ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Levatein

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 เตรียมการขั้นแรก

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 53



    Chapter 4
    เตรียมการขั้นแรก
     
                    เปลวไฟสีเขียวมรกตลุกพรึ่บบนถาดคบเพลิงก่อนที่จะวิ่งไปตามรางใส่น้ำมันที่ทอดตามริมทั้งสองฝั่งของห้อง  เผยสภาพห้องโถงที่อาจเคยหรูหรามาก่อนแต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยหยากไย้และคราบฝุ่นที่จับกันหนาเตอะ
     
                    ประตูหินบานใหญ่เปิดออกอย่างช้าพร้อมกับร่างของกลุ่มคนในชุดคลุมยาวเก่าๆที่เดินเข้ามาก่อนจะหยุดยืนอยู่นิ่งกลางห้อง  
            
                    “คิดถึงความหลังเก่าเหลือเกินว่าไหม” เสียงที่แหบแห้งของผู้ที่อยู่หน้าสุด 
     
                    “มาย ลอร์ด   เหตุใดเราถึงมาที่นี่ ” หนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังถามอย่างนบน้อมกับคนตรงหน้าผู้มีฐานะสูงกว่า 
     
                    ผู้เป็นหัวหน้าหันกลับมา แม้จะไม่เห็นดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู้ด แต่ทั้งหมดต่างรู้กันว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองอยู่
                   
           “ข้าแค่นัดคุยกับใครบางคน ” ผู้เป็นหัวหน้าชะงักชั่วครู่ “ดูเหมือนคนที่ข้านัดจะมาไวกว่าที่คิด”
     
                    ประตูหินเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างบางของหญิงสาวในชุดกระโปรงแดงเลือดที่ดูตัดกับผิวที่ซีดขาวเรือนผมยาวสีขาวบริสุทธิ์และดวงตาสีแดงที่แข็งกร้าวประกอบกับท่าทางคล้ายนางพญาทำให้เธอดูน่าเกรงขาม ตามด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
             
                    “ต้องขออภัยที่ไม่ได้ปัดกวาดสถานที่ไว้รอ   คงไม่ถือโทษโกรธกันนะขอรับท่านหญิง” ผู้ถูกเชื้อเชิญบอกอย่างนอบน้อม
       
                    “ดูเจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ยังน่าขยะแขยงอยู่เหมือนเดิม” ท่านหญิงพูดเชิงดูถูกเหยียดหยามและชิงชังในตัวคนตรงหน้าอย่างมาก “เจ้ามีเรื่องอะไรถึงเรียกข้ามาเจ้าคนขลาด”
     
                    “มิทราบว่าข้าทำอะไรให้ท่านหญิงไม่พอใจหรือ”
     
                    “เชอะ ข้าไม่พอใจตั้งแต่เจ้ามารับใช้นายท่านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเพราะเจ้าทำให้พวกเราต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆจากพวกเฮเว่นไนท์*
    __________________________________________________________________________________________
    *ยศอัศวินสูงสุดของกองอัศวินสีขาว ซึ่งขึ้นตรงต่อจอมเทพเท่านั้น
     
     
                    “หึๆๆๆ เพิ่งรู้ว่าท่านหญิงที่ผ่านมาทุกสมรภูมิจะกลัวแม้กระทั่งทหารกระจอกๆ” หัวหน้าคนในชุดคลุมกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งเหมือนเดิม พลางหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย
     
                    ด้วยความไวที่แทบไม่มีใครมองทัน   ปลายหอกสีดำสนิทก็มาจ่อตรงคอของคนที่กำลัวหัวเราะ ทำให้คนในห้องต่างมองมาที่ชายหนุ่มเจ้าของหอก   แม้จะถูกหอกจ่อในระยะประชิดแต่อีกฝ่ายก็ยังหัวเราะในลำคออยู่อย่างไม่แยแส
     
                    “สวัสดีท่านราคีออส ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงจังเวลาถูกท่านจ่อคอเนี่ย” ดวงตาสีเทาของชายหนุ่มจ้องอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนที่จะขยับปลายหอกเข้าทิ่มเบาบนคอชุดคลุมของอีกฝ่าย ขณะผู้ถูกจ่อคอกลับนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  
     
                    “กรุณารักษามารยาทด้วย ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน” ชายหนุ่มขู่เสียงแข็งก่อนจะชะงักเมื่อมือบางๆของหญิงสาวกดลงเบาด้ามหอกเบาพร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามอีกฝ่าย “แต่ว่าท่านหญิง...”
     
