คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 ผู้พิทักษ์ศิลาปราชญ์
‘ศิลาเวทย์ตอยู่ในมือพวกดาร์เรีย แต่ลูกไม่จำเป็นต้องบุกไปถึงรังของพวกมัน ศิลาเวทย์จะเรียกร้องผู้ควรแก่การครอบครอง เมื่อถึงเวลานั้นลูกจะรู้เอง’ เสียงพระบิดาดังก้องอยู่ในหัวของเธอขณะควบม้าผ่านป่าที่มืดครึ้ม
ศิลาเวทย์ตอยู่ในมือพวกดาร์เรีย แต่ลูกไม่จำเป็นต้องบุกไปถึงรังของพวกมัน ศิลาเวทย์จะเรียกร้องผู้ควรแก่การครอบครอง เมื่อถึงเวลานั้นลูกจะรู้เอง’ เสียงพระบิดาดังก้องอยู่ในหัวของเธอขณะควบม้าผ่านป่าที่มืดครึ้ม“โว้ย ทำไมวันเงียบอย่างนี้วะ” เธอตะโกนขึ้นอย่างเหลืออดทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีใครสามารถจะตอบคำถามของเธอได้
ตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาทำเอามาร์ดิน่าแทบคลั่งเนื่องจากต้องอยู่คนเดียวจึงพาลโทษไปถึงผู้เป็นพ่อที่จะเธอให้เธอต้องเดินทางคนเดียวจะให้เซียร์มาด้วยก็ไม่ได้ เธอยังคงบ่นกระปอดกระแปดคนเดียวต่อ มาร์ดิน่าชะลอม้าลงให้มันได้พักและเธอเองหาต้นไม้ใหญ่เอนกาย
ตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมาทำเอามาร์ดิน่าแทบคลั่งเนื่องจากต้องอยู่คนเดียวจึงพาลโทษไปถึงผู้เป็นพ่อที่จะเธอให้เธอต้องเดินทางคนเดียวจะให้เซียร์มาด้วยก็ไม่ได้ เธอยังคงบ่นกระปอดกระแปดคนเดียวต่อ มาร์ดิน่าชะลอม้าลงให้มันได้พักและเธอเองหาต้นไม้ใหญ่เอนกาย
‘หยุดบ่นซะได้ก็ดี รำคาญรู้มั๊ยฮี้ๆๆ ตัวก็หนักฮี้ๆๆ’ ม้าบ่น
หยุดบ่นซะได้ก็ดี รำคาญรู้มั๊ยฮี้ๆๆ ตัวก็หนักฮี้ๆๆ’ ม้าบ่น“ร้องอยู่ได้ไอม้าบ้า” มาร์ดิน่าบ่นต่อ
ร้องอยู่ได้ไอม้าบ้า” มาร์ดิน่าบ่นต่อ‘ก็หยุดบ่นสิ ฮี้ๆ’
มาร์ดิน่ามองม้าของเธออย่างรำคาญพร้อมกับเรียกดาบคมสีเงินแวววาวออกมากวัดแกว่งต่อหน้าเจ้าม้าที่ร้องไม่หยุดจนเธอชักจะทนไม่ไหว
เฟี้ยว! หวืด! เสียงดาบผ่านหน้าเจ้าม้าไปปะทะกับลมจนมันหยุดร้องทันที
มาร์ดิน่ามองม้าของเธออย่างรำคาญพร้อมกับเรียกดาบคมสีเงินแวววาวออกมากวัดแกว่งต่อหน้าเจ้าม้าที่ร้องไม่หยุดจนเธอชักจะทนไม่ไหว
เฟี้ยว! หวืด! เสียงดาบผ่านหน้าเจ้าม้าไปปะทะกับลมจนมันหยุดร้องทันที
เฟี้ยว! หวืด!
