ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Levatein

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 อาจารย์และคณะนักเรียนจ่ายตลาด

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 53


    Chapter 9
    อาจารย์และคณะนักเรียนจ่ายตลาด
     
                    “หา !! โปรเฟสเซอร์โลกิ เลอ เฟย์” เสียงของเหล่าเด็กปีหนึ่งต่างพร้อมใจกันร้องลั่น
     
                    “ใช่ แล้วนอกจากเป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ ยังเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์และการต่อสู้ด้วยมนตราของพวกเธอด้วย” ชาน่อนกล่าวแนะนำเสียงเรียบ
     
                    เท่านั้นเหล่านักเรียนปีหนึ่งแทบหันมองหน้าก่อนอย่างไม่อยากเชื่อก่อนจะเหลือบไปมองเด็กชายที่ทุกคนเพิ่งกลายลูกศิษย์ที่กำลังนอนแผ่อย่างสบายใต้ร่มไม้ข้างสระว่ายน้ำกลางแจ้งของสวนหย่อมกลางคฤหาสน์
     
                    “นี่ขาดแคลนครูสอนขนาดต้องจ่ายเด็กมาเลยเหรอ” ยูริไดซ์กระซิบถาม
     
                    “ไม่หรอก” ชาน่อนตอบ “จงรู้เอาไว้ โปรเฟสเซอร์เค้าสอนมานานแล้ว คาดว่าสอนตั้งแต่รุ่นพ่อแม่หรืออาจรวมไปถึงปู่ย่าตายายของพวกเราอีกตะหาก แต่ว่ากันว่าโปรเฟสเซอร์โดนคำสาปบางอย่างทำให้เป็นเด็กอย่างที่เห็นนี้แหละ”
     
                    “พระเจ้าช่วย !! เคยได้ยินแต่หนุ่มสาวสองพันปี เพิ่งจะได้เห็นเด็กสองพันปีก็วันนี้แหละ” ครีโอบอก เพื่อนทั้งชั้นต่างพยักหน้าสนับสนุน
     
                    “เป็นพวกช็อคโกแลตลิซึ่มและติดของหวานงอมแงม” สโคลว์เริ่มบรรยายสรรพคุณ “ดีกรีเป็นถึงจอมเวทย์ที่ได้รับรองจากสมาคมเวทมนตร์แห่งราชอาณาจักร ผ่านสงครามมาเกือบทุกสมรภูมิ ประกอบกับเป็นผู้คิดค้นมนตราปลุกศพจำนวนมากและอีก บลา ๆ ๆ เยอะจนขี้เกียจพูดต่อ”
                    แค่กิตติมาศัพท์บางส่วน คนฟังต่างก็กลืนน้ำลายกองโตเข้าคอ เพราะกิตติศัพท์ที่รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยขึ้นนั้นล้วนทำให้เจ้าของชื่อเสียงกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังมีลมหายใจอยู่ไม่แพ้วีรชนในอดีตของวัลเนอเฮม   แต่ทำไมคนที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ถึงมาเป็นแค่อาจารย์สอนหนังสือเงินเดือนปานกลางอย่างนี้
     
                    “แล้วที่ฉันเผลอนินทาว่าเสียๆหายๆไปเมื่อกี้ จะไม่โดนสาปเหรอ” ครีโอพูดพลางนึกไปว่าจะโดนสาปเป็นตัวอะไร
     
                    “โธ่ ! ครีโอไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวฉันเลี้ยงเธอเอง” เคียรี่แซวก่อนจะถูกตีไหล่เบาโดยคนที่ถูกแซว
     
                    “ขออนุญาตครับ ท่านโลกิเรียนเชิญครับ” อยู่ๆเสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้นจากข้างหลัง จนคนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ต่างสะดุ้งโหยง บางคนถึงกับกระโดดออกจากพุ่มไม้ แล้วต่างหันมามองคนที่มาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
     
     
                    “มากันแล้วเหรอ เชิญนั่งสิ” ว่าแล้วคนเชิญก็โบกมือเบาๆแล้วเก้าอี้จำนวนเท่าจำนวนคนก็โผล่ขึ้นจากอากาศธาตุก่อนที่เด็กปีหนึ่งจะทยอยกันนั่งอย่างเกร็งๆ เรียกรอยยิ้มบนริมฝีปากของเด็กชาย
     