                    ดวงตาของหญิงสาวแข็งกร้าวทันทีที่ถูกอีกฝ่ายขัดขืน ทำให้ชายหนุ่มนาม ‘ราคีออส’ กัดฟันข่มอารมณ์ไว้ก่อนจะลดหอกลงด้วยความจำใจแล้วค่อยถอยไปรวมกลุ่มกับผู้ติดตามฝ่ายหญิงสาว   ผู้เป็นเจ้านายถึงกับแอบลอบถอนหายใจ
     
                    “มีเรื่องอะไรจะคุยกับข้ารีบว่ามา” หญิงสาวรีบเปิดประเด็นก่อนที่คนของเธอจะก่อเรื่องอีก   หัวหน้าคนในชุดโค้งตัวพร้อมผายมือไปที่โต๊ะเล็กตรงมุมของห้อง   ท่านหญิงเลิกคิ้วขึ้นพลางมองอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ
     
                    “คุยไปด้วยพร้อมเล่นหมากรุกเหมือนเมื่อก่อนไงขอรับ หวังว่าท่านหญิงคงให้เกียรติเล่นสักกระดาน”
     
     
     
                   ในห้องเล็กๆที่มีแสงไฟสลัวๆแห่งหนึ่ง   ชายชราในชุดคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า   ปกปิดใบหน้าครึ่งบนแต่ที่รู้ว่าเป็นชายชราเพราะหนวดเคราสีเงินที่ยาวออกมา   มือกำลังเคาะตัวหมากรุกสีขาวกับโต๊ะที่ตนนั่งอยู่   ก่อนจะหยุดเคาะเมื่อเกิดแสงสว่างตรงหน้า เท่านั้นรอยยิ้มบางๆก็ฉายบนริมฝีปากของเขาทันที
     
                    “เป็นเกียรติมากที่ท่านอุตส่าห์แวะมาเยี่ยมเยียนคนแก่” ชายชราเอ่ยขึ้น   พร้อมกับเงยหน้าร่างที่เปล่งแสงสว่างจนมองเห็นตัวไม่ชัด
      
                    “ไม่ได้เจอตั้งนาน   สบายดีเปล่า” เสียงที่ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นชายหรือหญิงถาม
     
                    “ก็เหมือนเดิมน่ะครับ เชิญนั่งก่อนเถอะจอมเทพ” ชายชราตอบก่อนจะโบกมือเบาๆ เก้าอี้เบาะที่อยู่มุมห้องก็เลื่อนตัวเข้ามาแล้วผู้เป็นจอมเทพก็ย่อตัวลงนั่ง
                   
           “ข้ามีเรื่อง...”
     
                    “ถ้าเป็นเรื่องจากพวกโนร์นน่ะ   ข้ารู้หมดแล้วล่ะ” ชายชราพูดแทรก
     
                    “สามผู้นำสารมาหาท่านหรือ”
     
                    “เปล่าหรอก ข้ารู้ด้วยตัวข้าเอง” ชายชราวางตัวหมากรุกในมือลงพร้อมกับถอนหายใจ  “ โอกาสที่ข้าจะได้แก่ตัวอีกครั้งใกล้มาถึงแล้ว   ไหนๆท่านก็อุตส่าห์มาเยี่ยม   ข้ามีเรื่องอยากให้ท่านช่วย”  
     
                “ก็ว่ามาสิ” ชายชราล้วงมือเข้าในแขนเสื้อ   หยิบม้วนกระดาษสีทองออกมาแล้วส่งให้จอมเทพ มือที่เรืองแสงยื่นออกมารับมันก่อนจะคลี่ออกอ่าน
     
                    “ท่านคงไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม”
     
                    “นี่คือภารกิจแรกของท่าน”
     
     
                    “ถึงเวลาเราจะกลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง”
     
                    “แล้วเจ้าต้องการให้เราทำอะไร”
     
                    หัวหน้าคนในชุดคลุมหัวเราะในลำคอ   พร้อมกระแทกม้าสีดำใส่บิชอปสีแดง “ฝ่ายนั้นคงเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ”
     
                    คิ้วงามขมวดขึ้นอย่างไม่เข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายพูด ก่อนจะเดินหมากของตน
     
                    “แล้วไยเราถึงยังต้องหลบๆซ่อนๆอยู่อีกล่ะจริงไหม”
     