เสียงดาบผ่านหน้าเจ้าม้าไปปะทะกับลมจนมันหยุดร้องทันที
“เออ เงียบได้ก็ดี ไปกินหญ้าไปฉันจะไปหาอะไรกิน” เจ้าหญิงไระเบียบกล่าวพลางลูบขนมันอย่างเบามือ
เออ เงียบได้ก็ดี ไปกินหญ้าไปฉันจะไปหาอะไรกิน” เจ้าหญิงไระเบียบกล่าวพลางลูบขนมันอย่างเบามือ“อ้อ เวลาฉันเรียกแกแบบนี้” เธอผิวปาก “มาหาฉันทันทีนะเจ้า ” เธอทำท่านึกชื่อให้มัน
อ้อ เวลาฉันเรียกแกแบบนี้” เธอผิวปาก “มาหาฉันทันทีนะเจ้า ” เธอทำท่านึกชื่อให้มัน“เจ้าท้าลม”
เจ้าท้าลม”
ณ บ้านใหญ่หลังหนึ่ง รอบบ้าล้อมไปด้วยกำแพงเหล็กสูง 7 เมตรดูแข็งแรง บริเวณบ้านปลูกต้นไม้ไว้มืดครึ้ม หากแต่ไม่มีสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านทำให้บรรยากาศดูวังเวงอึมครึม
ณ บ้านใหญ่หลังหนึ่ง รอบบ้าล้อมไปด้วยกำแพงเหล็กสูง 7 เมตรดูแข็งแรง บริเวณบ้านปลูกต้นไม้ไว้มืดครึ้ม หากแต่ไม่มีสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านทำให้บรรยากาศดูวังเวงอึมครึม“มีคนว่าจ้างให้เราฆ่าองค์หญิงมาร์ดิน่า” เสียงทุ้มดุดันจากชายวัยห้าสิบกว่าๆบอกกับผู้อ่อนวัยที่อายุเพียงสิบหก ผมดำสนิทกับตาสีฟ้าสดใสเย็นชาบวกกับใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ทำให้เด็กหนุ่มดูลึกลับมากกว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
มีคนว่าจ้างให้เราฆ่าองค์หญิงมาร์ดิน่า” เสียงทุ้มดุดันจากชายวัยห้าสิบกว่าๆบอกกับผู้อ่อนวัยที่อายุเพียงสิบหก ผมดำสนิทกับตาสีฟ้าสดใสเย็นชาบวกกับใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ทำให้เด็กหนุ่มดูลึกลับมากกว่าเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน“พ่อจะให้ลูกทำงานนี้ มีคาเอล” ผู้เป็นพ่อบอกกับลูกชายตัวเอง
พ่อจะให้ลูกทำงานนี้ มีคาเอล” ผู้เป็นพ่อบอกกับลูกชายตัวเอง“มาร์ดิน่า” มีคาเอลพูดรอดไรฟันพลางกำหมัดแน่นและเดินจากผู้เป็นพ่อไป
มาร์ดิน่า” มีคาเอลพูดรอดไรฟันพลางกำหมัดแน่นและเดินจากผู้เป็นพ่อไป“มาร์ดิน่าฉันขอโทษ” เขาทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เปลือกตาค่อยๆปรือลง น้ำใสๆค่อยซึมออกมาแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม น้ำตาที่คนอย่างเขาไม่เคยหลั่งออกมาถึงที่ผ่านมาเขาจะทำอะไรที่เลือดเย็นมาก็ตาม แต่นี่กับแค่เธอคนเดียว ภาพตอนเด็กๆปรากฏขึ้นมาในความคิดราวกับภาพยนต์
มาร์ดิน่าฉันขอโทษ” เขาทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เปลือกตาค่อยๆปรือลง น้ำใสๆค่อยซึมออกมาแม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม น้ำตาที่คนอย่างเขาไม่เคยหลั่งออกมาถึงที่ผ่านมาเขาจะทำอะไรที่เลือดเย็นมาก็ตาม แต่นี่กับแค่เธอคนเดียว ภาพตอนเด็กๆปรากฏขึ้นมาในความคิดราวกับภาพยนต์“มีคาเอลมาช้า” เสียงใสจากเด็กหญิงพูดอย่างน้อยใจและงอนแก้มป่อง การกระทำที่ในใจเขาคิดว่าน่ารัก