                    “ไม่ต้องแนะนำตัวให้เสียเวลานะ เพราะเมื่อคืนฉันอ่านประวัติของพวกนายหมดแล้ว” โลกิกล่าวพลางลูบเจ้าเหมียวที่มาคลอเคลียอยู่ข้างๆ “ส่วนฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ฉัน โลกิ เลอ เฟย์ เวลาอยู่นอกโรงเรียนไม่ต้องเรียกโปรเฟสเซอร์หรอกนะ เรียกชื่อเฉยๆก็ได้ฉันไม่ว่า เวลาพูดกันด้วย คุณ ท่านอะไรนั้นไม่ต้องใช้ พูดเหมือนที่พวกนายพูดกันแหละ ”
     
                    “ว่าแต่เมื่อคืนนอนกันสบายไหม”  เหล่าลูกศิษย์กลุ่มใหม่ต่างค่อยๆพยักหน้าอย่างเชื่องช้า แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างพอใจ “คิดซะว่าอยู่บ้านนะ มีอะไรขาดเหลือบอกยารีฟได้ทุกเมื่อ ฉันไม่ชอบให้ใครหาว่าคฤหาสน์เลอ เฟย์ไม่มีปัญญาเลี้ยงคน กลุ่มรูฟัสเรารักกันเหมือนพี่เหมือนน้องมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน มีเรื่องปัญหาหรือเรื่องหนักใจอะไรก็ให้มาบอก อย่าให้ฉันต้องเข้าไปอ่านใจ”
     
                    “ครับ/ค่า” นักเรียนปีหนึ่งขานรับเสียงแจ้ว ๆ   ทำให้คนพูดยิ่งพอใจมากขึ้น
     
                    “ท่านโลกิครับ ซิสเตอร์ราเซน่ามาขอพบท่านกับนักเรียนปีหนึ่งครับ” ยารีฟเดินเข้ามาขัด
     
                    “ให้เธอไปรอที่ห้องประชุมกลาง เดี๋ยวพวกฉันจะรีบตามไป” เด็กชายตัวน้อยบอก แล้วพ่อบ้านหนุ่มก็โค้งตัวรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไป
     
     
                    ห้องประชุมกลางของคฤหาสน์เลอ เฟย์มีขนาดใหญ่พอจุคนได้เกือบร้อยคน  ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ แต่ตอนนี้กลับมีหญิงสาววัยยี่สิบกว่า ๆ ใส่ชุดนักบวชหญิงสีขาวบริสุทธิ์ท่าทางเจ้าระเบียบนั่งจิบน้ำชาอยู่   ไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกหลังจากที่เธอเข้ามารออยู่พอสมควร
     
                    “โอ้ ลมอะไรพัดคุณมาเหรอครับ” โลกิร้องทักทายเสียงสดใสเดินนำหน้ากลุ่มนักเรียน “น้ำชาของคฤหาสน์ผมถูกปากไหมครับ”
     
                    นักบวชสาวยิ้มรับ “จะกี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะค่ะคุณเลอ เฟย์  ขอบคุณสำหรับชาถ้วยนี้นะค่ะ จริงๆไม่จำเป็นต้องคุยในห้องประชุมนี้ก็ได้นะ”
     
                    “แหม ก็ซิสเตอร์อุตส่าห์มาทั้งที” แล้วเจ้าเด็กชายก็นั่งลงบนเก้าอี้ปล่อยให้นักเรียนปีหนึ่งยืนฟังอยู่ห่างๆ “ว่าแต่ท่านมีธุระอะไร”
     
                    “คุณเองน่าจะรู้อยู่แล้วว่าดิฉันมาทำไม” ซิสเตอร์ราเซน่ากล่าว “แต่เอาเถอะ ดิฉันเอารายการของที่ต้องใช้ระหว่างเรียนมาให้นักเรียนปีหนึ่งใหม่ทุกคน   ส่วนคุณกับโปรเฟสเซอร์เฮมดาลส์ ท่านอธิการฝากบอกว่าขอให้มาประชุมครูให้เวลานะค่ะ”
                    พูดจบซิสเตอร์สาวก็ยื่นซองเอกสารสองซองที่มีสีขาวกับดำให้อาจารย์เด็กพร้อมสอดส่ายสายตามองเด็กนักเรียนปีหนึ่งกลุ่มรูฟัสแล้วพูดอีกว่า
     
