี้ ดูท่าทางเจ้าคงต้องการให้ข้าช่วย
     
                ราวกับมีแสงแห่งความหวังเล็กน้อยฉายลงมา แม้ครีโอจะยังไม่แน่ใจที่จะไว้ใจเสียงนั้นดีหรือไม่ แต่ถ้าหากเธอยังมุดหัวอยู่โดยไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากชีวิตของเธอเองจะอยู่ในอันตรายแล้ว ชีวิตของฮาเทียเองก็ไม่ต่างอะไรมากซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอใช้ไม้เท้าคู่ใจต่อสู้ฝ่าด่านเจ้ามังกรออกไปพร้อมกับพยุงคนเจ็บ 
     
                “ช่วยยังไงเหรอ”
     
                แค่เลือดของเจ้าและเอ่ยนามของข้าเท่านั้น
     
                ครีโอออกอาการลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อคิดไตร่ตรองอีกทีไม่ลองก็ไม่รู้ เมื่อตัดสินใจได้เด็กสาวผมยาวสีน้ำเงินก็ชักมีดพกออกมาและกรีดลงบนฝ่ามือของตนเองเบาๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากแผลตื้นๆ ก่อนที่จะถูกหยดลงบนไม้เท้า
     
                “แล้วชื่อของคุณล่ะ”
      
                ลองถามจากก้นบึ้งของหัวใจของเจ้าดูสิเด็กน้อย
     
                “ในใจของฉัน” ครีโอเอ่ยทวน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องลองดู เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงก่อนที่เธอจะเข้าสู่ห้วงภวังค์   เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่งลงเหวที่ไร้ก้นแห่งหนึ่ง ในสมองเริ่มว่างเปล่าจนกระทั่งมีเสียงกระซิบแว่วเข้ามาหาโสตประสาท เธอเองไม่รู้ความหมายของสิ่งที่เสียงนั้นบอก แต่มันทำให้ภายในอกของเธอร้อนราวกับเปลวไฟและความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาจนแทบจะกรีดร้องออกมา เหงื่อกาฬอาบทั่วดวงหน้า ขณะที่นัยน์ตาสีครามที่ลืมขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่หวาดกลัว มือบางเอื้อมคว้าไม้เท้าโดยไม่รู้ตัวแล้วค่อยเอ่ยอะไรบางอย่างที่เธอเองก็ไม่แน่ใจแต่มันได้หลุดออกจากปากของเธอเองเสียแล้ว
     
                ขอบใจเจ้ามากเด็กน้อย 
     
                เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง รากไม้ที่พันธนาการไม้เท้าด้ามนั้นอยู่จะคลายตัวออก แล้วอาวุธในมือก็เปล่งแสงพร้อมกับไอสีดำที่แพร่วงกว้างอย่างรวดเร็ว ครีโอรู้สึกร้อนในอกจนแทบจะระเบิดออกมาก่อนที่สติทั้งหมดจะดับวูบลง
     
                เสียงหัวเราะของใครบางคนดังก้องไปทั่วก่อนที่สายฟ้าสีดำจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ท่ามกลางสายตาของผู้มาใหม่ หมาป่าสีเงินสองตัวส่งเสียงขู่พร้อมตั้งขนชันขึ้น ขณะที่สีหน้าของผู้เป็นนายดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด 
     
                “เรามาช้าเกินไป นี่คือ จุดประสงค์ของเจ้าหรือโลกิ”
     
                “เปล่าซะหน่อย มันแค่ถึงเวลาแล้วตะหากล่ะ” เสียงเล็กจากอีกคนตอบ “ท่านยื้อเรื่องนี้ไว้นานเกินไปแล้วนะท่านโอดิน”
     
                อธิการแห่งสถาบันศึกษาอันเทลมาร์ชำเลืองมองเด็กชายด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจพร้อมกับสถบขึ้นก่อนจะหายไปจากตรงนั้น
     
                “เฮ่อ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ” โปรเฟสเซอร์โลกิพูดอย่างเบื่อหน่ายก่อนมองดูสายฟ้าที่ยังคงพุ่งขึ้นฟ้าราวกับเสาต้นหนึ่ง “ไหนช่วยทำให้ฉันเห็นหน่อยซิ ว่าเจ้าจะแก้ไขเรื่องทั้งหมดยังไง”
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×