มีคาเอลมาช้า” เสียงใสจากเด็กหญิงพูดอย่างน้อยใจและงอนแก้มป่อง การกระทำที่ในใจเขาคิดว่าน่ารัก“ขอโทษ” เขาตอบห้วนๆ
ขอโทษ” เขาตอบห้วนๆ“อย่าดุสิ” เด็กหญิงยิ้มให้เขาพลางบิดแก้มเขาไปมา
อย่าดุสิ” เด็กหญิงยิ้มให้เขาพลางบิดแก้มเขาไปมา“นี่ยิ้มแบบนี้เห็นมั๊ย น่ารักจะตาย” คำชมที่หลุดออกมาทำให้เด็กชายผู้ไม่เคยถูกชมว่าน่ารักหน้าขึ้นสีเรื่อ
นี่ยิ้มแบบนี้เห็นมั๊ย น่ารักจะตาย” คำชมที่หลุดออกมาทำให้เด็กชายผู้ไม่เคยถูกชมว่าน่ารักหน้าขึ้นสีเรื่อ“เป็นอะไรหน้าแดงแจ๊ดเลย” เธอถามทำตาโตเท่าไข่ห่านใส่เขา
เป็นอะไรหน้าแดงแจ๊ดเลย” เธอถามทำตาโตเท่าไข่ห่านใส่เขา“เปล่า” เขาตอบสั้นๆเช่นเคย ตอนนี้มีคาเอลถูกลาก ทั้งฟันดา เตะต่อยและสารพัดอย่างที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกันแต่คนตรงหน้ากลับเล่นอย่างหน้าตาเฉยและยังบอกว่าสนุกอีกจนทำให้คนดูอึ้งนิดๆบวกทึ่งหน่อยๆ
เปล่า” เขาตอบสั้นๆเช่นเคย ตอนนี้มีคาเอลถูกลาก ทั้งฟันดา เตะต่อยและสารพัดอย่างที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกันแต่คนตรงหน้ากลับเล่นอย่างหน้าตาเฉยและยังบอกว่าสนุกอีกจนทำให้คนดูอึ้งนิดๆบวกทึ่งหน่อยๆ“เธอเล่นแบบนี้เหรอ” เขาถามหน้าเหรอหราและคำตอบจาเธอคือ ใช่
เธอเล่นแบบนี้เหรอ” เขาถามหน้าเหรอหราและคำตอบจาเธอคือ ใช่ภาพเหล่านั้นฉายซ้ำไปมาในหัวของมีคาเอลจนกระทั่งเขาหลับไปทั้งในมือยังกอดรูปตอนเด็กๆที่ถ่ายกับมาร์ดิน่าไว้แน่น
ภาพเหล่านั้นฉายซ้ำไปมาในหัวของมีคาเอลจนกระทั่งเขาหลับไปทั้งในมือยังกอดรูปตอนเด็กๆที่ถ่ายกับมาร์ดิน่าไว้แน่น
“ไงเจ้าท้าลม อิ่มแล้วเหรอ” มาร์ดิน่าผู้หาคู่สนทนาได้ตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ม้า นี่สงสัยถ้าเธอไม่มีม้าเธอคงจะไปพูดกับต้นไม้หรือไม่ก็พวกต้นกญ้าแถวนี้
หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้วมาร์ดิน่าก็ออกเดินทางทันทีผ่านป่าที่ดูอึมครึมด้วยหมู่แมกไม้มุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาสู่เอนเชอร์เมืองแห่งปราชญ์ เมืงที่ได้รับคำร่ำลือเกี่ยวกับสติปัญญาของชาวเมืงที่แสนจะฉลาดเฉลียว อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในดินแดนนี้ ปึง ปึง ปึง แผ่นดินสะเทือนอย่างน่ากลัวจนเจ้าท้าลมยกเท้าหน้าขึ้นอย่างเริ่มพยศจนมาร์ดิน่าเสียหลักตกลงมาหน้าคว่ำพื้นอย่างไม่เป็นท่า เธอพรวดลุกขึ้นอย่างไม่รอช้าและเรียกมนต์จันทราดาบคมสีเงินวาวเล่มเดียวกับที่เอามาขู่เจ้าท้าลมมาไว้ในมือ ฟับ เคร้ง เสียงโลหะกระทบกัน มาร์ดิน่ามองคนในชุดดำตรงหน้าด้วยความฉงน ทันใดนั้นดาบใหญ่ก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทั้งความเร็วและความแรงบอกได้ว่าผู้ใช้นั้นถนัดดาบเป็นอย่างดีจนเธอถึงกับเซเล็กน้อย มาร์ดิน่าเหวี่ยงดาบออกไปแต่คู่ต่อสู้กลับหลบได้อย่างสบายจนเธอนึกฉุนกึ๊ก เธอถอยออกห่างและเริ่มหาทางเจรจาเพราะรู้ว่าสู้คนตรงหน้าไม่ได้