                    “แล้วดิฉันหวังว่าเด็กใหม่ของคุณจะไม่ก่อเรื่องเหมือนรุ่นก่อนๆนะค่ะ ดิฉันขอตัว” พูดจบร่างสีขาวก็หายไปกับอากาศ
     
                    “เขาเป็นใครเหรอครับ” ฮาเทียถามขึ้น เด็กชายตัวน้อยก็ถึงกับถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยส่งเอกสารซองดำให้นักเรียนชายและอีกซองให้ผู้หญิงก่อนจะพูดขึ้น
     
                    “นั่นน่ะ ซิสเตอร์ราเซน่า ผู้ดูแลฝ่ายเอกสารและหัวหน้าพยาบาลของอันนันเทียร์ และก็ไม่ชอบขี้หน้ากลุ่มรูฟัสที่สุด   เวลาอยู่โรงเรียนก็ระวังด้วย อย่าก่อเรื่องกับยัยนี้”
     
                    ระหว่างที่ฟังโปรเฟสเซอร์โลกิบ่นอยู่ครีโอก็อ่านข้อความบนแผ่นกระดาษในมือ
     
    โรงเรียนอันเทลมาร์
    เขตการปกครองพิเศษอานันเซล   ในเขตจักรวรรดิอันเทียล่า
    เครื่องแบบสำหรับนักเรียนหญิง
    เสื้อนอกแขนยาวมีตราโรงเรียนซึ่งออกแบบโดยสถานศึกษา (สีตามกลุ่มที่อยู่*)
    เสื้อในแบบมีปกสีขาว
    กระโปรงสั้นเหนือเข่าประมาณ 1 นิ้วสีดำ
    เนคไทสีเขียวแก่
    เข็มขัดตามแบบที่โรงเรียนกำหนด
    รองเท้าหนังสีดำ (ไม่จำกัดชนิดของหนังและขนาดของสัน)
    ถุงเท้ายาวครึ่งหน้าแข้งสีดำ
    *สีแดงของกลุ่มรูฟัส  สีเหลืองของกลุ่มอัลบัส   สีน้ำเงินของกลุ่มไนเกอร์  สีเขียวของกลุ่มพาริดาส
    หนังสือเรียน
    นักเรียนทุกคนต้องมีหนังสือตามรายการนี้ อย่างละ 1 เล่ม
                    มนตราและคาถาขั้นพื้นฐาน (ระดับ 1)                         โดย โปรเฟสเซอร์โลกิ เลอ เฟย์
                    กลยุทธ์การสงครามพื้นฐาน                                             โดย โปรเฟสเซอร์มาคัส เจเรเมียร์
    ปรัชญาการปกครองพื้นฐาน                                             โดย โปรเฟสเซอร์เซซาริอาห์ ซารูมาน
                    หลักบัญชาว่าด้วยสัตว์อสูร                                              โดย โปรเฟสเซอร์เฮมดาลส์ กริฟฟอน
                    รากฐานภาษาศาสตร์                                                          โดย โปรเฟสเซอร์อาร์เวน เดอ เอลลอนส์
                    ปรัชญาคำสอนและเทวตำนาน                                        โดย อาร์คบิชอปเกรเกอรี่
                    บทเพลงและศาสตร์แห่งคีตะ (เล่ม 1)                            โดย โปรเฟสเซอร์สเตล่า อาเดลไฮน์
                    หลักการเยียวยาว่าด้วยสมุนไพร                                    โดย โปรเฟสเซอร์อมาราล เวไรน์
                    ประวัติศาสตร์และการแปรธาตุอย่างง่าย                       โดย โปรเฟสเซอร์มาโธร์ ลูเซียน
                    การเงินการคลัง (เล่ม 1)                                                    โดย โปรเฟสเซอร์คิเซล่า เออร์ซูน่า
                    ขั้นแรกของนักพยากรณ์                                                    โดย โปรเฟสเซอร์โจซิฟิน พิทานี
                    ประวัติศาสตร์การเริ่มต้นของอาณาจักร                       โดย โปรเฟสเซอร์เกรฮาน เธลม่า 
    เครื่องมืออื่นๆ
              อาวุธประจำตัวอย่างน้อย 1 อย่าง
              การ์ดผนึกอสูรอย่างน้อย 1 ชุด
              เครื่องดนตรีประจำตัวอย่างน้อย 1 อย่าง
    นักเรียนสามารถนำสัตว์พาหนะมาได้ แต่ต้องนำมาลงทะเบียนการฝ่ายพลาธิการก่อน
                “นี่เราต้องซื้อหมดนี้เลยเหรอ” ครีโอเริ่มที่จะบ่น “จนแน่งานนี้ ความจริงฉันว่ายืมหนังสือเก่าของรุ่นพี่ดีกว่า ประหยัดกว่ากันเยอะ”
                   