                    “รีบๆเข้าเรื่อง ข้าไม่อยากฟังเจ้าพร่ำนาน” ท่านหญิงพูดตัดบทด้วยเสียงที่แสดงถึงขีดสุดของอารมณ์ ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มก่อสงครามประสาทด้วยเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอทำให้คนถูกกดดันทุบโต๊ะอย่างแรงให้คนก่อสงครามรู้ว่าเธอไม่เล่นด้วย
     
                    “เมื่อถึงคืนจันทร์ซ้อน** เราจะไปทะทาร์รัสกัน” หมากในมือท่านหญิงหลุดหล่นทันที  นัยน์ตาสีแดงฉายแววตื่นตระหนกทันที   เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่ผู้ติดตามของเธอเอง
     
                    ม้าสีดำกระแทกคิงสีแดงอย่างแรง แล้วตัวหมากฝ่ายแดงที่เหลืออยู่ก็สลายไปเป็นฝุ่นธุลี เจ้าของหมากสีดำลุกขึ้นพร้อมกับกรีดร้องเสียงแหลมอย่างผู้มีชัย
     
                    “มาเถิด ท่านหญิงอิคนอร์แลนเทีย” คนชนะกล่าว “ไปรับผู้นำของเรา แล้วร่วมกันเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของไตรทวีปอีกครั้งและครั้งนี้จะไม่มีใครมาขัดขวางเราได้   นั่นคือ สิ่งที่ข้าพญาโหงทมิฬแองมาร์ นายเหนือหัวแห่งเหล่านาซกูลปรารถนา”
     
                    เมื่อผู้เป็นหัวหน้าประกาศจบพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย  เหล่าสาวกผู้ติดตามก็กรีดร้องเสียงแหลมพร้อมๆ กัน   กลิ่นไอของความชั่วร้ายเริ่มอบอวล ทำให้ท่านหญิงอิคนอร์แลนเทียและเหล่าผู้ติดตามของเธอนิ่งอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายหมายถึง
     
     
                   
                     “แล้ว
    12 สัตว์เทพพิทักษ์***ล่ะ” จอมเทพเอ่ยถาม
     
                    “ตอนนี้ทุกคนล้วนกำลังทำหน้าที่ที่ตนสามารถทำได้ในตอนนี้” ชายชรากล่าวพลางยกถ้วยชาดื่ม “เราช้าไม่ได้แล้วจอมเทพ   ข้าเชื่อว่าฝ่ายนั้นคงอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว   เราต้องรีบลงมือก่อน ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ที่ทะทาร์รัสเป็นไงบ้าง”
     
                    “อย่าห่วงเลย” จอมเทพบอก “ไม่เคยมีนักโทษหรือคนนอกที่บุกทะทาร์รัสได้ตั้งแต่ก่อตั้งมา”
     
                    “แต่ว่า...” ชายชราแย้ง ก่อนที่ถูกผู้เป็นจอมเทพพูดขัดขึ้นว่า
     
                    “ท่านน่ะอยู่เฉยในที่ของท่านเถอะ” แล้วจอมเทพลุกขึ้น “ข้าขอตัวก่อนล่ะ    ไว้เจอกันใหม่ท่านโปรเฟสเซอร์”
     
                    พูดจบ   ปีกสีขาวสามคู่กางออกจากหลังของจอมเทพ แล้วค่อยหุบลงห่อร่างที่เรืองแสงไว้ก่อนจะหายไปกับอากาศโดยทิ้งไว้เพียงขนนกสีขาวที่ฟุ้งไปทั่วห้อง
     
    __________________________________________________________________________________________
    **ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ดวงจันทร์ทั้งสามดวงโคจรมาในแนวเดียวกัน 
    ***สัตว์อสูรชั้นเทพ ซึ่งเป็นชั้นที่สูงสุดของสัตว์อสูร มีทั้งหมด 12 ตัวและแต่ละตัวก็เป็นสัตว์ผู้ปกปักษ์นครทั้ง12ของวัลเนอเฮม
     
                ชายชราส่ายหัวก่อนเปิดฮู้ดคลุมศีรษะ   เผยผมยาวสีเงินและใบหน้าของชายชรา   นัยน์ตาสีทองซึ่งตอนนี้แฝงความกังวลไว้ก่อนจะเหลือบไปมองกรอบรูปเล็กๆบนโต๊ะข้างๆ แล้วค่อยถอนหายใจ
     
                    ข้าจะคืนสิ่งที่ข้าพรากจากเจ้าเอง   ข้าสัญญา
     
     
           
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×