หลังจากที่พักผ่อนเพียงพอแล้วมาร์ดิน่าก็ออกเดินทางทันทีผ่านป่าที่ดูอึมครึมด้วยหมู่แมกไม้มุ่งหน้าไปทางทิศบูรพาสู่เอนเชอร์เมืองแห่งปราชญ์ เมืงที่ได้รับคำร่ำลือเกี่ยวกับสติปัญญาของชาวเมืงที่แสนจะฉลาดเฉลียว อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในดินแดนนี้
ปึง ปึง ปึง
แผ่นดินสะเทือนอย่างน่ากลัวจนเจ้าท้าลมยกเท้าหน้าขึ้นอย่างเริ่มพยศจนมาร์ดิน่าเสียหลักตกลงมาหน้าคว่ำพื้นอย่างไม่เป็นท่า เธอพรวดลุกขึ้นอย่างไม่รอช้าและเรียกมนต์จันทราดาบคมสีเงินวาวเล่มเดียวกับที่เอามาขู่เจ้าท้าลมมาไว้ในมือ
ฟับ เคร้ง
เสียงโลหะกระทบกัน มาร์ดิน่ามองคนในชุดดำตรงหน้าด้วยความฉงน ทันใดนั้นดาบใหญ่ก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทั้งความเร็วและความแรงบอกได้ว่าผู้ใช้นั้นถนัดดาบเป็นอย่างดีจนเธอถึงกับเซเล็กน้อย มาร์ดิน่าเหวี่ยงดาบออกไปแต่คู่ต่อสู้กลับหลบได้อย่างสบายจนเธอนึกฉุนกึ๊ก เธอถอยออกห่างและเริ่มหาทางเจรจาเพราะรู้ว่าสู้คนตรงหน้าไม่ได้
ก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทั้งความเร็วและความแรงบอกได้ว่าผู้ใช้นั้นถนัดดาบเป็นอย่างดีจนเธอถึงกับเซเล็กน้อย มาร์ดิน่าเหวี่ยงดาบออกไปแต่คู่ต่อสู้กลับหลบได้อย่างสบายจนเธอนึกฉุนกึ๊ก เธอถอยออกห่างและเริ่มหาทางเจรจาเพราะรู้ว่าสู้คนตรงหน้าไม่ได้“แกเป็นใคร” เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
แกเป็นใคร” เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้พ่อหนุ่มน้อย” คนในชุดดำตอบไว้เชิง
เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้พ่อหนุ่มน้อย” คนในชุดดำตอบไว้เชิง“จงไปเสีย อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“คิดจะผ่านป่ามรณะไปมันไม่ง่ายนักหรอก” พูดจบชายผู้นั้นกลับมาจู่โจมต่อ
ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับแต่ดูเหมือนมาร์ดิน่าจะเสียเปรียบเนื่องขนาดตัวและพละกำลัง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเธอไม่ถนัดใช้ดาบ มาร์ดิน่าสู้ไปสบถไป เธอพาลไปโทษถึงผู้เป็นพ่อที่ไม่ยอมบอกเรื่องป่าบ้าๆนี่กับเธอและมันก็ทำให้เธอเสียสมาธิกับการต่อสู้ ชายชุดดำเห็นดังนั้นจึงตวัดดาบไปที่แขนซ้ายเธอ โชคดีที่หลบทันมันจึงแค่เฉียวแต่ก็ทำให้เกิดแผล และแน่นอนสำหรับผู้หญิงอย่างเธอมันทำให้ความโกรธพุ่งขึ้นมาริ้วๆ จนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“คิดจะผ่านป่ามรณะไปมันไม่ง่ายนักหรอก” พูดจบชายผู้นั้นกลับมาจู่โจมต่อ
ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับแต่ดูเหมือนมาร์ดิน่าจะเสียเปรียบเนื่องขนาดตัวและพละกำลัง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเธอไม่ถนัดใช้ดาบ มาร์ดิน่าสู้ไปสบถไป เธอพาลไปโทษถึงผู้เป็นพ่อที่ไม่ยอมบอกเรื่องป่าบ้าๆนี่กับเธอและมันก็ทำให้เธอเสียสมาธิกับการต่อสู้ ชายชุดดำเห็นดังนั้นจึงตวัดดาบไปที่แขนซ้ายเธอ โชคดีที่หลบทันมันจึงแค่เฉียวแต่ก็ทำให้เกิดแผล และแน่นอนสำหรับผู้หญิงอย่างเธอมันทำให้ความโกรธพุ่งขึ้นมาริ้วๆ จนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับแต่ดูเหมือนมาร์ดิน่าจะเสียเปรียบเนื่องขนาดตัวและพละกำลัง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเธอไม่ถนัดใช้ดาบ มาร์ดิน่าสู้ไปสบถไป เธอพาลไปโทษถึงผู้เป็นพ่อที่ไม่ยอมบอกเรื่องป่าบ้าๆนี่กับเธอและมันก็ทำให้เธอเสียสมาธิกับการต่อสู้
ชายชุดดำเห็นดังนั้นจึงตวัดดาบไปที่แขนซ้ายเธอ โชคดีที่หลบทันมันจึงแค่เฉียวแต่ก็ทำให้เกิดแผล และแน่นอนสำหรับผู้หญิงอย่างเธอมันทำให้ความโกรธพุ่งขึ้นมาริ้วๆ จนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“หนอย แกบังอาจทำฉันเสียโฉม รู้มั๊ยว่าฉันดูแลตัวเองดีขนาดไหน” เธอพูดอย่างลืมตัวว่าตอนนี้อยู่ในร่างผู้ชาย คนชุดดำมองมาที่มาร์ดิน่าอย่างหวาดๆว่าเธอนั้นจะเป็นผ็ชายหรืออย่างอื่นกันแน่
หนอย แกบังอาจทำฉันเสียโฉม รู้มั๊ยว่าฉันดูแลตัวเองดีขนาดไหน” เธอพูดอย่างลืมตัวว่าตอนนี้อยู่ในร่างผู้ชาย คนชุดดำมองมาที่มาร์ดิน่าอย่างหวาดๆว่าเธอนั้นจะเป็นผ็ชายหรืออย่างอื่นกันแน่“ผู้ชายบ้านเจ้ารักษาผิวด้วยเรอะ” คนชุดดำหลุดปากและเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ
ผู้ชายบ้านเจ้ารักษาผิวด้วยเรอะ” คนชุดดำหลุดปากและเปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ“เออ” เธอตอบออกไปอย่างอารมณ์เสีย
เออ” เธอตอบออกไปอย่างอารมณ์เสีย“แกนี่ท่าจะสู้กับดาบคงไม่ได้ งานนี้คงต้องใช้อย่างอื่น” จบคำพูดของมาร์ดิน่าดาบก็หายไปจากมือ และแทนที่ด้วยไม้กายสิทธิ์
แกนี่ท่าจะสู้กับดาบคงไม่ได้ งานนี้คงต้องใช้อย่างอื่น” จบคำพูดของมาร์ดิน่าดาบก็หายไปจากมือ และแทนที่ด้วยไม้กายสิทธิ์“คิดจะลองเวทย์กับข้ารึหนุ่มน้อย” ไม้กายสิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือเขาเช่นกัน
คิดจะลองเวทย์กับข้ารึหนุ่มน้อย” ไม้กายสิทธิ์ปรากฏขึ้นในมือเขาเช่นกัน“ด้วยอำนาจศิลาแห่งมหาเวทย์ จงมอบอำนาจให้แก่ข้าผู้ถือครอง ดับตะวันคืนจันทรา” ท้องฟ้าที่เคยสว่างกลับกลายเป็นท้องฟ้ายามราตรีกาล “ในนามแห่งซาราเนีย ข้าขอปลดปล่อยเจ้า คทาน้ำค้างจันทร์” ไม้กายสิทธิ์ค่อยขยายตัวเป็นคทาด้ามขาวนวลตาลงอักขระด้วยน้ำค้างราตรีบริสุทธิ์ หัวลูกแก้วสีเหลืองอร่ามทอประกายกล้า ภู่ทำจากเส้นผมราชินีลูนาร์