    ประโยคพูดที่ทำให้ฮาเทียถึงกับตบหน้าผากตนเองพร้อมถอนหายใจให้กับความเค็มขั้นเทพของนายหญิงในขณะที่เด็กหนุ่มร้านหนังสือตบบ่าเพื่อนทำนองให้ปลงซะเถอะ
     
     
    ม้าลากรถหยุดวิ่งทันทีที่เทียบท่าก่อนที่เหล่าผู้โดยสารเกือบยี่สิบคนจะทยอยกันลงจากตู้รถสี่ล้อซึ่งออกแบบให้ยาวกว่าปกติเพื่อบรรจุผู้โดยสารจำนวนมาก
     
    “เดี๋ยวสี่โมงผมมารับนะครับ” ยารีฟผู้ตอนนี้กลายมาเป็นสารถีบอก หนึ่งในผู้โดยสารพยักหน้ารับก่อนที่ล้อของรถลากจะหมุนอีกครั้งพร้อมกับตัวรถที่เคลื่อนออกจากท่าเทียบ 
     
    “เอาล่ะ ตามมาเถิดเหล่าผู้อยากสบายกระเป๋าตังค์” คนที่อ้างว่ามีหนทางช่วยเรื่องเงินเอ่ยขึ้นทันทีที่รถโดยสารของคฤหาสน์หายไปจากสายตา
     
    “ว่าแต่วิธีช่วยให้เสียเงินสักแดงเนี่ย มันทำอย่างไงครับโปรเฟสเซอร์” ทันทีที่หนุ่มน้อยหน้าหวานเผลอเรียกอีกฝ่ายว่า ‘โปรเฟสเซอร์ ’ แววตาที่แสดงความไม่พอใจก็ฉายขึ้นบนนัยน์ตาสีมรกตของคนที่ตัวเล็กที่สุด ทำเอาคนถูกมองเหงื่อตกและเสียวสันหลังวาบ
     
    “อะ เออ ขอโทษครับคุณโลกิ” อินกริดรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีเพื่อรักษาชีวิตไว้ ซึ่งเท่านี้ใบหน้าที่ไม่พอใจก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างชอบอกชอบใจ
     
    “ไม่ต้องห่วง มากับฉันรับรองไม่เสียตังค์” โลกิบอก “มาเถอะ เราเริ่มจากเครื่องแบบก่อน”
    เมื่อผู้เป็นอาจารย์ออกเดินนำ เหล่านักเรียนปีหนึ่งก็ถอนหายใจอย่างปลงเพราะทุกครั้งที่เผลอเรียกคนตรงว่า ‘โปรเฟสเซอร์ ’ หรือแม้แต่นามสกุล มักจะถูกไม่พอใจอย่างมากซึ่งรุ่นพี่กลุ่มรูฟัสก็บอกให้ทำใจเพราะทุกคนในกล่มรูฟัสก็โดนเหมือนกัน จึงทำให้ครีโอและเพื่อนๆต้องฝืนเรียกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
     
    กลุ่มนักเรียนเดินตามกันมาจนถึงร้านตัดผ้าแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากภายนอกก็รู้ว่านี่เป็นร้านตัดเสื้ออย่างดีที่สุดในเมืองแล้ว และยิ่งได้ก้าวเข้าดวงตาของสาวๆในกลุ่มรูฟัสก็ลุกวาว เพราะในร้านเต็มไปด้วยชุดราตรีและสูทอย่างที่พวกเจ้านายชั้นสูงใส่กันและยิ่งเห็นราคาตามป้าย สำหรับพวกกระเป๋าเบาๆต่างหน้าซีดกันเป็นแถว แล้วทุกสายตาจะจับจ้องไปที่เด็กชายที่เหมือนคุยบางอย่างกับพนักงานสาวก่อนที่เธอจะเดินออกไปหลังร้าน
     
    ไม่นานนักหญิงร่างท้วมวัยกลางคนในชุดฟูฟ่องสีชมพูซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านก็ก้าวออกมาตามด้วยพนักงานสาวคนเดิม
     
    “แหม ขออภัยที่ให้คอยนะค่ะ” เจ้าของร้านกล่าว “วันนี้มีอะไรให้มาดามคราฟส์ผู้นี้รับใช้ค่ะ”
     
    “ผมพานักเรียนมาซื้อของสำหรับเรียนเหมือนเดิมแหละครับมาดาม” โลกิพูดอย่างสนิทสนม
     
    “ต๊ายเลยจะมาตัดร้านดิฉัน” มาดามคราฟส์พูดอย่างดีใจ “ด้วยความยินดีเสมอค่ะสำหรับท่านเอิร์ลโดยเฉพาะ เชิญเด็กๆไปรอที่ห้องพักรับรองก่อนเถอะได้เลยค่ะ”
     
    โลกิยิ้มให้กับเจ้าของร้านก่อนจะเหล่านักเรียนที่ยังคงงงกับสรรพนามใหม่ที่เจ้าของร้านใช้เรียกเด็กชาย 
     
    “นี่จะยืนขวางร้านเค้าอีกนานไหม” เสียงเล็กตะโกนเรียกจากหลังร้าน ทำให้ทุกคนต้องรีบเคลื่อนย้ายกันไปหลังร้านทันที ครีโอรู้สึกอยากถามเพื่อให้หายข้องใจแต่ต้องเก็บไว้ก่อนเหมือนกับคนอื่นเพราะไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อถามออกไป
     
    “แหม เด็กกลุ่มปีนี้หน้าตาดีทั้งนั้นเลยนะค่ะ” มาดามคราฟส์พูดเรื่อยเปื่อยระหว่างเดินตามทางเดินในร้าน
     
    “ครับ ก็กลุ่มรูฟัสนี่ครับ เราคัดแค่ของมีคุณภาพโดยเฉพาะหน้าตานะครับ”
             
                     ครีโอฟังสองคนตรงหน้าคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานก่อนจะชำเลืองพินิจพิจารณาเพื่อนชายร่วมชั้นทั้งสิบเอ็ดคนซึ่งเธอก็เห็นด้วยเพราะแต่ละคนจัดไม่ว่าสามารถไปเป็นนายแบบได้สบายและแต่คนก็ดูมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง   เช่นเดียวกับห้าสาวแห่งกลุ่มรูฟัสซึ่งทั้งสวย น่ารักกันไปคนแบบ
     
                    “นี่ถ้าต้องการชุดสำหรับออกงานด้วย ต้องมาตัดร้านดิฉันนะค่ะท่านเอิร์ล”
     
                    “อยู่แล้วครับ” ท่านเอิร์ลตอบรับเสียงใส “ผมมั่นใจเสื้อผ้าของร้านมาดามเสมอครับ ผมขอบอกเลยถ้าไปตัดเสื้อร้านอื่นรับรองอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็พังหมด”
     
                    “แหม ชมเกินไปแล้วนะค่ะ”
     
                    “นี่ครีโอสงสัยอาจารย์เราคงเป็นเด็กแม่ยกแหง” อาราเนียกระซิบบอกด้วยความหมั่นไส้ “ปากหวานซะ”
     
                    “เชิญค่า เดี๋ยวดิฉันไปเรียกช่างมาให้นะค่ะ” หญิงร่างท้วมบอกแล้วเปิดประตูห้องพักรับรองที่ว่าให้
     