ปากได้รูปเริ่มบริภาษคาถา เปลือกตาปรือลง ลมที่เคยสงบพัดแรงขึ้นตามทำนองที่รุนแรงขึ้น แต่ผู้ร่ายเวทย์ยังคงหลับตาร่ายเวทย์อย่างไม่สะทกสะท้าน สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่คู้ต่อสู้
ปากได้รูปเริ่มบริภาษคาถา เปลือกตาปรือลง ลมที่เคยสงบพัดแรงขึ้นตามทำนองที่รุนแรงขึ้น แต่ผู้ร่ายเวทย์ยังคงหลับตาร่ายเวทย์อย่างไม่สะทกสะท้าน สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่คู้ต่อสู้
“อาร์-เมอร์” คนรู้ทันสร้างเกราะขึ้นมากั้นได้พอดี
อาร์-เมอร์” คนรู้ทันสร้างเกราะขึ้นมากั้นได้พอดี‘ฉันไม่ไหวแล้ว’ มาร์ดิน่าพร่ำอยู่ในใจ แต่ปากยังคงต้องขยับต่อไปเพื่อความอยู่รอดของเธอ หน้าที่ของเธอยังไม่สำเร็จเธอยังเป็นอะไรตอนนี้ไม่ได้
เกราะที่สร้างขึ้นเริ่มสั่นระริก รอยร้าวจางๆเกิดขึ้น และในที่สุดมันก็ทนพลังอันมหาศาลต่อไปไม่ไหวจนแตกออกในที่สุด แสงสีฟ้าปราดเข้าเล่นงานชายชุดดำ เขารับพลังนั้นไปเต็มๆ มาร์ดิน่าทรุดลงทันที
เกราะที่สร้างขึ้นเริ่มสั่นระริก รอยร้าวจางๆเกิดขึ้น และในที่สุดมันก็ทนพลังอันมหาศาลต่อไปไม่ไหวจนแตกออกในที่สุด แสงสีฟ้าปราดเข้าเล่นงานชายชุดดำ เขารับพลังนั้นไปเต็มๆ มาร์ดิน่าทรุดลงทันที
“ ฮะๆๆ สมกับที่เป็นผู้พิทักษ์ศิลาเวทย์” ชายชุดดำพูดขณะเช็ดเลือดที่มุมปาก
ฮะๆๆ สมกับที่เป็นผู้พิทักษ์ศิลาเวทย์” ชายชุดดำพูดขณะเช็ดเลือดที่มุมปาก“แกหมายความว่าไง” มาร์ดิน่าถามพลางยันตัวขึ้น
ชายชุดดำถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่จัดได้ว่าดูดี เรือนผมสีเทายาวถึงบ่าพริ้วไปตามลม นัยน์ตาสีม่วงมีประกายระยิบระยับบอกถึงเจ้าของตาคู่นั้นเป็นคนอารมณ์ดี ผิวสีแทนเสริมให้ใบหน้าคมคายยิ่งขึ้น
ชายชุดดำถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นใบหน้าที่จัดได้ว่าดูดี เรือนผมสีเทายาวถึงบ่าพริ้วไปตามลม นัยน์ตาสีม่วงมีประกายระยิบระยับบอกถึงเจ้าของตาคู่นั้นเป็นคนอารมณ์ดี ผิวสีแทนเสริมให้ใบหน้าคมคายยิ่งขึ้น
“ฉันฮู้ก เกรเดอร์ ผู้พิทักษ์ศิลาปราชญ์” ชายผู้นั้นแนะนำตัวที่เรียกความสนใจไม่น้อยจากมาร์ดิน่าแต่ยังคงวางฟอร์ม
ฉันฮู้ก เกรเดอร์ ผู้พิทักษ์ศิลาปราชญ์” ชายผู้นั้นแนะนำตัวที่เรียกความสนใจไม่น้อยจากมาร์ดิน่าแต่ยังคงวางฟอร์ม“แล้วนายมาบอกฉันทำไม” น้ำเสียงระแวงจนคู้สนทนาหัวเราะเบาๆ
แล้วนายมาบอกฉันทำไม” น้ำเสียงระแวงจนคู้สนทนาหัวเราะเบาๆ“ฉันมารอนาย” ฮู้กบอก แต่สีหน้ามาร์ดิน่ายังบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ
ฉันมารอนาย” ฮู้กบอก แต่สีหน้ามาร์ดิน่ายังบ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ“ช่วยนายตามศิลาเวทย์คืน” น้ำเสียงที่พูดนั้นฟังแล้วจริงใจจนเธอคลายความสงสัยลงบ้าง