                    ภายในห้องถูกจัดอย่างเรียบง่าย แต่แฝงความมีระดับที่ผ้าพรมปูพื้นสีชมพูกับผ้าปูโต๊ะขาวและผ้าปูโซฟาสีเดียวกัน   อากาศที่ถ่ายเทสะดวกซึ่งถึงแม้จะอยู่กันเยอะก็ไม่มีปัญหาอะไร
     
                    ทันทีที่มาดามคราฟส์เดินออกไป โลกิก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมตัวริมสุด
     
                    “จะนั่งโซฟาก็ได้นะ” แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเหล่าลูกศิษย์ยืนอยู่ไม่นั่งสักที “ฉันไม่กัดหรอก ผู้หญิงน่ะนั่งโซฟากันไป ส่วนพวกนาย...
                    คนพูดดีดนิ้วดังเปาะก่อนที่เก้าอี้ตัวเล็กจะปรากฏจากอากาศเหมือนที่ทำตอนอยู่คฤหาสน์ “ถ้าพวกนายต้องการชุดอะไรก็มาร้านนี่แหละ ฉันกับมาดามรู้จักกันมานานแล้วเขาก็คอยตัดชุดให้กลุ่มเราเป็นพิเศษมาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว ถือว่าเป็นคนกันเอง”
     
                    “เหมือนมีช่างตัดเสื้อประจำกลุ่มเลยนะ” แอรัล กลอร์ปวาร์นลูกช่างตีเหล็กพูดขึ้น
     
                    “ว่าแต่ไปรู้จักมาดามเจ้าของได้อย่างไรครับ” หนุ่มน้อยหน้าหวานอินกริดถาม
     
                     “เรื่องมันยาวน่ะ...” เสียงเคาะประตูดังขัดการสนธนาก่อนที่ประตูจะถึงเปิดออกพร้อมกับร่างท้วมของเจ้าของร้านและหญิงสาวที่เดินถืออุปกรณ์ต่างๆเข้ามา
     
                    “ขอโทษที่ให้คอยนานค่า เดี๋ยวเชิญผู้ชายไปวัดตัวห้องข้างๆนะค่ะ ส่วนผู้หญิงวัดตัวกันข้างในนี่แหละจ๊ะ” มาดามคราฟส์บอกขณะที่สาวๆช่างตัดผ้ากำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ที่ดูหน้าตาแปลกๆ
     
                    “หา!! แค่วัดตัวเองไม่ใช่เหรอ” อิสฮานคราง
     
                    “ไม่ใช่เรื่องของผู้ชายย่ะ” ยูริไดซ์ตอบแทนมาดามคราฟส์ 
     
                    “ก็ได้ ใครจะไปอยากดูหุ่นแบบไม้กระดานเรียกพี่อย่างเธอกัน” พูดจบเด็กหนุ่มก็ก้มหลบลูกไฟขนาดเล็กของอีกฝ่ายก่อนกระโจนออกจากห้องโดยเร็ว ทำเอาคนอื่นถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่หนุ่มๆจะทยอยกันเดินจากห้อง
     
                     ทันทีที่ประตูปิดเหล่าสาวช่างตัดเสื้อแห่งร้านตัดเสื้อมาดามคราฟส์ก็เริ่มบรรเลงศาสตร์แห่งการตัดเย็บทันทีที่เจ้านายให้สัญญาณ
     
                    “เอ่อ มาดามค่ะทำไมกลุ่มรูฟัสถึงต้องตัดเสื้อกับร้านคุณล่ะค่ะ” ครีโอเอ่ยถามขึ้นขณะที่ยืนกางแขนให้ช่างตัดเสื้อวัดตัว 
     
                    มาดามคราฟส์หัวเราะอย่างภูมิใจก่อนจะตอบ “องค์หญิงครีโอไม่รู้จักกิตติศัพท์ของกลุ่มรูฟัสซะแล้ว ใครก็รู้ว่าในบรรดาสี่กลุ่มของอันเทลมาร์ ได้ชื่อว่าฆ่าได้ หยามไม่ได้มีประลองในโรงเรียนเมื่อไหร่มีลงสมัครกันเพียบ พอจบก็พากันมาตัดเสื้อใหม่เพราะพังยับเยินหมด พอดีท่านเอิร์ลไปได้ไหมพันธุ์ดีพันธุ์หนึ่งมา ซึ่งให้ไหมที่เหนียวและทนกว่าไหมไหนๆ หม่อมฉันก็เลยเอามาวิจัยก่อนจะทำให้ได้ไหมที่ทั้งทนทานต่อไฟและพลังเวทย์บางอย่าง ไม่ขาดง่ายและยืดทำให้เคลื่อนไหวได้ดี”
                   