ช่วยนายตามศิลาเวทย์คืน” น้ำเสียงที่พูดนั้นฟังแล้วจริงใจจนเธอคลายความสงสัยลงบ้าง“ในดินแดนแห่งนี้ประกอบไปด้วยห้าเมืองใหญ่แต่ละเมืองจะมีหินศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องอยู่ ทุกๆหนึ่งร้อยปีจะมีผู้พิทักษ์ที่มีวิญญาณของซาราเนียคอยรักษาหินศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น นายมีวิญาณเวทย์ของซาราเนีย ฉันวิญญาณแห่งความรอบรู้ ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับศิลาเวทย์จึงมาดักรอเผื่อจะเจอผู้พิทักษ์ไม่นึกว่าจะเป็นนาย” ฮู้กยิ้มจริงใจให้
ในดินแดนแห่งนี้ประกอบไปด้วยห้าเมืองใหญ่แต่ละเมืองจะมีหินศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องอยู่ ทุกๆหนึ่งร้อยปีจะมีผู้พิทักษ์ที่มีวิญญาณของซาราเนียคอยรักษาหินศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น นายมีวิญาณเวทย์ของซาราเนีย ฉันวิญญาณแห่งความรอบรู้ ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับศิลาเวทย์จึงมาดักรอเผื่อจะเจอผู้พิทักษ์ไม่นึกว่าจะเป็นนาย” ฮู้กยิ้มจริงใจให้“ไอเรื่องตำนานนั่นฉันรู้แล้ว แต่นายเอาอะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินว่าใครเป็นผู้พิทักษ์ แบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นก็แย่สิ”
“ฉันสัมผัสถึงวิญญาณของซาราเนียได้และที่สำคัญ” เขาถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นเผยให้เห็นปานแดงรูปหยดน้ำและรอยดาบของเขา “ฉันก็มี” เขาเปิดให้ดู
“ฉันสัมผัสถึงวิญญาณของซาราเนียได้และที่สำคัญ” เขาถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นเผยให้เห็นปานแดงรูปหยดน้ำและรอยดาบของเขา “ฉันก็มี” เขาเปิดให้ดู
ฉันสัมผัสถึงวิญญาณของซาราเนียได้และที่สำคัญ” เขาถลกแขนเสื้อด้านซ้ายขึ้นเผยให้เห็นปานแดงรูปหยดน้ำและรอยดาบของเขา “ฉันก็มี” เขาเปิดให้ดู“นายชื่อไรอ่ะ” มาร์ดิน่าอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
นายชื่อไรอ่ะ” มาร์ดิน่าอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง“ฉันมาร์ติน ชาวาไลท์ เรียกง่ายๆมาร์ก” มาร์ดิน่าตอบไปอย่างไม่รู้ตัว และสบถในใจว่าดันบอกชื่อโหลๆแบบนี้ได้ไง
ฉันมาร์ติน ชาวาไลท์ เรียกง่ายๆมาร์ก” มาร์ดิน่าตอบไปอย่างไม่รู้ตัว และสบถในใจว่าดันบอกชื่อโหลๆแบบนี้ได้ไง“มาร์ก? ชื่อนายนี่โครตโหลเลย” เพื่อนใหม่เผลอพูดออกมา
ป้าบ มาร์ดิน่าตบหัวเพื่อนใหม่เหมือนรู้จักกันมานาน
ป้าบ มาร์ดิน่าตบหัวเพื่อนใหม่เหมือนรู้จักกันมานาน
“มันเรื่องของฉัน” ฮู้กคลำหัวป้อยๆบ่นพึมพำ
มันเรื่องของฉัน” ฮู้กคลำหัวป้อยๆบ่นพึมพำ“แล้วจะเดินทางยังไงมีม้าแค่ตัวเดียว”
“ฉันมีม้า ไนท์แมร์” ม้าตัวสีคำทมิฬ ขนเป็นมันวาววิ่งมาแต่ไกลด้วยความทรนงและทั้งสองออกเดินทางทันที
++++++++++
“ฉันมีม้า ไนท์แมร์” ม้าตัวสีคำทมิฬ ขนเป็นมันวาววิ่งมาแต่ไกลด้วยความทรนงและทั้งสองออกเดินทางทันที
++++++++++
++++++++++
ความคิดเห็น