                    “สุดยอดเลยนะค่ะ” ยูริไดซ์เอ่ยชม ครีโอก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
     
                    “แหม องค์หญิงทั้งสองชมหม่อมฉันมากไปแล้วนะเพคะ”
     
     
                    ทั้งหมดใช้เวลาอยู่ในร้านมาดามคราฟส์อยู่ตั้งสองชั่วโมง อันจริงๆ ช่างตัดเย็บได้วัดตัวพวกครีโอเสร็จเมื่อชั่วโมงครึ่งก่อนแต่ที่ทำให้อยู่นานเพราะมาดามชวนท่านเอิร์ลจิบน้ำชาพูดคุยกันอย่างออกรสชาติและเดินชมการผลิตไหมรุ่นล่าสุดที่มาดามคราฟส์สุดแสนจะภูมิใจ   เมื่อเด็กหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่เดินกันออกจากร้านโดยมีมาดามเจ้าชองร้านออกมาส่ง  จุดหมายต่อไปที่โปรเฟสเซอร์น้อยนำมาคือร้านหนังสือที่อยู่ในย่านซึ่งมีแต่ร้านขายหนังสือและอุปกรณ์เครื่องเขียนแบบครบวงจร
     
                    “พาเด็กมาซื้อหนังสือเหมือนเคยนะครับท่านเอิร์ล” ชายแก่เจ้าของร้านเอ่ยขึ้น
     
                    “ครับ ดูคุณแข็งแรงเหมือนเดิมนะครับ” โลกิพูดอย่างสนิทสนม
     
                    “ก็ต้องขอบคุณยาที่ท่านให้นั้นแหละ วิเศษไปเลยนะครับ กินปุ๊บหายปั๊บเลย”
     
                    “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณจากผมแล้วกันนะครับ”
     
                    “นั้นคงเป็นเด็กปีหนึ่งใช่ไหมครับ” โลกิพยักหน้าพร้อมกับส่งกระดาษรายการหนังสือให้ก่อนที่ชายชราจะรับมาอ่านสักครู่
     
                    “เอาทั้งหมดสิบหกชุดใช่ไหมครับ งั้นรอสักครู่” ว่าแล้วเจ้าของร้านก็โบกมือก่อนที่หนังสือในชั้นจะลอยออกมาที่เคาน์เตอร์ตรงหน้าชายชรา   ไม่นานถุงหนังสือที่จัดเสร็จแล้วทั้งสิบหกก็ถูกวางไปบนเคาน์เตอร์
     
                    “ลงบัญชีไว้เหมือนเดิมนะครับ” โลกิบอก
     
                    “ครับ เอานี่เสร็จแล้วครับ” โลกิปัดถุงทั้งสิบหกก่อนที่ของทั้งหมดจะกลายเป็นฝุ่นละเอียดจางไปกับอากาศธาตุ แล้วก็ถูกเจ้าของร้านชวนทานขนมก่อนเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มสาวทั้งสิบหกก็พลอยต้องนั่งดูอาจารย์ที่ทำตัวเหมือนเด็กตัวเล็กๆนั่งกินช็อกโกแลตอย่างอร่อย
    ตลอดทั้งวันที่เดินเข้าออกร้านต่างๆในเมืองดูเหมือนโปรเฟสเซอร์โลกิจะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองจนมักถูกดึงตัวไว้พูดคุยบ้าง เลี้ยงน้ำชาบ่ายบ้าง และอีกต่างๆนานา ส่วนคนถูกเชิญก็แทบไม่ปฏิเสธเลยและดูท่าทางชอบใจมากเลยตะหาก จนทำให้เหล่าผู้ติดตามพลอยได้อานิสงส์อิ่มกันทั่วหน้า
                   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×